"ขอบคุณคุณแพทที่อุตส่าพาไปโรงพยาบาลแล้วยังพามาส่งที่บ้านอีกนะครับ"

 

สกายเอ่ยบอกคนที่อุตส่าขึ้นมาส่งตนถึงบนห้องแม้จะพยายามปฏิเสธแต่ดูเหมือนว่าวันนี้แพททริคจะดูดื้อรั้นไม่ยอมฟังคำขอของเขาเลยสักนิดและยังบังคับให้เขานอนดูอาการที่โรงพยาบาลถึงสามวันทั้งที่เขาสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ตั้งแต่คืนแรกแล้วแท้ ๆ

 

อีกทั้งวันนี้ในตอนที่เขาบอกคุณหมอให้จัดยาระงับให้เขาแค่สามถึงสี่หลอดก็พอไม่จำต้องจัดยาอื่นเพิ่มเติมให้อีกเพราะไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว แพททริคก็ไม่ยินยอมซ้ำยังกดดันให้หมอจัดยาให้สกายเตรียมไว้อีกหลายเดือนลับหลังเขาอีก และยังไม่หมด แพททริคยังจัดการเรื่องค่ารักษาโดยที่เขาไม่อนุญาติอีกคนทำ

 

บางทีเขาคงต้องบอกปฏิเสธอีกคนไปตรง ๆ ถึงจะยอมฟังและเลิกยุ่งกับเขาอย่างจริงจังเสียที

 

"ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ผมยินดีทำ"

"คุณแพทไม่ต้องมาดูแลผมแล้วนะครับ แค่นี้พอแล้ว"

สกายพูดพร้อมมองคนดื้อรันจัดยาไว้หลังตู้กระจกห้องน้ำก่อนจะเดินออกมาจัดยาบางส่วนไว้ที่ลิ้นชักหัวเตียงและอีกหลายจุดในห้องของเขา

 

"ผมจะเอายาระงับอีกสองสามหลอดไปไว้ที่ห้องนั่งเล่นแล้วก็ในครัวด้วยนะครับ เผื่อว่าคุณอาการทรุดตอนอยู่ข้างล่างเหมือนครั้งนี้"

แพททริคบอกคนที่นั่งอยู่บนเตียงโดยไม่ได้สนใจประโยคบอกกล่าวคล้ายกับคำสั่งของสกายที่พยายามเอ่ยบอกเขามาตั้งแต่เมื่อวานและทุกครั้งที่เขาได้ยิน แพททริคก็เลือกจะเงียบและทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่อีกคนบอก ปล่อยให้ประโยคเหล่านั้นเป็นประโยคที่เลือนลอยมาตามลม ได้ยินแล้วก็ปล่อยมันผ่านไป

 

และดูเหมือนว่าสกายจะรู้แล้วว่าเขาแกล้งเอาหูทวนลมกับสิ่งที่บอก อีกคนจึงลุกขึ้นมายืนขวางทางแพททริคไม่ให้เอายาไปวางไว้ที่อีกฝั่งของเตียงพร้อมพูดขึ้นด้วยใบหน้าและน้ำเสียงจริงจัง

 

"ผมมีเรื่องอยากจะขอร้อง"

"เรื่องอะไรครับ"

 

แพททริคเอ่ยถามและหันมามองคนที่มายืนขวางทางของตนเองเพื่อที่จะฟังสิ่งที่อีกคนอยากขอร้อง แม้ว่าจะพอรู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร

"คุณแพททริกช่วยเลิกมาเจอผมได้ไหมครับ... ผมคิดว่าวันนั้นผมก็ชัดเจนแล้วว่าเรื่องของเราคงไปต่อไม่ได้ และอีกไม่นานผมก็จะกลับแล้ว ผมคิดว่าเราเจอกันวันนี้เป็นวันสุดท้ายเถอะครับ"

 

"ผมทำไม่ได้หรอกครับ... อีกอย่างผมเคยบอกแล้วว่าผมไม่เชื่อว่าคุณจะไม่รู้สึกอะไรกับผม"

 

"อย่าดื้อได้ไหมครับ ผมบอกว่าไม่รู้สึกก็ไม่รู้สึกสิครับ"

 

"ไม่ครับ ผมจะมา... สกายนั้นแหล่ะครับเลิกดื้อได้แล้ว ยอมรับความรู้สึกผม ยอมรับความรู้สึกตัวเองเถอะครับ"

 

เสียงเอ่ยตอบกลับทันทีของแพททริคทำให้สกายนิ่งอึ้งไปและสิ่งที่แพททริกพูดก็เป็นเรื่องจริงจนอีกคนหาคำพูดตอบกลับไปไม่ทัน และยังได้ยินเสียงแพททริคพูดขึ้นมาอีก

"สกายจะว่าผมยังไง ผมก็จะมาเจอสกายทุกวัน แม้จะเหลือเวลาอีกไม่นานผมก็จะมาเจอคุณทุกวัน... ผมซื้ออพาร์ทเม้นข้าง ๆ บ้านป้าเดียร์ไว้แล้ว ผมจะย้ายมาอยู่ที่นี้ ผมจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆ คุณ"

 

"คุณจะย้ายมาที่นี้ก็คงจะดีสำหรับเด็ก ๆ ครับพวกเขาจะได้มีคนดูแลได้สะดวก... ส่วนเรื่องที่จะมาอยู่ใกล้ ๆ ผม... ผมเคยบอกคุณไปตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลแล้วว่าอีกไม่กี่วันผมก็จะกลับแล้ว เราคงจะไม่ได้เจอกันอีก คุณเข้าใจใช่ไหมครับ"

 

"ครับ ผมเข้าใจ"

"ครับ ก็ถ้าคุณเข้าใจแล้ววันนี้ผมกับคุณคงได้เจอกันเป็นวันสุดท้าย"

"ไม่ครับ"

"คุณแพททริค!!"

สกายเอ่ยเรียกชื่อของอีกเสียงแข็งเริ่มไม่สบอารมณ์และเริ่มเหนื่อยจนปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง ตอนแรกที่คุยกันก็นึกว่าอีกคนจะพอเข้าใจที่ตนพยายามจะบอกแล้วเสียอีก แต่อีกคนก็ยังคงปฏิเสธหน้าตาเฉยเหมือนเรื่องที่คุยกันมายืดยาวไม่ได้เข้าหูของอีกคนเลยแม้แต่นิดเดียว

 

"คุณแพทริค ก็ไหนว่าคุณเข้าใจไงครับ?"

"ใช่ครับ ผมเข้าใจแล้วว่าอีกไม่กี่วันคุณก็ไปแล้ว ดังนั้นผมจะไปส่งคุณด้วยตัวเอง"

"ไม่ครับ ผมจะไปเอง"

"ทำไมครับ ทำไมถึงไม่ให้ผมไปส่ง"

 

สกายสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะปล่อยออกมาพลางคิดไปว่าตนเองควรจะบอกแพททริกให้รู้เสียทีว่าตัวเองจะทำอะไร แพททริกจะได้เลิกมาวุ่นวายกับเขาเสีย แต่อีกใจก็กลัวว่าแพททริกจะพยายามเอ่ยห้ามจึงไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

ก่อนจะหันไปเห็นอีกคนหยิบจดหมายที่สกายคุ้นเคยเป็นอย่างดีออกมาเพราะมันเป็นจดหมายของ Dignitas แพททริคหยิบมันออกมาจากกระเป๋ามาถือไว้เพื่อให้อีกคนเห็นว่าตนเองรับรู้แล้วว่าสกายจะไปที่ไหน

 

สกายมองจดหมายที่อีกคนค่อย ๆ วางมันไว้ที่ลิ้นชักข้างเตียงของตนและเข้าใจว่าแพททริคเข้าใจแล้วว่าเขาเลือกที่จะหายไปจากความเจ็บปวดนี้ด้วยวิธีการใด

 

"คุณ... คุณรู้แล้วว่าผมจะไปที่นั้น"

"ครับ และผมจะไปส่งคุณ"

"ผมมาที่นี้คนเดียว... ผมก็จะไปที่นั้นคนเดียว!"

"ไม่ครับ"

"ขอร้องละ... ให้ผมไปคนเดียวเถอะ ได้โปรดอย่ามาเจอผมอีก"

 

.... ผมไม่อยากเห็นแววตาแบบนั้นก่อนที่ผมจะจากไป ...

 

สกายที่ได้ยินคำปฏิเสธเป็นสิบ ๆ ครั้งจากแพททริคเริ่มเสียงอ่อนลง จากที่พยายามทำเสียงแข็งใส่ก็เริ่มอ่อนลงเปลี่ยนมาเป็นคำขอร้องให้อีกคนอย่ามาเจอกันอีก

 

"ไม่ครับ ผมจะไป ผมจะไปดู ไปให้เห็นกับตา จะอยู่กับคุณจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย"

 

สกายที่ยังคงได้ยินประโยคปฏิเสธและยังคงยืนยันหนักแน่นว่าจะไปส่งเขา ก็ยิ่งทำให้สกายหนักใจมากขึ้นไปอีก พยายามใช้ความคิดที่ตอนนี้มันดูมืดมัวไปหมดในหัวและรู้สึกหนักอึ้งจนหัวแทบจะระเบิดทุกครั้งที่พยายามคิดหาทางออก หาบางอย่างที่ดีที่สุดทั้งกับตัวเองและกับอีกคน

 

แพททริคที่เห็นสกายเดินกลับไปนั่งที่เดิม นิ่งคิดไปด้วยใบหน้าเคร่งเครียดคิดหนักกับสิ่งที่เขายืนกรานจะทำ ตอนนี้แพททริครู้สึกยินดีเพราะรู้ว่าสกายยังคงคิดถึงความรู้สึกคนอื่นอยู่

 

เขารู้ว่าสกายยังคงกังวลที่จะต้องมีใครอยู่ด้วยในช่วงสุดท้ายของชีวิตถึงได้หาทางห้ามเขาไม่ให้ไปด้วย สกายไม่อยากให้ใครต้องมารับรู้ช่วงสุดท้ายชีวิต สกายไม่อยากเห็นสีหน้าและแววตาเศร้าเสียใจจากเขา

แพททริคใช้ช่องว่างจุดนี้เพื่อกดดันให้สกายคิดทบทวนสิ่งที่จะทำใหม่ ทบทวนสิ่งที่ตนเองตัดสินใจไปแล้วอีกครั้งและหากว่าสกายยังคงตัดสินใจแบบเดิม ตัดสินใจที่จะหายไปจากโลกใบนี้ ตัดสินใจที่จะไม่สนใจอะไรหรือใส่ใจความรู้สึกของเขาว่าจะรู้สึกยอย่างไรหลังจากนี้

 

เขาก็ยินดีที่จะอยู่กับสกายจนถึงวินาทีสุดท้าย แม้ว่าหลังจากนั้นเขาจะเจ็บปวดมากแค่ไหน เขาก็จะรับมันไว้เองทั้งหมด...

"สกายครับ ผมขอ... ผมขอโอกาสสุดท้าย ถ้าคุณรู้สึกดีกับผมสักนิด ได้โปรดอย่าไป ได้โปรดอยู่ที่นี้กับผม อยู่สู้กับมันต่อไปอีกสักนิด... แต่ถ้าคุณไม่ได้รู้สึกอะไรเลย อนุญาติให้ผมไปส่งคุณ... ให้ผมอยู่จนลมหายใจสุดท้ายของคุณจะหายไป ผมจะยืนอยู่ตรงนั้น"

 

สกายยังคงนั่งนิ่งในหัวตอนนี้มันรู้สึกหนักอึ้งและมืดมัวจนแทบจะคิดอะไรไม่ออก ได้ยินเพียงเสียงพูดบางประโยค บางคำพูด ที่ดังตีกันไปมาในหัวจนจับใจความไม่ได้เลยสักประโยค บางครั้งได้ยินชัด บางครั้งไม่ชัด บางครั้งเข้าใจและหลายคำก็ไม่เข้าใจ

 

เสียงที่บอกให้เขาพอแล้ว เสียงหัวเราะของเขา เสียงของลุงหมอที่บอกเขาว่าอีกไม่นานเขาจะหายดี เสียงของแพททริคที่บอกให้เขาหัวเราะบ่อย ๆ เสียงพูดขอให้เขาอยู่ดูโคมไฟด้วยกันทุกวัน

 

และเสียงที่บอกให้เขาเงียบและอย่าไปสนใจสิ่งที่อีกคนพูด เสียงที่มาจากความทรงจำก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ เสียงของพ่อแม่ที่กำลังอวยพรวันเกิดให้เขา เสียงยินดีปรีดาที่บอกว่าอีกไม่นานเขาก็จะหายเจ็บปวดแล้ว... และใช่อีกไม่นานแล้ว.. อยากให้ทุกคนรอผมก่อน....

.

"สกายครับ?"

 

แพททริคเอ่ยเรียกสกายที่นิ่งเงียบไป รู้สึกได้ว่าอีกคนไม่ยอมสบตาตนทำเพียงนั่งนิ่งคล้ายกับไม่รับรู้อะไร เหมือนกับกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองและไม่ได้ฟังหรือได้ยินที่แพททริคพูดไปเลยเมื่อสักครู่แม้แต่น้อย

"สกายมองผมครับ... สกาย!"

แพททริคนั่งลงบนเตียงข้างกันกับอีกคนก่อนจะจับให้สกายหันมาสบตากับตนเอง เพื่อให้อีกคนสนใจและฟังในสิ่งที่ตนเองต้องการจะสื่อ

"นะครับสกาย ให้โอกาสผม อยู่กับผมต่ออีกสักนิด อยู่กับคนที่รักคุณ... อยู่เพื่อคนที่รักคุณอีกสักหน่อย... อยู่เพื่อคนที่คุณรักไม่ต้องเป็นผมก็ได้... สักคนที่คุณรัก... คุณอยู่เพื่อพวกเขานะ... อยู่ใช้ชีวิตแทนพวกเขา"

 

"ผม... ผมอยากพักแล้ว ผมเจ็บ... ฮึก อีกไม่กี่วันผมก็จะไม่เจ็บอีกแล้ว"

 

สกายพูดทั้งน้ำตาด้วยเสียงสั่นครือพร้อมเอ่ยบอกบอกแพททริคเหมือนที่เคยบอกกับลุงหมอของตน หวังจะให้อีกคนนิ่งเงียบและปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่ต้องการอีกครั้ง

 

"ใช่ครับ อีกไม่กี่วันคุณจะไม่เจ็บปวดกับโลกใบนี้ หรือความผิดปกติที่คุณกำลังเผชิญนี้อีก... แต่จะมีแค่คนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นที่เจ็บปวดต่อจากนี้และผมที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะมีแต่ความรู้สึกเจ็บปวด ทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่จะเจ็บปวดหลังจากนี้...เจ็บปวดทุกคน"

 

ตอนนี้แพททริคให้เวลาสกายได้นั่งคิดทุกประโยคที่ตนพูดบอก และดูเหมือนว่าอีกคนก็กำลังพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อเช่นกัน...

 

น้ำตาของคนที่นั่งฟังแพมมริคพูดยังคงไหลผ่านดวงตาคู่สวย สกายได้ยินสิ่งที่แพททริคบอกทุกคำทุกประโยคแต่สีหน้าและท่าทางยังคงนิ่งเฉย ทำเพียงหลบสายตาของอีกคนที่มองตนอยู่ตลอดหลังจากที่พูดจบ...

 

การที่เขาตัดสินใจแบบนี้เขาจะทำให้คนที่เขารักเสียใจหรือ?.. เจ็บปวดหรือ?.... ไม่จริง! หากเขาหายไปทุกคนจะยิ่งสบายใจเพราะไม่ต้องทนกังวลเรื่องเขาอีก ไม่สิ! ลุงหมอเคยบอกเขาให้ใช้ชีวิตอยู่แทนพ่อกับแม่ แล้วยังป้าเดียร์ที่อยากให้เขาอยู่บ้านนี้ด้วยกัน.. แต่หากเขาอยู่ต่อก็มีแต่จะลำบากคนอื่นอีกอยู่ดี ทุกคนจะต้องลำบาก... แต่แพททริคบอกว่าเขากำลังทำให้คนที่รักเขาเจ็บปวด เขาไม่อยากให้ใครมาเจ็บปวดและเสียใจเหมือนเขา ไม่เอา.. แบบนั้นเขาไม่อยากให้เป็น.

 

เสียงในหัวของสกายยังคงดังอยู่อย่างนั้น ความคิดที่กำลังพยายามตกผลึกและทบทวนสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินจากที่ผ่านมาและดูเหมือนว่าอีกคนจะพอได้คำตอบมาบ้างแล้วในใจ แม้ว่าจะยังไม่มั่นใจมากนัก

 

ถ้าหากรออีกสักนิด ถ้าหากเขารอให้ชัดเจน รอให้มั่นใจว่าทุกคนจะโอเคในตอนที่เขาจะจากไปแบบนี้อาจจะดีกว่าไหม...

 

“ก ก็ได้ครับ... ผมจะ...”

"ครับ! ขอบคุณครับ ขอบคุณจริง ๆ "

แพททริครวบสกายเข้ามากอดแน่นจมอก โดยไม่ได้สนใจว่าอีกคนจะพูดอะไรต่อไปอีก เพียงแค่ได้ยินคำตอบกลับว่าอีกคนจะอยู่ที่นี้ต่อจากปากของสกาย แพททริคก็ไม่ได้สนใจฟังประโยคอื่นอีก แล้ว

 

จากที่ตอนแรกแพททริคยังคงเว้นระยะห่าง ทั้งยังทำเหมือนจะไม่ยอมรับฟังสกาย แต่ตอนนี้กลับกอดอีกคนไว้แน่นไม่ยอมปล่อยพลางพูดขอบคุณซ้ำไปมาอยู่อย่างนั้นจนสกายต้องลูบหลังปลอบอีกคนให้ใจเย็นลงหน่อย

 

"ขอบคุณนะสกาย ขอบคุณจริง ๆ ที่อยู่กับผม สัญญานะครับว่าจะอยู่ต่อ"

 

สกายปล่อยให้แพททริค กอดหอมตนอยู่แบบนั้นสักพักรับรู้ว่าอีกคนดีใจมากแค่ไหนก่อนจะค่อย ๆ บอกให้อีกคนปล่อยตนเองให้เป็นอิสระ

"ครับ ๆ ปล่อยก่อนนะครับ ผมสัญญาครับ ผ ผมหายใจไม่ออก"

 

คนที่เริ่มใจเย็นลงปล่อยให้คนที่พยายามนั่งลูบหลังตัวเองอยู่นานแล้วได้เป็นอิสระ พร้อมกับยิ้มส่งไปให้เหมือนทุกครั้งที่มองสกาย

 

"เอ่อ ครับ ๆ ขอโทษครับ... ฮ่า ผมดีใจมากเกินไปหน่อย"

 

ท่าทางดีใจเกินเหตุของแพททริคทำให้สกายยิ้มออกมาได้ รู้สึกดีใจที่ได้เห็นแววตาและรอยยิ้มดีใจของอีกคนอีกครั้ง สกายจะจำไว้ว่าครั้งหนึ่งตนเคยได้สัมผัสรอยยิ้มและความรู้สึกดีใจของอีกคนมากแค่ไหน ถ้าทุกคนรู้ว่าสกายเปลี่ยนใจแล้ว จะดีใจแบบนี้หรือเปล่า

........////........

 

"รายละเอียดและกำหนดการรักษาผมจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะครับสกาย"

"ครับ คุณหมอต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกไหมครับ"

"เอ่อ มีครับ คือจะดีมากถ้าสกายมีคอนแท็กของคุณหมอที่รักษาสกายตอนอยู่ไทย ผมจะได้ข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมมากกว่าประวัติในระบบที่บันทึกไว้"

"ได้ครับ ลุงหมอจะมาถึงวันมะรืนพอดี ถ้ายังไงเดี๋ยวผมจะพาท่านมาด้วย"

"ดีเลยครับ"

เสียงตอบรับด้วยรอยยิ้มของคุณหมอตอบกลับสกายไปก่อนจะหันไปมองเพื่อนสนิทของตน คนที่นั่งสิงสถิตตัวเองที่มุมห้องเพื่อฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกันอยู่เงียบ ๆ คนเดียว

 

หลังจากที่คุยกับแพททริคตอนนั้นเรียบร้อย ไม่เพียงแต่สกายตอบตกลงจะอยู่ต่ออีกสักพัก สกายยังตกลงที่จะรับการรักษาตามที่แพททริคขอร้องให้อีกคนลองอีกครั้ง สกายต้องตอบตกลงรับการรักษาและมาหาเตชินในวันรุ่งขึ้นเพื่อนัดหมายวันเวลาและรับฟังข้อมูลการรักษาเบื้องต้น

 

ก่อนที่สกายจะโทรหาลุงหมอของตนเพื่อบอกเรื่องที่ตนเปลี่ยนใจจะอยู่ต่ออีกสักพัก และนั่นทำให้สกายรู้ว่าลุงหมอของตนดีใจมากแค่ไหนที่ได้ยินว่าสกายเปลี่ยนใจแล้ว อีกทั้งสกายยังแอบได้ยินเสียงของลุงหมอสั่นเครือแล้วยังแอบหันไปเช็ดคราบน้ำตาบนหน้าออกก่อนจะหันมาบอกสกายว่าจะมาหาตนให้เร็วที่สุด

 

"การรักษามีโอกาสทำให้สกายหายได้แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่ร่างกายสกายอาจจะรับไม่ไหว"

"หมายความว่าไง"

 

เสียงของคนที่นั่งอยู่มุมห้องไม่ใกล้ไม่ไกลจากสายตาของสกายและนั่งฟังเพื่อนของตนพูดคุยกับสกายมาตั้งแต่ตน เอ่ยถามขึ้นเมื่อได้ยินถึงความเสี่ยงที่เพื่อนหมอของตนบอก

"การรักษาระบบประสาทเราจะกระตุ้นทั้งจากการใช้กระแสไฟฟ้าและการใช้ยาหลายขนาด... ระบบร่างกายและหัวใจอาจจะทำงานหนัก มีความเสี่ยงที่ระบบจะล้มเหลวได้ตลอด แต่ถ้าสกายผ่านมันไปได้ ผลของมันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงครับ"

 

แพททริกที่ได้ฟังสิ่งที่เตชินบอกใบหน้าเริ่มซีดเผือดและสังเกตเห็นสีหน้ากังวลใจชัดเจนมาจากอีกคน ในใจเริ่มนึกกลัวว่าจะทำให้อีกคนเจ็บปวดกว่าเดิม เริ่มนึกกังวลไปเองต่าง ๆ นา ๆ จนกลัวว่าสกายจะไม่อยากรักษาแล้ว ส่วนคนที่ยอมตกลงเข้ารับการรักษากลับยังนิ่งเงียบและไม่รู้สึกว่าการรักษาที่คุณหมอบอกตนมาจะน่ากลัวอยากที่แพททริคกำลังกังวลแทนตน

 

"ผมทรมานมาสิบกว่าปี ใช้ยามาแล้วหลายแบบ ถ้าจะเพิ่มการช็อตไฟฟ้าแล้วก็ยาอื่น ๆ เข้ามาอีกก็คงจะไม่ทำให้ผมเจ็บไปมากไปกว่านี้หรอกครับ"

 

สกายตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม ยอมรับว่ากลัวความเจ็บปวดจากการรักษาแต่พอเทียบกับที่ผ่านมาของตัวเอง ยังไงเขาก็ต้องเจ็บปวดอยู่ดี แล้วถ้าเขาจะเจ็บปวดจากการรักษาเพิ่มไปมากอีกกว่านี้คงไม่เป็นไรกระมั้ง อย่างน้อยก็ยังมีคนอยู่ข้าง ๆ ในตอนที่เขาเจ็บ

 

"ครับ ผมดีใจที่ได้ยินสกายพูดแบบนี้นะครับ คุณคงจะมีกำลังใจสู้ขึ้นมาบ้างแล้ว"

"ครับ ผมสัญญาว่าจะรับการรักษาแล้ว ไม่ทำก็คงจะไม่ได้ครับ อาจจะมีคนงอแง"

 

สกายยิ้มออกมาพร้อมกับหันไปหาคนที่ตอนแรกบอกจะนั่งรอที่เก้าอี้ของญาติตรงมุมห้อง แต่พอเห็นอีกคนหันหน้ามายิ้มให้ก็รีบวิ่งเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ กัน และยังไม่วายยิ้มตอบพร้อมกับจับมือของอีคนไว้แน่น

 

พฤติกรรมของแพททริกในตอนนี้ทำให้เตชินนึกไปถึงสุนัขตัวโตที่รีบวิ่งมาหาเจ้าของทันทีที่เจ้านายของมันเรียกให้มาหาและมันก็รีบมานั่งมองหน้ารอให้เจ้านายลูบหัวลูบหางในทันที

 

"ขอบคุณสกายจริง ๆ ครับที่ยอมรับการรักษา... ไม่อย่างนั้นผมคงต้องได้ฟังเสียงคร่ำครวญของใครบ้างคนแถวนี้อีกหลายปีเลยครับ"

 

เตชินหันไปมองคนที่เพิ่งวิ่งมานั่งข้าง ๆ กับสกายด้วยรอยยิ้มไม่นานก็ได้เห็นสีหน้าบึ้งตึงและสายตาฆาตโทษจากแพททริกส่งไปให้เพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันโดยมีเพียงแค่โต๊ะทำงานกั้นไว้ ปฏิกิริยาของแพททริคเรียกรอยยิ้มจากทั้งสกายและเตชินได้เป็นอย่างดีทีเดียว

 

..........////..........

 

การรักษาของสกายเริ่มขึ้นหลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ มีการกำหนดผลการรักษาไว้ที่สองเดือนโดยประมาณ ซึ่งหลังจากสองเดือนนั้นจะเข้าสู่ช่วงการพักฟื้นและการทำกายภาพอื่น ๆ ต่อไปหากผลการรักษานั้นได้ผล

 

ซึ่งในเดือนแรกจะเป็นการใช้กระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ โดยตรงสมองซึ่งจะใช้ก็ต่อเมื่อสกายอาการกำเริบเท่านั้นและในเดือนที่สองจะมีการใช้ยากระตุ้นระบบประสาททั้งช่วงเวลาปกติและเวลาที่อาการกำเริบ

 

ดังนั้นสองเดือนนี้สกายจะต้องนอนอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดจนกว่าการรักษาจะเรียบร้อย

 

........////........

 

Wiz: วันนี้วิสได้ยินทีชเชอร์บอกว่าคาเฟ่ไอศกรีมเปิดใหม่อยู่ใกล้สวนโคมไฟดั๊วะ

Viva: yeah, we saw it before we came here. Cafe' have adorable dolls in front gate. it's so cute. (ใช่ พวกเราเห็นก่อนมาถึงที่นี้ แล้วก็ที่คาเฟ่มีตุ๊กตาน่ารักมากกกวางอยู่หน้าทางเข้าด้วย)

Wiz: ไว้สกายกลับบ้านแล้ว เราไปนั่งกินไอติมที่นั้นด้วยกันนะ

Viva: นะ ๆ หน่าาา วีว่าอยากไปนั่งเล่นกะคุณตุ๊กตาาาา

 

"ได้ครับ ได้อยู่แล้ว ไว้สกายหายแล้วจะพาไปทุกวันเลยครับ"

 

สกายที่มองสองแฝดมาเกาะเตียงของตนพร้อมกับเอารูปวาดและเรื่องเล่าที่ได้พบเจอมาวันนี้มาบอกเล่าให้สกายฟัง รวมไปถึงเอ่ยชวนสกายไปที่นั้นที่นี้ทุกครั้งที่มาเยี่ยมจนสกาย อดที่จะเอ็นดูไม่ได้

"ตอนนี้เย็นมากแล้วครับเด็ก ๆ ได้เวลากลับแล้วนะ"

 

แพททริคที่มองดูเวลาตอนนี้ค่อนข้างเย็นมากแล้วและใกล้ถึงเวลาพักผ่อนของอีกคนจึงรีบเอ่ยบอกเด็ก ๆ ก่อนที่จะได้ยินเสียงโอดครวญของวิสและวีว่าและเสียงร้องขอให้พวกตนอยู่ที่นี้ต่ออีกสักหน่อย

 

Wiz: Can we sleep here? (ขอพวกเรานอนที่นี้ได้ไหม?)

Viva: yeah, we want to sleep with Sky (หน่าา พวกเราอยากนอนกับสกายอีก)

 

"พรุ่งนี้พวกเราต้องไปเรียนกันนะครับ ไว้วันเสาร์แล้วเราค่อยมานอนกับสกายที่นี้เนอะ วันนี้กลับไปนอนกับป้าเดียร์ก่อน"

 

แพททริกที่เห็นสองแฝดทำหน้าออดอ้อนสกายจึงเข้ามาช่วยบอกลูก ๆ ของตนเพราะพรุ่งนี้พวกเขายังคงต้องไปโรงเรียนและเสนอให้เด็ก ๆ มาวันหยุดแทน

 

Wiz: ก็ได้ครับ

Viva: Fine, แด๊ดดี้นอนที่นี้ใช่ไหม

Pattrick: ใช่ครับ

Wiz: Ok ดาด๊าอย่าลืมเล่านิทานก่อนนอนให้สกายฟังนะ

Viva: ใช่ สกายชอบฟังนิทานก่อนนอนแล้วจะไม่ฝันร้าย

Pattrick: ได้เลยครับผม

 

คืนนี้แพททริคมานอนเฝ้าสกายหลังจากหายไปเคลียร์งานของตนเองในช่วงกลางวันและกลับมาใหม่ในช่วงบ่ายพร้อมเด็ก ๆ และจากนั้นช่วงเย็นป้าเดียร์และลุงจอร์น รวมทั้งลุงหมอก็มาหาเขาอีกครั้ง

ทั้งหมดอยู่นั่งเล่นพูดคุยกับเขาพักใหญ่ ลุงหมอยังคงสอบถามอาการของเขาและสอบถามอาการเพิ่มเติมจากเตชินรวมไปถึงคุณหมอที่เข้ามาดูแลอาการของเขาทุกครั้งที่มีโอกาส และดูเหมือนว่าลุงหมอบอกเขาว่าจะอยู่ที่นี้จนกว่าการรักษาของเขาจะเรียบร้อย

 

ส่วนวิสและวีว่าที่วันนี้มาเยี่ยมเขาช่วงเย็นพร้อมแพททริคยังคงร่าเริงและช่างพูดช่างคุยมากกว่าทุกครั้งที่มาเยี่ยมเขา ไม่แน่ใจนักว่าไปสรรหาเรื่องเล่าต่าง ๆ มาจากไหนบ้างมาพูดให้เขาฟัง ซึ่งพอเข้าสู่ช่วงเย็นทั้งสองคนก็กลับไปพร้อมป้าเดียร์ที่อาสาจะพาเด็ก ๆ ไปส่งโรงเรียนเองพรุ่งนี้....

 

"เด็ก ๆ บอกให้ผมเล่านิทานให้คุณฟังก่อนนอนด้วยละ สกายอยากฟังเรื่องอะไรดีครับ"

แพททริคเอ่ยถามคนที่นอนอยู่บนเตียงและยังคงยิ้มส่งมาให้ตนก่อนจะได้ยินเสียงตอบกลับมา

"แล้วคุณเล่าเรื่องอะไรได้บ้างครับ"

"อืมมมม ก็มีเรื่องเดียวที่ผมเล่าได้"

 

แพททริคทำท่าทางใช้ความคิดเพื่อรอให้อีกคนถามเหมือนทุกครั้งที่เขาบอกว่าจะเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน แต่ความจริงแล้วแพททริคทำเพียงเล่าเรื่องแผนที่ตนวางไว้ว่าจะพาสกายทำอะไรบ้างหลังจากสกายออกจากโรงพยาบาลแล้ว

 

"เรื่องอะไรครับ"

สกายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหนื่อยหอบเล็กน้อยเพราะใช้พลังงานไปเยอะมากพอสมควรในตอนที่พยายามจะคุยเล่นเป็นปกติกับพวกเด็ก ๆ กับทุกคนที่มาเยี่ยมเยือน แม้จะรู้อยู่แล้วว่าแพททริคจะเล่าเรื่องอะไรแต่เขาก็ถามกลับไปแบบนี้ทุกครั้งและยังตั้งใจฟังสิ่งที่แพททริคเล่าเรื่องเดิมทุกครั้งไป

 

"เรื่อง.... อนาคตของเราไงครับ"

สกายยิ้มรับเมื่อได้ยินชื่อเรื่องที่อีกคนบอกก่อนจะพูดขึ้นมาอีก

 

"เรื่องน่าสนใจมากเลยครับ... แพทมานอนเล่าใกล้ ๆ สกายได้ไหม?"

สกายขยับตัวเพียงเล็กน้อยพอให้มีพื้นที่ว่างบนเตียงเพิ่มอีกเพียงนิด ก่อนจะให้แพททริกแทรกตัวมานอนข้างกายฝั่งที่ไม่มีเครื่องมือการแพทย์ระโยงระยางมากนัก เพื่อจะได้สัมผัสไออุ่นจากตัวของอีกคน สกายซุกตัวเข้าใกล้สัมผัสไออุ่นบนฝ่ามือของอีกคนที่วางทาบทับบนหลังมือพร้อมกับกุมมันไว้แบบนั้น

 

ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจเพิ่มมากขึ้นตามอุณหภูมิร่างกายที่ได้รับจากอีกคน และเพียงพอให้ร่างกายที่สั่นเทาจากทั้งอากาศที่ลดลงทั้งจากด้านนอกและจากอาการข้างเคียงต่าง ๆ เริ่มสงบนิ่งลง เพียงเล็กน้อย สกายพยายามซุกตัวเข้าหาอีกคนจนแพททริกต้องโอบสกายไว้แนบตัวอย่างนั้นพักใหญ่

แพททริคกึ่งนั่งกึ่งพิงหมอนใบใหญ่ที่อยู่บนหัวเตียงพลางขยับตัวพิงสูงขึ้นอีกนิดพอให้อีกคนได้นอนซบอกของตัวเองได้และใช้หมอนเล็กหนุนหลังคอของอีกคนไว้พอให้อีกคนได้นอนสบายตัวมากยิ่งขึ้น

 

แพททริครับรู้ได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของอีกคนที่ยังอุ่นพอดีแต่หลังมือกลับเย็นเฉียบ อาจจะเป็นเพราะอากาศที่เริ่มลดอุณหภูมิลงจากด้านนอก

 

"สกายหนาวเหรอครับ วันนี้ไม่ต้องฟังนิทานแล้วสกายพักเถอะครับ เดี๋ยวผมไปเพิ่มฮีตเตอร์ให้"

แพททริกที่ตัดสินใจไม่เล่านิทานแล้ว กำลังลุกออกจากเตียงเพื่อไปปรับเพิ่มตัวทำความร้อนในห้องพักให้อีกคนแต่กลับถูกสกายดึงไว้ไม่ให้ขยับไปไหน

 

"มะ ไม่ต้องหรอกครับ... ผมอยากให้แพทนอนกอดผมไว้แบบนี้ก็พอแล้ว... ผมรู้สึกดีมากกว่า"

เสียงพูดบอกกล่าวประหนึ่งเสียงกระซิบแผ่วเบาเอ่ยบอกอยู่ระหว่างช่วงอกของแพททริกจนอีกคนหันกลับมานอนกอดสกายไว้ดั่งเดิม

 

แพททริกนอนกอดอีกคนนิ่งและคิดทบทวนบางอย่างอยู่สักพักก่อนจะลวงเอาของบางสิ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่พกไว้กับตัวมาได้สักพักแล้ว.. มันเป็นแหวนที่ไม่ได้มีลวดลายอะไรมากมาย เป็นแหวนคู่ที่แพททริคสั่งทำขึ้น ด้านในของทั้งสองวงสลักชื่อของแพททริกและสกายไว้

 

"ผมคิดไว้นานแล้วว่าอยากจะให้มันไว้กับสกาย แต่ยังหาจังหวะไม่ได้ ทีแรกผมอยากจะให้ตอนที่สกายออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ผมคิดว่าผมให้ไว้ก่อนดีกว่า"

 

"ทำไมครับ คุณกลัวทำหายเหรอ?"

คำพูดติดตลกของสกายทำให้แพททริกยิ้มออกมาก่อนจะก้มลงไปจูบขมับของอีกคนเบา ๆ แล้วพูดต่อ

 

"ฮึ ใช่ครับ ผมอยากให้สกายช่วยเก็บมันไว้แทนผมหน่อยวงหนึ่ง ส่วนอีกวงผมจะใส่ไว้ที่นิ้วเอง"

 

แพททริกเอ่ยบอกก่อนจะสวมมันเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของอีกคนที่ยกขึ้นมารอไว้ก่อนแล้ว และจากนั้นก็เอาแหวนอีกวงมาสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายของตัวเอง พร้อมกับยกมันขึ้นมาวางเทียบคู่กับมือของสกายเพื่อชื่นชมความเหมาะสมของแหวนคู่เมื่อมันมาอยู่บนนิ้วของพวกเขา

 

สกายมองแหวนที่สวมพอดีบนนิ้วของตนพร้อมกับอมยิ้มออกมาแม้ว่าดวงตาจะดูเหนื่อยล้าทั้งจากฤทธิ์ยาที่กำลังออกฤทธิ์กับร่างกาย แม้จะรู้สึกว่าร่างกายเหนื่อยล้าแค่ไหน แต่ในใจกลับรู้สึกอิ่มเอมกับสิ่งที่ได้เห็นและได้สัมผัสทั้งจากริมฝีปากของอีกคนที่ประทับลงบนหลังมือของตน ความอบอุ่นที่ได้สัมผัสบนใบหน้าของอีกคน

 

สกายมองสบตากับแพทริคไม่วางตา รอยยิ้มของทั้งสองคนปรากฏขึ้น บ่งบอกถึงความสุขที่มีอยู่เต็มล้นอก

 

ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาพร้อมความว่างเปล่าและเจ็บปวดของสกาย คล้ายกับถูกกลืนหายไปแล้วในตอนนี้ เหมือนกับมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตอนนี้สกายรับรู้เพียงแค่ความสุขที่ได้รับจากแพททริกและจากคนรอบตัวที่มีให้เขา

 

"สกายสัญญากับผมได้ไหมครับ... สัญญาว่าจะหายดีและไปเที่ยวตามแผนที่เราวางไว้... สัญญาว่าจะไปหาวิเวียนกับผม... ไปบอกเธอว่าคุณจะอยู่ดูแลเด็ก ๆ และผมต่อจากเธอ"

 

"ครับ.. ผมสัญญา"

 

สกายตกลงรับปากคำสัญญาที่แพททริกเอ่ยถามเขาทุกครั้งที่มานอนเฝ้าเพื่อให้เขายืนยันที่จะอยู่ต่อและทำตามแผนชีวิตที่อีกคนวางไว้ สกายเอียงคอซบลงไปที่บนอกของอีกคนเพื่อฟังเสียงเต้นของหัวใจและไออุ่นจากตัวของแพททริคก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง

 

"แพท... คุณช่วยเล่าให้ผมฟังอีกได้ไหม... เล่าแผนที่คุณบอกว่าจะทำหลังจากที่ผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว... ผมอยากฟังอีก"

แผนในอนาคตของแพททริกที่มีสกายอยู่ในนั้น เขาอยากฟังมันซ้ำอีกครั้งก่อนที่จะหลับไปในอ้อมกอดของอีกคนในคืนนี้...

 

"ได้สิครับ"

แพททริกกระชับอ้อมกอดอีกคนที่เนื้อตัวเริ่มสั่นเทาพลางขยับผ้าห่มมาคลุมให้อีกคนอีกหนึ่งชั้นก่อนจะพูดต่อ

"ผมตั้งใจจะย้ายไปอยู่บ้านที่อยู่ใกล้กับบ้านของป้าเดียร์ แล้วผมจะขอให้สกายมาอยู่ด้วย เราจะอยู่บ้านหลังนั้นด้วยกันสี่คน มีผม มีคุณ มีวิสและก็วีว่า... เราจะแต่งงานกันที่โบสถ์โดยมีคุณพ่อเอลลิสเป็นผู้นำกล่าวคำสาบาน หลังจากนั้นเราจะพาทั้งวิสและวีว่าไปฮาวาย... แต่ผมคิดว่าแผนอาจจะมีเปลี่ยนเปลงนิดหน่อย"

 

แพททริกเล่าถึงแผนที่เคยวางไว้หลังจากนี้ เป็นแผนที่มักจะเล่าให้สกายฟังบ่อยครั้งเวลาที่ตนได้มาเฝ้าอีกคน

 

"เปลี่ยน? เปลี่ยนทำไมครับแบบแรกก็ดีอยู่แล้ว.."

 

สกายที่ได้ยินว่าแผนในครั้งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเริ่มพูดแย้งขึ้น เพราะแผนที่วางไว้แต่เดิมก็ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องมีการเปลี่ยนแปลง เขาไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง

 

แพททริคมองคนทำหน้ามุ้ยไม่พอใจที่ได้ยินว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแผนจึงรีบพูดอธิบายให้อีกคนได้เข้าใจ

 

"แต่ผมคิดว่าผมจะขอให้ป้าเดียร์ไปดูแลพวกเด็ก ๆ ด้วย"

"ทำไมละครับ ถึงตอนนั้นผมแข็งแรงแล้วก็ดูแลพวกเขาได้อยู่แล้ว"

สกายยังคงแย้งอีกคนเพราะคิดว่าตนเองยังสามารถดูแลเด็ก ๆ ได้ หากว่าตนหายป่วยแล้วจริง ๆ

 

"แต่นั่นเป็นหลังจากเราแต่งงานแล้วนะครับ เราต้องมีช่วงฮันนีมูนกันสิ..."

เสียงแพททริกพูดด้วยน้พเสียงออดอ้อนขึ้นบ้างหลังจากได้ยินสกายยังคงยืนกร้านจะดูแลเด็ก ๆ เอง ซึ่งแผนที่แพททริกคิดไว้เพิ่มเติมคืออยากมีเวลาส่วนตัว จู๋จี๋กับอีกคนในตอนที่ไปพักผ่อน ช่วงเวลาที่พวกเขาควรจะได้ฮันนีมูนกัน

"ถ้าแบบนั้น.... ก็ได้ครับ"

"เย้!"

"ฮึ ๆ... แค่ก ๆ อึก"

 

เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาได้ไม่มากก่อนจะเริ่มหายใจติดขัด อาจจะเพราะผลข้างเคียงจากการรักษาที่ยังมีอยู่ทำให้สกายยังคงรู้สึกไม่สบายตัวมากนักทั้งอาการหายใจติดขัด ทั้งร่างกายที่รู้สึกหนาวเย็นผิดปกติและอ่อนแรงแบบนี้

 

"สกายพักผ่อนเถอะนะครับคืนนี้"

 

แพททริคที่เห็นว่าสกายเหนื่อยแล้วจะรีบพูดขึ้นเพื่อให้อีกคนได้พักผ่อนเสียที แต่ก่อนจะได้ลุกออกไปจากเตียงก็ได้ยินเสียงของสกายพูดขึ้นมาอีกครั้ง

 

"แพท... แพทนอนกอดสกายแบบนี้จนถึงเช้าเลยได้ไหม"

"ครับ... ได้ครับ"

 

แพททริกยิ้มพร้อมขยับตัวกอดอีกคนที่พยายามซุกกายเข้าหาตน กอดไว้พอให้อีกคนไม่อึดอัดและพอดีให้อีกคนรู้สึกอบอุ่นขึ้น... ไม่นานก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนที่ตนกอดอยู่และรับรู้แล้วว่าคนในอ้อมกอดคงจะหลับไปแล้ว...

............../////.............

 

ติ๊ด....... ติ๊ด........ ติ๊ด

 

ติ๊ด......................... ติ๊ด....................ติ๊ด.....................

 

แพททริกรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้วในเช้าวันนี้แต่ยังคงหลับตาอยู่...เพราะรับรู้ได้ว่าอีกคนที่ตนกอดไว้เมื่อคืนยังคงนอนนิ่ง แพททริคจึงยังไม่ขยับตัวเพราะกลัวจะเผลอไปรบกวนอีกคนจนตื่นขึ้นมาจึงทำเพียงนอนฟังเสียงของเครื่องมือที่บ่งบอกการเต้นของหัวใจของอีกคนเหมือนเช่นทุกวัน...

 

ติ๊ด............................... ติ๊ด .............................

แต่แล้วแพททริกก็ต้องลืมตาขึ้นมาฉับพลันเมื่อได้ยินเสียงสัญญานที่ดังช้ากว่าปกติที่เคยได้ยินพร้อมกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นสัญญานชีพจรของอีกคนจากที่เส้นสัญญานขึ้นลงเริ่มห่างกัน.... หนึ่งครั้ง...... สองครั้ง..........จากนั้นก็กลายเป็นเส้นราบแบนไปพร้อมเสียงเตือนและเส้นสีแดงที่มอนิเตอร์

 

ติ๊ด.......................................................................

 

"No... No.... help!... ส สกาย No.. You promised"

 

เสียงผลักประตูเข้ามาภายในไม่กี่วินาทีต่อมาที่สัญญานเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น คุณหมอสองสามคนที่ได้รับข้อมูลก่อนหน้าเมื่อห้านาทีก่อนที่สัญญาณอัตราการเต้นของหัวใจจะหายไปวิ่งเข้าตรงไปหาคนไข้ที่นอนนิ่งอยู่

 

รวมไปถึงเตชินและพยาบาลก็เข้ามายังห้องของสกายเพื่อยื้อชีพจรของอีกคนให้กลับมา โดยที่แพททริกยังคงนิ่งเกร็งอยู่ข้างเตียงจนเตชินต้องพยายามฉุดให้อีกคนออกมาให้พ้นทางของหมอและพยาบาลที่เข้ามาช่วยอีกคน

"แพท ออกมาก่อน"

"ไม่!"

"แพท พวกเราจะช่วยสกายเอง นายออกมาก่อน"

 

แพททริกถูกกันให้ออกมาจากในห้อง ตอนนี้เขาทำได้เพียงมองอีกคนผ่านประตูกระจกกั้น ภาพสุดท้ายที่เห็นก่อนที่พยาบาลจะปิดม่านไม่ให้เขาได้เห็นอะไรต่อคือภาพของพยาบาลที่กำลังปั๊มหัวใจของคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง

 

บนเตียงเดิมที่เมื่อคืนอีกคนสัญญาแล้วว่าจะหายดี บนเตียงเดิมที่อีกคนสัญญาแล้วว่าจะอยู่ทำตามแผนที่แพททริควางไว้

 

..... สกายสัญญากับแพททริกแล้วว่าจะอยู่ด้วยกัน........