สกายเดินถือตุ๊กตายูนิคอนพร้อมกับหนังสือนิทานสามเล่มที่คุณพ่อของเด็กทั้งสองคนนำมาให้ แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะทำตัวแปลก ๆ ซึ่งก็อาจจะเพราะเขาเป็นคนแปลกหน้าที่มาอยู่ร่วมกับลูก ๆ ของตนกระมั้งถึงได้จ้องหน้าเขาไม่วางตาเช่นนั้น

 

ตุ๊กตาพร้อมหนังสือนิทานของเด็กทั้งสองคนถูกนำมาวางไว้ที่ห้องนอนของทั้งคู่ ซึ่งห้องประจำของทั้งสองคนคือห้องที่อยู่ตรงข้ามกับของสกาย เป็นห้องนอนสองเตียงที่ตกแต่งน่ารักด้วยสติกเกอร์ มีแสงไฟหมุนได้หลากหลายสีจากโคมไฟบนตู้หนังสือเล็ก มีโต๊ะนั่งสำหรับเด็กสองโต๊ะและยังมีของเล่นและตุ๊กตาอีกหลายชิ้นที่วางอยู่บนชั้น เรียกได้ว่าห้องนี้คงจะเป็นเหมือนบ้านของทั้งสองคนอีกทีหนึ่งเลยก็ว่าได้...

 

"เดียร์ look, สวยไหม?"

เสียงของวีว่าเอ่ยถามทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษกับหญิงวัยกลางคนที่กำลังนั่งถักไหมพรมในระหว่างที่เด็ก ๆ กำลังเล่นวาดรูปกันอยู่

 

และอีกหนึ่งอย่างที่สกายรับรู้มาคือเด็กแฝดทั้งสองคนสามารถสื่อสารเป็นภาษาไทยได้บ้างและพอจะเข้าใจความหมายด้วย เพราะคุณพ่อของพวกแกก็มักจะใช้พูดภาษาไทยคุยกับลูก ๆ เป็นส่วนใหญ่เพื่อให้สามารถสื่อสารกับญาติของตนเองได้และยังมีป้าเดียร์ที่เป็นคนเลี้ยงดูพวกแกมาตั้งแต่อายุสองขวบก็ใช้ภาษาไทยสลับกับภาษาอังกฤษพูดคุยอยู่เป็นประจำ

 

"ไหนดูสิค่ะ ว้าว สวยมาก ๆ เลยค่ะ"

"ขอบคุณคับ"

"วีว่าต้องพูดลงท้ายด้วย 'ค่ะ' นะรู้ไหม ไหนลองใหม่น่ะ ขอบคุณค่ะ "

"ขอบคุณค่ะ"

"เก่งมากเลยค่ะ... Excellent!"

เด็กน้อยเมื่อได้รับคำชมก็ยิ้มจนแก้มปริ แก้มอมชมพูนั้นตั้งเป็นก้อนกลมก่อนจะหันไปสนใจรูปวาดของตนและเตรียมลงระบายสีเพิ่มเติมต่อไป

 

ส่วนวิส พี่ชายของวีว่ากำลังมองมาทางสกายที่นั่งอยู่บนโต๊ะริมหน้าต่างในครัวที่อยู่ไม่ห่างจากโถงที่พวกแกนั่งเล่นมากนัก ก่อนจะลุกขึ้นและเดินถือกระดาษของตนเองตรงมาทางสกายพร้อมกับยื่นมันมาให้อีกคนดูและพูดขึ้น

"ให้"

สกายรับภาพวาดมาจากมือเล็ก ๆ ที่ยื่นมาก่อนจะยิ้มให้และตอบกลับไป

"ให้พี่เหรอครับ ขอบคุณมากเลย"

"like it?" (ชอบไหม?)

เสียงของวิสเอ่ยถามอย่างใคร่รู้หลังจากเห็นสกายรับกระดาษใบนั้นไปมองได้สักพัก ภาพขีดเขียนจากสีเทียนลายยึกยักตามฝีมือของเด็กเล็กที่วาดเป็นโครงหน้าของมนุษย์ ลักษณะมีผมสั้น มีหู มีตา มีจมูก ปากและที่สำคัญยังมีจุดสีดำใต้ปากเหมือนกับสกายอีกด้วยบ่งบอกได้ทันทีเลยว่าคนที่วิสวาดคือใคร

 

"ชอบครับ ชอบมาก ๆ เลย สกายจะเก็บไว้อย่างดีเลยครับ"

 

สกายเอ่ยบอกพร้อมกับยิ้มกว้างจนตายีส่งไปให้เด็กน้อยที่กำลังพยายามอมยิ้ม พร้อมท่าทางเขินอายก่อนจะรีบวิ่งกลับไปหาน้องสาวของตนและกระซิบบางอย่างที่ข้างหูของวีว่าจนอีกคนหันมามองสกายแล้วยิ้มกว้างตอบกลับมา

 

ท่าทางเก้กังของเด็กน้อยเมื่อสักครู่ทำให้สกายนึกไปถึงท่าทางของคุณพ่อของเด็กทั้งสองคนเมื่อตอนเช้า ทั้งโครงหน้าและสีตาของทั้งคู่แกะแบบมาจากแพททริคมาเต็มที่ จะมีเพียงดวงตาและรูปปากที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งเดาได้ไม่อยากว่าอาจจะเหมือนกับคุณแม่ของพวกเขา

 

ฟังจากเรื่องเล่าที่ป้าเดียร์บอกคือ คุณแพททริคเสียภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นานไปอย่างกะทันหัน หลังจากคลอดสองแฝดได้เพียงสามวัน แพททริกเลี้ยงเด็กทั้งสองคนมาลำพังจนพวกแกอายุได้สองขวบจากนั้นก็ได้มารู้จักกับป้าเดียร์ตอนที่แกไปเจออีกคนกำลังทำอะไรไม่ถูกที่จู่ ๆ เด็กทั้งสองคนก็ร้องไห้งอแง ป้าเดียร์จึงเข้าไปช่วยจนพวกแกสบายตัวและหยุดร้องไห้ไปในที่สุด

 

จากนั้นเป็นต้นมาคุณแพททริกก็ว่าจ้างให้ป้าเดียร์คอยช่วยดูแลเด็ก ๆ ในช่วงแรก ป้าเดียร์จึงต้องไปคอยดูแลทั้งคู่ที่บ้านของพวกเขา แต่พอเด็กทั้งสองคนโตขึ้นดูเหมือนว่าทั้งคู่จะติดป้าเดียร์ที่เป็นคนดูแลมากกว่าพ่อของแกแล้วตอนนี้

 

จนบางครั้งทั้งคู่ขอมานอนที่บ้านของป้าเดียร์มากกว่าจะอยู่บ้านตัวเองและด้วยอายุที่มากขึ้นของผู้ดูแล คุณพ่อของเด็กทั้งสองคนเกรงว่าจะลำบากป้าเดียร์ที่ต้องเดินทางมาบ้านของตน จึงทำสัญญาให้เด็ก ๆ มาอยู่ที่บ้านของผู้ดูแลในบางครั้ง ซึ่งป้าเดียร์เองก็เห็นชอบตามที่นายจ้างของเธอต้องการเพราะเธอเองก็จะได้ใช้เวลาที่บ้านมากขึ้น อีกทั้งยังไม่ต้องเดินทางไปไกลบ้านให้ลำบากด้วยเช่นกัน

............../////............

 

แสงจากด้านนอกยังคงส่องสว่างเหมือนตอนกลางวันทั้ง ๆ ที่นาฬิกาในตอนนี้ปรากฏเข็มสั้นชี้อยู่ที่หมายเลขแปดส่วนเข็มยาวอยู่ที่เลขสาม บ่งบอกว่าตอนนี้เวลาสองทุ่มสิบห้านาที สกายยังอยู่จัดเก็บจานชามที่เพิ่งล้างเสร็จออกมาจากเครื่องล้างเพื่อเก็บเข้าชั้น ในมือยังคงรู้สึกได้ถึงความอุ่นจากถ้วยชามที่โดนความร้อนจากน้ำอุ่นชะล้างสิ่งสกปรกออกไป

 

สกายเช็คความเรียบร้อยในครัวสักพักนาฬิกาก็บ่งบอกเวลาเข้าสู่สามทุ่มแล้ว ทำให้ตอนนี้พอมองออกไปนอกหน้าต่างห้องครัวด้านนอกเริ่มเข้าสู่ความมืดแม้ว่าปลายท้องฟ้าจะยังมีแสงสีส้มอยู่ก็ตามเวลานี้คงจะถึงเวลาพักผ่อนของใครหลาย ๆ คนโดยเฉพาะกับเด็ก ๆ ที่เล่นจนเหนื่อยทั้งวัน

"เด็ก ๆ หลับแล้วเหรอครับ"

"อ่านนิทานให้ฟังยังไม่ถึงครึ่งเรื่องก็พากันหลับแล้วจ๊ะ"

"ดีจังเลยนะครับ เป็นเด็กหลับง่ายดี"

"ใช่จ๊ะ"

 

สิ้นคำถามตอบเหล่านั้นความเงียบก็เริ่มเข้ามาปกคลุมชั่วคราวก่อนที่หญิงวัยกลางคนจะเอ่ยขึ้นอีก

 

"วันนี้วุ่นวายหน่อยนะสกาย"

หญิงวัยกลางคนเอ่ยบอกคนที่วันนี้เพิ่งได้เจอกับเด็กแฝดทั้งสองคนและได้ลองใช้เวลาร่วมกับเด็กที่ไม่คุ้นเคยเพื่อให้พวกเขาชินกับคนที่มาอยู่ชายคาเดียวกัน

ป้าเดียร์เข้าใจสกายที่เพิ่งมาอยู่ได้ไม่ถึงสองอาทิตย์อาจจะยังไม่ชิน และเธอเองก็เกรงใจว่าลูกชายของเพื่อนสนิทของเธอจะยังปรับตัวไม่ได้และยิ่งสกายเป็นคนนิ่งเงียบแบบนี้อีก

 

"ไม่หรอกครับ มีเด็ก ๆ มาเพิ่มก็สนุกดีครับ ไม่น่าเบื่อด้วย"

 

สกายตอบกลับไปตามที่คิดเพราะช่วงเวลาที่ได้อยู่ที่นี้ เขาทำได้เพียงออกไปเดินเล่นพื้นที่ข้างเคียง ไม่ได้ออกไปไกลจากที่พักมากนัก ออกไปเองไปไกลสุดแค่ซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อไปซื้อของใช้เพราะยังไม่ชินที่ทาง แม้ว่าทั้งป้าเดียร์และลุงจอร์นสามีของแกจะอาสาพาไปเที่ยวอยู่บางครั้งแต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกลนักเพราะลุงจอร์นมีปัญหาเกี่ยวกับสายตาไม่สะดวกขับขี่ยานยนต์สักเท่าไร

 

"โอเคจ๊ะ งั้นป้าไปพักผ่อนแล้ว หนูก็อย่าลืมพักผ่อนเยอะ ๆ นะ"

"ครับ"

"Good night จ๊ะ"

 

หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาลูบผมของสกายแผ่วเบาก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากเพื่อส่งอีกคนเข้านอนเหมือนเป็นเด็กน้อย สกายทำเพียงยิ้มรับให้อีกคนจนแกเดินลับไปเพื่อกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตนเอง ไม่นานหลังจากนั้นสกายก็เตรียมตัวขึ้นไปพักผ่อนยังห้องของตนเองเช่นกัน

สกายเดินขึ้นบันไดมาจนเกือบถึงชั้นสองสายตาก็พลันกระทบกับแสงสว่างที่ลอดออกมาจากห้องนอนตรงข้ามห้องของตนซึ่งห้องนั้นเป็นห้องนอนของวิสและวีว่า พอเดินเข้าไปใกล้ก็คล้ายจะได้ยินเสียงของเด็กทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่

 

เขาตัดสินใจแง้มประตูที่ไม่ได้ปิดสนิทออกเบา ๆ เผยให้เห็นว่าทั้งคู่ยังไม่นอนหลับเหมือนที่ป้าเดียร์บอกและดูเหมือนว่าคนพี่อย่าง Wiz กำลังนั่งอ่านนิทานที่คุณพ่อของพวกเขาเอามาให้เมื่อเช้า โดยมีน้องสาวกำลังห่มผ้านอนลืมตาฟังเสียงพี่ชาย ด้วยดวงตาใสแจ๋วพร้อมกอดตุ๊กตายูนิคอนแน่น

 

"ทำอะไรกันอยู่ครับ"

Wiz: "Awake อ่านนิทาน"

เสียงจากเด็กชายวิสที่พูดผสมทั้งภาษาไทยและอังกฤษตอบกลับคนที่เข้ามาในห้องของพวกเขา

 

Viva: "Story of brave unicorn protect his family.. เดียร์อ่านไม่จบ คิดว่าเราหลับ"

เสียงเล็ก ๆ ของเด็กผู้หญิงพูดตอบเสียงเบาคล้ายกับกระซิบบอกหลังจากพี่ชายพูดจบ

 

Wiz: "She terrible storyteller, we pretending to sleep (เธอเล่านิทานไม่สนุกเลย พวกเราเลยแกล้งหลับ) "

Viva: " Yeah, please don't tell her we said that เดียร์จะเสียใจ"

 

วีว่าพูดเสริมจากที่พี่ชายบอกว่าต้องแกล้งหลับและมาแอบอ่านนิทานให้กันฟังสองคนพี่น้องเพราะผู้ดูแลของพวกเธอเล่านิทานได้แย่มากและยังมีกระจิตกระใจรักษาน้ำใจของเธออีกจนสกายเองอดที่จะยิ้มเอ็นดูไม่ได้

 

Viva: sky, could you tell us a story? please

Wiz: Wiz can't sleep

"ได้ครับ อยากฟังเรื่องไหน"

Viva: "เรื่องนี้"

Wiz: "Brave unicorn"

 

สกายรับหนังสือเล่มบางที่ด้านหน้ามีรูปภาพของม้ายูนิคอนพร้อมสายรุ้งพาดผ่าน ก่อนจะเปิดหน้าแรกและเริ่มอ่านให้เด็กทั้งสองฟัง รวมไปถึงพยายามอ่านพร้อมใส่อารมณ์ในแต่ละบริษัทที่เกิดขึ้น

ทั้งสองคนนอนฟังเรื่องเล่าอย่างตั้งอกตั้งใจ บางครั้งก็เอ่ยถามถึงเหตุผลที่เกิดขึ้น บางครั้งที่เนื้อเรื่องขัดใจก็เอ่ยทักท้วงตามประสาเด็ก ๆ

 

จนในที่สุดเรื่องก็จบลงด้วยความสุข โดยที่เจ้ายูนิคอนสามารถกลับมาอยู่กับครอบครัวได้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา สกายหันไปมองเด็กทั้งสองที่อมยิ้มออกมา แม้ว่าดวงตาจะเริ่มปรือจนแทบจะบังคับให้ลืมตาขึ้นมาไม่ได้แล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะยังพยายามฝืนและอดทนฟังเนื้อหาจนจบก่อนจะหลับตาลงเพื่อพักผ่อนในคืนนี้

 

สกายเดินไปจัดแจงผ้าห่มคลุมตัวทั้งสองคนก่อนจะเอ่ยฝันดีเพื่อส่งเข้านอนเหมือนอย่างที่ป้าเดียร์ทำ

"ฝันดีครับ"

Wiz: "nighty night."

Viva: "ฝันดี.."

...........................///////...........................

 

หลังจากคืนแรกที่สพายมาเล่านิทานให้เด็ก ๆ ฟังก่อนนอน ดูเหมือนว่าคืนที่สองคืนที่สามและตอนนี้คืนที่สี่เขาได้รับหน้าที่ให้มาเล่านิทานให้เด็ก ๆ ฟัง จากการรบเร้าและลูกอ้อนเล็ก ๆ ตามประสาเด็กน้อย

 

และยังขอให้สกายมาเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนซึ่งตั้งแต่คืนที่สามเป็นต้นมา ทั้งคู่ยังขอให้สกายเล่านิทานเรื่องอื่นที่ไม่ใช่ในหนังสือนิทานที่คุณพ่อของพวกเขาเอามาให้และดูจะตื่นเต้นทุกครั้งที่สกายหาเรื่องเล่าต่าง ๆ ให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการผจญภัยของเด็กน้อยผู้กล้าหาญทั้งสองคนซึ่งแน่นอนว่าสกายแต่งขึ้นโดยหยิบเอาทั้งสองคนมาเป็นตัวเอกของเรื่อง...

............/////...............

 

เสียงน้ำไหลจากห้องน้ำส่วนตัวภายในห้องของสกายกำลังไหลลงกระทบผนังด้านข้างพร้อมไหลลงพื้นเซรามิกซ์บางส่วน บางส่วนตกกระทบร่างที่นอนอยู่บนพื้นกระเบื้อง สกายกำลังพยายามตะเกียกตะกายพาร่างกายของตัวเองออกไปจากห้องน้ำด้วยความยากลำบาก

"ป้า ... ฮึก...ช่วย.. อั๊ก..." เสียงเอ่ยเรียกขอความช่วยเหลือที่เหมือนจะดังกลับเข้าไปในลำคอจนไม่มีใครได้ยินแม้แต่ตัวเองจากความเจ็บปวดที่ประเดประดังเกิดขึ้นกับร่างกายอย่างฉับพลัน สกายใช้แขนขาทั้งสองข้างที่กล้ามเนื้อเริ่มหดเกร็ง จนแทบจะขยับไม่ได้พยายามดันตัวกับพื้นห้องน้ำเพื่อพาตัวเองออกไปหายาระงับที่วางไว้ในลิ้นชักข้างเตียงนอน

ในขณะที่กำลังอาบน้ำชำระล้างร่างกายหลังมื้อค่ำเพื่อเตรียมตัวไปเล่านิทานก่อนนอนให้กับเด็ก ๆ เป็นปกติ จู่ ๆ อาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อก็กำเริบขึ้น ดูเหมือนว่าอาการเจ็บปวดจะไม่ยอมให้สกายได้มีแรงออกไปด้านนอกง่าย ๆ ความรู้สึกเจ็บปวดเริ่มปกคลุมไปทั่วทั้งกาย

 

สกายกัดฟันดันตัวคลานออกมาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าจนพ้นประตูห้องน้ำ ตอนนี้เหลืออีกเพียงครึ่งทางเท่านั้น... สายตาที่เริ่มพล่าเลือนจากผลข้างเคียงของอาการที่กำเริบ แต่สติกลับยังอยู่ครบถ้วนไม่ได้มีท่าทีจะหมดไป มีเพียงภาพภายนอกที่เริ่มเลือนหาย และยังคงรับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บทั่วทั้งร่างกายจนแรงที่จะขยับหรือแม้แต่แรงที่จะส่งเสียงก็ไม่มีแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้สกายทำได้เพียงนอนรอเวลาที่อาการมันจะบรรเทาลงนิ่ง ๆ

 

Viva: "สกาย?... สกาย!"

Wiz: "what happens? Sky tell me?"

เสียงของวิสและวีว่าดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่จะเริ่มเห็นเงาร่างเล็กของสองคนปรากฏขึ้นหลังจากจับเขาพลิกให้หันหน้ามามองตน สกายมองเห็นทั้งสองคนเป็นเพียงเงาเลือนรางคล้ายกับเงาในกระจกทึบที่มีเพียงแสงกระทบผ่านทำให้เห็นการเคลื่อนไหว

 

ทั้งวิสและวีว่ารอสกายมาเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนแต่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติเพราะได้ยินเสียงบางอย่างคล้ายกับสิ่งของตกกระทบพื้นจึงพากันออกมาดูและมาเจอเข้ากับสกายนอนกองอยู่พื้นห้อง

"Dear! John! help! help!

HELP!!!"

เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือคนในบ้านของวิสและวีว่าดังก้องทั่วทั้งอาคาร ไม่นานสกายก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกำลังเดินขึ้นบันไดมา

 

"เด็ก ๆ เป็นอะไรค่ะ... สกาย!!"

"ยา.. ยา.... บน... ชัก... หลอด..ระงับ"

สกายรู้สึกได้ถึงมือของสองคนที่กำลังพยายามพยุงเขาขึ้นไปนอนบนเตียง จึงพยายามเอ่ยบอกและรวบรวมแรงชี้ไปที่จุดที่คิดว่าเป็นลิ้นชักหลังจากขึ้นมานอนบนเตียงได้

 

หญิงวัยกลางคนเอ่ยบอกสามีที่ระล่ำละลักเปิดลิ้นชักและมองหาหลอดที่เป็นแคบซูลพร้อมเข็มฉีด ก่อนจะหยิบมันออกมายัดใส่มือของสกายที่กำลังพยายามควานหาบางอย่าง

 

ทันทีที่หลอดยาระงับมาอยู่ในมือของตนเอง สกายค่อย ๆ กะจุดและวางมันลงที่แขนด้านในก่อนจะกดหัวของแท่งนั้นเพื่อให้เข็มเล็ก ๆ ได้ฉีดยากดประสาทที่ใช้ระงับความเจ็บปวดได้เข้าสู่ร่างกาย

 

ยาที่สกายใช้ไม่ได้ออกฤทธิ์ในทันทีจำเป็นต้องรอเวลาสักระยะ วันนี้เป็นโชคดีของเขาที่วิสและวีว่าออกมาเจอ คงเพราะสกายหายมาอาบน้ำนานเกินไป เด็ก ๆ ถึงได้ออกมาตามเพื่อให้ไปอ่านนิทานให้ฟังไม่อย่างนั้นคืนนี้สกายคงต้องทนเจ็บอีกเป็นชั่วโมงเพื่อรอให้อาการมันทุเลาลงไปเอง

 

สกายเคยเป็นแบบนี้หลายครั้งและในหลาย ๆ ครั้งที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้โชคดีมีคนมาช่วยแบบนี้ สกายต้องทนนอนเจ็บเป็นชั่วโมง บางครั้งหลายชั่วโมง เพื่อรอให้อาการมันทุเลาลงไปเองและในช่วงที่อาการเจ็บทุเลาลง ในตอนนั้นสกายถึงจะสามารถรวบรวมแรงเพื่อไปเอายามาฉีดให้ตัวเองได้

 

หญิงวัยกลางคนนั่งทำแผลถลอกและแผลที่หน้าผากให้คนที่ล้มหัวฟาดขอบพื้นจนเป็นแผลถลอกและเริ่มบวมแดงขึ้น โดยมีเด็กน้อยสองคนพี่น้องนั่งอยู่ข้างกายไม่ยอมกลับไปนอนก่อนจะได้ยินเสียงของวีว่าพูดขึ้น

"Dear, he’ s ok?"

เสียงของวีว่าเอ่ยถามคนที่เพิ่งแปะปลาสเตอร์บนหน้าผากให้คนที่นอนอยู่

"I'm ok"

สกายตอบกลับเด็กน้อยที่ยังไม่ยอมไปนอน พยายามลืมตามองเด็กทั้งสองคนที่ดูตาแดงจมูกแดงนั่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะพูดขึ้นอีก

 

"คืนนี้คงต้องให้เดียร์เล่านิทานให้ฟังแทนนะครับ"

Viva: "อือ ไม่เป็นไร"

Wiz: "ok"

 

สกายยิ้มส่งไปให้จนกระทั้งป้าเดียร์พาทั้งคู่กลับออกไปยังห้องของพวกเขา ตอนนี้แขนที่เริ่มจะมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้างแล้ว สกายจึงบังคับมันให้ยื่นไปควานหายานอนหลับที่อยู่ในลิ้นชักนั้นจนเจอ ก่อนจะหยิบมันมาใส่ปากกลืนลงไปโดยที่ไม่ได้ดื่มน้ำตาม

 

คืนนี้สกายคงต้องพึ่งพามันเพื่อที่จะได้พักผ่อนเสียทีเผื่อว่าวันพรุ่งนี้จะได้มาถึงเร็วขึ้น... เร็วขึ้น... จนถึงวันที่เขาจะได้เป็นอิสระจากความเจ็บปวดนี้ จนถึงวันที่เขาจะได้ไม่รู้สึกอะไรอีก... อีกแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น

.............////...........

 

ตลอดทั้งวันนี้อาการเขากำเริบในช่วงเช้าที่ป้าเดียร์ออกไปทำงานประจำของตัวเอง มีเพียงลุงจอร์นและเด็ก ๆ เล่นอยู่ที่อยู่บ้านรอแกกลับมา

 

ช่วงบ่ายสกายรู้สึกดีขึ้นมาก ไม่จำเป็นต้องใช้ยาแรงเพื่อระงับอาการแล้ว และยังสามารถลุกเข้าห้องน้ำได้ปกติโชคดีจริง ๆ ที่ครั้งนี้อาการไม่กำเริบนานเหมือนหลายครั้งก่อน

 

Wiz: "สกายตื่นอยู่รึเปล่า"

Viva: "ชูว์.. สกายหลับอยู่"

 

เสียงเรียกชื่อของเขาดังมาจากข้างเตียงแม้จะไม่ต้องลืมตามองดูก็รู้ว่าเป็นใคร

 

"ตื่นแล้วครับ"

เขาพูดขึ้นพร้อมกับลืมตาขึ้นมามองทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างเตียง ในมือวีว่าถือหนังสือภาพและอุปกรณ์สำหรับระบายสีมาด้วย ส่วนวิสก็ถือกล่องของเล่นที่น่าจะเป็นเลโก้และกล่องขนมมาด้วยเช่นกัน

 

Wiz: "ขอพวกเราอยู่นี้ได้ไหม"

Viva:"จะนั่งอยู่เงียบ ๆ ไม่กวน"

"ได้ครับ"

สองพี่น้องนั่งทำกิจกรรมของตนไปสักพักก็เริ่มมีเสียงพูดคุยกันบ้าง แต่ไม่ดังมากตามที่สัญญาไว้ บางครั้งก็มักจะมองตามสกายที่เดินไปเข้าห้องน้ำหรือบางครั้งก็ถามเขาว่าหิวหรือเปล่าเพราะเห็นข้าวต้มที่พร่องไปลงไปน้อยนิดจึงกลัวว่าเขาจะหิว

 

Viva:"วีว่าได้ยินเดียร์บอกว่าสกายนอนไม่หลับ.. Nightmare?"

เสียงของวีว่าเอ่ยถามคนที่ตัดสินใจลุกขึ้นมานั่งมองทั้งคู่เล่นอยู่ข้างเตียง

"ครับ สกายชอบฝันร้ายบ่อย ๆ"

Wiz: "Okey. So, tonight, วิสจะมาเล่านิทานให้ฟัง จะได้ไม่ฝันร้าย"

 

เด็กชายตัวน้อยหันมามองพร้อมกับรอคำตอบ ตั้งใจอยากจะเล่านิทานให้อีกคนได้ฟังเผื่อว่าสกายจะได้นอนหลับฝันดีเหมือนที่พวกเขานอนหลับฝันดีเวลาที่ได้ฟังนิทานสนุก ๆ ก่อนนอน

 

Viva: "Right ฟังนิทานแล้วหลับฝันดี วีว่าจะมาเล่านิทานให้ฟัง"

วีว่าที่ได้ยินพี่ชายพูดแบบนั้นก็รีบเสริมทัพขึ้นมาทันควัน

 

"เด็ก ๆ อย่าไปกวนสกายเขาสิครับ สกายเขาไม่สบายอยู่นะ"

แต่ก่อนที่สกายจะได้ตอบกลับอะไรออกไปป้าเดียร์ที่กลับมาจากทำงานได้สักพัก และเดินขึ้นมาดูอาการของสกายได้ยินเด็ก ๆ พูดคุยกันพอดีจึงบอกกล่าวเด็กทั้งสองคนที่ดูเหมือนจะกำลังหาเรื่องเล่นสนุกกันคืนนี้และกลัวว่าอาจจะรบกวนสกาย

 

"ไม่เป็นไรครับป้าเดียร์ ผมอาการดีขึ้นแล้ว ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ"

"แน่ใจนะสกาย ตอนป้ามาเจอหนู อาการหนูดูไม่ดีเลยนะ"

"ผมดีขึ้นแล้วจริง ๆ ครับ"

"เฮ้อ ถ้าสกายบอกแบบนี้ป้าก็คงห้ามอะไรไม่ได้... งั้นคืนนี้เด็ก ๆ ลองเปลี่ยนจากคนฟังมาเป็นคนเล่านิทานให้สกายฟังดีไหมค่ะ"

"เย้!! ดี ๆ "

วีว่าที่ตั้งใจฟังผู้ดูแลของเธอเอ่ยอนุญาติให้มาเล่นที่ห้องสกายคืนนี้โห่ร้องออกมาด้วยความดีใจและไม่ว่ายหันไปหาพี่ชายที่ยืนยิ้มอยู่ข้างกาย พร้อมด้วยสีหน้าดีใจไม่ต่างจากน้องสาวเลย

............../////..............

 

ช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปไวเพียงแค่พริบตา ตั้งแต่วันแรกที่สกายได้รู้จักวิสและวีว่าตอนนี้ผ่านมาเจ็ดวันและดูเหมือนว่าในเจ็ดวันนี้เด็กทั้งสองคนจะชอบและติดสกายหนึบ โดยเฉพาะยัยหนูวีว่าที่มักจะกระซิบกระซาบบอกพี่ชายของตนให้ช่วยพูดขอให้ได้มาเล่านิทานให้สกายฟังก่อนนอนและยังขอนอนค้างห้องของสกายโดยให้เหตุผลว่าต้องคอยปกป้องสกายจากฝันร้ายยามค่ำคืน

 

จนในที่สุดเด็กทั้งสองคนก็ได้มานอนที่ห้องของสกายในช่วงสองคืนสุดท้ายก่อนที่คุณพ่อพวกแกจะมารับกลับบ้าน

Wiz: "ยังไม่อยากกลับ"

Viva: "me too"

"ทำไมละค่ะ หนู ๆ ไม่คิดถึงแด๊ดดี้เหรอ"

 

ป้าเดียร์เอ่ยถามเหตุผลที่ทั้งสองคนบ่นไม่อยากกลับบ้าน แม้จะรู้อยู่แล้วว่าทั้งคู่ยังอยากอยู่เล่นที่บ้านหลังนี้ต่อกับคนที่กำลังนั่งจัดเสื้อและกระเป๋าของวิสให้เข้าที่เข้าทางเพื่อกลับบ้าน

Wiz: "คิดถึงมากกก แต่อยากอยู่เล่นกับสกายก่อน"

Viva: "เล่นกับสกายดีกว่า ไม่อยากไปเล่นกับลิลลี่.. เจฟ.. เบลี่.. วีว่าไม่ชอบเลย"

 

และดูเหมือนว่า ลิลลี่.. เจฟ.. เบลี่ที่เด็กทั้งสองคนพูดถึงคือเพื่อนที่เรียนอยู่ในห้องอนุบาลเดียวกันและมักจะชอบล้อเลียนวิสและวีว่าเรื่องแม่ของพวกเขาบ่อยครั้ง ทำให้ทั้งคู่ไม่ชอบไปโรงเรียนและอยากมาบ้านของผู้ดูแลมากกว่า

'ตื๊ดด ตื๊ดดด ตื๊ดดดดด'

 

เสียงออดหน้าประตูดังขึ้นเดาได้ไม่อยากเลยว่าใครมาถึงแล้ว

"เดี๋ยวป้าไปเปิดเองจ๊ะ"

ป้าเดียร์เดินหลบออกไปเปิดประตูโดยที่มีสกายอยู่จัดกระเป๋าให้ทั้งคู่ต่อพร้อมกับหยิบหนังสือและตุ๊กตามาให้เด็ก ๆ ได้นำกลับบ้านไปด้วย

 

............../////..............

 

ทุกครั้งที่ผมมารับเด็ก ๆ ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ผมรู้สึกประหม่าเหมือนครั้งนี้ ผมรีบเคลียร์งานและบินกลับมาก่อนวันที่ต้องมารับวิสและวีว่าเพียงหนึ่งวันเพื่อที่จะได้มีเวลาเตรียมตัว ผมไม่อยากมารับพวกเขาแล้วพบว่าตัวเองยังอยู่ในชุดเดิมตั้งแต่เมื่อวานเพราะเพิ่งออกจากสนามบินและตรงดิ่งมาหารพวกเขาเหมือนปกติที่เคยทำ ซึ่งมันทำให้ผมดูเหมือนพวกบ้างานและเป็นพวกที่ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นหรืออาจจะถูกมองว่าเป็นพวกที่ไม่เคยคิดจะแบ่งเวลาให้ใคร แม้ว่าความจริงแล้วผมจะเป็นคนแบบนั้นก็เถอะ แต่ผมไม่ได้อยากให้ 'สกาย' หลานชายของผู้ดูแลที่ผมว่าจ้างมองผมแบบนั้นนี่หน่า

 

ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมยอมรับเลยว่าผมสลัดภาพรอยยิ้มและแววตาหม่นแสงนั้นออกจากหัวไม่ได้เลยสักวัน จนต้องรีบเคลียร์ทุกอย่างรวมไปถึงจัดสรรเวลาช่วงนี้ให้ตัวเองมีเวลาว่างมากขึ้นจากปกติ

 

"สวัสดีค่ะ เป็นยังไงบ้างค่ะ คุณแพทเดินทางมาเหนื่อยไหมค่ะ"

"ครับ ก็เรื่อย ๆ ครับ เหมือนทุกครั้ง.. ทุกอย่างโอเคใช่ไหมครับ"

"เรียบร้อยดีค่ะ เด็ก ๆ น่ารักเหมือนทุกวัน เป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนเลย"

 

ป้าเดียร์เอ่ยบอกเจ้านายของเธอที่วันนี้แต่งตัวแปลกตาไปเสียหน่อย ดูจัดเต็มแถมยังพรมน้ำหอมเสียกลิ่นหอมฟุ้ง ไม่เหมือนทุกครั้งที่มารับเด็ก ๆ ที่จะมาทั้งชุดทำงานหลังจากกลับมาจากสนามบิน

 

ใจจริงเธออยากจะชวนให้แพททริกเข้ามารอในบ้านแต่กลัวว่าอีกคนจะเร่งรีบเพราะคิดว่าเจ้านายของเธอคงจะมีงานที่ต้องไปทำต่อกระมั้ง? ดูจากการแต่งตัวแล้ว...

 

"คุณแพทมีไปงานสังสรรค์ต่อหรือเปล่าค่ะ ถ้ายังไงให้ป้าไปดูแลเด็ก ๆ ที่บ้านคุณจนกว่าจะกลับได้นะคะ"

 

"ปะ เปล่านี่ครับ ทำไมป้าเดียร์คิดแบบนั้นละครับ"

"ก็คุณแต่งตัวดูจัดเต็มจนป้านึกว่าต้องไปงานสังสรรค์ต่อหรือเปล่าค่ะ?"

"Oh! it’ s that so"

แพทริคก้มลงมองสำรวจตัวเองด้วยความลังเลเพราะอุตส่านึกไว้ว่าตนเองแต่งตัวตามสบายปกติแล้วเสียอีกหรือเพราะเขาพรมน้ำหอมมาเยอะเกินไป หรือบางเขาควรจะต้องหาน้ำหอมกลิ่นใหม่ที่มันมีกลิ่นอ่อนกว่านี้ดี

Wiz: Daddy!

Viva: DaDa!

ระหว่างที่กำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่เสียงเล็ก ๆ ของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงที่น่ารักที่สุดในจักรวาลนี้ของแพททริกก็วิ่งดุ๊กดิ๊กออกมาหาเขาพร้อมกระโดดกอดแพททริคพร้อมกันทั้งสองคนจนอีกคนแทบล้มทั้งยืนก่อนจะพูดขึ้น

"My little sweet monsters! คิดถึงมากเลยครับ มาจุ๊บหน่อย.. ม๊วฟ.. ม๊วฟ.."

เสียงฟัดแก้มเจ้าสองแฝดสลับกับจุ๊บแก้มแด๊ดดี้ของตนดังขึ้นจนคนที่เดินตามออกมาเห็นอดยิ้มตามไม่ได้

 

แพททริกที่หันไปเห็นสกายเดินยิ้มออกมาจึงยืดตัวขึ้นพรางจับวิสและวีว่ายืนดี ๆ และไม่วายจัดเสื้อผ้าของตนด้วยความลุกลี้ลุกลนก่อนจะส่งยิ้มกว้างไปให้คนที่เดินเข้ามา ทุกกริยาท่าทางของแพททริคที่แสดงออกมาทำให้เด็ก ๆ มองหน้าก่อนจะหันไปมองตามพ่อของตนเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ

 

"อะ แฮ่ม.. เจกกันอีกแล้วนะครับ สกาย" แพททริกเอ่ยทักทายพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้จนสกายเริ่มทำตัวไม่ถูก

"อ่า ครับ เจอกันอีกแล้ว"

"ขอบคุณจริง ๆ ที่ดูแลพวกเข.. เอ๊ะ! สกายไปโดนอะไรมาครับ ทำไมมีปลาสเตอร์แปะไว้แบบนี้"

คนที่กำลังเคลิ้มอยู่กับรอยยิ้มและใบหน้าของอีกคนสะดุดกึกในตอนที่กำลังพูดสิ่งที่เตรียมมาก่อนสายตาของตนหันไปเห็นปลาสเตอร์แผ่นเล็กที่แปะติดอยู่บนหน้าผากลงมาที่หางคิ้ว

"อ้อ ไม่ได้เป็นอะไรมากครับแค่หกล้มนิดหน่อย"

"ไปโรงพยาบาลไหมครับ เดี๋ยวผมพาไป"

"ไม่เป็นไรครับ เอ่อ.. แผลนิดเดียวพรุ่งนี้ก็แกะปลาสเตอร์ออกได้แล้ว ขอบคุณนะครับ"

"อ่า โอเคครับ ถ้าคุณยืนยัน.. แบบนั้น"

ทั้งหมดยืนเงียบไปพักใหญ่ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ป้าเดียร์ที่เริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติแล้วเช่นกันจึงพยายามหาเรื่องอื่นพูดขึ้นมาเพื่อไม่ให้บรรยากาศดูอึดอัดจนเกินไป

 

"มาครั้งหน้า คุณแพทจะให้เลขามาส่งเด็ก ๆ เหมือนเดิมไหมค่ะ"

"ไม่ครับ หลังจากนี้เดี๋ยวผมมาส่งพวกเขาด้วยตัวเองครับ"

"อ้อ โอเคค่ะ... งั้น..แล้วเจอกันนะเด็ก ๆ"

Wiz: "แล้วเจอกันคับ เดียร์.. ครั้งหน้าวิสจะเอานิทานเรื่องใหม่มาให้สกายอ่านให้ฟังด้วย"

Viva: "yeah yeah วีมีเจ้ายูนิคอนสีฟ้าที่บ้านครั้งหน้าจาเอามาให้สกายนอนกอดด้วย"

"ครับ ได้เลยครับ" สกายยื่นมือไปเขี่ยปรอยผมน้อย ๆ ของวีว่าและหันไปยิ้มหวานให้วิสที่บอกจะหานิทานเรื่องใหม่มาให้ตนเพิ่มเติม

 

แพททริกสังเกตและจดจ้องทุกการกระทำของอีกคนดูเหมือนว่าลูก ๆ ของเขาจะเข้ากันได้ดีกับอีกคนนั่นถือเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับแพททริค บางทีเขาอาจจะต้องพาเด็ก ๆ แวะมาเล่นที่นี้บ่อย ๆ หรือหากิจกรรมอื่น ๆ เพื่อจะได้มาเจออีกคนบ่อยครั้งขึ้นนอกเหนือจากแค่พาวิสและวีว่ามาส่งให้ผู้ดูแลที่บ้านหลังนี้...