8 ตอน ตอนที่ 8 ผมจะดูแลพวกเขาเอง ? (จบ)
โดย กัปตันอเมริก้า
"คุณสกายลองขยับข้อเท้าด้านขวาอีกรอบนะครับ... ใช่ครับ แบบนั้นเลย รู้สึกเป็นไงบ้างครับ"
เสียงของนักกายภาพที่เข้ามาให้คำแนะนำในช่วงสายของวันนี้เอ่ยถามขึ้นในขณะกำลังทดสอบการขยับข้อขาทั้งสองข้างของคนไข้
"ขยับ... ลำบากครับ"
"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวฝึกตามตารางบ่อย ๆ ก็ดีขึ้นครับ"
สกายพยายามขยับข้อเท้าของตนเองในขณะที่นั่งอยู่บนขอบเตียง หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาเหล่าคุณหมอและคุณพยาบาลก็พาเขาไปตรวจอยู่สามถึงสี่รอบต่อวัน เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด ความรู้สึกตอนนี้เหมือนจะดีขึ้นกว่าตอนโดนช็อตไฟฟ้าและเทคยาเมื่ออาทิตย์ก่อนมากทีเดียว
ตอนนั้นสมองของสกายแทบจะคิดอะไรไม่ออก ทุกอย่างดูมึนเบลอ แทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้โดยเฉพาะร่างกายเมื่อโดนอากาศหรือน้ำเพียงเล็กน้อยก็จะสั่นเทาจนแทบควบคุมให้หยุดสั่นได้ยาก
แม้ว่าตอนนี้จะไม่ค่อยรู้สึกแบบนั้นแล้วเพราะคุณหมอลดปริมาณยาที่ฉีดให้เขารวมไปถึงยกเลิกการกระตุ้นระบบประสาทด้วยไฟฟ้าแล้ว แต่ดูเหมือนว่ากล้ามเนื้อหลาย ๆ ส่วนของเขาจะยังมีปัญหาเรื่องควบคุมไม่ได้ อย่างเช่น ขาทั้งสองข้างที่เมื่อตอนเช้าของวันจะไม่มีแรงและสั่งให้ขยับยากมาก แต่พอเวลาผ่านไปมันก็เริ่มดีขึ้นในช่วงสาย เพียงแต่ว่าบางวันกินเวลาไปจนถึงช่วงเที่ยงถึงจะพอมีแรงขยับได้ปกติ
ส่วนวันนี้เจ้าขาทั้งสองข้างและร่างกายของเขาคล้ายจะดีขึ้นกว่าตอนที่ฟื้นขึ้นมาใหม่ ๆ เหมือนเมื่อหลายวันก่อน เพราะช่วงเช้านี้มีเพียงอาการปวดและคัดที่ข้อเท้าเหมือนจะขยับไม่ถนัดนักแต่ก็ยังพอฝืนขยับยืนได้ แม้จะยังให้แพททริคช่วยอุ้มตนไปห้องน้ำอยู่ดีก็เถอะ
"ขอบคุณครับ"
สกายตอบกลับคุณหมอที่มาทำกายภาพให้เขาหลังจากฟังตารางการทำกายภาพทั้งทำด้วยตนเองที่บ้านและช่วงเวลานัดหมายที่ต้องมาให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจเช็คร่างกายก่อนจะได้ยินเสียงของคุณหมออีกคนที่วันนี้มานั่งเล่นอยู่ในห้องพักของเขา
"ผมได้ยินว่าคุณสกายเพิ่งเริ่มฝึกปั่นจักรยานเหรอครับ"
คุณหมอเตชินในชุดสบาย ๆ นั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องพักฟื้น ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดและไม่ได้มีธุระไปที่ไหนจึงมาอยู่ดูแพททริคและสกายที่โรงพยาบาล ก่อนจะเอ่ยถามระหว่างที่นักกายภาพกำลังสาธิตการบีบนวดกล้ามเนื้อให้กับแพททริคได้ดูเพื่อให้อีกคนช่วยนวดคลายกล้ามเนื้อของคนป่วยได้ในตอนที่อยู่ดูแลหรือในตอนที่หมออนุญาติให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้
"ใช่ครับ"
"แล้วเป็นไงบ้างครับ"
"ปั่นเป็นแล้วครับ แต่ว่ายังไม่คล่องเลย"
"ดีใจด้วยนะครับ ไม่บ่อยที่จะเห็นคนโตแล้วลองอะไรใหม่ ๆ หรือลองในสิ่งที่ไม่เคยทำ" คุณหมอเตชินบอกสิ่งที่ตนเองรับรู้และเข้าใจมาตลอด
"ครับ ผมชอบมากเลย ผมอยากลองไปฝึกปั่นจักรยานให้คล่อง คนสอนเขาจะได้ภูมิใจ" สกายเอ่ยตอบกลับไปไม่วายเอ่ยชมคนที่กำลังขะมักเขม้นบีบนวดกล้ามเนื้อตามที่คุณหมอกายภาพกำลังสอนให้ทำตาม
และยังสังเกตเห็นคนที่กำลังตั้งใจอยู่ชะงักเพียงครู่เดียวอีกทั้งยังเผลอกลั้นยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่จนเตชินต้องแหย่เพื่อนให้เสียอาการเพื่อยิ้มออกมาเพิ่มมากขึ้น รับรู้ได้ทันทีว่าคนที่สอนสกายให้ลองปั่นจักรยานเป็นใครและคงจะไม่พ้นเจ้าตัวคงไปรบเร้าให้อีกคนมาลองปั่นแน่ ๆ
"โหววว แบบนี้คนสอนเขาคงยิ้มแก้มแตกแล้วมั้งครับที่ได้ยินลูกศิษย์เหยินยอขนาดนี้"
และดูเหมือนคำพูดของคุณหมอเตชินจะไม่เกินจริงสักเท่าไหร สีหน้าและท่าทางของแพททริคตอนนี้ ยิ้มแก้มแทบปริ ปลื้มปริ่มตั้งแต่ได้ยินในตอนแรก ขณะที่บีบนวดต้นขาด้านในของสกายอยู่ด้วยความเพลินเพลิน
สกายยิ้มตอบกลับไปก่อนจะได้ยินเสียงของกลุ่มคนที่เข้ามาใหม่เดินเข้ามาในห้อง ลุงหมอ ป้าเดียร์ ลุงจอร์น รวมไปถึงเด็ก ๆ ที่วิ่งเข้ามาให้สกายพร้อมกับลูกโป่ง ตุ๊กตาน่ารัก ๆ และยังมีขนมและกล่องของขวัญอีก
Viva: Happy Birthday!!
Wiz: สุขสันต์วันเกิดค้าบบบบบ
ทันทีที่สองแฝดมาถึงข้างเตียง วิสที่ถือลูกโป่งสีแดงสองสามลูกและวีว่าที่ถือตุ๊กตายูนิคอนยื่นมาให้เขาพร้อมกับพูดขึ้นมาพร้อมกัน จนคนในห้องต้องหยุดกิจกรรมทุกอย่างหันมามองโดยเฉพาะ แพททริค
"What!?.. วันนี้วันเกิดสกายเหรอครับ ได้ไง ทำไมผมไม่รู้"
ซึ่งไม่แปลกที่อีกคนจะไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา พวกเราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานอีกทั้งเขาก็ไม่เคยบอกใครว่าเกิดวันไหน ที่เด็ก ๆ รู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา คงจะรู้มาจากลุงหมอแน่ ๆ ช่วงที่เขาป่วยลุงหมอคงจะไปมาโรงพยาบาลและบ้านป้าเดียร์ ซึ่งเด็ก ๆ ก็อยู่ที่นั้นตลอด ดูจากสถานการณ์แล้วเด็ก ๆ คงจะเริ่มสนิทสนมกับลุงหมอแล้ว
Viva: เฮ้อ ดาด๊า! อยู่เฝ้าสกายตั้งนานไม่รู้ว่าสกายเกิดวันไหนได้ไง
Wiz: นั่นสิ แบบนี้สกายจะอยากเป็น Boyfriend แด๊ดเหรอ
Viva: yeah, However, if you don't want to be my daddy's boyfriend anymore. You can be my boyfriend instead. (ถ้ายังไง สกายไม่อยากเป็นแฟนของแด๊ดดี้แล้ว มาเป็นแฟนกับวีว่าแทนก็ได้นะ)
Pattrick: ห๊ะ!?
แพททริคที่โดนวิสและวีว่าได้โอกาสแกล้งกำลังทำหน้างุนงงปนไปกับสีหน้าที่กำลังคิดหาคำโต้แย้งแต่ก็พูดไม่ออก เพราะเป็นความจริงที่แพททริคไม่ได้ถามถึงข้อมูลส่วนตัวเพราะมัวแต่กังวลและดูแลสกายจนไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมากนักก่อนจะได้ยินเสียงวิส ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพูดแย้ง (?) ขึ้น
Wiz: Wait Vee, if you want Sky to be your boyfriend what about Christy? (เดี๋ยวนะ วี ถ้าน้องอยากได้สกายเป็นแฟนแล้วคริสตี้แฟนน้องล่ะ?)
Viva: I dumped him. I go out with Jeffry now (น้องทิ้งเขาแล้ว ตอนนี้น้องกำลังคบอยู่กับเจฟฟรี่)
Wiz: Great! I'll take care of him from now on. (ดีเลย!เดี๋ยวพี่ดูแลคริสตี้ต่อเอง)
แพททริคที่มีสีหน้าประหลาดใจในตอนแรกหลังจากฟังบทสนทนาของเด็ก ๆ ก็ยิ่งทำสีหน้าสับสน งุนงงเป็นไก่ตาแตก นี่มันเป็นบทสนทนาปกติของเด็ก 5 ขวบหรือ? แล้วอะไรคือ boyfriend ของวีว่า หรือจะหมายถึงเพื่อนผู้ชายละมั้ง?
แล้วยัง.. อะไรคือวิสบอกจะดูแลต่อให้เอง ไปปลอบใจเพื่อนเหรอ?หรืออะไร? แต่ก่อนที่แพททริคจะได้คิดหาข้ออ้างหรือหาเหตุผลมารองรับในสิ่งที่ตัวเองเชื่อสองแฝดก็พูดขึ้นอีก
Viva: Do your best. Oh, and leave a message to him (แล้วแต่เลย โอ้แล้วก็ฝากบอกอะไรหน่อย)
Wiz: What is that? (ว่า)
Viva: Tell him.. 'If you two like each other for the first time don't use me. I'm not bridge!!!' don't forget to put the mood as I do when telling him. Okay? (บอกว่า ‘ถ้าพวกนายสองคนชอบกันตั้งแต่แรก อย่าเอาฉันมาเป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์ ฉันไม่ใช่สะพาน!’ อย่าลืมใส่อารมณ์แบบที่น้องทำเมื่อกี้ด้วยน่ะ โอเค๊?)
Wiz: (smiling) Yes, madam
Viva: Thanks
Pattrick: Wait... wait, hold up, boyfriend? Christy? Jeffry? What are you two talking about?!
หลังจากฟังบทสนทนาของทั้งคู่ที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ แพททริคที่พอจะเข้าใจแล้วว่าเด็ก ๆ พูดถึงแฟนของตัวเองจึงลองเอ่ยถามขึ้นเพื่อตอกย้ำสิ่งที่ได้ยิน แม้ว่าจะไม่ได้ห้ามความคิดเด็ก ๆ แต่ตัวเองกลับรู้สึกจุกแน่นเมื่อได้ยินว่านางฟ้าตัวน้อย ๆ และเทวดาตัวแสบของเขากำลังมีแฟน ถึงจะรู้ว่าเป็นแฟนกันแบบเด็ก ๆ ก็เถอะ
Viva: Jeffry? my boyfriend (ก็แฟนน้องไง)
Wiz: yeah, and Christy. my future boyfriend. (ช่าย คริสตี้แฟนในอนาคตผมไง)
Pattrick: your boyfriend?! Your future boyfriend!!!
Wiz: Did you have any problem? Dad
Pattrick: B But you are Jus... Ahhh No, Sir
แพททริคมองหน้าสองแฝดที่หันมาจ้องเขม็งใส่เขาที่ถามไปแบบนั้น รู้ได้ทันทีว่าเลยว่าเด็ก ๆ กำลังใช้ข้อต่อรองเรื่องที่เขาเคยรับปากว่าจะทำตามที่เด็ก ๆ พูด ห้ามมีคำถามหรือข้อโต้แย้ง จึงได้แต่ทำหน้าเป็นหมาหง่อย ขึ้นไปนั่งกอดสกายบนเตียงพร้อมกับวางคางของตนไว้บนบ่าของอีกคน พยายามพูดฟ้องที่ลูก ๆ ของตนพูดแบบนั้นและขอความเห็นใจจากสกาย
"เด็ก ๆ โตเร็วมากเลย พวกเขาจะทิ้งแพทแล้วอ่า สกาย ฮึก ๆ สกายต้องมาอยู่ที่บ้านกับแพทน้าา ไม่อย่างนั้นแพทเหงาตายคนเดียวอยู่ที่บ้านแน่เลย ฮึก"
"เอ่อ คือ.."
เสียงของสกายเอ่ยขึ้นพลางหันไปมองลุงหมอและป้าเดียร์เพราะยังไม่ได้บอกพวกท่านเลยว่าตนเองจะไปอยู่ที่บ้านของแพททริคด้วยหลาย ๆ เหตุผล ทั้งไม่อยากเป็นภาระเพิ่มให้ป้าเดียร์ที่ยังต้องดูแลเด็ก ๆ อีก
"ไม่เป็นไรจ๊ะ ป้าไม่ว่าอะไรแล้วแต่หนูจะตัดสินใจได้เลย"
"สกายมีคนดูแล แค่นี้ลุงก็พอใจแล้ว ให้คุณแพททริคดูแลก็ดี ลุงจะได้กลับได้อย่างไม่เป็นกังวลด้วย"
สองผู้ใหญ่ใจดีที่สกายเคารพเอ่ยบอกเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่สกายเห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจทุกครั้งที่มอง ตอนนี้เขารู้สึกดีใจจริง ๆ ที่ยังเลือกจะอยู่ต่ออีกสักนิด อย่างน้อยก็ได้เห็นรอยยิ้มเหล่านี้
"เย้!! เดี๋ยวผมให้คนไปเก็บของสกายไปไว้ที่บ้านของเราเลยนะครับ"
และดูเหมือนว่าคนที่ดีใจมากกว่าเขาตอนนี้กำลังกระโดดโล้นเต้นลงจากเตียงเดินไปมุมหนึ่งของห้องเพื่อโทรศัพท์หาคนรู้จักและได้ยินเสียงสนทนาแว่วมาว่าให้ไปเก็บของใช้ของสกายไปไว้ที่บ้านของตนเย็นนี้
"แล้วนี่สกายจะได้กลับไปพักฟื้นที่บ้านตอนไหนครับ คุณหมอเตชิน"
เสียงของลุงหมอหันไปถามคุณหมอเตชินที่กำลังนั่งคุยกับเด็ก ๆ หลังจากที่วิสและวีว่าเอาของฝากไปให้สกายที่เตียงเรียบร้อย และทำหน้าเหม็นเบื่อแด๊ดดี้ของตนเมื่อเห็นว่าแพททริคไปออดอ้อนสกายให้ไปอยู่ด้วยได้สำเร็จ
"อีกสองอาทิตย์ก็สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้วครับ"
"ขอบคุณครับ ลุงอาจจะไม่ได้อยู่ส่งสกายกลับบ้านนะ ลุงต้องกลับไปเคลียร์งานต่อ แต่ไว้ลุงจะมาหาอีกแน่นอน"
ลุงหมอได้ยินคำตอบที่ต้องการจากเตชินแล้วจึงเอ่ยขอบคุณก่อนจะหันมาหาสกายและบอกเรื่องที่ตนต้องกลับไปทำงานเหมือนเดิม
"ไม่เป็นไรครับลุง แค่ลุงมาอยู่ที่นี้ตอนนี้ผมก็มีความสุขแล้ว"
ลุงหมอที่ได้ยินสกายพูดแบบนั้นรู้สึกได้ถึงความร้อนที่กระบอกตาก่อนจะเดินเข้าไปกอดและลูบหัวเด็กที่เมื่อก่อนพยายามจะทำให้ตัวเองหายไปจากทุกคน รู้สึกดีใจที่วันนี้ได้ยินสิ่งที่ไม่คาดฝันว่าจะได้ยิน ได้ยินในสิ่งที่เพื่อนรักที่ตายจากไปอยากได้ยิน ได้ยินว่าลูกของตนมีความสุขที่ได้มีชีวิตอยู่ต่อ
"ม มีความสุขก็.. ก็ดีแล้ว"
ป้าเดียร์ที่เห็นเพื่อนตัวเองพยายามใช้มือเช็ดน้ำตาของตนจึงเดินไปหยิบกล่องทิชชูส่งให้คนแก่อารมณ์อ่อนไหวได้เช็ดมันออกรวมไปถึงหยิบไปเช็ดให้ตัวเองด้วยเช่นกัน...
"ขอบคุณลุงหมอที่อยู่ข้าง ๆ สกายมาตลอดครับ"
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ลุงหมอกอดเขาไว้แบบนี้ แต่กลับทำให้สกายรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเหมือนที่พ่อกับแม่ของเขาเคยกอดเขาทุกวันในตอนที่พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ รู้สึกดีจริง ๆ ที่ได้กลับมารู้สึกถึงความอบอุ่นแบบนี้อีก
Viva: กอดด้วย ๆ
Wiz: Hug me!
วิสและวีว่าเห็นลุงหมอที่เล่นกับตนประจำกอดปลอบสกายและเห็นว่าสกายชอบให้กอดแบบนี้ จึงปีนขึ้นเตียงคนป่วยเพื่อมากอดสกายและลุงหมอไว้ด้วยแขนเล็ก ๆ ของทั้งสองคน ไม่นานคนที่ปลีกตัวออกไปคุยโทรศัพท์ก็รีบเข้ามาเพื่อกอดพวกเขาทั้งสี่คนไว้ด้วยกัน
"Hug me too!"
เสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากคนในห้องดังขึ้นไม่ขาดสายโดยเฉพาะตอนที่แพททริคคุยเล่นกับเด็ก ๆ ทั้งเรื่องมีสาระและเรื่องไร้สาระ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องไร้สาระที่หยิบขึ้นมาเล่นและพูดคุยเพื่อให้คนที่อยู่ในห้องไม่เบื่อ และเก็บความทรงจำดี ๆ ร่วมกันไว้
..............///////..............
"สกายไม่ต้องล้างจานเองก็ได้ครับ เอาไว้แบบนั้นแหล่ะ สกายยืนนานแล้วนะครับ ทั้งยืนทำอาหารแล้วยังจะมายืนล้างจานอีก เดี๋ยวจะปวดขาเอานะครับ"
"ไม่ปวดหรอกครับ ผมอาการดีขึ้นมากแล้ว อีกอย่างจานไม่กี่ใบจะทิ้งไว้ให้หมักหมมทำไมครับ"
สกายยังคงยืนยันที่จะล้างจานที่อยู่ในซิงค์หลังจากพวกเขาสองคนกินข้าวเที่ยงเสร็จเรียบร้อย
"ก็ได้ครับ.. งั้นมา! ผมจะช่วยล้างด้วย"
"โอเคครับ"
เสียงจานชามกระทบกันดังกว่าปกติเพราะมีคนที่ไม่เคยล้างจานเองมาช่วยทำให้งานง่าย ๆ มันยุ่งยากมากขึ้นเพราะอีกคนเดี๋ยวมือลื่น เดี๋ยวเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้จะจับจะวางจานชามที่ล้างที่เช็ดเสร็จแล้วเอาไปไว้ที่ไหนก่อนดี
"วันนี้ผมไม่ได้มีธุระไปไหน สกายอยากทำอะไรหรือไปไหน ไหมครับ"
"อืมมม ผมยังไม่ได้คิดแพลนไว้ว่าจะไปไหน ไว้พรุ่งนี้ดีไหมครับ"
"ดีครับ แล้ววันนี้เรา... ทำอะไรกันดีครับอยู่บ้านแบบนี้...^__^...."
"แล้วแต่แพทเลยครับ"
"'งั้น..." เสียงของแพททริคเว้นช่วงไปนานพร้อมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ที่ส่งมาให้สกายจนอีกคนต้องรีบพูดขึ้น
"หาหนังดี ๆ สักเรื่องมาดูก็ได้ครับ"
"ฮึ ๆ ก็ได้ครับ"
แพททริคพูดพร้อมแววตาเจ้าเล่ห์แกมเสียงกลั้วหัวเราะไปในทีส่งไปให้อีกคน หลังจากเว้นช่วงคำพูดของตัวเองจนสกายต้องรีบคิดกิจกรรมขึ้นมาเพื่อไม่ให้อีกคนหากิจกรรมแปลก ๆ มาเล่นกับตัวเองยิ่งโดยเฉพาะวันนี้ที่บ้านหลังนี้มีเพียงแค่พวกเขาสองคน
แพททริคแวะไปส่งเด็ก ๆ ไว้ที่บ้านป้าเดียร์ตั้งแต่ก่อนเที่ยงให้เหตุผลว่าอยากให้สกายพักผ่อนไม่ต้องปวดหัวและคอยเล่านิทานให้เด็ก ๆ ฟังก่อนนอน
ซึ่งเหตุผลจริง ๆ ที่อีกคนรีบพาเด็ก ๆ ไปส่งคงจะไม่ใช่แค่อยากให้เขาพักจริง ๆ หรอกกระมั้ง... อันที่จริงแพททริคจะเล่นอะไรแปลก ๆ กับเขามันก็อาจจะเรียกได้ว่าปกติละมั้ง เพราะยังไงพวกเขาก็หมั้นกันไว้แล้วนี่น่าถึงจะยังไม่ได้จัดงานหรือบอกใครไว้เป็นทางการก็เถอะ...
.............////.............
"ผมเห็นหลอดยาระงับที่ใช้แล้วอยู่ในกระเป๋ายา สกายอาการกำเริบทำไมไม่บอกผมครับ"
เสียงของแพททริคเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากพากันมานั่งที่โซฟาและยังคะยั้นคะยอขอนวดขาให้สกายในขณะที่รอให้อีกคนเลือกหนังที่อยากดู
สกายชะงักกึกไปเพียงชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเป็นปกติเพราะไม่นึกว่าอีกคนจะสังเกตเห็นและอีกอย่างอาการที่กำเริบก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนก่อนรับการรักษา พอใช้ยาระงับตามที่คุณหมอปรับสูตรให้เพิ่มเติมไม่ถึงสามชั่วโมงก็หายเป็นปกติไม่เหมือนทุกครั้งที่จะลากยาวเกือบทั้งคืน
"ขอโทษครับ ผมเห็นว่าตอนนั้นมันดึกมาแล้ว แพทคงหลับแล้ว ผมไม่อยากกวน"
"เรื่องของสกายไม่เคยเป็นเรื่องรบกวนสำหรับผมครับ"
แพททริคมองไปที่นาฬิกาที่ให้สกายใส่ไว้ตลอดเวลาเพื่อตรวจเช็คความผิดปกติและมันจะคอยแจ้งเตือนฉุกเฉินไปหาคนที่ตั้งค่าไว้ แต่ดูเหมือนสกายจะกดยกเลิกการติดต่อฉุกเฉินทำให้สัญญานนั้นไม่แจ้งเตือนแพททริค
"ผมก็ขอโทษที่แอบเช็คยาของสกายนะครับ ครั้งหน้าถ้าสกายอาการกำเริบสกายต้องกดเรียกแพททันทีนะ เข้าใจไหมครับ"
"เข้าใจแล้วครับ"
"แล้วสกายเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ อาการเป็นไงบ้าง ตอนกำเริบผ่านมากี่ชั่วโมงแล้วครับ"
แพททริคเอ่ยถามเพื่อเก็บข้อมูลไว้เผื่อว่าเพื่อนของตนจะเอ่ยถามแม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าสกายคงจะบันทึกไว้หมดตามที่หมอแนะนำอยู่แล้วก็ตาม
"จะครบ 12 ชั่วโมงแล้วครับ ผมหายเจ็บตั้งแต่สามชั่วโมงแรกแล้วครับ ไม่รู้สึกอะไรแล้วตอนนี้"
แพททริคพยักหน้ารับสิ่งที่ได้ยิน พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อเช้าสกายถึงได้ออกมาจากห้องนอนสายกว่าปกติ
"ไม่เจ็บก็ดีแล้วครับ ผ่านมาตั้งหลายชั่วโมงสกายก็ยังไม่ยอมบอกแพท แพทคงปล่อยผ่านไปไม่ได้หรอกนะครับครั้งนี้ เพราะงั้น..."
"อ อะไรครับ"
"เพราะงั้นตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปแพทจะไปนอนเฝ้าสกายที่ห้องก็แล้วกันนะครับ"
น้ำเสียงที่พูดฟังดูเหมือนจะจริงจังมาก แต่สีหน้าและแววตากลับดูแปลกออกไปโดยเฉพาะรอยยิ้มแบบนั้น มันเหมือนกับกำลังคิดทำอะไรแปลก ๆ อยู่
"ข้ออ้างหรือเปล่าครับแบบนี้"
"แล้วสกายคิดว่าไงครับ"
ใบหน้าอมยิ้มกรุ้มกริ่มในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างขึ้นพร้อมถามอีกคนกลับเมื่อรู้ว่าสกายรู้ตัวแล้วว่าแพททริคกำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่
"ก็... มีคนนอนด้วยก็ดีครับ อบอุ่นดี"
สกายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรื่อยเปื่อยพยายามกลั้นยิ้มไว้พร้อมกับหันหน้าไปมองทีวีที่กำลังเริ่มฉายหนังที่เลือกไว้ก่อนจะได้ยินเสียงของอีกคนดังขึ้น
"อยากให้ถึงเย็นนี้ไวไวจังเลยครับ"
หลังจากพูดเสร็จเจ้าของประโยคก็เอนตัวเอาหัวนอนลงบนตักที่มีหมอนวางไว้อยู่ก่อนแล้วอย่างคุ้นเคยส่วนคนที่สายตายังจับจ้องอยู่บนหน้าจอทีวีเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกับความเห่อร้อนที่เอ่อขึ้นมาบนหน้าจนสังเหตุเห็นแก้มที่แดงขึ้นลามไปจนถึงใบหู
เสียงหัวเราะเบา ๆ ของแพททริคที่มองสกายอยู่ตลอดยิ่งทำให้สกายเขินจนต้องเอาหมอนเล็กอีกใบที่วางอยู่ข้างกันขึ้นมาปิดหน้าคนที่นอนอยู่จนได้ยินเสียงหัวเราะอู้อี้ภายใต้หมอนและเสียงร้องแกมหยอกล้อว่าหายใจไม่ออก
จนอีกคนต้องดุให้เงียบและบอกให้ตั้งใจดูหนังที่กำลังเล่นอยู่ต่อไป ดูเหมือนว่าคืนนี้พวกเขาคงมีเรื่องให้ทำแทนการเล่านิทานให้เด็ก ๆ ฟังแล้วละ...
............////............
"งานแต่งของเรา ผมอยากให้จัดให้เร็วที่สุดแต่ถ้าสกายอยากจะรอให้อาการดีขึ้นกว่านี้ก่อนก็ได้ครับ แพทตามใจสกายอยู่แล้ว"
แพททริคเอ่ยบอกคนที่กำลังเช็ดผมที่เปียกชื้นให้กับตนก่อนนอน ระหว่างที่เช็ดผมให้กันจู่ ๆ แพททริคก็พูดเรื่องงานแต่งขึ้นมา แน่นอนว่าคนที่ตั้งใจอยากจัดงานแต่งเร่งรัดขอคำตอบจากสกายเรื่องที่ว่าควรจะจัดงานแต่งวันไหนดีจนสกายต้องบอกสิ่งที่คิดออกไป
สกายไม่ได้มีปัญหาหรือไม่ใช่ว่าไม่อยากแต่งงานกับแพททริคเพียงแต่อยากให้ถึงเวลาที่เหมาะสมและตัวเขาเองอาการดีขึ้นมากกว่านี้จะดีกว่า แม้ว่าเสียงของคนที่บอกจะตามใจเขาจะฟังดูไม่เต็มใจมากนักก็ตาม
"อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ ยังไงผมก็แต่งกับแพทอยู่แล้ว"
"ครับ ผมรู้ แต่ผมอยากแต่งไวไวนี่หน่า"
แพททริคพูดเสียงอู้อี้พูดเบาลงอีกทั้งยังทำท่าเบะปากอมลมเอข้าแก้มเหมือนเด็ก ๆ เวลางอนตอนที่ไม่ได้อย่างใจ และยิ่งแพททริคทำท่าทางแบบนั้นสกายก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปบีบแก้มทั้งสองข้างให้หายหมั่นเขี้ยว
"สกายเคยมีคนรักมาก่อนไหมครับ"
"ก็...เกือบมีครับ"
สกายตอบกลับไปพร้อมกับหันไปเช็ดเส้นผมของอีกคนต่อ ก่อนที่จะรู้สึกถึงมือของอีกคนมาจับข้อมือตนไว้พร้อมแรงบีบที่มากกว่าปกตินิดหน่อย
"ใครครับ? แล้วไปเจอกันได้ไงแล้วคบกันนานไหม"
"ไม่นานครับ ยังไม่ได้คบกันเลยด้วยซ้ำแค่เพิ่งเริ่มคุยกันตอนนั้นผมเพิ่งจบ ม.ปลายแล้วก็เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน"
"แล้วหลังจากนั้นละครับ"
"หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย"
"สกายชอบเธอมากไหมครับ"
"ถ้าเป็นตอนนั้นก็ชอบมากครับ"
"แล้วตอนนี้ละครับ"
เสียงพูดพร้อมเบะปากกลับมาอีกครั้งของคนที่ชอบถามในสิ่งที่ตัวเองจะรู้สึกไม่ดี ก่อนจะเริ่มยิ้มออกเมื่อได้ยินคำตอบมาจากอีกคน
"ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรแล้วครับ ผมมีคนที่ชอบมาก ๆ แล้วครับ"
"อืมมม ใครน้าา"
"วิสกับวีว่าครับ"
คนที่กำลังยิ้มแก้มแตกอยู่หุบฉับลงในทันทีที่ได้ยินในสิ่งที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ และเริ่มเบะปากออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ในวันนี้
"แล้วแพทละคับ"
"ผมไม่ได้ชอบแพทนี่ครับ... ผมรักแพทตะหาก"
สกายเอ่ยบอกคนที่กำลังเบะปากหนักกว่าเดิมหลังจากได้ยินว่าสกายไม่ได้ชอบตัวเอง ก่อนจะชะงักไปเมื่อได้ยินคำว่ารักจากอีกคนและนิ่งสนิทเมื่ออีกคนเข้าใกล้และใช้ริมฝีปากนุ่มนิ่มประทับจูบลงบนหน้าผากของตัวเอง ก่อนจะก้มลงมาจุ๊บที่ริมฝีปากที่ยังอมยิ้มอยู่
"ขี้แกล้งตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย"
แพททริคเอ่ยถามคนที่ยังยืนมองลงมายังตนที่นั่งอยู่บนเตียง
"เป็นมานานแล้วครับ"
"รู้รึเปล่าครับว่าเด็กขี้แกล้งต้องถูกลงโทษ" แพททริคไม่พูดเปล่ามือทั้งสองข้างที่เคยจับข้อมือของสกายไว้เปลี่ยนมารวบเอวคนที่ยืนอยู่เข้ามากอดและเอาคางตัวเองวางไว้ที่ท้องของอีกคนก่อนเงยหน้าขึ้นไปมองขึ้นที่ยืนอยู่เพื่อขอคำตอบ
"จะโดนหนักไหมครับ"
"โทษระดับกลางครับ หนักพอตัวเลย"
"'แล้วถ้า... เป็นครั้งแรกละครับ พอจะลดโทษให้เบาลงหน่อยได้ไหม"
แพททริคคลายกอดที่กักอีกคนไว้ขยับตัวห่างออกมาเพื่อให้อีกคนขยับขึ้นมานั่งคร่อมตนไว้ได้อย่างถนัด มือของสกายที่ถือผ้าขนหนูเพื่อเช็ดผมให้อีกคนถูกวางทิ้ง เปลี่ยนมาใช้มือเปล่าทั้งสองข้างเล่นปลายผมที่ท้ายทอยของอีกคนโดยที่แขนทั้งสองข้างของตนกอดคอคนที่ยังเอาหน้าซุกพุงสกายไว้
เสียงลมสายใจได้ยินชัดเจนมากยิ่งขึ้นเมื่อใบหน้าของทั้งสองคนอยู่ในระดับเดียวกัน แพททริคพิศมองใบหน้าของอีกคน ใบหน้าที่ตนเจอในวันที่ต้องมาส่งเด็ก ๆ ไว้กับผู้ดูแล ในวันที่ต้องเร่งรีบไปให้ทันขึ้นเครื่องเพราะมัวแต่มองใบหน้าของคนที่เพิ่งได้พบเจอ และแววตาที่ตอนนี้ดูมีประกายมากกว่าวันนั้นมากนัก
ปลายจมูกของแพททริคเกลี่ยไปทั่วแก้ม เลื่อนผ่านไปมาที่ปลายจมูกของคนอีกคนก่อนจะพูดออกมา
"อืมมม ถ้าเป็นแบบนั้นจะลดโทษให้ก็ได้ครับ ถือเสียว่าเป็นครั้งแรกที่กระทำความผิด"
สองสายตาที่มองกันอยู่รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าของทั้งคู่ ริมฝีปากที่เลื่อนลงเพื่อสัมผัสกับริมฝีปากของอีกคนที่เงยหน้ารออยู่ ความอุ่นและนุ่มยุ่นตามมาด้วยการละเลียดชิมความหวานอย่างอ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้นเพื่อซึมซับความรู้สึกให้ได้มากที่สุด
ไม่นานคนที่นั่งอยู่ด้านบนก็ถูกดึงให้ลงมานอนเล่นอยู่ด้านล่างบนผ้านวมนุ่ม แพททริคเขี่ยปรอยผมที่ปรกหน้าผากของอีกคนออก ละเลียดมองรูปหน้าของสกายใกล้ ๆ ประทับจูบลงไปบนหน้าผาก ดวงตา แก้ม และริมฝีปากของอีกคน
เสื้อยืดสบายตัวถูกถอดออกด้วยฝีมือของคนด้านบนก่อนจะก้มลงมาจูบคนที่อยู่ด้านล่าง แพททริคคลอเคลียอยู่บนใบหน้าของสกายก่อนจะใช้คางของตนกดลงไปยังคางของอีกคนเบา ๆ เพื่อเปิดปากอีกคน ลิ้นร้อนถูกใช้หยอกล้อกับลิ้นของอีกคนพร้อมฉกชิมความหวานที่อยู่ภายในโพล่งปากจนแม้แต่น้ำสีใสที่ไหลยืดออกมาเลอะทั่วริมฝีปากและข้างแก้มแพททริคก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เสียของ
คนด้านบนไล่จูบซับตามริมฝีปากและข้างแก้มไล่ลงมายังลำคอระหงที่เงยขึ้นรับสัมผัสจากริมฝีปากของคนแพททริค เสียงจูบซับไล่ลงไปยังไหปลาร้า ผ่านแผงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเมื่อถูกลมร้อนเป่ารดผ่านกาย แม้แพททริคจะขัดใจที่หน้าอกและหน้าท้องของคนรักผอมกว่าปกติของผู้ชายทั่วไป แต่ไม่เป็นไร หลังจากนี้เขาจะขุนให้อีกคนอ้วนท้วน นุ่นฟูกว่าที่เป็นอยู่อีกสิบเท่าแน่นอน
แพททริคยืดตัวขึ้นมองดูสกายจากด้านบน แต่มือยังคงลูบคลำอยู่บนเนินอกและลำตัวจนอีกคนบิดตัวไปมาตามสัมผัสที่ได้รับ ไม่นานกางเกงขายาวสำหรับใส่นอนก็ถูกถอดออก ความเย็นจากอากาศภายนอกเนื้อผ้าทำให้สกายต้องห่อตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานความเย็นที่อยู่รอบตัวก็ไม่มีความหมายเมื่ออุณหภูมร่างกายของทั้งคู่เริ่มเพิ่มสูงขึ้น
ร่างกายที่ปราศจากเสื้อผ้ากำลังกอดรัดกันอยู่บนเตียง คนมีประสบการณ์มากกว่าเริ่มเล้าโลมมากขึ้น มือหนาเลื่อนลงไปยังแกนกายที่กำลังตื่นตัวของคนที่นอนอยู่ สัมผัสกอบกุมส่วนสำคัญไว้พลางหยอกล้อส่วนปลายด้วยปลายนิ้วจนได้ยินเสียงครางและบิดตัวไปมาของอีกคน
แพททริคใช้ลิ้นดูดเลียบนเนินอกราบเรียบของอีกคนก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงไปหาแก่นกายที่มีน้ำสีใสปริ่มออกมา ปลายลิ้นร้อนแต่ลงบนส่วนปลายที่มีน้ำปริ่มอยู่ ลิ้นของอีกคนวนรอบส่วนปลายก่อนจะครอบมันไว้ทั้งปากพร้อมขยับขึ้นลงและไม่ลืมใช้ลิ้นดันแก่นกายของอีกคน
สกายบิดตัวขึ้นลงตามสัญชาตญาณ มือทั้งสองข้างวางไว้บนหัวของอีกคน บางครั้งก็ดึงทึ้งเส้นผมคนที่กำลังเล่นอยู่กับจุดสำคัญของตน จนแทบจะหายใจไม่ทัน ความรู้สึกวูบวามไปทั่วท้องน้อยเข้าจู่โจมสกายจนภายในหัวรู้สึกว่างเปล่า สมองหยุดคิดในหลาย ๆ เรื่องมีเพียงสั่งการให้ร่างกายหาทางออกให้กับความรู้สึกตอนนี้
ความเสี่ยวซ่านปนไปกับความรู้สึกแปลกประหลาดจากช่องทางด้านหลัง เมื่อคนที่กำลังสนุกอยู่กับการเล่นกับเจ้าน้อยชายน้อยของอีกคน หันไปเล่นกับอีกจุดที่อยู่ไม่ไกลกัน
มือข้างหนึ่งบีบชักแก่นกายของสกายส่วนอีกข้างก็วนเล่นอยู่โดยรอบช่องทางด้านหลัง แพททริคเอื้อมตัวไปหยิบขวดเจลล่อลื่นที่วางไว้ข้างเตียงในตอนแรกมาเท ราดรดแกนขายของคนที่นอนอยู่ก่อนจะปาดใส่มือของตัวเองส่วนหนึ่งเพื่อไปใช้อีกหนึ่งช่องทาง
เสียงร้องขัดด้วยความรู้สึกอึดอัดของสกายดังขึ้นในช่วงแรกที่แพททริคสอดนิ้วเข้าไป ความคับแน่นทำให้การขยับนิ้วฝืดเคียงจนต้องใช้เจลเพิ่ม
“สกายปล่อยใจสบาย ๆ นะครับ อย่าเกร็ง... ใช่ครับ... แบบนั้นแหล่ะ”
นิ้วที่สองถูดสอดเข้าไปยังช่องทางของอีกคนหลังจากที่แพททริคพยายามบอกให้อีกคนหายใจเข้าลึก ๆ และผ่อนคลายตามอารมณ์ ไม่นานด้วยคุณสมบัติของเจลล่อลื่นนิ้วที่สามก็สามารถสอดเข้าไปยังช่องทางได้ในที่สุด
เสียงร้องของอีกคนดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามแรงขยับทั้งจากด้านหน้าและด้านหลัง ความรู้สึกจุก วูบวาบ เสียวซ่านถูกโถมเข้ามาพร้อมกันจนสกายเริ่มจะทนไม่ไหวต้องเปิดปากบอกอีกคน
“แพท...ร เร็วอีก สกายจะเสร็จ”
เสียงเรียกร้องของคนที่ใกล้ถึงฝั่งฝันพูดออกมาพร้อมกับขยับตัวขึ้นลงรับกับแรงมือที่อีกคนกำลังกอบกุมอยู่ แพททริคถอนนิ้วออกจากช่องทางด้านหลังก่อนจะยืดตัวขึ้นไปหาคนที่นอนอยู่เพื่อจูบรับและฟังเสียงหอบหายใจหนักของอีกคนได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนมือที่ยังคงกอบกุมส่วนสำคัญก็เร่งความเร็วและแรง จนในที่สุดแกนกายขนาดพอดีก็ปลดปล่อยของเหลวสีขุ่นออกมาเต็มมือพร้อมแรงกระตุกสั่นเทาจากตัวของเจ้าของมัน
แพททริค กอดและซับจูบตามรูปหน้าของคนที่ยังนอนหอบหายใจหนักเข้าออก จนรู้สึกว่าอีกคนเริ่มหายตัวสั่นจึงถามขึ้นมา
“เป็นไงบ้างครับ”
“ชอบมากเลยครับ มันดีมาก”
เสียงหายใจเข้าออกยาว ๆ อยู่อีกสองสามครั้งก่อนจะหันมาสบตาของแพททริคและตอบสิ่งที่คิด จนได้รับรอยยิ้มพร้อมกับจูบหนัก ๆ จากคนถูกชม
“สกายจะชอบมากกว่านี้อีกครับ”
เสียงพูดพร้อมรอยยิ้มส่งไปให้เพียงครู่เดียว เจ้าของรอยยิ้มก็ยืดตัวขึ้นคร่อม แยกขาทั้งสองขาของสกายออกเพื่อแทรกตัวเองเข้าไปอยู่ตรงกลาง สองเรียวขาถูกจับให้วางเกยบนหน้าขาด้านบนของแพททริคเพื่อยกเอวให้สูงขึ้นพอดีกับหมอนที่หยิบมารองสะโพกของอีกคนไว้
เจลล่อลื่นถูกเปิดใช้งานอีกครั้ง เจลสีใสถูกเทลงบนแกนกายที่สวมปราการป้องกันเรียบร้อย ทั้งยังตื่นตัวพร้อมรบมาตั้งแต่เล้าโลมอีกคนจนตอนนี้มันกำลังได้ทำหน้าที่อย่างที่ตั้งใจแล้ว
“ไม่ต้องเกร็งครับ”
เสียงกระซิบข้างหูคนที่พยายามหายใจเข้าออก สกายดึงคนที่ยืดตัวขึ้นลงมาบดจูบอีกครั้งเพื่อเบนความสนใจของตัวเอง เสียงอืออึงในลำคอของสกายดังขึ้นเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วเข้ามายังช่องทางด้านหลังเพียงเล็กน้อย ความรู้สึกจุกแน่นเมื่อคนด้านบนพยายามขยับเข้าออกยังคงมีปรากฏ และยิ่งมีมากขึ้นเมื่ออีกคนดันเข้ามาจนสุด
“อ๊ะ พ แพท อ อย่าเพิ่งขยับ อุบอือออ”
เสียงครางอืมในลำคอของคนที่โดนปิดปากไว้ด้วยปากของอีกคน ในตอนที่แพททริคเริ่มขยับเข้าออกอย่างช้า ๆ เสียงเฉอะแฉะจากเจลล่อลื่นเริ่มดังให้ได้ยิน ตามมาด้วยเสียงเนื้อกระทบกันก็เริ่มดังเพิ่มมากขึ้น เสียงกระทบกระแทก สลับกับเสียงครางกระเซ้าจากทั้งสองคนดังทั่วห้องและยังไม่มีวี่แววจะหยุดลงในเวลาอันสั้น
มีเพียงการหยุดพักจังหวะเพื่อให้ตนเองได้พักและกอบโกยเอาลมหายใจเข้าเพื่อเริ่มจังหวะอีกครั้ง จากเนิบช้าเริ่มเน้นหนักจนได้ยินเสียงร้องจากคนที่นอนอยู่
แพททริคหยุดการกกระทำเพียงชั่วครู่เพื่อดึงให้อีกคนลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง ท่านี้แพททริคสามารถเล่นกับสกายได้ทั้งด้านบนและด้านล่าง สกายใช้แขนทั้งสองข้างกอดคอของอีกคนไว้ในขณะที่แรงกระทั่นจากด้านล่างเร็วขึ้น สัมผัสแรงดูดคลึงด้วยริมฝีปากบนอกของตนเองจนต้องเงยหน้าแอ่นตัวขึ้นตามแรงดูด
นอกจากแรงดูดที่อกยังรู้สึกได้ถึงมือทั้งสองข้างของแพททริคที่บีบเค้นอยู่ที่สะโพกลงไปถึงเจ้าก้อนทั้งสองพร้อมกับบังคับให้มันขยับขึ้นลงรับกับแรงที่กระทั่นขึ้นมา
ความเร็วและแรงที่เพิ่มมากขึ้นทำให้สกายรู้ว่าอีกคนคงกำลังจะใกล้ถึงฝั่ง แพททริคเอนตัวให้สกายนอนราบไปบนเตียงดังเดิม ใช้แขนของตันรวบขาทั้งสองข้างมากอดไว้แน่นก่อนจะเสือกไสแกนกายของตนเข้าออกช่องทางด้านหลังในเฮือกสุดท้าย
เสียงหวีดร้องคำรามผสมปนเปกันจนกระทั้งคนที่โถมกายใส่อีกคนกระตุกสั่นพร้อมกับปลดปล่อยน้ำรักสีขุ่นภายในถุงยางที่ใส่ไว้ตอนแรก แพททริคปล่อยขาทั้งข้างของอีกคนให้เป็นอิสระ ก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบคนที่กำลังกอบโกยเอาลมหายใจเข้าปอดไม่ต่างจากคนด้านบน
“อือออ”
เสียงร้องอืมครางในลำคอของสกายดังขึ้นในตอนที่อีกคนถอดถอนตัวตนออกจากช่องทางด้านหลัง ความโล่งวูบเข้าจู่โจมฉับพลันมาพร้อมความเหนื่อยอ่อน และความง่วงงุนเมื่อเริ่มหายใจหายคอได้เป็นปกติจนตาเริ่มปิดลงแต่ยังคงได้ยินเสียงของแพททริคที่ทิ้งตัวลงมานอนข้าง ๆ และดึงตนเข้าไปกอดไว้
“ง่วงหรอครับ”
“อือ”
“ถ้าง่วงก็หลับเถอะครับ ผมจะกอดสกายไว้เอง”
............////..............
ป้ายหินขนาดไม่ใหญ่มากถูกฝังติดกับพื้นหญ้าเขียวขจี ด้านหน้าป้ายนั้นมีดอกไม้สีม่วงและสีเหลืองช่อเล็กวางอยู่พร้อมกับเด็กฝาแฝดชายหญิงสองคนกำลังเก็บเศษใบไม้แห้งที่ปลิวลงมาบริเวณนั้นออกเพื่อให้ดูสะอาดตา ก่อนจะนั่งอยู่ข้างหลุมศพนั้นและเล่าเรื่องราวของตัวเองที่ได้พบเจอมา
ทุกเดือนแพททริคจะพาเด็ก ๆ มาหาวิเวียนเพื่อให้พวกเขารู้ว่าแม่ของพวกเขาอยู่ที่นี้ วิสและวีว่าเริ่มมาที่นี้เมื่อปีที่แล้วหลังจากที่พอจะเข้าใจแล้วว่าแม่ของพวกเขาไปรออยู่ที่สวรรค์ไม่ได้รออยู่ที่โลกใบนี้แล้ว
แม้ว่าช่วงเวลานั้นแพททริคจะทำใจได้ยากที่จะบอกพวกเขาเพราะกลัวว่าพวกแกจะเสียใจและก็เป็นแบบที่เขาคิดเด็ก ๆ เงียบไปเป็นวัน ๆ และอยู่แต่ในห้องตัวเองจนแพททริคเกือบจะต้องโทรหาป้าเดียร์เพื่อให้มาอยู่กับพวกแกในตอนกลางคืน แต่หลังจากฟ้ามืดเด็ก ๆ ก็ออกมาและขอมานอนห้องเขาบอกแค่อยากนอนกอดเขาในคืนนั้น และขอให้พาพวกเขาไปหาที่ที่ Mommy ของพวกแกอยู่
และตั้งแต่นั้นเด็ก ๆ จะมานอนห้องของเขาทุกคืนก่อนมาเยี่ยมหลุมศพของวิเวียน และเหมือนแพททริคจะเคยได้ยินวิสบอกว่า ที่พวกเขามานอนด้วยทุกคืนก่อนจะไปหามะมี้เพราะจะได้เอาไปเล่าให้แม่ของตนฟังได้ว่าแด็ดดี้ของตนกรนเสียงดังแค่ไหน
Viva: Mommy, this is Sky
Wiz: Sky will be our family now, He takes good care of us.
Viva: And.. and Sky can cook and it's delicious.
Wiz: Better than daddy ten times!
เสียงพูดของสองแฝดที่นั่งเล่าเรื่องของตนต่อหน้าหลุมศพของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ แม้ว่าจะไม่เคยได้เจอตัวจริงเห็นเพียงภาพถ่ายแต่เด็ก ๆ ดูจะรักแม่ของพวกเขามาก
Pattrick: เว่อร์มากครับ แด๊ดดี้ทำไข่เจียวอร่อยมากไม่ใช่เหรอ ตอนนั้นพวกเรายังกินกันหมดเลย"
Viva: That because we are starving! (เพราะพวกเราหิวต่างหาก)
Wiz: yeah, หิวมาก ๆ ๆ เลย คุมเลขาก็ม่ายอยู่
Pattrick: เชอะ! ก็ได้ งอนแล่ว
Sky: ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ... ถ้างั้น.. ไว้กลับบ้านไปเรามาลองฝึกทำไข่เจียวกันดูดีไหม พอวีว่ากับวิสทำเป็นแล้วจะได้ทำให้แด๊ดดี้กินด้วย.. ดีไหมครับ
Viva: Okay แด๊ดดี้รอกินฝีมือวีว่าน้าาาา
Wiz: ดีเลยคับ วิสอยากลองใส่มะเขือเทศสีแดงลูกใหญ่ ๆ ลงไปเหมือนในทีวี
Sky: ได้เลยครับ
บทสนทนาของทั้งสามคนทำคนที่ฟังอยู่ยิ้มแก้มแทบปริ ยิ่งได้ยินว่าเด็ก ๆ จะลองทำไข่เจียวให้กินยิ่งรู้สึกตื่นเต้นจนพูดไม่ออก สิ่งที่แพททริคคิดออกตอนนี้คือแม้ว่ารสชาติไข่เจียวของเด็ก ๆ จะออกมายังไงเขาจะพยายามกินให้หมดให้สมกับความตั้งใจของพวกเขา
Pattrick: ต้องอร่อยมากแน่ ๆ เลยครับ
Viva: ต้องอร่อยแน่ ๆ
Wiz: yeah, you heard that mommy. Sky will teach us how to cook. So excited
ทั้งสกายยืนมองเด็ก ๆ หันไปเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่คิดได้ให้กับแม่ของตัวเองฟังอย่างออกรสชาติ นึงดีใจที่ทั้งวิสและวีว่ายังสดใสและมีพลังเต็มเปี่ยมแบบนี้ หากว่าเป็นเขาที่ต้องมานั่งเล่าเรื่องของตัวเองให้กับพ่อและแม่ของตนฟัง คงจะมีแต่ความหดหู่และคำถามที่ถามพวกเขาซ้ำ ๆ ว่าทำไมถึงไม่มาพาเขาไปด้วย ทำไม่ถึงทิ้งเขาไว้
"เสร็จจากงานแต่ง ก่อนไปฮาวายเรากลับไปเยี่ยมหลุมศพครอบครัวสกายได้ไหมครับ"
"ทำไมถึงอยากไปเยี่ยมละครับ"
"แพทอยากไปขอสกายจากพวกเขา ขออย่าให้พวกเขามารับสกายกลับไปอยู่ด้วย เพราะต่อจากนี้ผมจะดูแลสกายเอง จะบอกให้พวกเขาอย่าห่วงอะไรอีก"
"ค ครับ ได้ครับ"
แพททริคโอบคนที่พยายามเช็ดน้ำตาที่กำลังคลออยู่ออก ลูบหลังเบา ๆ พร้อมกับจูบซับขมับของคนรัก สกายยิ้มให้แพททริคก่อนจะค่อย ๆ แกะมืออีกคนออกมากุมไว้และพากันเดินเข้ามานั่งกับเด็ก ๆ ที่เล่นอยู่ สกายมองแผ่นหินที่สลักชื่อของวิเวียนพร้อมกับพูดขึ้น
"จากนี้ไปผมจะดูแลพวกเขาเอง จะดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเขาจะเป็นทุกอย่างในชีวิตผม ผมขอดูแลพวกเขานะครับ"
สกายนั่งคุกเขาลงใกล้ ๆ กับวิสและวีว่าเอ่ยบอกสิ่งที่อยากจะพูดกับคนที่ครั้งหนึ่งเคยรักและดูแลแพททริคและเด็ก ๆ ทั้งสองคน ก่อนจะรู้สึกได้ถึงแรงกอดของวีว่าและวิสที่เดินเข้ามาโอบสกายไว้หลังจากที่อีกคนพูดจบ กอดไว้เสมือนพวกเขาเป็นตัวแทนวิเวียน
เพื่อให้สกายรู้ว่าถ้าพวกเขายอมรับสกาย Mommy ของพวกเขาก็รับรู้และยอมรับสกายเข้ามาอยู่ในครอบครัวของตนเช่นเดียวกัน พวกเขามีความสุขมากในตอนนี้และยังได้เห็นแด๊ดดี้ของพวกเขามีความสุขอีก แบบนี้มะมี้ของพวกเขาก็ต้องมีความสุขด้วยแน่นอน............
>>> Talk จบเนื้อหาหลักแล้วคับ ยังมีตอนพิเศษคับ ขอบคุณจากใจที่เข้ามาอ่านกันครับ