"คนไข้หัวใจหยุดเต้นนานเกินไปทำให้สมองบางส่วนมีเลือดไปเลี้ยงไม่ทัน... ตอนนี้เราทำได้เพียงยื้อให้ร่างกายยังคงทำงานอยู่... แล้วก็มีบางอย่างที่หมอต้องคุยกับญาติคนไข้ ไม่ทราบว่าคนไข้มีญาติที่ไหนอีกไหม?"

 

"ไม่ครับ วิเวียนมีแค่ผม"

 

"ครับ... คือคุณวิเวียนทำสัญญากับทางโรงพยาบาลไว้เรื่องหนึ่งครับ... เธออนุญาติให้เรารักษาชีวิตเด็ก ๆ ไว้หากว่ามีกรณีที่จำเป็นต้องเลือกระหว่างแม่และเด็ก... และเธอให้เราเลือกเด็กในครรภ์โดยไม่จำเป็นต้องขอความคิดเห็นหรือข้อโต้แย้งจากใคร"

 

ชายหนุ่มนั่งฟังสิ่งที่คุณหมอ อธิบายข้อสัญญาบางอย่างที่วิเวียนทำไว้กับทางโรงพยาบาลโดยไม่ปรึกษาหรือสอบถามความคิดเห็นของเขาเลยสักนิด

 

"และหลังจากนี้อีก 5 สัปดาห์ เด็ก ๆ จะถึงเกณฑ์พอจะคลอดออกมาได้ แม้ว่าอาจจะต้องอยู่ในตู้อบอีกสักระยะแต่พวกเขาจะยังปลอดภัย... เราอยากให้คุณรับทราบไว้ในฐานะพ่อของเด็กในครรภ์และเซ็นเอกสารยอมรับการตัดสินใจของวิเวียนและแพทย์ที่จะทำการผ่าตัด"

 

"แล้วถ้าผมไม่เซ็นละ"

 

แพททริคเอ่ยถามความเป็นไปได้อีกทางหากว่าตัวเขาเองไม่เซ็นยอมรับการตัดสินใจของวิเวียน เพราะหากมองในอีกมุมเขาเป็นพ่อของเด็กที่อยู่ในท้อง มีสิทธิที่จะเอ่ยแย้งและเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจ ท้องของวิเวียนเพิ่งจะเข้าเดือนที่เจ็ด อวัยวะของพวกเขายังทำงานไม่เต็มที่ด้วยซ้ำ หากว่า.... หากว่าเขาตัดสินใจเลือกให้วิเวียนอยู่ต่อไปแทนพวกเขาล่ะ

 

"ทางเราก็ยังจำเป็นต้องทำตามขั้นตอนต่อไปเหมือนเดิม ทางเรายังต้องรักษาเด็กในครรภ์ไว้ให้มีชีวิตอยู่จนกว่าจะลืมตาดูโลกนี้ โดยที่คุณแพททริคจะไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ในตัวเด็กทั้งสองคนที่กำลังจะเกิดมาอีกครับ"

 

"หมายความว่ายังไง"

 

"วิเวียนคิดไว้ว่าคุณอาจจะอยากให้เธออยู่ต่อมากกว่าลูก ๆ ของเธอ.. เธอใช้สิทธิ์คนที่อุ้มท้อง อนุญาติให้ทางโรงพยาบาลรับเด็กทั้งสองคนที่จะเกิดมาเข้าโปรแกรมของ Child Adoption... "

 

........../////..........

 

ภาพและบทสนทนาเมื่อห้าปีก่อนปรากฏขึ้นมาอีกครั้งภายในหัวของแพททริค เมื่อต้องมานั่งรอฟังผลการรักษาของสกายในห้องทำงานของแพทย์ผู้รักษา ต่างกันเพียงตอนนี้เป็นห้องทำงานของเพื่อนสนิทอย่างเตชิน ไม่ใช่สูตินารีแพทย์เหมือนอย่างเมื่อห้าปีก่อนที่เขาต้องมารับรู้และยอมรับการตัดสินใจของวิเวียน

 

แล้ววันนี้เขาก็ต้องมารู้สึกแบบนี้อีกครั้ง ความรู้สึกกำกึ่งที่ต้องตัดใจและยอมรับสิ่งที่เป็น ยอมรับสิ่งที่อีกคนต้องการ ตอนนั้นแพททริคยอมรับการตัดสินใจของวิเวียน ปล่อยให้วิเวียนจากไปและใช้ชีวิตอยู่ต่อกับของขวัญที่เธอได้มอบไว้ให้

 

แล้วพอตอนนี้เขาดึงดันไม่ยอมรับการตัดสินใจของสกาย ไม่ยอมให้สกายหายไป ยื้อให้สกายอยู่กับเขา ขอให้สกายรับการรักษา แล้วทำไมเขายังไม่ได้ในสิ่งที่หวังอีก ทำไมต้องให้เขามาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีกครั้ง

 

"แพท..."

 

เตชินเปิดประตูเข้ามาด้านในและเรียกชื่อของเพื่อนที่ตอนนี้นั่งเหม่อลอยไม่รู้สึกถึงการมาของตน เข้าใจว่าแพททริคยังคงช็อคกับสิ่งที่เจอยิ่งตอนนี้ที่ถูกกันออกมาจากห้องฉุกเฉินเพื่อให้มาสงบสติอารมณ์

 

"ใจเย็นขึ้นมาบ้างหรือยัง"

"อืม สกายเป็นยังไงบ้าง"

 

แพททริคพยักหน้าตอบเพื่อนที่เดินเข้ามาพร้อมกับวางมือไว้ที่บ่าเพื่อไถ่ถามความรู้สึก เขายอมรับว่าตอนนั้นตนค่อนข้างสติแตกและเกือบเผลอไปเกะกะการรักษาของคุณหมอ จนเตชินต้องลากเขามานั่งพักที่ห้องทำงานของตัวเองและให้รอที่นี้จนกว่าหมอจะอนุญาติให้ออกมา

"หัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติแล้ว"

"ฉันจะไปหาสกาย"

"ยังไม่ได้"

"ทำไม"

 

แพททริคถามเสียงแข็งพลางมองไปยังเพื่อนสนิทเพื่อต้องการคำตอบ ทำไมถึงเขาถึงยังไปเจอสกายไม่ได้

 

"สกายจะต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อและอยู่ในความดูแลของหมอตลอดเวลาจนกว่าจะครบ 48 ชั่วโมง ถ้าพ้นจากนี้ไปแล้วสกายอาการดีขึ้น หมอจะลงความเห็นให้การรักษาโดยใช้ยาตัวนี้ได้ผล พวกเราคาดการไว้หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือนถ้าหากสกายแข็งแรงขึ้นก็จะอาจจะให้กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านได้"

 

"48 ชั่วโมงเหรอ? แล้วถ้าอาการสกายไม่ดีขึ้นใน 48 ชั่วโมงนี้ล่ะ"

"สกายจะดีขึ้นแพท"

"ฉันอยากได้คำตอบที่เป็นความจริง"

 

"เฮ้อ... เราจำเป็นต้องเปลี่ยนยาตัวใหม่... และมีความเสี่ยงสูงที่ร่างกายของสกายจะรับไม่ไหว จากที่สกายหัวใจหยุดเต้นไปรอบนี้ เราประเมินไว้ว่าถ้าต้องเปลี่ยนหรือเพิ่มขนาดยาตัวใหม่จริง ร่างกายของสกายอาจจะรับไม่ไหวและอาจจะหัวใจหยุดเต้นอีกบ่อยครั้งซึ่งมันไม่เป็นผลดีกับสมองของคนไข้เลย... ถ้าถึงตอนนั้น..."

 

"สกายจะดีขึ้น... 48 ชั่วโมงหลังจากนี้สกายจะดีขึ้น"

เสียงของแพททริคอ่อนลงก่อนจะพูดสิ่งที่ตนเองเลือกจะเชื่อ แพททริคเชื่อว่าสกายจะดีขึ้น

 

"อืม"

ตลอดช่วงเวลา 24 ชั่วโมง ห้องพักส่วนตัวในโรงพยาบาลที่สกายเคยอยู่กลายเป็นห้องพักชั่วคราวของแพททริคและเด็ก ๆ ที่ดึงดันจะมาอยู่เฝ้าเพื่อรอดูอาการของสกายอย่างใกล้ชิด รวมถึงป้าเดียร์และลุงหมอของสกายก็แวะเวียนมาหาอยู่บ่อยครั้งมากขึ้น

 

ตอนนี้แพททริคทำได้เพียงมองสกายจากห้องกระจกที่อีกคนนอนนิ่งอยู่และยังมีเครื่องมือระโยงระยางเยอะกว่าตอนที่อยู่ห้องพักฟื้นเสียอีก ตอนนี้สกายดูแย่กว่านั้นมาก ดูทรมานกว่าวันที่เขาเห็นอีกคนอาการกำเริบหรือตอนที่กำลังรักษาอยู่จนบางทีนึกไปถึงว่าตนเองทำถูกแล้วหรือเปล่าที่ดึงดันให้สกายต้องมาทรมานแบบนี้

 

เขาเอาแต่ใจเกินไปหรือเปล่าที่ไม่ยอมปล่อยให้สกายไปอย่างสงบแทนที่จะต้องมาทรมานกับการรักษาและเครื่องมือยื้อชีวิตเหล่านี้ เขาคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ทำให้อีกคนอยู่ในสภาพนั้น

 

"อย่าคิดมากเลย... สกายกำลังจะดีขึ้น"

เสียงของชายวัยกลางคนที่วันนี้มาอยู่เฝ้าสกายด้วยกันของลุงหมอ เอ่ยบอกคนที่กำลังมองคนที่อยู่ในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและเข้าใจว่าผู้ชายคนนี้ คือคนที่พยายามยื้อและเปลี่ยนใจสกายและอีกคนกำลังสับสนกับสิ่งที่เห็น เหมือนกับได้เห็นตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ที่กำลังสับสนว่าควรจะช่วยให้สกายทำตามความต้องการหรือยื้ออีกคนไว้แต่ตอนนั้นตนตัดสินใจปล่อยให้สกายทำตามความต้องการ

 

เพราะรู้ว่าอีกคนยังไม่เคยเห็นในตอนที่สกายเจ็บปวดและต้องรับการรักษามาหนักมากแค่ไหนตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา จนกระทั่งสภาพจิตใจของอีกคนเริ่มไม่มั่นคง ท้อแท้กับทุกสิ่งรอบตัวจนพยายามจะพาตัวเองไปให้พ้นจากความทรมานทุกรูปแบบ ทุกทางแม้แต่การทำร้ายตัวเอง... และเป็นเขาเองที่ยังพยายามยื้อและดึงดันไม่ให้อีกคนหายไปในตอนนั้นด้วยวิธีการนี้

 

จนในที่สุดสกายหาทางออกด้วยการเข้าร่วมกับองค์กรที่จะสามารถช่วยให้ตนเองจากไปได้อย่างสงบเพื่อให้เขายอมรับการตัดสินใจของตนเอง เป็นการพบกันคนละครึ่งทางของสกายและคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลุงหมอของสกาย

 

แม้ว่าตอนนั้นเขาจะยังพยายามยื้อสกายต่อแต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะไม่รับฟังเขาอีกแล้ว สิ่งที่สกายตัดสินใจตอนนั้นเขาเข้าใจดีและหากเรามองในมุมของคนที่ต้องเจ็บปวดและรู้ว่าปลายทางชีวิตของตนเองอาจจะต้องอยู่ติดเตียงทำได้เพียงหายใจและไม่สามารถทำอะไรได้อีกนอกจากนั้น หากเป็นตัวเขาเองก็คงจะตัดสินใจขอจากไปอย่างสงบเสียตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า

 

และแน่นอนว่าตอนนี้เขาดีใจที่สกายเปลี่ยนใจยอมรับการรักษาและมั่นใจว่าการแพทย์ของที่นี้ก้าวหน้ากว่าที่เขาอยู่มาก ดังนั้นสกายจะต้องหายป่วยและดีขึ้นแน่นอน แต่ที่น่าเป็นห่วงตอนนี้คงจะเป็นคนที่เปลี่ยนใจสกาย คนที่กำลังสับสนว่าตัวเองทำถูกหรือผิดที่ทำให้สกายต้องนอนถูกสายระโยงระยางติดอยู่ที่ตัวมากมายแบบนั้น

"ครับ อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมง"

 

เสียงของคนที่ยังคงมองสกายอยู่ไม่วางตาเอ่ยตอบกลับมาเบา ๆ ก่อนจะหันกลับและเดินไปยังห้องพักของตนที่มีวิสและวีว่านอนรออยู่ในห้องนั้น ไม่ยอมกลับไปพร้อมผู้ดูแลเพื่อรอเวลาให้อีกคนกลับมายังห้องพักฟื้นดั่งเดิม

.........////..........

 

'แกร็ก'

 

เสียงเปิดประตูเข้ามาภายในห้องพักฟื้นผู้ป่วยที่ตอนนี้กลายเป็นห้องพักชั่วคราวของคุณพ่อลูกแฝด เตชินมองแพททริคที่หลับอยู่บนโซฟาโดยมีวิสและวีว่าที่กำลังตื่นอยู่นั่งเฝ้าผู้เป็นพ่ออย่างรู้งาน เขารู้ว่าแพททริคคงเพลียกับการพยายามเฝ้ารอเพื่อตามอาการของสกายและยังไม่ได้นอนตลอดทั้งคืนและตอนนี้คงจะเผลอหลับไปเพราะความอ่อนเพลีย

เตชินมองเด็ก ๆ ลุกขึ้นพร้อมยิ้มกว้างส่งมาหาเขาก่อนจะยกนิ้วชี้เล็ก ๆ ปิดที่ปากของตนเองเพื่อบ่งบอกว่าห้ามเสียงดังในขณะที่คุณพ่อของตนกำลังพักผ่อน เตชินเองทำเพียงพยักหน้ายิ้มตอบรับ อดเอ็นดูหลาน ๆ ไม่ได้

 

แต่ไม่กี่นาทีต่อมาดูเหมือนว่าเหล่าคนตัวเล็กที่บอกให้เงียบเสียงเพื่อให้คุณพ่อของตนได้นอนพักผ่อนจะส่งเสียงดังเสียเองเพื่อปลุกให้คนที่เพิ่งได้นอนหลับ ตื่นขึ้นมาเมื่อเห็นเหล่าพยาบาลเข็นเตียงของสกายเข้ามาในห้อง

 

Viva: สกาย!

Wiz: Dada, wake up! Sky is back!

 

คนที่เพิ่งจะได้หลับตาพักร่างกายไปไม่นานดีดตัวลุกขึ้นนั่งในทันทีเมื่อได้ยินเสียงของเด็ก ๆ และเสียงของคนเข้ามาในห้อง และก็ต้องเบิกตากว้างดีดตัวลุกขึ้นวิ่งเข้าไปดูคนที่เพิ่งถูกเข็นเข้ามาในห้องและยังคงหลับอยู่ด้วยความตื่นเต้น

 

"สกายครับ"

 

แพททริคเอ่ยเรียกคนที่ยังหลับอยู่ด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปหาเพื่อนของตนเองที่ยืนยิ้มมองตนอยู่อย่างนั้น แพททริคมองเตชินด้วยความสงสัยเพราะตอนนี้เพิ่งจะผ่านไปแค่ 30 ชั่วโมงยังไม่ถึง 48 ชั่วโมงเหมือนอย่างที่อีกคนบอกด้วยซ้ำ

 

"อาการของสกายทรงตัวแล้ว ดูเหมือนจะเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็ดีขึ้นไวกว่าที่คาดการณ์ไว้นะ พวกเราเลยลงความเห็นให้สกายออกจากการดูแลพิเศษมาพักฟื้นที่ห้องรับรองได้"

 

"'งั้นเหรอ ดีจริง ดีแล้ว ดีมากจริง ๆ ขอบคุณครับ ขอบคุณจริง ๆ"

Wiz: "Thank you so much"

Viva: Tak!, ขอบคุณค่ะ

 

แพททริคและเด็ก ๆ หันไปขอบคุณเหล่าคุณหมอและพยาบาลที่พาสกายเข้ามาพร้อมตรวจเช็คความเรียบร้อยเพียงครู่ก่อนจะเดินออกไปเพื่อให้เวลาส่วนตัวกับพวกเขาโดยที่เตชินยังคงอยู่ในห้องเพื่อรอแจ้งรายละเอียดการรักษาและที่ต้องทำต่อไป

 

"ฉันโทรบอกลุงหมอของสกาย แล้วก็ผู้ดูแลของเด็ก ๆ แล้ว พวกเขากำลังมา"

 

เตชินที่รู้ว่าเพื่อนของตนคงจะกำลังดีใจและคงอยากจะนั่งเฝ้าสกายอยู่อย่างนั้นจึงเป็นธุระจัดการโทรบอกคนอื่น ๆ ที่คิดว่าควรจะรู้และให้มาที่นี้เพื่อแจ้งรายละเอียดให้รับทราบพร้อมกัน

"อืม"

แพททริคตอบโดยที่ไม่ได้หันไปมองเพื่อนของตนเลยแม้แต่น้อย ทำเพียงพยักหน้ารับแต่สายตาและมือยังคงเกาะกุมอยู่กับคนที่นอนหลับอยู่

 

ตอนนี้สกายไม่ได้มีสายเครื่องมือมากมายเหมือนตอนที่อยู่ในห้องนั้นแล้ว แม้ว่าสีหน้าของคนที่หลับอยู่จะยังดูซีดเซียวแต่รับรู้ได้ว่าอีกคนกำลังอาการดีขึ้น

 

Wiz: ลุงเตฮับ สกายจะตื่นตอนไหน"

Viva: อื่อ ตอนไหนค่ะ วีว่าจะเอายูนิคอนสีฟ้ามาให้สกายกอดตอนสกายตื่น

เด็กแฝดเอ่ยถามเตชินด้วยความใคร่รู้เพราะสกายหลับไปนอนจึงทำให้เด็ก ๆ เริ่มเป็นกังวล

"หนูรออีกสักสองสามวันนะครับ"

เตชินเอ่ยบอกพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้เด็ก ๆ และพาทั้งสองคนเดินมานั่งรอที่โซฟาด้วยกัน

 

Wiz: นานจุง

Viva: น่านจิ ทำไมนานจัง

 

"ต้องให้สกายนอนเยอะ ๆ นะครับ ตื่นมาจะได้มีแรงเล่นกับพวกเราไงครับ"

 

Wiz: จริงเยอ

Viva: จริง ๆ นะ

 

"จริงครับ แต่ว่าพวกเราต้องเชื่อฟัง Daddy นะ พวกเราต้องไปอยู่กับป้าเดียร์ก่อน แล้วพอสกายตื่นขึ้นมา ลุงจะรีบไปรับกลับมาเล่นกับสกายเลย ดีไหมครับ"

Wiz: ก็ได้ครับ

Viva: Okay

 

"ดีมากครับ"

 

หลังจากที่เตชินพูดจบก็หันไปมองแพททริคที่กำลังมองพวกตนอยู่ตั้งแต่แรกแล้วเพื่อฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกันก่อนจะยิ้มตอบกลับเมื่อเห็นว่าเด็ก ๆ ยอมไปอยู่กับผู้ดูแลก่อนไม่ดื้อดึงขอมานอนเฝ้าสกายที่โรงพยาบาลกับเขาเหมือนวันก่อนแล้ว ดีจริง ๆ ที่มีเพื่อนเข้าใจและหลอกล่อพวกเขาได้ เด็ก ๆ จะได้ไม่มาลำบากนั่งอุดอู้อยู่แต่ในห้องพักฟื้นแบบนี้

 

.............//////.............

 

สกายลืมตาขึ้นในห้องพักฟื้นเดิมที่เคยนอนประจำมาเกือบเดือน ทุกอย่างดูปกติ แต่ที่ดูจะไม่ปกติคือเขาเห็นแพททริคนอนอยู่บนโชฟา ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนเขาขอให้อีกคนมานอนกอดเขาบนเตียงด้วยกันหรอกหรือ?

"พ แพท"

น้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยินของสกายดังอยู่ในลำคอของตนเอง รู้สึกได้ถึงลำคอที่แห้งผากจนแทบจะไม่มีเสียงใดลอดผ่าน สกายพยายามยกแขนขึ้นมาด้วยความยากลำบากเพื่อเอื้อมมือไปหยิบน้ำที่วางอยู่ขึ้นมาดื่ม เสียงขยับตัวและสายอุปกรณ์ปัดแกว่งไปมาที่ข้างเตียงทำให้คนที่นอนอยู่บนโซฟาเริ่มรู้สึกตัว

 

"สกาย! สกายฟื้นแล้ว เตชิน! หมอ! สกายฟื้นแล้ว"

 

เสียงของแพททริคดังขึ้นทันทีหลังจากรู้สึกตัวและเห็นอีกคนกำลังเอื้อมมือไปหยิบบางอย่างก่อนจะรีบลุกขึ้นเพื่อกดเรียกคุณหมอและพยาบาลเข้ามาตรวจร่างกายของอีกคน

"สกายเป็นยังไงบ้างครับ"

 

แพททริคที่เห็นอีกคนพยายามจะพูดแต่ไม่มีเสียงออกมาจึงรีบหยิบน้ำให้อีกคนได้ดื่ม

 

"ค่อย ๆ ดื่มครับ ไม่ต้องรีบ"

 

สกายดื่มน้ำจากหลอดที่อีกคนป้อนซ้ำยังมองดูคนที่คล้ายจะโทรมขึ้นกว่าเมื่อคืนที่ตนจำได้ ไม่แน่ใจนักว่าอีกคนไปทำอะไรมาหรือมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาหรือเปล่าหลังจากเมื่อคืนที่แพทเอาแหวนให้เขา ดูจากอาการของอีกคนคงจะเป็นอย่างหลังกระมั้ง

 

"รู้สึกยังไงบ้างครับ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า หิวไหมครับ กินน้ำเพิ่มไหม.. สกายรอแปบนึงนะ เดี๋ยวหมอกำลังมา"

 

คนที่กำลังตื่นเต้นดีใจที่เห็นสกายฟื้นเอ่ยถามทุกคำถามที่คิดออกจนคนที่นอนอยู่ไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดีจึงถามกลับบ้าง

 

"หนวดเคราแพทยาวไวจังครับเมื่อคืนยังไม่เห็นมีเลย"

 

คนที่โดนถามยิ้มรับก่อนจะเอามือมาลูบคลำใบหน้าตัวเอง สัมผัสได้ถึงความสากของตอหนวดเคราประปรายบนใบหน้า ในช่วงสามสี่วันที่รอสกายฟื้นเขาอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด กินนอนอาบน้ำที่ห้องพักฟื้นไม่ได้กลับไปที่บ้านเลยสักครั้งของใช้ส่วนตัวที่นำมามีเพียงไม่กี่อย่างเลยทำให้สภาพแพททริคเป็นอย่างที่เห็นอยู่ในตอนนี้

 

สกายยื่นมือออกไปคล้ายกับเรียกให้อีกคนเข้ามาหา ใช้มือข้างนั้นสัมผัสไปตามกรอบหน้าที่ดูอ่อนเพลียของอีกคน รอยคล้ำใต้ตาที่ดูแล้วถ้าอดนอนมากกว่านี้ได้เป็นหมีแพนด้าตัวจริงแน่นอน

 

"ไม่ยักรู้ว่าเทรนด์ที่นี้เขาเน้นแต่งตาเป็นหมีแพนด้าแล้ว"

 

เสียงหัวเราะในลำคอของแพททริคดังมาให้ได้ยินอยู่เพียงครู่ก่อนที่มือของสกายจะสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นจากน้ำที่ไหลออกมาจากดวงตามาถึงฝ่ามือของสกาย

"แถมยังขี้แยอีก"

"ฮึก ครับ"

 

สกายรับรู้ได้ถึงความดีใจจากรอยยิ้มที่มาพร้อมน้ำตา ก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าของอีกคนออกหลังจากได้ยินเสียงคนเข้ามาภายในห้อง และคงจะเป็นคุณหมอที่แพททริคกดสัญญณเรียกมาในตอนแรกที่เขาฟื้น

 

คุณหมอและคุณพยาบาลกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพร้อมอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ หนึ่งในคุณหมอเหล่านั้นมีเตชินเดินเข้ามายืนอยู่ข้างเตียงฝั่งเดียวกับแพททริค ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มส่งมาให้สกายและหันไปตบบ่าเพื่อนที่กำลังพยายามเช็ดคราบน้ำตาของตนเองที่เหลืออยู่ออก

 

"ไปล้างหน้าล้างตาก่อนไปแพท เดี๋ยวตรงนี้ให้หมอตรวจอาการสกายก่อน"

"อือ"

 

แพททริคพยักหน้าให้เพื่อนสนิทก่อนจะหันไปจับมือของสกายขึ้นมาจูบครั้งหนึ่งและถอยห่างออกมาเพื่อให้คุณหมอและคุณพยาบาลได้ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป...