3 ตอน ชอบคนทำอาหารเก่งคือสเป็คของเฮียสาม
โดย กระจ่างดาว
เฮียสามอย่าแกล้งน้อง
กระจ่างดาว : เขียน
เฮียสาม X อัยญ์
บทที่ 2
ชอบคนทำอาหารเก่งคือสเป็คของเฮียสาม
ความวุ่นวายจบลงตอนที่อัยญ์แยกย้ายกับจอมพลและท้องฟ้า ระหว่างที่กำลังเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อยสายตาก็เหลือบไปเห็นนิตยสารฉบับหนึ่งที่ถูกตั้งโชว์อยู่ภายในร้านหนังสือ อัยญ์เปลี่ยนทิศทางมุ่งตรงไปยังนิตยสารฉบับนั้นทันที
หน้าปกเป็นรูปเฮียสามในมาดนักธุรกิจหนุ่มที่เขาเห็นจนชินตา ทั้งตามหน้าปกนิตยสาร คลิปสัมภาษณ์ทางทีวี หรือแม้แต่ในโฆษณาตามช่องต่าง ๆ เฮียสามเป็นนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง หน้าตาหล่อเหลาเป็นที่ต้องการของหนุ่มสาว ทั้งในเรื่องแรงบรรดาลใจหรือกระทั่งการเข้าหาในเชิงชู้สาว
ไม่น่าแปลกที่สื่อต่าง ๆ ต่างพากันจ้องจะจองตัวเฮียสามเพื่อไปออกข่าวหรือแม้แต่เป็นพรีเซนเตอร์ให้แบรนด์ตัวเอง
“เล่มนี้เป็นเล่มสุดท้ายที่ทางเรามีแล้วนะคะ”
“เอ่อ ครับ…” อัยญ์ตอบรับก่อนจะยิ้มกลับเด็กน้อย อันที่จริงเล่มนี้อัยญ์ได้มาตั้งแต่ที่วางขายวันแรกด้วยซ้ำ แต่ทุกครั้งที่เห็นไม่ว่าจะครั้งไหนหรือแม้กระทั่งเล่มที่ตัวเองมีแล้ว ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามาดู
อะไรที่เป็นเฮียสามก็ดึงดูดอัยญ์ได้ทุกครั้งนั่นแหละ
Rrrrrr Rrrrrr Rrrrrr
“ว่าไงปั้น” อัยญ์วางนิตยสารเล่มที่ถือลงกับชั้นวางหนังสือก่อนจะกดรับสายปั้นหอม
(“ได้ดูที่เฮียสามสัมภาษณ์สดหรือเปล่า”) ปั้นหอมถามทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย ปกติเพื่อนเขาจะต้องทักไปหวีดเฮียสามทุกครั้งที่เฮียสามมีสัมภาษณ์สด วันนี้ก็มีสัมภาษณ์สดแต่แชทของหั้นหอมก็ยังเงียบเลยลองโทรเช็คดู
“จริงด้วย วันนี้เฮียมีสัมภาษณ์นี่นา อัยญ์ลืมอ่า ปั้นส่งลิ้งให้อัยญ์หน่อยนะ” อัยญ์เบะปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ปกติเขาไม่มีทางลืมเด็ดขาด คงเป็นเพราะวันนี้มัวแต่คิดมากเรื่องที่เฮียพูดเมื่อเช้า บวกกับโดนจอมพลกับท้องฟ้าแซวจนหัวหมุนถึงได้ลืมไปชั่วขณะ
(“ได้ ๆ แค่นี้ก่อนนะ”)
“ขอบคุณค้าบ ปั้นใจดีที่สู้ดดด”
อัยญ์กดวางสายเพื่อนรักก่อนจะกดเข้าโปรแกรมแชท ไม่นานลิ้งก็ถูกส่งมาจากปั้นหอม นิ้วป้อมกดเข้าไปทันทีอย่างไม่รีรอ เพียงไม่นานจอภาพก็ปรากฏภาพของใครบางคนที่เขาคุ้นเคย
เฮียสามอยู่ในชุดสูททำงานเหมือนอย่างในทุกวัน แต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้เฮียสามกลับดูหล่อมากขึ้นไปอีก ผมสีน้ำตาลถูกเซ็ตลวก ๆ ให้ลุคที่ดูสบายแต่ก็มีเสน่ห์ในแบบฉบับของเฮียสาม ชุดสูทสีแดงเลือดหมูยิ่งขับให้เฮียสามดูหล่อจนอัยญ์แอบหวง
เฮียสามไม่สามารถหยุดความหล่อของตัวเองได้เลย
คนที่หล่อกว่าเฮียสามในวันนี้ก็คือเฮียสามในวันพรุ่งนี้!!
[มาต่อกันที่สเป็คของคุณสามดีกว่า เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้ คุณสามพอจะบอกได้ไหมคะว่าสเป็คของคุณสามเป็นแบบไหน]
[ที่จริงผมไม่มีสเป็คที่ตายตัวนะครับ แค่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ทำให้ผมยิ้มได้ก็พอ]
[เห็นคุณสามบอกว่าชอบคนทำอาหารเก่งด้วย]
[ใช่ครับ]
[คุณสามก็ทำอาหารด้วยใช่ไหมคะ ต้องทำอาหารอร่อยมากแน่ ๆ เลย]
[เรื่องนี้คงต้องถามอัยญ์ครับ เพราะผมทำอาหารเป็น แต่ไม่เคยทำให้ใครทานเลยนอกจากเขา]
อัยญ์ที่ฟังสัมภาษณ์ถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะมีชื่อตัวเองหลุดออกมาแบบนั้น ไม่ใช่หลุดสิ เหมือนคนที่ให้สัมภาษณ์ตั้งใจพูดชื่อออกมาเลยเสียมากกว่า
ริมฝีปากเล็กพ่นลมระบายความร้อนเบา ๆ มือเล็กยกขึ้นโบกไปมาตรงด้านหน้าเมื่อรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนผ่าวและไม่สามารถที่จะหุบยิ้มได้เลย
“คุณหนู ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ”
“ป ป่าว อัยญ์สบายดี”
ชอัยญ์ส่ายหน้าตอนที่ตอบคำถาม ทิศเหนือ หัวหน้าบอดี้การ์ดประจำตัวของอัยญ์ที่โผล่มาพร้อมกับลูกน้องอีกห้าคน ที่จริงทิศเหนือพร้อมกับลูกน้องถูกสั่งให้คอยตามดูแลคุณหนูอัยญ์อยู่เงียบ ๆ ทิศเหนือก็พร้อมจะทำตามถ้าไม่ติดว่าเห็นคุณหนูของตัวเองยืนหน้าแดง เอามือพัดหน้าทำท่าเหมือนจะเป็นลมอย่างไรอย่างนั้น
“แต่คุณหนูหน้าแดงมากเลยนะครับ แอร์ตรงนี้อาจจะแรงมากเกินไป กลับบ้านกันดีไหมครับ”
“ไม่เอา ๆ ๆ พี่เหนือ อัยญ์อยากซื้อของทำอาหาร” อัยญ์เกาะแขนบอดี้การ์ดคนที่เขาสนิทด้วยที่สุดเพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยังเด็ก
“หมายถึง ซื้อของไปให้ป้าอุ่นทำอาหารให้ทานหรือเปล่าครับ” ทิศเหนือทำหน้าตาเลิ่กลั่กพลางแก้ประโยคของผู้เป็นนายให้ถูกต้องตามความเข้าใจของตัวเอง
คุณหนูอัยญ์จะเข้าครัว ถ้าทิศเหนือส่งข้อความไปบอกป้าอุ่นหรือคุณผู้ชาย คุณผู้หญิงที่อยู่ที่บ้าน ทางนั้นคงได้ทำการรื้อครัวทิ้งกันยกใหญ่แน่นอน กับคุณหนูอัยญ์ที่หุงข้าวยังแฉะ ทอดไข่ยังไหม้ อย่าหวังว่าใครจะยอมให้เข้าครัว
“ไม่ ๆ อัยญ์อยากทำอาหาร พี่เหนือพาอัยญ์ไปซื้อของหน่อยนะ”
ปากก็อ้อนให้พาไปซื้อแต่เจ้าตัวกลับมุ่งหน้าไปทางโซนซุปเปอร์มาเก็ตอย่างไม่รีรอ ทิศเหนือกับลูกน้องได้แต่มองหน้ากันก่อนจะเดินตามคุณหนูของบ้านไปอย่างจำใจ
“อัยญ์ล่ะ…”
สามถามทิศเหนือเสียงเข้ม เป็นปกติที่หลังจากกลับจากที่ทำงาน สามมักจะแวะที่บ้านของอัยญ์ก่อน แต่วันนี้ต่างไปจากเดิมตรงที่สามได้รับโทรศัพท์จากหม่าม๊าของอัยญ์ว่าวันนี้อัยญ์จะเข้าครัวทำกับข้าว
อัยญ์ไม่ถูกกับครัว
ไม่ถูกกับครัวเอามาก ๆ คิดว่าหลังจากวันนี้คงต้องมีการจ้างช่างเข้ามาปรับปรุงห้องครัวอย่างแน่นอน
แค่ก ๆ ๆ ๆ ๆ
เสียงไอที่ดังติด ๆ กันหลายครั้งเรียกให้สามที่เพิ่งกลับจากทำงานก้าวเดินไปยังห้องที่เป็นต้นเสียงทันที
“แงงง หม่าม๊า ไฟไหม้!!”
เสียงของอัยญ์ดังขึ้นตอนที่สามเดินไปถึงด้านหน้าครัวพอดี คนตัวเล็กวิ่งออกมาจากห้องครัวที่เต็มไปด้วยควันขโมงและกลิ่นไม่พึงประสงค์
กลิ่นไหม้นั่นแหละว่ากันง่าย ๆ
คนตัวเล็กตาโตตอนที่เห็นสามเดินมาทางตัวเอง พยายามวิ่งกลับไปที่หน้าเตา ควานหาอุปกรณ์ดับไฟที่ลุกอยู่ในกระทะ สามคว้าผ้าขี้ริ้วชุบหน้าก่อนจะจัดการคลุมลงไปไฟจึงดับสนิทราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น สามจัดการปิดสวิตช์ที่เตาแก๊ส กอดอกมองอัยญ์ที่ยืนตัวลืบอยู่ตรงมุมห้องครัว
"นึกยังไงถึงได้เข้าครัว หื้มม ร้อยวันพันปีไม่เคยอยากทำอาหาร"
สามเดินเข้าไปประชิดร่างเล็กของคนน้อง มองเนื้อตัวที่สกปรกมอมแมมของอัยญ์ บนแก้มกลมมีคราบเขม่าเลอะอยู่ มือทั้งสองข้างก็เช่นกัน
"... เฮียอย่าดุอัยญ์นะ"
"คงไม่เกี่ยวกับที่เฮียสัมภาษณ์วันนี้หรอก ใช่ไหมครับ"
สามเดินไปหาทิชชู่ก่อนจะชุบน้ำหมาด ๆ แล้วเดินมาหาคนน้องที่ยังยืนอยู่ที่เดิม มือหนาเชยคางคนน้องขึ้นก่อนจะใช้ทิชชู่เช็ดคราบบนแก้มให้อัยญ์มนขณะที่เอ่ยถามไปด้วย
"ม ไม่ใช่ๆ ๆ ๆ ไม่ใช่สักหน่อย เฮียสามสัมภาษณ์อะไรอัยญ์ไม่เห็นรู้เรื่องเลย"
คนตัวเล็กส่ายหน้าถี่ ๆ ปฏิเสธเสียงแข็งจนสามเกือบหลุดหัวเราะ เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าตัวเองโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย
"...แล้วถ้าอัยญ์ไม่รู้ว่าเฮียให้สัมภาษณ์อะไร อัยญ์จะมั่นใจได้ยังไงว่ามันไม่เกี่ยวกัน"
-0-!!!
พลาดแล้ว
อัยญ์พลาดอย่างแรงเลย!!
ไม่รู้ด้วยแล้ว!!
ไม่รับรู้แล้ว!!
ไม่รู้ไม่ชี้!!!!
Comments (0)