เรื่องราวนี้ได้รับการบันทึกอย่างละเอียดทุกแง่มุมไว้โดย เอเดรียน มาเดอลีน เซเลสต์ อาร์ชิบอลด์ บุตรชายคนที่สามแห่งตระกูลอาร์ชิบอลด์ ผู้เดินทางท่องไปทั่วอาณาจักรเพื่อรวบรวมข้อมูลและสอบถามผู้อยู่ในเหตุการณ์จากเมืองคอร์วัส จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นองเลือดไปจนสุดดินแดนตะวันตก ณ เมืองเวสต์ฮิลส์ ดินแดนแห่งความเหน็บหนาวและเงียบสงบ

                                                                                                                                                               (Anonymous ผู้เผยแพร่, ธันวาคม 2030)

 

 

 

 

‘ปี 1775 ณ เมืองคอร์วัส เมืองท่าสำคัญทางตอนเหนือของอาณาจักรมาร์โกต์ ท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด ปรากฏกลุ่มควันมวลหนาสีแดงส้มส่องสว่างราวกับอาทิตย์กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าลอยสูงขึ้นไปในอากาศ ลมทางเหนือพัดพาเอากลิ่นเหม็นไหม้มาถึงระเบียงห้องนอนชั้นสามของคฤหาสน์อลิสันซึ่งห่างออกมาราวหนึ่งกิโลเมตร

 

จากทิศทางของกลุ่มแสงและควันไฟ คาดว่าจะเป็นเนินป้อมปราสาทคอร์วินัสนั่นเอง ที่กำลังลุกไหม้

 

ทว่าแม้แสงจากเปลวไฟจะส่องสว่างโชติช่วงเพียงใด ด้านตัวเมืองคอร์วัสซึ่งอยู่ไกลออกไปกลับตกอยู่ในความเงียบสงัดและมืดมิดราวกับเมืองร้าง

 

ทุกอย่างเงียบเสียจนขับให้เสียงกรีดร้องหวีดหวิวมาตามสายลมยิ่งทวีความดังก้องขึ้น ความเหน็บหนาวจับจิตค่อยๆ เกาะกินถึงขั้วหัวใจ

 

ไม่มีการบอกกล่าว ไม่มีคำทักทาย พี่ชายของข้า โลเทรค วิลเลี่ยม เซเลสต์ อาร์ชิบอลด์ ได้นำกองกำลังเข้าบุกโจมตีปราสาทคอร์วินัส โดยมีภรรยาเจ้าของป้อมปราสาทเป็นผู้นำทาง

 

กล่าวกันว่าในเวลานั้น 'ลอร์ดโคเว่น' กำลังมีปากเสียงกับน้องสาววัยสิบแปดปีอย่างรุนแรง เกี่ยวกับการส่งนางไปเข้าพิธีวิวาห์กับดยุคแห่งแอปเปิลไชร์ 

 

สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับผู้เป็นแม่และแฮมมอนด์ คนสนิทที่คอยดูแลทั้งสองเป็นอย่างมาก

 

ทุกคนมัวทุ่มเถียงกันวุ่นวายจนไม่มีใครสนใจว่าภรรยาผู้งามสง่าของลอร์ดโคเว่น จะอุ้มบุตรชายวัยทารกเดินหนีจากห้องนั่งเล่นของปราสาทออกไปยังที่ไหนสักแห่งด้วยความเหนื่อยหน่ายเต็มทน 

 

ทุกวินาทีที่ได้ย่างก้าวออกห่างจากเสียงทะเลาะเบาะแว้งและครอบครัวของสามี หัวใจของภรรยาสาวก็ยิ่งพองโต ชุ่มฉ่ำไปด้วยความตื่นเต้นยินดี

 

นางสาวเท้าไวขึ้นและไวขึ้นไปตามทางเดินอันมืดสลัว เหลือบตามองออกไปนอกหน้าต่างกระจกที่อยู่ข้างโถงทางเดินด้านนอกเป็นระยะ เห็นแสงไฟวับแวมจากคบเพลิงกลุ่มใหญ่ กำลังเคลื่อนเข้ามาประชิดกำแพงชั้นนอกของเนินปราสาทอยู่เบื้องล่าง

 

'ปราสาทคอร์วินัส' อดีตป้อมปราการโบราณซึ่งแปรสภาพกลายเป็นที่อยู่อาศัย แทบไม่ได้ใช้ทำสงครามใดมาร่วมร้อยปีแล้ว จนแม้ทหารของตระกูลยังมิได้ใส่ใจแต่งเครื่องแบบ พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ในชุดชาวบ้านธรรมดา นั่งๆ นอนๆ เฝ้ายามบ้าง ตั้งวงกินเหล้ากันบ้างตามประสา รอให้เวลาผ่านพ้นไปในแต่ละวัน 

 

ตลอดทางที่มุ่งตรงไป หญิงสาวไม่พูดคุยทักทายกับทหารหรือคนรับใช้ในตระกูลโคเว่นเลยแม้แต่คำเดียว

 

พวกเขามองตามนายหญิงแต่งตัวงดงามดังเช่นทุกๆ วัน เยื้องย่างก้าวฉับๆ ผ่านหน้าไปด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย มิได้ติดใจสงสัยหรือไม่พอใจอะไร เพราะปกตินางก็มักจะทำหน้าบึ้งตึงใส่บ่าวรับใช้ทุกคนเป็นธรรมดาอยู่แล้วตั้งแต่ครั้งแรกที่มาอาศัยอยู่ ณ ปราสาทแห่งนี้เมื่อสามปีก่อน

 

ไม่นาน หญิงสาวสูงศักดิ์จึงเปิดประตูออกมานอกตัวปราสาท และยิ่งสับเท้าเร็วขึ้นจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นระรัว เจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนขยับตัวเบาๆ พอให้มารดาของเขาก้มลงมอง ขณะเดินข้ามสะพานก่อด้วยหินที่เชื่อมตัวปราสาทไปยังประตูใหญ่ด้านนอกอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อมาถึงประตูไม้ขนาดใหญ่ซึ่งจำเป็นต้องใช้กลไกและแรงงานในการเปิด นางจึงใช้เท้าเขี่ยทหารเฝ้ายามสองสามคนที่นอนฟุบอยู่แถวนั้นให้ลุกขึ้นมาชักรอกเปิดประตู ทำทีราวกับจะออกไปเริงร่ายามราตรีที่คฤหาสน์อลิสันดังเช่นทุกที

 

ทว่าครานี้กลับเป็นการเชื้อเชิญให้โลเทรค บุตรชายคนโตของตระกูลอาร์ชิบอลด์ได้นำกองกำลังประจำตระกูลพร้อมอาวุธครบมือเข้ามาแทน

 

เขาใช้ดาบสังหารทหารยามโชคร้ายทันที ก่อนปรายดวงตาสีน้ำตาลทองมายังหญิงสาวด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

รอยยิ้มปริ่มราวกับรอต้อนรับสามีกลับบ้านของนางค่อยๆ เหือดหาย กลายเป็นสีหน้านิ่ว คิ้วขมวด ด้วยความขุ่นข้องใจ จนแม้นยามถูกเชิญให้ขึ้นนั่งบนรถม้าที่ถูกเตรียมคอยท่าไว้อยู่แล้วด้านนอก นางกลับยังคงชะเง้อเหม่อมองตามแผ่นหลังกว้างในชุดสูทสีขาวคอปกสีเข้มเรียบหรูของโลเทรคอย่างกังวล พลางเขย่าตัวหนูน้อยวัยแบเบาะในอ้อมแขนเบาๆ

 

ประกายจากผมสีทองเป็นลอนสลวยที่ถูกมัดไว้อย่างรีบเร่งของชายหนุ่มต้องกับแสงไฟคบเพลิงซึ่งเรียงรายสองฝั่งทางเดินบนสะพานเชื่อม เริ่มหม่นลงจนดูราวกับเป็นสีดำเมื่อเขาก้าวล่วงสู่เงามืดทะมึนของตัวปราสาทคอร์วินัส'

 

 

_______________________________________________________________________________

 

อาณาจักรมาร์โกต์ (The Kingdom of Margot) 

เมืองคอร์วัส (Corvus)

ปราสาทคอร์วินัส (Corvinus)

โลเทรค วิลเลี่ยม เซเลสต์ อาร์ชิบอลด์ (Lautrec William Celeste Archibald)

ดยุคแห่งแอปเปิลไชร์ (Duke of Appleshire)

เอเดรียน มาเดอลีน เซเลสต์ อาร์ชิบอลด์ (Adrian Madeleine Celeste Archibald)

เมืองเวสต์ฮิลส์ (West Hills)