Chapter 22 การสูญเสียผู้นำแห่งศิริกิจวัชรโชติ

“ไนน์ คุณพ่อ คุณพ่อไม่อยู่กับเราแล้ว” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นค่อย ๆ บอกกล่าวกับชายหนุ่มมาอยู่ด้วยเพียงคนเดียวในตอนขณะนี้

“ครับ” เสียงขานรับ มันเป็นเพียงประโยคเดียวที่หยุดออกมาจากน้องชาย

 

โฟร์วิ่งที่ไปถึงโรงพยาบาลพบกับน้าสาวและน้องชายยืนอยู่หน้าห้องไอซียูกำลังพูดคุยกัน เธอกระหืดกระหอบจากวิ่งยืนมองใบหน้าของน้องรักแสนจะเรียบนิ่งแทบจะไร้วิญญาณ ขนาดเธอเองยังตกใจสติไม่อยู่กับตัวมากนัก สายตาเลื่อนลอยไปปะทะรอยยิ้มบนใบหน้าน้าสาวก่อนจะจางหายไปเสี้ยววินาที

น้องชายเขาหันมาเจอเธอ จึงเดินเข้ามาหา เอ่ยเรียบด้วยเสียงอันแผ่วเบา “โฟร์...” นั่นเธอรับรู้ว่าน้องชายเธอสูญสิ้นสติแล้วและหมดเรี่ยวแรง เธอรีบเดินไปคว้ามือมาจับบีบเอาไว้ และสิ่งเดียวที่เธอไม่อาจทำได้คือการกอดปลอบ เพราะมั่นใจอย่างหนึ่ง ไนน์จะร้องไห้อย่างสุดชีวิต และเธอไม่อยากให้น้องแสดงออกมาต่อหน้าผู้หญิงคนนี้

“โฟร์อยู่นี่” เสียงหนักแน่นและแข็งกร้าวบอกออกไป ไนน์เงยหน้ามองและพยักหน้าเข้าใจ

 

ไม่นานหลานของเจ้าสัวชัชเดินทางมาจนหมด บุตรที่สามารถเดินทางมาบอกลาร่างของบิดาและพาออกจากสถานที่แห่งนี้มีเพียงแค่บุตรชายคนโตบินมาด้วยเครื่องบินส่วนตัวจากเชียงใหม่ ทั้งหมดเดินเข้าไปทางด้านในห้องมีร่างของชายที่เป็นเสาหลักของตระกูล ชายชราที่แสนจะตามใจหลาน ๆ ทุกคน ชายที่คอยอบรมและให้คำแนะนำในทุกเรื่อง ชายที่คอยเข้าข้างหลาน ๆ ในยามที่โดยบิดามารดาดุด่าตักเตือน

มืออันสั่นเทาของไนน์จับที่เท้าทั้งสองข้าง น้ำตาที่อดกลั้นมาไหลบ่าออกมาอย่างมากมาย แม้จะไม่ใช่บิดาที่สร้างชีวิต การที่ได้รับการเลี้ยงดูราวกับลูก ปู่ที่เป็นแค่คำเรียกขาน แต่รับรู้ว่าเขาคือบุตรที่รักจนสุดหัวใจของชายคนนี้ และปู่คือพ่อ คนที่เขารักสุดของหัวใจเช่นกัน

“อึก...” เสียงสะอื้นไห้ ใบหน้าก้มลงไปซุกที่ฝ่าเท้าเย็นเฉียบแล้ว

น้ำเสียงของหลานรัก น้องรักที่ร้องไห้ต่างเรียกสายตาให้ทุกคนหันไปมอง พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลออกมาพร้อมกันอย่างไม่รู้ตัว สำหรับคนที่เป็นลูก วันที่ต้องสูญเสียพ่อและแม่ไป เขายังมีภรรยาและลูกที่คอยปลอบโยน ส่วนหลานที่สูญเสียปู่ ยังมีบิดามารดาที่เคียงข้าง แต่สำหรับไนน์ในที่วันหนึ่งสูญเสียพ่อกับแม่ไปแล้วครั้งหนึ่ง ถึงจะจำความอะไรไม่ได้ แต่การต้องสูญเสียคนที่เปรียบเสมือนบิดาไป ทุกคนต่างเข้าใจว่าครั้งนี้มันร้ายแรงสำหรับไนน์มาก พวกเขาปล่อยให้ไนน์ใช้เวลาอยู่กับปู่ได้เต็มที่

“ไนน์ลูก ถ้าไหวแล้วค่อยออกไปนะครับ ลุงและป้ากับพี่ ๆ เขาจะรอเราอยู่ข้างนอกนะ” ลุงมังกรลูบหัวหลานรักและบรรจงจูบกระหม่อมอย่างแผ่วเบาเป็นการปลอบโยน

ด้านนอกทุกคนต่างเงียบงันแบบไม่มีอะไรอยากจะเอื้อนเอ่ยออกมา การจากลาไปสิ่งที่รับรู้ตั้งแต่วันที่ปู่ประกาศว่าป่วยแล้ว ทุกคนรับรู้เตรียมใจแต่ถึงกระนั้นก็ยังอดใจหายไม่ได้

ประตูเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มปาดคราบน้ำตาจนหมดจากใบหน้า “พวกเราพาปู่กลับกันเถอะครับ”

โฟร์โทรไปแจ้งกับเมเปิลคนรักของตัวเธอถึงการจากไปของปู่และบอกด้วยว่าคงจะไม่ได้กลับคอนโดจนกว่างานจะเสร็จสิ้น คนรักของเธอกลับตอบกลับมาว่า ค่ะ ดูแลตัวเองเดี๋ยวหนูจะรีบไปอยู่เคียงข้างนะคะ เพียงแค่คำพูดนั้นช่วยฉุดรั้งพยุงให้เธอลุกเดินอีกครั้ง กำลังใจจากคนรักคือสิ่งวิเศษจริง ๆ

การสูญเสียนักธุรกิจชื่อดังอย่างเจ้าสัวชัชรินทร์ ศิริกิจวัชรโชติ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของประเทศนี้ยังไม่รวมการลงทุนในอีกหลายประเทศ ซึ่งต้องตกเป็นของบุตรสาวคนสุดท้องบัดนี้ได้ส่งมอบให้กับบุตรชายของเจ้าตัวแล้วยังมีธุรกิจแตกแขนงอยู่ในการครอบครองบุตรชายทั้งสี่อีกมากมาย เช่น ธุรกิจส่งออกดอกไม้ของลูกชายคนโต ธุรกิจร้านอาหารของบุตรคนที่สอง ธุรกิจสายการบินของบุตรคนที่สาม และสุดท้ายธุรกิจสถานบันเทิงและกาสิโนของบุตรชายคนที่สี่

ประวัติของผู้ตายได้รับการตีแผ่ออกสู่สาธารณชน และจุดที่ทุกคนให้ความสนใจคือหลานชายที่ได้รับตำแหน่งแทน การขุดคุ้ยประวัติรวมถึงรสนิยม รวมถึงเพื่อนสนิทอย่างพวกเธอก็ไม่พ้น

“ว่าไงมึง” เมเปิลรับสายจากจัสมินระหว่างเธอกำลังไถลหน้าจออ่านสิ่งที่ในโลกออนไลน์

[มึงเข้าไปอ่านข่าวพวกนั้นยังวะ ปู่เพื่อนกูเพิ่งจะเสียไป นักข่าวพวกนี้แม่ง กูจะฟ้องให้หมดเลย]

“มึง คอลกลุ่มไหม จะคุยกัน นั่นไงไอ้เชี่ยคิวโทรมาแหละ”

เมเปิลและจัสมินวางสายกดเข้าไปแอปพลิเคชันสีเขียว ที่มีชายหนุ่มทั้งสามได้แก่ เจโอ คิวและน้องวีรออยู่นั้นแล้ว

[ช้าสัด] เสียงด่าทอจากชายหนุ่มปากดีที่สุดในกลุ่มอย่างคิว

[...] เมเปิลกับจัสมินกัดฟันเค้นเขี้ยวอยากด่าสวนกลับไป แต่มีเรื่องโฟกัสในเรื่องที่ต้องคุย

[ไอ้คิวหุบปาก พวกมึงรู้เรื่องเจ้าสัวแล้วใช่ไหม น้องวีตอนนี้ไอ้ไนน์โอเคไหม] เจโอถามขึ้น

[เอ่อ...ก็เอาแต่นั่งเงียบพี่ซันเองตามประกบไม่ห่าง แล้วมีใครดูที่โพสกันหรือยัง] หนูวีบอกเสียงอ่อยกับเพื่อน

[เฮ้ย...] เสียงเพื่อนพ้องทั้งหมดถอนหายใจแทบจะพร้อมกัน อย่างน้อยเจ้าตัวยังมีแฟนหนุ่มอยู่ข้างกาย พวกเขายังเบาได้

[น้องวีลูก เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงนะ ฝั่งบ้านหนูไม่ปล่อยไว้นานหรอก] เมเปิลบอก

[ป่านนี้แคปเตรียมฟ้องแล้ว] จัสมินเสริมมาด้วยอีกคน

[พวกมึง!! มีคลิปไอ้ไนน์มันข่มขู่ปู่ปล่อยมากว่ะ] คิวพูดแทรกขึ้นมา ทั้งหมดรีบกดเข้าไปดูคลิปที่ถูกพูดถึง

[วี ไอ้ไนน์ล่ะ มันไม่ได้ดูมือถือใช่ไหม]

[แป๊ะนะ] น้องน้อยเงียบไปสักครู่ เสียงสวบสาบในการขยับตัว [ไม่นะ นั่งตักน้ำอยู่หน้าศพ โทรศัพท์น่าจะอยู่กับพี่ซัน]

คิวขานรับ [อืม แล้วจะไปงานกันตอนไหน]

[กูไปฟังสวดคืนนี้แหละ] เมเปิลตอบรับ

[เออกูด้วย] คิว

[งั้นเดี๋ยวกูรอพี่ภามม์ก่อน ถ้าดึกคงไปพรุ่งนี้ ฝากบอกมันด้วยนะมึง] จัสมิน

[แล้วเจอกันพวกมึง น้องวีมีอะไรโทรหาเลยนะ]

[อื้ม...เลยเจอกันน้า...]

 

เมเปิลอาบน้ำแต่งตัวด้วยโทนสีดำสนิท ให้มิกซ์ขับรถไปส่งยังมูลนิธิตั้งศพของเจ้าสัวชัช การผ่านเข้าออกมีการตรวจตราเข้มข้นเพราะหลังจากมีข่าวออกไปทางเจ้าภาพได้กันนักข่าวออกไปทั้งหมดมีเพียงแค่แขกเท่านั้นถึงเข้าไป โดยมีโดยมีเลขาส่วนตัวของแต่ละคนมาช่วยตรวจสอบ เธอโทรบอกโฟร์ออกก่อนจากคอนโดแล้ว เมื่อมาถึงคนพี่ออกมารับถึงรถทันที

เมเปิลเดินไปยังลานตั้งศพ สายตาสำรวจมองหาเพื่อนไนน์ เดินไปยังพื้นที่เคารพศพ ลงไปพับเพียบพนมมือไหว้

“ปู่ค่ะ ที่คุยกับเมลไว้ไม่ใช่งานแบบนี้สิ” น้ำเสียงสั่นปนความน้อยใจ “ส่วนหลานของปู่ พวกหนูจะช่วยดูมันเองนะคะ” เธอปักธูปหันไปมองภาพของชายสูงวัยแสนใจดี

“ไปหาไนน์กันค่ะ”

 

หญิงสาวคิดว่าเธอมาเร็วที่สุดแล้ว ยังไม่ทันเพื่อนคนอื่น จัสมินที่คิดว่ามาไม่ได้ยังมาโผล่อยู่นี่ ทุกคนยืนรายล้อมชายหนุ่มผู้สูญเสียคนเปรียบเสมือนบิดา

“ไนน์มึง...” เมเปิลเดินไปสวมกอดเอวเพื่อนสนิทตามด้วยเงยหน้าเอ่ยถาม “ไหวไหม”

ชายหนุ่มก้มหน้าสบตาใบหน้ามีน้ำตาคลอขอบเบ้า น้ำเสียงเต็มไปทั้งความห่วงใยและกังวลอย่างมาก เขาค่อยคลี่ยิ้มตอบกลับ ส่ายหน้าเล็กน้อยกระชับกอดให้แน่นขึ้น จัสมินก้าวเดินเข้ามารวบกอดฝั่งซ้าย วีเข้ามากอดด้วยฝั่งขวา และเจโอกับคิวก้าวเดินเข้ามาตบแผ่นหลังเพื่อน

“ขอบใจนะพวกมึง” ไนน์อดกลั้นน้ำตาเอาไว้ เมื่อรับการปลอบโยนและอ้อมกอดจากเพื่อนสนิทหยดน้ำใสไหลออกมา ก่อนจะตามด้วยร่างกายสั่นไหวพร้อมเสียงร้องไห้เสียใจอย่างเจ็บปวดถึงพยายามกดข่มเอาไว้ “กูโอเค กูโอเคพวกมึง”

เพื่อนสาวแต่ละคนน้ำตาไหลพรากกัดปากกดเสียงร้องไห้เช่นกัน น้องวีเบะปากร้องไห้โดนแฟนหนุ่มดึงตัวออกไปให้ร้องไห้ซบอกตัวเอง ส่วนสองหนุ่มตาแดงก่ำเช่นกัน

“พวกมึงมาอีกทีวันเผานะ” ไนน์เดินมาส่งเพื่อน ๆ พร้อมแฟนหนุ่มและน้องหนูวี แต่ละคนอ้าปากจะถาม “วันนั้นกูอยากกำลังใจจากพวกมึง ส่วนหลังจากนี้กูว่าพอไหว ที่สำคัญพวกมึงมีงานต้องทำ”

หญิงสาวมือหนักตีไหล่หนึ่งทีเรียกสติ “มึงนี่คิดอะไร” แต่ละคนถลึงตามองเป็นตาเดียว

ไนน์พูดอ้อมแอ้ม “ก็พวกมึงมา กูจะร้องไห้ไง เสียหน้าเหี้ย ๆ”

สองสาวและสี่หนุ่มได้ยินมีรอยยิ้มมุมปากกันทุกคน อย่างน้อยไนน์ก็ยังไม่แตกสลาย พยักหน้ายอมทำตามเจ้าตัวขอร้อง

“พี่ซันฝากเพื่อนพวกหนูด้วยนะคะ” จัสมิน

“ได้ครับ” ทั้งสามรอจนรถเคลื่อนตัวออกไปจนหมด ซันแบมือขอมือจากไนน์ “เข้าไปข้างในกันนะครับ ไปกันน้องวี”

“ครับ” วีเดินเคียงข้างไปกับทั้งสอง

 

วันเผาศพทุกคนมาร่วมงานเฉพาะแขกรับเชิญ คนในงานอยู่ร่วมจนเสร็จพิธีจนถึงการวางดอกไม้จันทน์ เลขา ส่วนพิธีหน้าศพก่อนจะเข้าสู่การฌาปนกิจ ขอสงวนไว้แค่คนภายในครอบครัว ซึ่งจะมีแค่ลูกชาย ลูกสะใภ้รวมถึงหลานทุกคนเท่านั้น

ระหว่างเลขาส่วนตัวแต่ละคนมีหน้าที่ช่วยส่งแขกกลับ โฟร์ปลีกตัวออกมาแป๊บหนึ่งเพื่อนหาคนรักตัวเอง “เมลค่ะ” เธอเรียกก้าวเดินไปทิ้งหน้าซบบ่า “พี่ขอโทษ” โฟร์กล่าวออกไปเพราะคนที่อยู่ร่วมงานมีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้น เมเปิลคือส่วนหนึ่งของเธอแต่ไม่สามารถอยู่ได้ เธอรู้สึกผิดกับคนรักของเธออย่างมาก

เมเปิลลูบหัวคนอายุมากกว่า “เมลเข้าใจค่ะ พี่ไปทำหน้าที่ของพี่นะคะ ส่วนในตอนนี้เรื่องเราเอาไว้ก่อน แล้วขอบคุณพี่โฟร์ที่คิดถึงความรู้สึกเมล เมลโอเคจริง ๆ ฝากเพื่อนหนูด้วยนะ” เธอผละตัวออก จูบแก้มพลิกคนพี่หันหลังออกแรงดัน พร้อมกับยืนโบกมือ

 

ช่วงกลางดึกโฟร์กลับมายังคอนโดหลังจากไม่ได้กลับมาตลอดช่วงพิธีหรือกลับมาในช่วงกลางวันแค่เปลี่ยนเสื้อและออกไป เมเปิลนอนอยู่บนเตียงลุกขึ้นวิ่งไปเปิดประตูห้องนอนเมื่อได้ยินเสียงคนจากทางด้านล่าง

“พี่โฟร์...” เมเปิลวิ่งลงจากชั้นสองตรงไปกระโดดสวมกอดคนรักด้วยความคิดถึงอย่างมาก

โฟร์อ้าแขนรอรับรวบตัวมากอดเช่นกัน กดหอมแก้มไปหนึ่งฟอดใหญ่ “คิดถึงจังเลยค่ะ”

“จูบหน่อยได้ไหมคะ”

โฟร์อมยิ้มเล็กน้อย วางตัวคนรักลงบนพื้น บรรจงประกบริมฝีปากแนบสนิทบดจูบ สอดเรียวลิ้นร้อนเข้าไปในโพล่งปากเกี่ยวตวัดลิ้นเล็ก เมเปิลรับรสนิโคตินจาง ๆ จากปากของคนพี่ ริมฝีปากแยกออกจากกัน น้ำลายไหลเลอะมุมปากเมเปิลและโฟร์ตวัดลิ้นเลียเก็บคราบสีใส เมเปิลยังโหยหาในรสจูบ ไล่ตามมาเพื่อสานต่อ แต่อีกฝ่ายเบี่ยงหน้าหลบเพราะเธอไม่อยากให้น้องได้สัมผัสสิ่งไม่ได้จากตัวเธอ

“ขอโทษค่ะ พี่เพิ่งสูบบุหรี่”

“ค่ะ! งั้น...ไปอาบน้ำแล้วมานอนพักผ่อนนะคะ”

เมเปิลปล่อยคนพี่ไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนพร้อมกัน โฟร์ตลบผ้าห่มสอดตัวขึ้นมา อ้าแขนให้คนนอนมาซุกในอ้อมกอด เมเปิลวาดแขนโอบเอวคนรักของเธอเช่นกัน

“พี่โฟร์ไม่ต้องไปอยู่ข้างไนน์เหรอคะ พี่คนอื่น ๆ ด้วย” ร่างบางถามอย่างสงสัย เพราะเพื่อนเธอคือน้องรักที่สุดในบ้าน ยิ่งในวันนี้คือชายหนุ่มน่าจะอ่อนไหวที่สุด เขาจะไม่สามารถมองเห็นปู่ได้อีกแล้ว หลงเหลือไว้ในความทรงจำเท่านั้น เธอคิดว่าพี่ ๆ จะต้องคอยเฝ้าไม่ห่าง

“คงไม่ได้หรอกค่ะและเป็นพวกพี่เอง ที่เอาตัวเองออกมา เพราะห่วงความรู้สึกของไนน์มากที่สุด”

“...”

โฟร์ถอนหายใจด้วยความเจ็บปวด เธอขนาดเธอเองยังปวดแปล๊บทุกครั้งที่นึกถึงปู่ แล้วน้องจะทุกข์ขนาดไหน “ไนนไม่ได้กลับบ้านใหญ่ พี่เดาว่าคงอีกนานเลยแหละ ในทุกพื้นที่บ้านหลังนั้นมันมีปู่อยู่เต็มไปหมด ทุกครั้งที่รวมตัวกันอยู่จนครบพี่น้องเก้าคน จะมีประมุขของบ้านมาอยู่ด้วยเสมอ พี่กลัวการเข้าไปอยู่ข้าง ๆ คอยปลอบมันจะยิ่งทำให้ภาพเหล่านั้นผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ” โฟร์หลับตาเงยหน้ากล้ำกลืนหยดน้ำตามันเอ่อ “ส่วนหนึ่งของพวกเรามันแหว่งหายไป ไม่มีคุณปู่แสนจะใจดี แสนจะอบอุ่น และปู่ที่เป็นพ่อและแม่ในยามที่หลาน ๆ ทุกคนต้องการ ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีอยู่จริง ๆ” โฟร์หลับตานึกภาพบรรยากาศครั้งล่าสุดพวกเขารวมตัวตัว ก้อนกลุ่มกอดโดยมีไนน์รับการกอดของปู่ ตามด้วยพวกเธอทั้งแปดและปิดท้ายด้วยลูกชายเจ้าของบ้านอีกสี่คน

“เพราะการจากไปโดยไม่ได้บอกลากันสักคำ”

โฟร์กระชับอ้อมกอดของตัวเองแน่นขึ้นโอบรัดคนรัก ตัวเมเปิลเชิดหน้าจูบซอกคอปลอบประโลม โฟร์เองรู้สึกว่าการอยู่กับคนที่รักเราและเรารักที่สามารถแบ่งปันทุกข์สุขแก่กันและกันในเหนื่อยล้าและโศกเศร้ามันดีแบบนี้ และน้องชายเธอคงเป็นเช่นกัน

 

เมเปิลรับรู้เรื่องราวภายในบริษัทศิริกิจวัชรโชติกรุปผ่านทางคนรัก โดยโฟร์เองก็ไม่เข้าไปยุ่งเพียงแค่เฝ้ามองอยู่จากข้างนอก แต่นั่นคือเหตุการณ์เริ่มต้นเรื่องราวหลาย ๆ พี่โฟร์เริ่มไม่ค่อยกลับคอนโดหรือไม่ก็กลับดึกมาก เมเปิลเองก็อยากจะถาม เลือกจะกลืนคำถามลงคอไปอย่างง่ายดายเพราะเธออยากรักษาความสัมพันธ์ที่ดี บังคับตัวเองให้เชื่อว่าคนพี่ไม่มีทางนอกใจและตั้งมั่นเชื่อใจอย่างที่สุด

ส่วนทางด้านตระกูลศิริกิจวัชรโชติเคลื่อนไหวภายในเงา มังกรบุตรชายคนโตของเจ้าสัวชัช ออกคำสั่งให้น้องชายและภรรยาแสร้งทำทีว่ากลับไปใช้ชีวิตตามเดิม แต่ยังอาศัยอยู่ภายในประเทศคอยตรวจตราและออกคำสั่งคนของตน ส่วนตัวเองก็บินกลับไปเชียงใหม่และออกคำสั่งทางไกลแทน เพื่อให้คนร้ายที่เป็นน้องสาวต่างมารดายอมรับเข้าพิจารณาคดี ตายใจ ซึ่งเจ้าตัวเล่นได้สมบทบาท หลังจากการตลบหลังควานหาหลักฐานการโกงด้วยร่วมมือระหว่างไนน์กับธานินอดีตเลขามือหนึ่งเจ้าสัวชัช เจาะข้อมูลเอามาจนหมดเปลือก

หนึ่ง ทู ทรัว โฟร์ ทาซอท ยอซอท ฮาจิ และนานะ มีประชุมสรุปผลกันแทบทุกวันเพราะต้องรอรายงานจากบอดี้การ์ดของน้องชาย รวมถึงสลับกันไปเฝ้าน้อง ๆ ยังที่ทำงานหรือนอกสถานที่บ้าง นี่คือการญาติดีที่สุดในเรื่องของน้องชายสุดโปรด

สามเดือนหลังจากเหตุการณ์ต่าง ๆ เริ่มคลี่คลาย เช้าวันจันทร์แสนจะวุ่นวาย ตระกูลศิริกิจวัชรโชติได้รับสายจากบอดี้การ์ดประจำตัวน้องชายว่าได้อุบัติเหตุและมีคนมาพาตัวไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แถมผิดวิสัยของหน่วยกู้ชีพมาเร็วมาก

หนึ่งและนานะรีบเข้าไปตรวจสอบโรงพยาบาลพร้อมกับสอบถามรายละเอียดกับบอดี้การ์ดของน้องทั้งสองคน หลังจากฟังเขาทั้งสองสรุปเรื่องแจ้งให้ทุกคนทราบและเรียกรวมตัวกันสถานบันเทิงของนานะชั้นสามใช้เป็นศูนย์กลางการทำงานของธุรกิจเธอ

โฟร์กดโทรศัพท์ต่อสายหาคนรักของตัวเอง

[ค่ะ พี่โฟร์]

น้ำเสียงแสนสดใสในเธออ่อนยวบลงไปกองกับพื้น ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาทันที “ขา... คิดถึงหนูจังเลยค่ะ”

[หื้ม...เพิ่งแยกจากกันไม่กี่ชั่วโมงเองนะคะ แต่เมลเองก็คิดถึงเหมือนกันค่ะ] โฟร์ยิ้มเดาว่าเจ้าตัวหน้าแดงบิดตัวไปมา

“พี่จะโทรมาบอกหนูว่า พี่จะไปธุระนิดหน่อยนะคะ ไม่แน่ใจว่ากี่วันค่ะ หลายที่ด้วยคงติดต่อยากหน่อยนะคะ”

[อ๋อ... ค่ะ คงต้องตามนั้น] เมเปิลใช้น้ำเสียงไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะอีกคนไปทำงาน

“พี่รักเมล รักเมเปิลคนนี้มาก ๆ นะ รักที่สุดขั้วหัวใจ แล้วพี่จะกลับมาหาหนูให้ได้ค่ะ เมลคือของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตพี่ พี่จะต้องกลับมาค่ะ”

[ค่ะ?]

“แค่นี้ก่อนนะคะ ต้องไปแล้ว”

“เอ่ออย่างหาว่าผมสอดเลยนะครับ ทำไมคุณโฟร์ไม่บอกคุณเมลไปตามตรงครับ”

โฟร์สายตามองจ้องบอดี้การ์ดผ่านกระจก “คุณเมเปิล เรียกให้ครบด้วย” เป้คิ้วกระตุกในความหวงแค่ชื่อก็ไม่อนุญาต “กูกลัวน้องกังวล และที่สำคัญกูต้องกลับมาในสภาพดีเพื่อไปหาหญิงสาวที่น่ารักอย่างดูดีที่สุด”

“แต่ถ้าคุณเมเปิลรู้ที่หลังจะไม่โกรธเอาเหรอครับ”

“น้องเป็นคนที่เข้าใจกูที่สุด เป็นผู้หญิงที่น่ารักเข้าใจอะไรง่ายแค่กูอธิบายพอ งานนี้จัดการได้” โฟร์ยิ้มย่องด้วยความภาคภูมิในตัวแฟนสาว

“แต่ด้วยนิสัยผู้หญิงน่ะครับ”

“กูก็ผู้หญิงทำไมจะไม่เข้าใจ”

เป้พยักหน้าในความมั่นใจของเจ้านาย ...ผมเข้าใจครับว่าเจ้านายคือผู้หญิง แต่อย่าลืมนะครับเจ้านายโตกับลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้ชายถึงเจ็ดคนและในบางมุมเจ้านายไม่ละเอียดอ่อนแบบผู้หญิงเลย เมื่อถึงวันนั้นผมจะคอยดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ...

TBC...

-----------------------------------------------------------------------

เตรียมตัวรับกรรมไว้เลยนะ