Chapter 4 ด้วยความประสงค์ดี และความหวังอีกนิดหน่อย

 

เสียงปรบมือแสดงความชื่นชมแก่ดีไซเนอร์ กำลังเดินควงนางแบบว่าในชุดพิลนาเล่ ออกมาด้านหน้า แฟนหนุ่มถือช่อดอกไม้ขนาดใหญ่มายื่นมาแก่ชิงชิง เมเปิลยกนิ้วโป้งแสดงความยินดีในงานครั้งนี้แก่พี่สาว สายตาแพลนไปรอบเวทีเดินแบบจนประสานกับดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมายังเธอ

หัวใจเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย เหี่ยวเฉาค่อย ๆ ปะทุด้วยการสั่นไหว เริ่มจากเบาและทวีคูณ ดัง ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก มุมปากยกยิ้มจนตาหยี่ลง โฟร์ที่รับยิ้มด้วยความดีใจจากคนน้อง ยกมือโบกทักทายตอบกลับและยิ้มรับแก่หญิงสาว

 

นายแบบและนางแบบทั้งหมดเดินกลับมายังหลังเวที โฟร์มองช่อดอกไม้ในมืออย่างเสียดาย ถ้าเธอรู้ว่าน้องจะมาร่วมด้วยคงไม่หอบมาเพียงแค่ช่อเดียว

“คุณโฟร์...” นางแบบสาวปรี่เดินเข้าหาเมื่อหญิงสาวเดินขายังหลังเวที

“ขา นี่ดอกไม้ค่ะ วันนี้สวยมากนะคะ” โฟร์ยื่นดอกไม้พร้อมยกยิ้มบาง

“พี่ไบร์ท!! ถ่ายรูปค่า...” เสียงตะโกนเรียกจากกลุ่มนางแบบและนายแบบกำลังรวมตัวอวดโฉมหน้ากล้อง และหน้าจอมือถืออีกนับไม่ถ้วน

“ไบร์ทขอไปถ่ายรูปทางนั้นก่อนนะคะ เดี๋ยวมานะคะ” กดหอมแก้มหญิงสาวอย่างเก้ ๆ กัง ๆ

“เชิญค่ะ” โฟร์พยักหน้าตอบกลับ

 

หลังจากแยกจากอีกคน เธอเดินหาอีกคนที่หายจากกลุ่มคนส่วนมาก จนพบหญิงสาวทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้ก้มนวดน่องขาทั้งสองข้าง ยู่ปากและถอนหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย

“น้องเมเปิลค่ะ” โฟร์เอ่ยเรียกคนที่เอาแต่ไม่สนใจใคร

น้ำเสียงที่ไม่ได้ยินมานานแต่กลับคุ้นหู ใบหน้าสวยค่อย ๆ เงย สอบรับกับใบหน้าของคนเรียก ริมฝีปากคลี่ยิ้ม มันทำให้โฟร์เองถึงกับจ้องมองอยู่นาน

“อ๊ะ! พี่โฟร์...สวัสดีค่ะ”

โฟร์ลากเก้าอี้และหย่อนตัวนั่งติดกับหญิงสาว “เรามาเดินแบบงานนี้ คนเก่งของพี่ไม่เห็นพูดถึงเรื่องนี้เลย” ใบหน้าคมหวานเอียงมองไล่ตาสำรวจ “รู้ไหมว่าวันนี้เมเปิลสวยมากนะคะ สวยจนพี่ละลายสายตาไม่ได้เลย”

พลันโดนชมจากคนที่ตัวเองแอบปลื้ม ความร้อนผ่าวลามไปทั่วใบหน้าทันที “จะ จริงเหรอคะ” เธอเม้มปากไปนิดหน่อย ก่อนจะปรับเสียงไม่ให้สั่นพร้อมทั้งควบคุมหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงจนคนนั่งข้างได้ยิน แต่นั่นก็ไม่ได้ดีขึ้นแม้แต่น้อย “เมลไม่ได้บอกตั้งแต่แรก แต่ก็เพิ่งบอกเมื่อคืนเองด้วย” และหันมาย่นจมูกเล่าต่อ “เมลน่ะโดนพี่ชิงชิงร่วมมือกับคุณแม่หลอกมาขาย ให้มาตกหนุ่ม ๆ กลัวแต่ลูกจะหาแฟนไม่ได้”

มือเรียวยาวยกมือบีบจมูกอย่างมันเขี้ยว “ตกพี่ได้คนหนึ่งแหละ ถ้าเป็นแบบนั้นดีไหมคะ” ตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ

“...” ตอนนี้ไม่ว่าโฟร์จะพูดอะไร เมเปิลรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนหลอกหยอดจีบ มือบางขยุ้มจิกกระโปรงชุดเจ้าสาวแทบขาดอยู่แล้ว ในใจอยากพยักหน้าพร้อมกระโดดกรี๊ด

“ขอถ่ายรูปกับคู่กับคุณเจ้าสาวได้ไหม” รอยยิ้มจากบนใบหน้าหญิงสาวอีกคน จนเธอเกือบเผลอไปว่า ตัวเองเป็นเจ้าสาวจริง และเมื่อได้ยินคำว่า คุณเจ้าสาว มันจั๊กจี้หัวใจ เหมือนว่าพี่โฟร์กำลังสื่อความหมายอีกแบบ

“ได้ค่ะ” เมเปิลรับพยักหน้ารับแบบหัวสั่นหัวคลอน

โฟร์หยิบโทรศัพท์ออกมากระเป๋ากางเกง บิดตัวมาหานางแบบสาวสวยและยกมือขึ้นทำมุมสูง ใช้มืออีกข้างโอบไหล่ให้เข้าใกล้แนบชิด กดถ่ายอยู่หลายภาพ เมเปิลยกยิ้ม ใช้ทั้งสองมือข้างรองใต้คาง ยกนิ้วทำมินิฮาร์ท ในจังหวะกดชัตเตอร์ พบว่าคนด้านข้างไม่ได้มองกล้องสายตาย้ายมามองที่เธอ

“มะ ไม่มอง กล้อง เหรอ...”

เมเปิลถามอย่างกระท่อนกระแท่นเพราะด้วยสายตาที่คนพี่มองเธอมันหวานละมุน มันคล้ายกับสายตาที่พี่หนึ่งมองเพื่อนวี เวลาเจโอมองพี่ไอซ์ ยังรวมถึงพี่ภามม์มองยังเพื่อนรักจัสมิน จนเธอย้ายสายตากลับมาคนด้านข้างด้วยสายตานั้นเฉกเช่นเดียว แชะ!! แชะ!!

“เอ่อ...” เป็นเมเปิลเองทนมองสายตาด้วยไม่ไหว ลู่หลบเลี่ยงด้วยใจที่เบาหวิวอีกนิดเธอจะเผลอเข้าไปทั้งจูบทั้งหอมแล้วนะ คนบ้าอะไรเสน่ห์เกินต้านทานไปแล้ว

เมื่ออีกคนหลบเลี่ยงสายตา โฟร์รู้สึกว่าได้แสดงการกระทำที่ไม่สมควรเพราะไม่ได้มีสถานะจะเที่ยวหยอดจีบใครไปทั่วได้ นึกได้เสียใจ เมื่อเอาโทรศัพท์มาดูรูปถ่ายอดจะยิ้มอย่างชื่นชม

“ถ้าเป็นเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวคงดี” เสียงบ่นพรึมพร่ำอย่างเสียดาย

“ค่ะ?”

“ไม่มีอะไรคะ” ตามด้วยยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากลบเกลื่อน

“ส่งรูปให้ด้วยนะคะ เอาทุกรูปนะ” เมเปิลเองอยากได้ภาพสุดท้ายเมื่อสักครู่ ขยับปากอย่างอ้ำอึ้ง “พี่โฟร์มีคอนแทกต์เมลแล้วใช่ไหมคะ”

“อืม...ใช่ค่ะ แต่มันได้มาแบบเสียมารยาท พี่ถือโอกาสนี้ขอกับเราเลยแล้วกันนะ”

“ค่ะ แล้วอย่าลืมส่งมาให้น้า... หนูขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนค่ะ” หญิงสาวลุกขึ้นรวบชายกระโปรงยกขึ้น เตรียมก้าวเดินออกไป

“เดี๋ยวค่ะ! แล้วเราจะอยู่ร่วมมาอาฟเตอร์ปาร์ตี้ไหมคะ”

“ไม่ค่ะ ช่วงนี้หนูวิ่งรอบประเทศแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบายด้วยว่าจะหนีกลับไปนอนแล้วค่ะ” น้ำเสียงตอบกลับมาดูเหนื่อยเหมือนกับคำพูด

มือเรียววางบนหัวตบเบา ๆ เหมือนปลอบโยนน้อง “ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”

“คุณโฟร์!!” เสียงเรียกแทรกระหว่างการคุยของพวกเธอ

เจ้าของชื่อปรายตามองไปตามเสียง “พี่ต้องไปดูแลคนทางนั้นก่อนนะคะ”

“ค่ะ...” เมเปิลมองดูคนพี่หมุนตัวกลับหลังหันเดินไปหาคุณนางแบบพร้อมรอยยิ้ม และได้ยินเสียงถามจากคนนั้น “นั้นใครคะ รู้จักกันเหรอ” ตามด้วยเสียงตอบกลับ “รู้จักสิคะ เพื่อนน้องชายพี่” หญิงสาวควงแขนแฟนสาวมองกลับมาทางด้านหลังด้วยสายตาไล่สำรวจเธอ

 

 

เมเปิลกลับมายังคอนโดของเธอ ตรงไปอาบน้ำกินยาลดน้ำมูกซุกตัวลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้าและหลับลึกเพียงแค่ไม่กี่นาที โฟร์ที่อยู่ร่วมในปาร์ตี้ของบรรดาเพื่อนของไบร์ท แม้จะได้รับคำเชิญให้ไปร่วมเต้นรำ เธอทำเพียงแค่ยิ้มตอบกลับหันมาจิบเหล้านั่งอยู่เฉย ๆ หลังจบงานเธอให้บอดี้การ์ดขับรถพาหญิงสาวไปส่งยังคอนโดทิ้งไว้ที่ห้อง พาตัวเองกลับมาคอนโด

 

เช้าวันรุ่งขึ้นเมเปิลหยิบโทรศัพท์มาดูบนว่ามีข้อความส่งมาจากพี่สาวของเพื่อน

FOuR [พี่ถึงคอนโดแล้วค่ะ หลับหรือยังคะ]

FOuR [รูปภาพ]

FOuR [ฝันดีนะคะ]

 

คนเพิ่งตื่นลืมตาเบิกตาโตจนความงัวเงียหายไปทันที เบิกตากว้างไล่อ่านข้อความซ้ำ รีบเปิดรูปที่ถ่ายกันไล่ที่ละภาพ มุมปากยกขึ้นอย่างฉับพลันจนแก้มแทบแตก จนมาถึงภาพสุดท้ายที่พวกเธอทั้งสองสบตากัน เมเปิลมุดหน้าแนบโทรศัพท์ กดเสียงกรี๊ดที่เต็มไปทั้งความดีใจผสมตื่นเต้นและมีความสุข ยกมือทาบอกข้างในรัวเหมือนกลอง

MApLE [เมื่อคืนกลับมาก็หลับเลยค่ะ]

MApLE [รูปที่ถ่ายมาสวยมากนะ ขอบคุณมากนะคะ]

FOuR [ตื่นแล้วเหรอคะ]

FOuR [ดีขึ้นหรือยัง]

MApLE [ดีขึ้นมากแล้วค่ะ]

เมเปิลเม้มปากอย่างคิดหนักว่าอยากจะนัดเจอบอกเรื่องราวที่ได้ยินมาในห้องแต่งตัวดีหรือไม่ เพราะถ้าหากไม่บอกก็รู้สึกว่าช่วยคนนั้นหลอกลวง แต่ถ้าบอกไปพี่เขารู้อยู่แล้วจะโดนเกลียดไหมที่ไปว่าแฟนเขาแบบนั้น แต่ใจเธอนะอยากเจอหน้ามากกว่า หลังครุ่นคิดตัดสินใจแค่ว่าเจอก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน

MApLE [พี่โฟร์พอจะมีเวลาว่างไหมคะ]

FOuR [มีอะไรหรือเปล่า แต่สำหรับเราพี่ยินดีว่างเสมอ] คนอ่านเม้มปากด้วยความเขิน

MApLE [คือเมลอยากจะเลี้ยงข้าวตอบแทนเค้กที่พี่เคยให้ตั้งแต่ตอนนั้นนะคะ]

FOuR [ดีใจจังที่ยังจำได้ มันนานมากแล้วนะ]

FOuR [พี่บอกแล้ว สำหรับเมเปิลพี่ว่างเสมอ] เมเปิลเขย่ามือสองข้างกระทืบเท้าอย่างขวยเขิน

FOuR [นัดวันมาเลยค่ะ]

MApLE [ถ้าเย็นนี้ละคะ ร้าน XXX สักหนึ่งทุ่มพอไหมคะ สะดวกไหม?]

FOuR [ได้ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ]

MAppLE [ค่ะแล้วเจอกันพี่โฟร์]

ฝากฝังหลังจากจบบทสนทนากับคนน้อง โฟร์อมยิ้มอยากเห็นใบหน้าสวย ๆ เวลาเขินจะมีสีแดงระเรื่อประดับแก้มใส คงต้องกำจัดความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกไม่ควรทิ้งเสียที

 

หญิงสาวยิ้มร่าเดินไปอาบน้ำพร้อมฮัมเพลงอย่างมีความสุข ใช้เวลาพอสมควรก็ออกมาห้องน้ำหยิบเสื้อผ้ามาเลือกแล้วเลือกอีก

 

 

หญิงสาวเมเปิลวันนี้มาในชุดที่ดูหวานกว่าปกติในชีวิตจริงในการทำงาน ส่วนมากเธอมักจะสวมกางเกงขายาวเพื่อสะดวกเวลาทำงานซึ่งในบางครั้งต้องปีนขึ้นบันไดเพื่อดูงานมุมสูง ถามว่าวันนี้ใส่ชุดแบบไหน คือชุดเดรสเข้ารูปสีชมพูโอรส กระโปรงทรงเอ แขนยาวจั๊มข้อ ผ่าไหล่ ผูกโบตรงคอด้านหลัง

 

นักธุรกิจสาวมาในสูทแขนยาวสามส่วนขายาวเข้ารูปสีกรมท่าเข้ม สวมทับเสื้อเชิ้ตสีขาวเพิ่มความภูมิฐานทั้งสง่าและดูสวยงาม เธอมาก่อนเวลาสิบนาที นั่งรอไม่ถึงนาทีหญิงที่นัดก็ก้าวเดินเข้ามา

“สวัสดีค่ะ พี่โฟร์มาถึงนานยังค่ะ”

“ค่ะ ก่อนเราแค่ห้านาทีเอง สั่งอาหารเลยไหม” คนพี่กล่าวทักทายพร้อมโบกมือเรียกบริกรมา

ทั้งสองสั่งอาหารขึ้นชื่อของร้านมาคนละอย่าง และโฟร์ได้สั่งพิซซ่าเพิ่มมาอีกด้วย เพราะกลุ่มในเพื่อนน้องชายกินเก่งกันทั้งนั้น

“นี่พิซซ่าที่ขึ้นชื่อของร้านนี้เลยค่ะ กินเยอะ ๆ นะ”

เมเปิลย่นจมูกใส่คนตรงหน้า ทั้งที่พยายามควบคุมมารยาทในการกิน “ค่ะ” .

“อะไรคะ ไม่กล้ากินเหรอ ทั้งที่กินเก่งมาตลอด” เธอพูดระหว่างหั่นสเต๊กกิน

“ง้า...” เสียงร้องเง้างอด แต่ลงมือกินแต่โดย คำแรกเข้าในปากเธอถึงกับยิ้มผ่านดวงตาด้วยความอร่อย “อืม...อร่อย...มากเลยค่ะพี่โฟร์...”

“หึ หึ” เสียงหัวเราะอย่างเอ็นดู “งานช่วงนี้เป็นไงมั่งค่ะ ดูเหนื่อย ๆ นะ”

เมเปิลม้วนเส้นสปาเกตตีคาโบนาลาเข้าปาก “ก็ยุ่งมากค่ะ เข้าไปเรียนรู้งานกับคนในครอบครัวไม่สบายเลยค่ะ เคี้ยวเข่นทุกเม็ด ต้องลงหน้างานจริง ประชุมกับลูกค้าทุกครั้ง ตีโจทย์ความต้องการลูกค้าให้ได้ นี่ยังไม่จบนะคะจบงานแล้วต้องทำรายงานส่วนตัวส่งท่าน CEO อีกด้วย” เจ้าตัวกลอกตา เมื่อเล่าจบทำท่าแทบกระอักเลือดพร้อมตายคาที่

“คุณน้าอยากให้เราเก่งนั่นแหละ ไม่อยากให้ใครมาต่อว่าลูกสาวได้เลยต้องเคี้ยวเข่นเป็นเรื่องธรรมดา” โฟร์พูดปลอบให้กำลังใจคนน้อง

“ใช่ค่ะ เมลเคยไปบ่นเรื่องนี้กับไอ้ไนน์ มันหันมองเมลด้วยสายตาดูถูกมากเลยค่ะ แถมตอบกลับด้วยประโยคที่ว่า มึงเคยเรียนรู้งานแล้วอยากไปโดดน้ำตายทุกรอบที่ถูกตั้งคำถามไหม”

คนที่รู้เรื่องดีถึงกับหลุดขำ เพราะน้องไม่เคยมาบ่นให้พี่อย่างพวกเธอสักรอบ แต่ไอ้ที่โดดน้ำเนี่ยเรื่องจริง พอขึ้นมาจากสระยังหัวฟัดหัวเหวี่ยง “พี่นับยังโชคดีที่พ่อพี่สอน แต่ก็ตั้งแต่อายุสิบห้าปี อย่างที่เรารู้ว่าที่บ้านพี่เป็นไง ตั้งแต่จำความได้ก็ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่แรก เลยไม่รู้ว่ามันยุ่งยาก ส่วนคนเก่งเขาเลี้ยงอีกแบบกับพวกพี่ แต่เข้ามาเรียนรู้งานในช่วงมหา’ ลัย กับการเรียนปริญญาสองใบพร้อมกัน พี่ยิ่งภูมิใจที่สุดเลยค่ะ”

“พอได้พูดถึงไนน์ดูพี่โฟร์มีความสุขมากนะคะ”

“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ก็มีแต่เราเนี่ยแหละที่ทนฟังพี่อวยน้องชาย ลองไปเล่าในสาว ๆ คนอื่นฟังเอาแต่คิดว่าพี่หลงเสน่ห์ไนน์ ไม่พอใจซะส่วนใหญ่”

“เออพี่โฟร์รู้เรื่องช่วงซัมเมอร์ปีสองหรือปีสามไหมคะ มีรุ่นน้องหน้าตาน่ารักมากเลยค่ะ ชื่อ...เจ้าจันทร์มั่งค่ะ มาสารภาพรักกับมัน แต่ไนน์มันปฏิเสธไปให้เหตุผลว่า น้องดูเป็นคนดีไม่เหมาะสมกับคนอย่างพี่ พอเห็นพระจันทร์ทีไรมันจะโดนแซวตลอด ยิ่งไอ้คิวนะพี่ จันทร์เจ้าขาเธอดีเกินไปไม่เหมาะคนเลว ๆ อย่างพี่ ฮ่า ฮ่า ต้องนึกหน้าไอ้ไนน์มันพี่ แบบว่าโคตรเซ็งเลย”

โฟร์ได้ฟังเรื่องเล่าของน้องชายผ่านเพื่อนสนิทเธอยิ่งมีความสุข มองคนพูดอมยิ้มไปด้วย “พี่เคยได้ยินน้องวีพูดอะไรประมาณนี้อยู่ แต่ไม่รู้ที่มาที่ไปเพิ่งได้มารู้ก็วันนี้แหละ”

“เฮ้ย!! เป็นไปได้ไงพี่โฟร์ไม่รู้” เจ้าคนตรงหน้าตกมือทาบอกพร้อมกับการตกใจไม่เชื่อในคำพูดของเธอ

“จริงค่ะ” โฟร์พยักหน้าย้ำในคำพูด “มีเรื่องไหนอีกไหม เล่าให้พี่ฟังหน่อยค่ะ เรื่องของเราพี่ก็อยากฟังนะคะ” โฟร์อมยิ้มกรุ้มกริ่ม

ทั้งสองร่วมกันกินอาหารและพูดคุยเรื่องราวที่ผ่านในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน โดยส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับเพื่อนสนิทของเธอหรือน้องชายสุดรักของโฟร์อย่างไนน์ จนเวลาล่วงเลยมาพอสมควร เมเปิลรู้สึกหน่วงในใจ

“พี่โฟร์ค่ะ คือเมลมีเรื่องจะถามเกี่ยวความสัมพันธ์ของพี่กับแฟนพี่น่ะค่ะ ยังโอเคกันอยู่ไหม” น้ำเสียงเต็มความกังวลอย่างมากในการถามเรื่องส่วนตัว

โฟร์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ก่อนจะขมวดคิ้วและคลี่ออก “ก็...ไม่ได้มีอะไรนะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“พี่จำวันที่หนูไปเดินแบบชุดแต่งงาน”

“...” หญิงสาวพยักหน้า

เมเปิลแสนสวยเม้มปากจนกลืนริมฝีปากหายไปและเป่าลมออกจากปาก “คือ คือ เมลได้ยินสิ่งที่ไม่แน่ใจว่า ว่ามันจะพูดดีไหม แต่ถ้าไม่บอกกับพี่ไปเมลก็รู้สึกว่าไม่สบายใจอยู่ดีค่ะ มันเหมือนว่าเมลเองช่วยคนนั้นด้วย คนนั้นเข้าไม่ได้คบกับพี่ด้วยความบริสุทธิ์ใจนะคะ เขาอยากใช้ชื่อเสียงของพี่ และก็เขาไม่มีรสนิยมแบบเดียวกับพี่ด้วยค่ะ เขาเข้าหาพี่เพื่อหวังผลประโยชน์ และเมลว่าเขาไม่ได้ชอบพี่จริง ๆ ด้วย” หญิงพูดรัวไปอย่างที่เธอต้องการพูดจนจบ และเพิ่งรู้ว่าพูดออกไปมันแรงมาก พร้อมทั้งเงยหน้าขึ้นมามองคนฟัง และตัวเธอเองต้องแปลกใจในสีหน้าของพี่โฟร์ที่ไม่แม้จะตกใจหรือโกรธเคือง

“ขอบคุณนะคะสำหรับความห่วงใย”

“พี่ไม่โกรธหนูเหรอที่พูดไม่ดีกับแฟนพี่”

“ไม่ค่ะ แล้วเราอยากพี่ทำยังไงกับคนนั้นดี เลิกกันเลยดีไหมคะ” โฟร์ถามด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังมากนัก

“ไม่ ไม่ เมลแค่มาบอกในเรื่องที่รับรู้มาเท่านั้นเองค่ะ ส่วนที่เหลือก็แล้วแต่พี่เถอะค่ะ” หญิงสาวโพล่งขึ้นมาทันที

“แล้วถ้าเป็นเรา...ที่อยู่สถานะน้องสาวคนหนึ่งอยากให้พี่ทำไงกับคนนั้น” โฟร์ถามพลางลอบสังเกตสีหน้าของเมเปิลที่เบะปากเมื่อได้รับสถานะใหม่คือน้องสาวอย่างไม่พอใจ ก่อนจะพยายามปรับดูปกติแต่ยังแอบซ่อนความเสียดายไม่มิด

“น้องสาวเหรอคะ” เสียงบ่นอุบอิบไม่พอใจ

“หื้ม...อยากได้มากกว่านั้นเหรอคะ” โฟร์เอ่ยถามด้วยเสียงหยอกเย้า

“ไม่ ๆ ถ้าในฐานะน้องสาว หนูก็ไม่อยากให้พี่คบกับคนไม่จริงแบบนั้นค่ะ” เมเปิลโบกมือไปมาแล้วรีบอธิบายด้วยน้ำเสียงลนลาน ด้วยกลัวว่าพี่สาวเพื่อนจะจับได้ว่าตัวเธอเองคิดมากกว่านั้น

“งั้นพี่ก็ได้คำตอบแล้ว”

“ค่ะ?”

โฟร์ยกยิ้มอย่างมีเสน่ห์มอบแก่หญิงสาว “การที่คบกับไบร์ทพี่ว่าต่างคนต่างก็ใช้ประโยชน์กันและกัน พี่เองก็ไม่ได้จริงใจกับเธอเหมือนกัน ถือว่าหายกัน” โฟร์ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

“...ค่ะ?”

โฟร์ถอดสายไปมองคนตรงหน้าอย่างสบายอารมณ์ “การที่เราจะเข้าหาใครสักคนต้องมีจุดประสงค์ทั้งนั้นแหละค่ะ อยู่ที่คนนั้นจะความพยายามเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ แต่ถ้าอีกคนมีจุดประสงค์เดียวกันก็จะเข้ากันได้ดี จริงไหมคะ”

“...”

“พี่เปิดโอกาสให้ตัวเองในระหว่างที่กำลังรอความชัดเจนจากใครบางคน ในตอนนี้พี่คิดว่าน่าจะมาเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว” โฟร์อมยิ้ม “แต่ต้องรอเวลาอีกสักหน่อย เพื่อป้องกันเรื่องเสียหายที่จะตาม”

“อ๋อค่ะ”

“ของหวานละคะ กินไหม ทีรามิสุ เพนนา คอตตา” ไม่รอช้าโฟร์โบกมือเรียกบริกร “ทีรามิสุ เพนนา คอตตา ส่วนเครื่องดื่ม กาแฟกับอิตาเลี่ยนโซดาค่ะ” สั่งเสร็จเธอพักเมนูอาหารส่งคืน

เมเปิลหน้าหงิก “พี่โฟร์เมลว่าจะงดของหวาน ช่วงนี้ทำงานหนักเครียดด้วยแทบไม่หยุดกิน อนาคตไม่เบาหวานก็โรคอ้วนแน่นอน”

“งั้นไปออกกำลังกายกับพี่ไหม ออกกำลังกายที่หมายถึงกิจกรรมที่ต้องเสียเหงื่อ” คนอายุมากกว่าบอกด้วยหน้านิ่งคล้ายไม่คิดอะไร แต่เธอตั้งใจแหย่

การต้องรับฟังคำพูดสองแง่สองง่ามจากคนตัวแอบชอบ ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ ความร้อนลามจากหน้าไปยังใบหู “ฟิ ฟิตเนส ไปฟิตเนสใช่ไหมคะ” เสียงถามย้อนกลับแบบตะกุกตะกัก “หนู เมลโดนคุณแม่บังคับให้ไปทุกสัปดาห์อยู่แล้วค่ะ”

“ไปที่ไหน พี่จะได้ไปด้วย”

“แล้วที่บ้านพี่ละคะ”

มือยกขึ้นเท้าหน้าเอียงคอ จ้องไปคนตรงข้ามพร้อมกับคำพูด “ก็ตรงนั้นไม่มีคนสวย ๆ ให้ดูมองไงคะ”

เมเปิลไม่รู้จะหลบเลี่ยงสายตาอันแพรวพราวคู่นี้ยังไงดี ...พี่จะรู้ไหมคะหนูต้องรวบรวมแรงกายต่อสู้กับพี่วันนี้แค่ไหน ถ้าหัวใจหนูหยุดเต้นขึ้นมาพี่ต้องรับผิดชอบด้วยการผายปอดนะ... หญิงสาวลอบบ่นในใจ

“ขนมมาแล้วค่ะ” เมเปิลมีแรงเฮือกกลับมาด้วยเพราะมีของมาดึงสายตาคนพี่ไป ร่างบางใช้มือรับพร้อมกล่าวขอบคุณแก่พนักงาน

 

เมเปิลไม่แน่ใจตัวเองตักขนมเข้าทางปากหรือจมูก เพราะทุกครั้งที่เธอเงยหน้าขึ้นมาพบคนพี่ อิงกับพนักเก้าอี้ ยกกาแฟจิบจ้องมองเธออย่างไม่วางตา

“ดึกขนาดนี้แล้วเหรอ” โฟร์ดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ “เวลาอยู่เราอยู่กับคนที่รู้สึกดีด้วย เวลามักจะผ่านไปเร็วจริงไหมคะ”

“เห็นด้วยค่ะ นี่เมลแทบจะไม่ดูเวลาเลยนะคะ”

“งั้นคิดเงินเลยนะ” คนพี่ยกมือแจ้งพนักงาน และหยิบการ์ดในมือมาจ่ายแทน

“พี่โฟร์! เมลบอกแล้วนิค่ะว่าจะเลี้ยง” เจ้าน้องตีสีหน้าดุ

“ผู้ใหญ่เลี้ยงน่ะถูกแล้ว เอาไว้คราวนะ ไปคะรถจอดตรงไหนคะ”

หญิงสาวตัวสูงกว่าลุกจากเก้ากวักมือคนน้องให้ลุกขึ้นตามมา เมเปิลเดินมาเคียงข้างโฟร์อาศัยจังหวะแตะแผ่นหลังเดินไปควบคู่กันจนไปถึงรถสปอตสีขาวของสาวร่างเล็ก มือเรียวยาวเปิดประตูให้เจ้าของรถก้าวขึ้นไป

“ขับรถดี ๆ นะ วันนี้พี่สนุกมาที่ได้คุยกับเรา แล้วมากินข้าวด้วยกันใหม่นะคะ” โฟร์ยกมือยีหัวทุย ๆ เบาด้วยอย่างเอ็นดู

“ค่ะ แล้วเจอกันใหม่”

พี่สาวเพื่อนสนิทปิดประตูรถเดินหันหลังไป หยิบโทรศัพท์มารับสายพร้อมโบกมือพร้อมด้วยรอยยิ้ม และเดินกลับไปยังรถของตัวเองที่บอดี้การ์ดยืนรออยู่ เมเปิลรู้สึกว่ามันมีอะไรเกินคาดมาก ไม่รู้ว่าพี่หยอกล้อในฐานะน้องสาวหรืออย่างอื่น แต่คนมันรู้สึกดีไปแล้ว เธอก้มหน้าแนบกับพวงมาลัยรถกรีดร้อง อ๊ากกกก

ก๊อก ก๊อก เสียงมือเคาะกระจกรถฝั่งคนขับ เจ้าของรถค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา ไม่รู้ว่าเสียงเมื่อกี้เล็ดลอดออกไปเหรอ แต่พบใบหน้าของคนที่ทำให้กรีดร้องดวงตาโตขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ

มือย้ายไปกดลดกระจกลง “ขา..พี่โฟร์...”

“พี่แค่ลืมบอกว่าถ้าถึงคอนโดแล้ว บอกพี่ด้วย พี่จะได้บอกฝันดีค่ะ”