Chapter 21 ขอเป็นรักสุดท้ายของเราได้ไหม

 

บิดาก้าวมาเผชิญหน้าบุตรสาวของตัวเอง ไล่มองสำรวจ และเอ่ยปากถามเรื่องราวรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าตัวกับเพื่อนสนิทเจ้าไนน์ว่ามันยังไง เพราะเขาต้องการคำตอบแน่ชัดก่อนจะได้ว่ากล่าวบางอย่างออกไป

โฟร์เองเลือกพาน้องมาให้พ่อกับแม่รู้จักในงานวันนี้ ถึงมันจะไม่ใช่โอกาสที่เหมาะสมแต่มันก็มีเพียงโอกาสเดียวที่เธอทำได้ตอนนี้ และเมื่อตัดสินใจทำแบบนี้ไปแล้ว พ่อและแม่คงเดาออกถึงความพิเศษของคนข้างกายเธอได้บ้าง และอีกนัยหนึ่งเธออยากให้คนน้องรับรู้ว่าเธอจริงจังกับความรักในครั้งนี้มากเพียงใด

โฟร์จึงยอมเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าแก้มกลม รวมถึงเหตุผลที่น้องขอร้องให้ปกปิดเรื่องความรักของพวกเธอไว้เป็นความลับ เพราะน้องชายสุดที่รักอย่างพ่อเธอเดาเอาไว้ไม่ผิด

บิดาของหญิงสาวพูดด้วยเสียงนิ่ง “ถ้าคิดจะปกปิดก็ต้องปกปิดให้สนิท ถ้าจะเปิดเผยก็ต้องแสดงให้ชัดเจน พ่อไม่เคยสอนเรื่องพวกนี้หรือไง และไอ้การที่โฟร์ทำแบบนี้ ถ้าคนที่มาเจอไม่ใช่พ่อ ไม่ต้องคนอื่นไกลแค่พี่น้องเราคิดว่าเรื่องนี้จะรอดไหม ยิ่งถ้าเป็นบุคคลไม่หวังดี น้องจะเสียหายมากแค่ไหน การบอกด้วยตัวเองกับการเล่าผ่านคนอื่นมันแตกต่างกันมากนะลูก”

“...”

ด้วยความเป็นพ่อคนเข้าใจรวมถึงเห็นใจในลูกสาวอย่างดี แต่จะเข้าไปก้าวก่ายในการตัดสินใจของทั้งสองก็ใช่เรื่อง “แต่ถ้าน้องขอให้ปิดโฟร์ก็อย่ามาทำแบบนี้ข้างนอก สนิทแต่ไม่ใช่ชิดเชื้อ พ่อของเตือนไว้ก่อน ถ้าเกิดหนูเมเปิลต้องมาเสียหายเรื่องแบบนี้แกจะโดนหนัก” ชายวัยกลางคนคาดโทษเอาไว้เพราะเจ้าตัวโตมีวุฒิภาวะมากกว่าจะรับผิดชอบ

“...” พยักหน้ารับการสั่งสอนเพราะครั้งนี้เธอทำพลาดจริง ๆ

“ก็เข้าใจนะแฟนเรามันน่ารักนิ” โฟร์ที่ได้ยินพ่อตัวเอาชมคนรักยิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที “บ้านเราไม่เคยว่าเรื่องการรักร่วมเพศ แต่หญิงกับหญิงมันยังยากอยู่น่ะลูก ยิ่งในประเทศมองว่าผู้หญิงคือชนชั้นสอง เพราะเราเองก็สัมผัสมาหมดแล้วใช่ไหม พ่อเลยมองออกว่าน้องคงพยายามก้าวขึ้นมายืนให้ทัดเทียมกับเราแน่นอน” เขาชื่นชมอย่างมากสำหรับคนรักของลูกสาวตัวเอง

“ใช่ค่ะพ่อ ในงานที่น้องรับผิดชอบไม่ใช่แค่ทุ่มเทแต่เป็นทุ่มสุดตัว โฟร์เองกังวลเรื่องนี้อยู่”

เขากอดคอลูกสาว “เรื่องที่น้องผลักดันตัวเองให้ขึ้นมาเทียบกับเราปล่อยให้ทำไปก่อน แต่ถ้าดูแล้วไม่ไหวก็ค่อยไปคุย เรื่องของคนสองคนค่อย ๆ ปรับ ๆ ค่อย ๆ จูนกันไปนะ และพ่อดีใจกับความรักของโฟร์ด้วยนะลูก” หอมหัวลูกสาว

“โฟร์ดีใจมาก ๆ ค่ะ รอคนคนนี้มานานเหมือนกัน”

“แต่ตอนนี้เรากลับไปดูแลน้องได้แล้ว ส่วนที่เหลือพ่อจัดการต่อให้แทน ถ้าน้องถามว่าพ่อกับแม่รู้เรื่องหรือยังปล่อยเบลอไปก่อน เดี๋ยวจะกังวลเพิ่มไปอีก” ชายวัยกลางคนตบบ่า

“ขอบคุณค่ะพ่อ โฟร์ฝากด้วยนะคะ”

เธอเดินมายังรถยนต์ของตัวเอง ผงกหัวบอกให้บอดี้การ์ดขึ้นไปขับรถกลับไปยังรังรักของตัวเธอ ระหว่างทางโทรไปบอกอีกฝั่งว่าไม่ต้องปลุก เดี๋ยวไปอุ้มขึ้นห้องเองกำลังตามไป

 

ช่วงที่ผ่านมาทั้งคู่ต่างยุ่งกับภาระงานของแต่ละคน เมเปิลกับโฟร์สลับกันบิน คนน้องบินไปต่างจังหวัดคนพี่อยู่ห้อง พอกลับมาคิดว่าจะเจอคนพี่บินไปต่างประเทศต่อ โฟร์คิดว่าตัวเองยังดีกว่าเมื่อก่อนบินทีลากยาวหลายประเทศ แค่ช่วงรอยต่อว่าต้องไปอีกประเทศเธอเลือกจะบินกลับมาเมืองไทยเพราะมีคนสำคัญรออยู่ที่นี่ จนถึงวันหยุดนี้พวกเธอทั้งสองมีเวลาตรงกัน

“พี่โฟร์ค่ะ พรุ่งนี้ไปไหนหรือเปล่า” เมเปิลเอ่ยถามในขณะตัวเองอ้อนปีนขึ้นนั่งตักคล้องคอคนรัก

โฟร์โอบเอว “ไม่นะคะ ได้หยุดอยู่กับหนูสักที อย่าบอกนะว่าหนูต้องไปทำงาน” ร่างโปร่งตอบด้วยความอิ่มเอิบจะมีช่วงเวลากับคนรัก แต่ในช่วงท้ายจะห่อเหี่ยวลง

เมเปิลจูบแก้มผละออกมาฉีกยิ้มกว้าง “ไม่ค่ะ เราไปเที่ยวพักผ่อนใกล้ ๆ กันไหมคะ”

“ก็ดีนะคะ ญี่ปุ่นไหมหรือฮ่องกงดีค่ะ”

เมเปิลย่นจมูก “ไม่อาว...ช่วงนี้หนูเกลียดเครื่องบิน แต่รักเจ้าของสายการบินนะคะ ไปเที่ยวใกล้ ๆ นี่ก็พอแล้วค่ะ กินข้าวนั่งชิว ๆ เมลเจอคาเฟ่น่ารัก ๆ ไปนั่งสักชั่วโมงสองชั่วโมงแล้วกลับ เปลี่ยนบรรยากาศดีไหมคะ”

“ก็ได้ค่ะ ตามใจหนูอยู่แล้ว” โฟร์จูบปลายคางคนรัก “ที่บอกว่ารักเจ้าของสายการบิน สายการบินไหนเหรอคะ” ริมฝีปากลากเลื้อยมาต้นคอ “ใช่สายการบินวัชรแอร์ไลน์ไหม ถ้าสายการบินอื่นจะโดนกัดแบบนี้นะ” โฟร์ลงคมเขี้ยวใกล้ไหปลาร้าจนเกิดรอยเป็นรอยฟัน

“อ่ะ!! กัดจริงเหรอเนี่ย” คนน้องลูบร่องรอยที่คนพี่ฝากเอาไว้ แลบลิ้นเลียปากก่อนกันเผยอยั่วยวน กระซิบข้างหูอันแหบพร่า “เราไม่ได้ทำกันนานแล้วนะ” ขบกัดที่หูเอาคืนเช่นกัน

“กำลังจะชวนคุณภรรยาไปกระชับความสัมพันธ์อันลึกซึ้งอยู่พอดีเลยค่ะ” โฟร์เชิดใบหน้าขึ้นสูงรับการเล้าโลมจากเจ้าแก้มกลม จ๊วบ จ๊วบ จุ๊บ “อือ...ปะ ไปที่เตียงกันเถอะ”

อ่ะ!! เสียงร้องด้วยความตกใจจู่ ๆ ตัวของเธอลอยขึ้น เมเปิลผวาคล้องคอคนพี่ทันที โฟร์เดินตรงดิ่งไปยังประตูใช้เท้าเขี่ยเปิด-ปิดประตูกระเตงคนรักทุ่มลงเตียง ปีนคร่อมร่างจากนั้นทั้งสองก็ร่วมรักอันเร่าร้อนที่ห่างหายไปด้วยความเสน่ห์หาใคร่อยาก

 

เช้าวันรุ่งขึ้น โฟร์ให้เป้ขับรถไปส่งพวกเธอทั้งสองยังร้านที่คนน้องเสนอ ห่างจากคอนโดพวกเธอไม่ไกลนัก ระหว่างเดินเข้ามองสำรวจบรรยากาศ ร้านเนี่ยตกแต่งร้านในตรีมท่องเที่ยวแต่ละประเทศ รวมถึงเมนูพิเศษในช่วงนั้นด้วย อย่างในช่วงนี้คือประเทศญี่ปุ่น

“ว้าวตรีมญี่ปุ่นด้วย ร้านนี้พิเศษอย่างหนึ่งนะคะ เนี่ยเป็นกลยุทธ์ทางร้านเลยนะคะ จะไม่มีการแจ้งล่วงหน้าว่าจะจัดร้านตรีมไหน แล้วอีกอย่างเมนูพิเศษเกี่ยวกับรูปแบบแต่ละประเทศนั้น ๆ ด้วย” น้ำเสียงอธิบายเต็มไปด้วยความสดใสและตื่นเต้น

“อันนี้อยากรู้หรืออยากกินกันแน่นะเราเนี่ย” โฟร์บีบจมูกน้อย ๆ อย่างมันเขี้ยว

“เออแต่จะว่าไปช่วงนี้สายการบินเราก็โปรโมทการบินไปเที่ยวญี่ปุ่นนิค่ะ” ร่างบางฉีกยิ้มจนตาหยี

หึ หึ เสียงคนพี่หัวเราะพร้อมกับการอมยิ้ม “เหรอคะ”

เมเปิ้ลยู้ปากสงสัยในน้ำเสียงนั้น “หัวเราะและยิ้มอะไรเหรอ เมลพูดอะไรแปลก ๆ ใช่ไหม” เจ้าตัวเพิ่งนึกได้พูดบางคำออกไป คำที่ว่า สายการบินของเรา ในใจแอบเขินอยู่แต่แอบกังวลที่แสดงออกมากเกินไป แต่พอสบตากับคนรักกลับให้ความรู้สึกเขินมากกว่า

นิ้วเรียวยาวจี้ไปหัวคิ้วขยี้ให้คลายออก “หื้ม...คิ้วขมวดคิดอะไรอยู่ค่ะ หัวเราะเพราะชอบต่างหาก เวลาที่หนูแทนด้วยคำว่า ของเรา มันบอกว่า หนูยึดครองเป็นเจ้าของพี่แล้วไงคะ”

“เมลไม่ได้ตั้งสื่อความหมายแบบในนั้น ไม่ได้จะหมายความอย่างนั้น” เจ้าแก้มกลมกลั้วยิ้มแก้ตัวไปพลาง...แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีเหมือนกันนะคะ...

โฟร์ยกมือวางทาบหัวยี่ผมคนน่ารัก “เป็นเจ้าของพี่น่ะถูกแล้ว หัวใจพี่ก็อยู่กับหนู ส่วนตัวน่ะถ้าผูกติดไปด้วยกันก็เอานะ” โฟร์เอียงตัวมากระซิบ “แทบอยากจะ เอา ให้ติดตลอดเวลา”

คนโดนลวนลามด้วยคำพูดหน้าแดงเผ่าความร้อนแผ่กระจายไปยังใบหูต้นคอ “ไปกันค่ะ” โฟร์แตะแผ่นหลังเดินเข้าประตูร้านเดินไปข้างหน้า ด้วยเสียงหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ

“...” เมลรู้สึกตงิดใจเล็กน้อย ปกติคนพี่จะแสดงความเป็นเจ้าของเธอมากกว่านี้ ด้วยการแตะหลังประคองทุกครั้งไม่เคยเอาออกเลย แต่วันนี้ไม่ทำปล่อยแล้วเดินเคียงข้าง

“สวัสดีร้าน โฟร์ซี่ซันยินดีต้อนรับค่ะ” เสียงพนักงานสาวอยู่หน้าเคาน์เตอร์ทักทาย

เมเปิลยิ้มตอบค้อมตัวรับแก่พนักงาน ชี้บอกให้คนพี่ไปนั่งรอ ส่วนเธอเองจะไปสั่งเครื่องดื่มให้เอง คนชอบของหวานไล่ตาสำรวจขนไปเจอกับป้ายเมนูแนะนำคือ ชาเขียวนมชมพู แบ่งออกไปสามเยเลอร์ชมพู ขาวและเขียวสวยงามในแก้ว ด้านบนวางทับด้วยถาดพลาสติกใส่ขนมดังโงะสามสีเฉกเช่นเดียวกัน ยังสั่งเครปเค้ก รวมถึงเครื่องดื่มอเมริกาโนน้ำส้มให้คนพี่ด้วย พนักงานแจ้งว่าจะเอาไปเสิร์ฟที่โต๊ะ

“นั่นคุณโฟร์ที่เป็นเจ้าของสายการบินวัชรแอร์ไลน์หรือเปล่า ที่มาด้วยแฟนหรือเปล่า”

“อ๋อที่เขาบอกกันว่า ทางนั้นชอบผู้หญิงก็คือเรื่องจริงนะสิ เพราะคนที่คบตั้งแต่นางแบบไปยันดาราไม่มีผู้ชายเลยสักคน”

“แต่ผู้หญิงคนนั้นดูสดใสดีนะ ถ้าคนที่พามาไม่ใช่แฟนก็น่าจะเกือบแล้วแหละ ดูรอบ ๆ ตัวสิมันฟิลแฟนมากเลยนะแก”

หญิงสาวเจ้าของร้านเอียงตัวมามองลูกค้าซึ่งกำลังกล่าวถึงของเด็กในร้าน ใบหน้าบิดเบี้ยวไม่พอใจเมื่อเห็นหญิงสาวร่างโปร่งทั้งยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข

“นี่ของโต๊ะนั้นเดี๋ยวไปเอาให้เอง”

“หา!! คะ ค่ะ?” หนึ่งในพนักงานที่กำลังทำเมนูของโต๊ะดังกล่าวร้องทักด้วยความตกใจ

“...” เธอจ้องกลับด้วยแววตาไม่พอใจที่ไม่ฟังในสิ่งที่พูดออกไป

“ขออนุญาตเสิร์ฟนะ” เมเปิลหันไปรับแก้วเครื่องดื่มตกใจเพราะหญิงสาวยื่นมาให้แต่งตัวสวยมากจนไม่น่าจะใช่พนักงานของร้าน “และขอนั่งร่วมด้วยคนได้ไหมน้องโฟร์”

“...” คนถูกถามปรับสีหน้าเรียงนิ่ง เมื่อคนถามไม่สนใจอากัปกิริยาที่ตอบสนองมา ขยับเก้าอี้เตรียมจะนั่งลง “เมลค่ะเราขยับมานั่งตรง” โฟร์จัดการลากของกินของคนน้องมาทางฝั่งซ้ายมือ และให้อีกฝ่ายนั่งตรงข้างกับเธอ

“แวะไปร้านเจ้าปันปันบอกว่าเราไม่มา ไม่คิดว่าโฟร์จะแวะมาหาพี่ถึงที่ร้าน” หญิงสาวตรงหน้าฉีกยิ้มมอบให้ ทาบมือบนหลังของหญิงสาว

“น้องเมเปิลค่ะ นี่พี่ซีซั่นพี่รหัสตอนเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ” โฟร์แทบจะไม่ได้สนใจเรื่องราวที่รุ่นพี่พูดกับเธอพร้อมชักมือออก

เมเปิลรู้สึกว่าของหวานในวันนี้ไม่อร่อยขึ้นมา ปั้นหน้ายิ้มแย้มแสดงความเป็นมิตรแต่ในใจอยากกระโดดปีนโต๊ะกดหัวคนที่บังอาจแตะต้องคนของเธอ “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” และเมื่อลองอ่านชื่อร้านอีกรอบ พบว่า FOuR.SeaSon และการเขียนชื่อแบบเดียวกับคนพี่ของเธอด้วย “หนูเป็นน้องสาวคนที่สนิทมากค่ะ” เธอพยายามย้ำในความสนิทให้ฟัง

“ก็แค่น้องเอง” น้ำเสียราบเรียบไม่ใส่ในคำพูด ก่อนจะหันมาคุยกับรุ่นน้อง “จากที่เจ้าปันปันมันบอกว่าโฟร์ไม่แวะไปสักพัก งานเยอะเหรอคะ”

โฟร์อ้าปากเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ “ก็ส่วนหนึ่งด้วยค่ะ อีกส่วนโฟร์ใช้ชีวิตกับคนพิเศษ”

“อ๋อ...คนพิเศษ” รุ่นพี่คนสวยใบหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยก่อนจะปรับกลับมายิ้มแย้มดังเดิม “แล้วคนพิเศษเขาจะไม่ว่าเอาเหรอ ที่มากับคนอื่น ไม่ใช่สิน้องสาวคนสนิทแบบนี้”

“ไม่หรอกค่ะ สองคนนี้เขารู้จักกันดีอยู่แล้ว” รอยยิ้มผุดมุมปากพร้อมกับมองคนรักอย่างรู้กัน

“พี่ก็รู้จักกับเรามานานไม่ยักรู้ว่ามีน้องสาวคนสนิทด้วย ทั้งที่เมื่อก่อนเราสนิทกันมากกว่านี้” ซีซันพยายามพูดระลึกถึงความหลัง “โฟร์ไม่นึกถึงเรื่องของเราบ้างเหรอ คงแต่พี่คนเดียวที่คิดถึงมัน”

“...” เมเปิลรับรู้ว่าชาเขียวแก้วนี้มันทั้งขมและชืด เธอไม่รู้เรื่องในสิ่งที่ทั้งสองสื่อคืออะไร แต่มันคงไม่ใช่แค่รุ่นพี่กับรู้น้องหรือแค่สายรหัสเท่านั้น

โฟร์เดาะลิ้นอย่างหงุดหงิด กดข่มควบคุมอารมณ์ด้วยการยกกาแฟมาดื่ม “อะไรที่ผ่านมาแล้ว ก็ไม่ควรเอามันกลับ ที่โฟร์ยังคุยกับพี่อยู่เพราะสายรหัสเดียวกัน”

“ในตอนนั้นเราสองคน...” ซีซันพูดด้วยใบหน้ารู้สึกผิดน้ำตาคลอ

โฟร์ลุกขึ้นยืนในขณะที่อีกฝ่ายกำลังพูดสร้างความตกใจให้คนที่เหลือ “ขอตัวก่อนนะคะ เมลค่ะกลับกันเถอะ พี่รู้สึกว่าของหวานที่เราอยากกินมันจะไม่อร่อยแล้ว” จูงมือลากคนน้องลุกเดินตามออกมา ทำไมต้องให้คนรักของเธอต้องมาฟังเรื่องนี้ด้วย

เมเปิลโดนลากขึ้นไปนั่งบนรถโดยคนพี่ไม่ยอมปล่อยข้อมือ เธอเองรับรู้ถึงความโกรธของพี่โฟร์ผ่านการบีบล็อกข้อมือเธอ ร่างบางพยายามออกแรงต้านบิดแล้วไม่หลุดจึงปรับเป็นสอดนิ้วประสาน แรงนั้นจึงค่อย ๆ คลายลง มืออีกข้างวางทาบตบสบตายกยิ้มบาง ๆ ให้คนรักของเธอบอกให้รับรู้ว่ายังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนนะ

“พี่เป้กลับคอนโดค่ะ” เมเปิลมองตอบกลับผ่านกระจกมองหลังที่บอดี้การ์ดลอบสังเกตเจ้านายตัวเอง อ่านจากความนิ่งเงียบเชาเองรับรู้ว่าคงมีเรื่องให้ไม่สบายใจจึงนั่งเงียบรอคำสั่งอย่างเดียว

 

เมื่อเข้าสู่พื้นที่ส่วนตัว โฟร์รวบตัวคนน้องมาไว้ในอ้อมกอด สูดกลิ่นหอมจากกายให้ใจสงบนิ่ง ตลอดทางกลับมาเมเปิลไม่ได้เอ่ยปากถามเกี่ยวกับอีกคนเลยแม้แต่น้อง โฟร์เองยอมรับในตัวเมเปิลเข้มแข็งกว่าเธอมาในตอนนี้ มองในมุมกลับกันหากเป็นเธอได้ยินแบบนี้ คงคาดคั้นหลังออกจากร้านแล้ว

“หนูไม่อยากรู้เรื่องนั้นบ้างเหรอ” โฟร์ถามน้องด้วยเสียงเรียบนิ่ง

เมเปิลยิ้มบาง ยกมือทาบแก้ม อีกฝ่ายเอียงหน้าซบมือนั้นอย่างออดอ้อน “ทำไมจะไม่อยากรู้ล่ะค่ะ ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะไม่อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับคนรักของตัวเอง แต่เมลมองว่าถ้าพี่โฟร์พร้อมคงจะเล่าให้เมลฟังเอง และเมลก็รอได้ค่ะ”

คนพี่เงยหน้ามองเพดานสูดลมหายใจอย่างโล่งอก “แต้มบุญพี่ชาตินี้รวมถึงอีกร้อยชาติที่ผ่านมาคงหมดแล้วล่ะค่ะ พี่ถึงได้คนรักที่ดีแบบนี้”

เจ้าตัวตบใบหน้าสวยเท่ แสนหลงใหลจนบู้บี้ หรี่ตาจ้องมอง “ถ้ารู้ว่ามีแฟนดีและน่ารักแบบนี้ก็จงเล่ามาซะดี ๆ นะ” น้ำเสียงและท่าทางขึงขังอย่างจริงจัง

โฟร์รู้ว่าในท่าทางนั้นคนน้องหยอกล้อเธอ กดหน้าลงให้หน้าผากทั้งสองแนบติด ตามเคลื่อนริมฝีปากทาบสัมผัสสิ่งเดียวกันก่อนจะผละออก

“ความสัมพันธ์ของพี่กับคนนั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมาก เริ่มต้นจากความรู้สึกดี ๆ แบบพี่น้องและพัฒนาจนเป็นคนรัก” เมื่อได้ยินคำว่า คนรัก เจ้าแก้มกลมเบะปากทันที นั้นทำให้คนเล่ายกยิ้ม “เขาคนนั้นเริ่มใช้เงินพี่เยอะเกินไป เกินจนพี่ว่ามันไม่โอเคแล้ว”

เมเปิลเบะปากอย่างหมั่นไส้พร้อมมองจิก “พี่รู้จักคำนี้ด้วยเหรอคะ แม้..ถ้าเป็นน้องชายพี่โฟร์ไม่มีคำนี้แน่นอน”

โฟร์ดีดนิ้วใกล้ปากแต่ไม่โดน “กับเราด้วยแหละ พี่เล่าต่อนะคะ” เมเปิลควงแขนเอียงซบไหล่ “พี่น่ะไม่ได้มีปัญหากับการใช้เงินของแฟนคนหนึ่ง หนูรู้แล้วพี่ทำงานหาเงินเองตั้งแต่อายุสิบห้า จะใช้เงินยังไงพ่อกับแม่พี่ไม่เข้ามายุ่งเพราะมันคือเงินของพี่เอง แต่เรื่องมันลามถึงขั้นเข้าไปยุ่งกับยาเสพติด พี่ยอมให้โอกาสเพราะคนนั้นคือรักแรก แต่โอกาสไม่มีสำหรับคนทำผิดอีกครั้ง เขาคนนั้นพยายามปรับปรุงตัวและเลิกยุ่งกับสิ่งเหล่านั้น เพื่อหวังว่าพี่จะยอมรับและกลับมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง”

เมเปิลจับความสั่นไหวในน้ำเสียงเมื่อคนพี่เล่านึกย้อนอดีต บอกให้คนอย่างเธอรู้ว่าอีกฝ่ายคงเจ็บปวดอย่างมาก เพราะคนเรามักจะทุ่มเทกับรักครั้งแรกเสมอ ดังเธอเองในตอนนี้ หากต้องเลิกรากับพี่โฟร์ เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองจะแหลกสลายขนาดไหนและอาจเริ่มต้นกับใครได้อีกไหม

“ถ้าเขาคนนั้นคือรักแรก เมลขอให้รักของเรา เป็นรักสุดท้ายของพี่โฟร์ได้ไหมคะ” เมเปิลเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือ

“...รักครั้งนี้ของพี่คือรักสุดท้ายและรักตลอดไปค่ะ”

ทั้งสองโผกอดกันมอบอุ่นไอรักที่มอบแก่กัน หยาดน้ำตาคลอกลิ่นร่วงหล่นอาบแก้ม การรอคอยของกันและกันที่ยาวนานมันสิ้นสุดโดยที่ทั้งสองคนได้หลอมรวมเป็นคนเดียวกัน

“พี่โฟร์ค่ะ เมลจะบอกเรื่องของเรากับไนน์ เมลไม่กลัวอะไรแล้ว”

“คนดีของพี่เขา...” ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์สั่นแทรกบทสนทนาของทั้งสอง “ฮัลโหล!” เมเปิลมองใบหน้าคนรักที่กำลังคุยโทรศัพท์ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปซี้ดเผือกและตกใจอย่างมาก “อื้ม เข้าใจแหละกูจะรีบไป”

“เกิดอะไรขึ้นค่ะพี่โฟร์”

“ปู่ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลด่วน” โฟร์กำลังตั้งสติกับเรื่องตรงหน้า “เหมือนว่าจะ...จะไม่หายใจแล้ว ไนน์!!”

เมเปิลกอดคนรัก “ตั้งสตินะคะ พี่โรงพยาบาลก่อนอย่าเพิ่งคิดมากนะ”

แต่ร่างบางยังไม่ได้ปลอบโยนมากมาย เสียงปลดล็อกประตูตามมาด้วยบอดี้การ์ดประจำกายคนพี่เข้ามา “คุณโฟร์ครับเชิญ”

“เดี๋ยวพี่โทรหานะคะ” โฟร์ลุกขึ้นยืนก้าวออกไปจากห้อง เพราะสิ่งที่โฟร์กำลังคิดในหัวคือน้องชายสุดที่รักมากกว่าอย่างอื่น

“แล้วพี่จะโทรหานะคะ” โฟร์จูบหน้าผากคนรักผละตัวเดินออกไปทันที

TBC...