4 ตอน an engagement from demon // พันธะและพันผูก
โดย howlsryn
เหมือนไม่มีปี่มีขลุ่ยกับการบึ่งรถไปรับแมว แท้จริงแล้วการรับเลี้ยงแมวสู่บ้านหลังนี้คือหนึ่งในสิ่งที่อยากจะทำด้วยกันกับนิล เป็นฝันของวาฬ ฝันถึงการจะเลี้ยงดูผู้ถูกทิ้ง มอบความรัก ความอุ่น อาหาร และน้ำให้ชีวิตอื่น เขาไม่คิดว่ามันคือการทำบุญ สำหรับเขาการอุ้มชูเหล่าผู้ถูกทอดทิ้งอาจเป็นการอุ้มชูจิตใจเขาเอง เขาเองก็เข้าใจการถูกทิ้ง เข้าใจความโดดเดี่ยว หรือไม่เขาก็อาจจะแค่รักแมว แค่ยินดีจะประคับประครองชีวิตไร้ที่ไป แม้ลังเลใจอยู่บ้างว่าเขาจะทำได้ไหม จะดูแลชีวิตอีกหนึ่งชีวิตได้หรือไม่ แต่ทุกอย่างมีก้าวแรก เขาเชื่อเช่นนั้น หากเขาไม่ออกจากวังวนเหล่านั้นวันนี้ก็อาจจะไม่มีวันได้ออกไปอีกเลย
ตาสองข้างสีเหลืองสุกปลั่ง ขนดำขลับ ท่าทีดูเหมือนแมว แมวที่เดาอะไรด้วยเพียงการมองไม่ได้แต่เขาดันตกลงหลุมพรางแมวด้วยเหลืองคล้ายพระจันทร์ ดำเหมือนคลุกขี้เขม่า ดูเป็นแมวที่น่าจะอยู่กับเขาได้ อายุคาดว่า 1 ปีหรือมากกว่า เขาลองยื่นมือให้เด็กตรงหน้าดม ยื่นมือไปต่ำกว่าคางแมวที่นั่งสง่าตามที่เคยได้ยินจากแอนิเมชันว่าถ้ายื่นสูงกว่าหัวอาจโดนกัดได้ แมวดำไร้ชื่อยื่นหน้ามาดม พลางคนผมดำผู้ถูกเลียมือเอ่ย
“กลับบ้านด้วยกันนะ” เหมือนเจ้าแมวดำเข้าใจจึงร้องกลับด้วยเสียงใส เป็นเมี้ยวสั้นๆเพียงตอบรับ ไม่ได้โต้แย้งอะไร
“นคร ชื่อนครดีมั้ย ธรรมดาไปมั้ย” มีเพียงตาแป๋วจ้องกลับมา
“นครครับ” วาฬลองเอ่ยเรียก
“เมี้ยว” ร้องขานคล้ายรับทราบแล้วว่าชื่อตนแต่นี้ต่อไปคือนคร ไม่ก็เพียงรำคาญเสียงชวนคุยของมนุษย์ตรงหน้า
นคร แมวจรจัดแถวบ้านคนรู้จัก ที่กำลังจะไปฉีดวัคซีนกระตุ้นหลังรู้จักบ้านใหม่ได้หนึ่งอาทิตย์และจะโดนทำหมันในเร็ววัน นิสัยเหมือนที่ตาเห็น สงบ สง่า สมเป็นแมวในคติคิดของหลายๆคน วาฬไม่มั่นใจว่านครนั้นอยากได้ความลำพังมากน้อยแค่ไหนจึงลองเปิดประตูห้องนอนตนไว้ในคืนแรกเพราะเตียงของนครถูกวางไว้ที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง ที่โถงทางเดินใกล้บันไดที่ชั้นสอง และในห้องนอนของเขาก็มีกล่องกระดาษที่ปูผ้าไว้อีกหนึ่งกล่อง เผื่อว่านครจะเป็นแมวประเภทชอบลังกระดาษ หากแต่ทั้งสามที่นั้นไม่ได้ถูกเลือกเป็นที่บรรทมของแมวผู้สง่า ผู้ถูกเลือกคือเขาเอง นครเลือกเตียงของเจ้าของบ้านผู้วิตกว่าแมวจะไม่มีที่นอนจนเตรียมไว้ให้เสียเหลือเฟือ
ที่นอนทั้งสองก็ยังถูกวางไว้ในที่ของมัน มีเพียงลังกระดาษที่ถูกเคลื่อนมาไว้ที่ห้องทำงานแทนห้องนอน เป็นเตียงที่ถูกใช้ยามนครมาเฝ้าวาฬทำงานในตอนเช้า เมื่อคล้อยบ่ายทั้งคู่จะย้ายร่างที่หมดแรงและนอนเต็มอิ่มมาเติมสารอาหารในห้องครัว นั่งเล่นไม้พู่ขนนกที่ห้องนั่งเล่น หลังเริ่มสนิทใจกันก็ใส่สายจูงเดินออกไปสัมผัสอากาศของป่าที่ล้อมบ้านหลังโตไว้ในวันที่แดดไม่หวังจะเอาชีวิตใคร ครั้นพอใจกับการผลาญพลังกายแลกพลังใจของแมวดำและคนผมดำ วาฬกลับมานั่งทำงานของตนต่อ โดยที่นครทำหน้าที่ตรวจตราบ้านทุกซอกมุมก่อนกลับมารายงานเขาถึงความปกติของบ้าน
หากแต่ไม่ใช่ทุกวันจะปกติสุขเช่นนั้น บางเช้ามนุษย์ก็ไม่อาจฝืนแรงโน้มถ่วงของเตียงจมน้ำตา บางฝนแมวดำก็ทำเพียงจ้องมองออกไปนอกบ้าน บางค่ำวาฬก็จมลงโซฟาด้วยล้าจากงานโดยมีนครโดดเหยียบหลังเหมือนรู้งาน บางคืนน้ำตามาเยือนมนุษย์ตัวโตอีกคราและแมวดำก็หายไปในมุมมืดของบ้าน บ้านที่เคยใหญ่เกินคนสองคน บัดนี้ดูเหมือนศาลาผู้ถูกทิ้ง รอยช้ำแผ่กว้างร้าวไปทั่วทุกมุมบ้าน
เป็นเรื่องแน่นอนที่มนุษย์เจ้าของบ้านไม่ปล่อยให้น้ำตารินไม่รู้หยุด เขามักฟื้นชีวิตด้วยการเรียกชื่อแมว เรียกผู้อาศัยอีกหนึ่งชีวิตของบ้าน “นคร นครมาหาวาฬได้ไหมครับ” ตะโกนออกจากห้องนอนที่บานประตูถูกเปิดเผื่อให้อีกชีวิตเข้าออกได้ง่าย ชั่วอึดใจก็ได้ยินเสียงขานและเสียงฝีเท้าวิ่งมา โดดด้วยท่าสวยขึ้นเตียงสู่กอดของผู้เพรียกหา สองชีวิตในโอบหนึ่งเตียง รับและมอบไออุ่นของการยังมีลมหายใจ แลกความอัดแน่นของมวลชีวิตผ่านกอดหลวมๆ ผ่านการใช้หัวเล็กๆถูหน้าผากที่ใหญ่กว่า และผ่านพ้นสู่เช้าใหม่ด้วยร่างเปี่ยมชีวิตทั้งสอง
ผัดผักฟองเต้าหู้ กาแฟนมงาดำให้เจ้าของบ้าน น้ำเปล่าสำหรับสองชีวิต อาหารแมวของผู้อาศัยอีกคน ร่วมทานกันอย่างเงียบเชียบในเวลาเจ็ดโมงครึ่งของช่วงเช้าหลังออกไปให้แดดกระทบผิวพร้อมสำรวจป่า เขาเคยอ่านผ่านตาว่าการออกกำลังกายนั้นดีต่อกำลังใจจึงพยายามออกเดินในเช้าที่ก้าวไหว ไม่แน่ใจว่าได้ผลบ้างหรือไม่ แต่นับจากมีอีกชีวิตเข้ามาในบ้านเขาก็ร้องไห้น้อยลง สะอื้นถี่ลง อาจจะได้แมวช่วยไว้ไม่ก็แค่แผลใจนั้นได้เวลาช่วยเยียวยา
ในอีกบ่ายที่งานไม่ได้ตามติด สองเดือนหลังร่วมชายคากับแมวดำ เขาเดินตามนครออกตรวจตราบ้าน เริ่มจากห้องนั่งเล่นปีกซ้ายที่อยู่หน้าห้องทำงานเขา มีหน้าต่างบานข้างบ้านและหน้าบ้าน ตู้วางชิดกับหน้าต่างบานข้างติดกำแพงด้านหน้า ประดับด้วยรูปคู่ของวาฬและนิลตอนไปเที่ยวทะเล ลมตีผมเปิดใบหน้ายิ้มที่หัวเราะในสภาพดูไม่ได้ของกันและกัน ถัดไปเป็นรูปนครที่เขาถ่ายตอนออกสำรวจป่าพึ่งนำมาวางได้ไม่นาน มีกระถางต้นไม้ไร้ดินและชีวิตไว้ใส่ของไม่รู้ที่มา คลิปหนีบ เข็มกลับ กบเหลาเก่า แฮร์พินสีดำที่เป็นตำนานว่าได้มาย่อมหายไป กระบองเพรชในถาดสองต้นอยู่ใกล้ผนังและมีถาดใส่กุญแจกับจดหมายอยู่ด้านหน้า ถัดมาเป็นบำรดน้ำอันเล็กวางอยู่ติดกัน
คนนำต้นกระบองเพชรสองต้นเล็กเข้าบ้านคือนิล จากงานเกษตรสักงานที่ไปด้วยกันเมื่อสามปีก่อน เขาบอกอีกฝ่ายว่าให้รับผิดชอบเองแต่สุดท้ายก็คอยเวียนมาดูแลแทนพ่อคนงานยุ่งอยู่ดี สองต้นสองคนเติบโตต่อไปด้วยกันแม้พ่อมันจะได้อยู่ด้วยแค่ปีเดียวก็ตาม เป็นของดูต่างหน้าที่ดูอิ่มเอิบจนเขานึกหมั่นไส้ในความสดใสของต้นไม้ที่เขาเฝ้าถนอมมากับมือ จดหมายซึ่งนานครั้งจะมาที กุญแจหลายดอกห้อยป้ายบอกหน้าที่ว่าคู่กับประตูใด นึกถึงครั้งออกจากบ้านแล้วลืมหยิบกุญแจไปทำให้ต้องวานคนที่หลับอยู่มาเปิดประตู นึกว่าจะบ่นที่ปลุกขึ้นมากลางดึกกลางดื่นกลับได้รับแรงกระแทกจากกอดของคนง่วง พร้อมพึมพำว่า “ยินดีต้อนรับกลับ” แม้เจ้าตัวจะมาบ่นตอนเช้าแกมอ้อนให้โอ๋ที่เป็นต้นตอทำให้เขานอนไม่พอก็ตาม
ถอยหลังมาหน่อยคือของสิ่งใหม่ ที่นอนนคร วางอยู่ข้างหน้าต่างห่างชั้นวางรองเท้าใกล้ประตูบ้านมาห้าเมตรได้ นครมักหลบมานอนตรงนี้หลังรายงานตรวจตราเรียบร้อยหรือตอนเขาออกจากบ้านไปคนเดียว ถัดไปฟากตรงข้ามยังคงอยู่เขตห้องนั่งเล่น หน้าต่างข้างบ้านอีกบาน มีโซฟาวางติดหน้าต่างนั้น บางครั้งทั้งคนและแมวก็นอนกลางวันเบียดกันอยู่บนโซฟา ตรงข้ามกันคือทีวีที่ไม่ค่อยจะได้เปิดนัก แขกมักถามว่าทำไมถึงตั้งทีวีไว้กลางบ้านว่าไม่กลัวชนตกหรือ ได้เพียงยิ้มตอบว่าหาเทปยึดไว้แล้ว เหตุผลที่ตั้งไว้กลางบ้านเพราะเขาไม่อยากนั่งหันหลังให้ประตู แม้คนเข้าออกที่นี่จะมีแค่สองชีวิตเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม ติดกับห้องนั่งเล่นปีกขวาเป็นห้องครัว ส่วนที่เต็มด้วยความทรงจำของมนุษย์สองคน ทำอาหารช่วยกัน ทานด้วยกัน ดื่มสุราด้วยกัน บ่นทุกข์บ่นหนักจากงานพร้อมกินแก้หงุดหงิด เป็นความหลังกลิ่นอาหารชวนคำนึง ผัดไร้ชื่อที่ดันอร่อย น้ำซอสที่ผสมตามใจแต่เข้ากันได้ดีกับเส้นสารพัดที่ซื้อมา ต้มที่เหมือนรวมผักแถมเต้าหู้ ข้าวไม่ขาวที่สุ่มซื้อมาผสมจากร้านชำ เครื่องปรุงที่พร่องหนักในส่วนน้ำตาลเพราะวาฬ พริกที่ปรามนิลไม่ให้เททั้งขวด สองคนหลากรสในชายคาหนึ่ง กลมกล่อมแสนหอมชวนเสียหลักเมื่อชีวิตหนึ่งได้ทราบข่าวการจากไปของอีกคน
ห้องน้ำอยู่ติดกันกับห้องครัว ถัดไปถึงเป็นบันไดและห้องทำงานของวาฬตามลำดับ ประตูเข้าห้องทำงานอยู่ด้านหน้าตรงกับหน้าต่างปีกซ้าย ด้านในจัดให้โต๊ะทำงานติดหน้าต่างข้างบ้าน หันข้างให้กับประตูและหน้าต่างหลังบ้าน นิลไม่ค่อยเข้ามาป้วนเปี้ยนบ่อยนัก เป็นพื้นที่ส่วนตัวของวาฬที่หากอยากสำรวจต้องบอกล่วงหน้า แม้บัดนี้จะมีผู้ถืออภิสิทธิ์ย่างก้าวเข้าออกได้ตามสบายหนึ่งตัวก็ตาม
หลังเดินตามนครจนวนกลับมาที่ห้องตน เจ้าแมวดำผู้รู้หน้าที่ก็ร้องทักคล้ายบอกให้เลิกตามแล้วกลับไปทำงาน
“วันนี้ตามไปตรวจตราด้วยแค่นี้ก็ได้ ยังไงชั้นสองก็ต้องทำความสะอาดพรุ่งนี้ เตือนฉันด้วยนะคุณนคร” ฝากฝังงานเรียบร้อยก็ได้ฟังเสียงขานรับปากของแมวดำ และทั้งสองก็แยกย้ายทำงานของตนต่อ
Comments (0)