6 ตอน แสงจันทร์ที่หก ทายาทแห่งแดนว่างเปล่า
โดย Cho-mysun
-๖-
?Enjoy Reading?
เจ้าของดวงตาสีอำพันจ้องมองคนตรงหน้าอย่างพินิจไร้กลิ่นอายอัลฟ่าโดยสิ้นเชิง แต่กลับรู้สึกถึงความน่ากลัวพิลึกที่ต่างออกไป
"หากต้องการสิ่งใดบอกข้ามาอย่าได้เกรงใจ" วินฟาเรียดึงมือเรียวออกห่างอย่างไม่ใส่ใจนัก
"มีอยู่หลายสิ่งที่ข้าต้องการเกินกว่าท่านจักให้ได้"
ทั้งเสียงเค้นหัวเราะแลคำพูดท้าทายทำผู้เป็นนายแห่งบูรพาหัวเสียไม่น้อย
"จักละโมบไปไย เจ้ารู้หรือว่ามีสิ่งใดที่ข้าหาไม่ได้" นิ้วสวยจิกลงบนหลังคอเปลือยโน้มหน้าเข้าหาแล้วกล่าววาจายียวน "แม้ชีวิตเจ้าข้าก็ทำให้หายไปได้"
"อยากจักรู้เหมือนกันว่าเก่งได้ครึ่งที่ปากพูดหรือไม่" เมื่อผู้ที่ทนงตนทั้งคู่มาอยู่ร่วมกัน ย่อมไม่มีใครยอมลงให้ใคร มือใหญ่ตะปบเข้าที่เนินก้นอวบบีบเค้นแยกออกห่างกันอย่างไม่เบาแรง
กลิ่นอายดอกบรุกแมนเซียเริ่มโชยออกมาเบาบางอย่างควบคุมไม่ได้ พอกับแก่นกายที่ชูชันขึ้นภายใต้กางเกงบาง
"หึ จักฆ่าข้าหรือเอากับข้าเจ้าคุยกับตนเองให้ดีก่อนเถิด"
ใบหน้างดงามขึ้นสีแดงเรื่อไม่รู้ว่าเพราะโกรธจัดหรืออับอายจนไม่อาจบรรยายได้ คมเล็บยาวปล่อยหลังคอเอเดนออก จ้องมองใบหน้ากวนเบื้องล่างอย่างไม่ชอบใจ
"ไอ้เวรนรกเอ้ย!" จนสุดท้ายการดวลสายตาก็หยุดไปเพราะเท้าเล็กกระทืบลงกลางกายหมาป่าสีดำเต็มแรง
เสียงโอดโอยทั้งท่าทางกระฟัดกระเฟียดของวินฟาเรียทำให้เทเลอร์จำต้องเดินเข้าไปดูหมาป่าอีกตัวที่อยู่ข้างใน ไม่ใช่ว่าทำอะไรให้ท่านไม่พอใจแล้วโดนฆ่าตายไปแล้วกระมัง
ดวงตาสีอินทนิลฉายแววความสมเพชไม่น้อยเมื่อภาพตรงหน้าไม่ใช่ร่างไร้วิญญาณนอนเลือดท่วม ทว่าเป็นชายหื่นกามคนหนึ่งนอนกุมลึงค์ของตนเองก็เท่านั้น
วินฟาเรียเดินหลบไปข้างธารน้ำวักน้ำขึ้นมาลูบทั่วใบหน้าหวังให้อะไรต่อมิอะไรสงบลงแต่โดยดี
"ข้าเพียงแค่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์" แค่อะไรนิดหน่อยย่อมโดนปลุกอารมณ์ได้ง่ายเป็นธรรมดา
เพียงแค่คิดถึงสัมผัสหยาบโลนเมื่อครู่แก่นกายก็เริ่มชูชันขึ้นมาอีกรอบ แม้ไม่ชอบใจในคำพูดวางตนเป็นใหญ่แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรุนแรงที่อีกคนมอบให้สร้างความรู้สึกตื่นเต้นตื่นตัวให้ไม่น้อย
อาจเพราะพักนี้ไม่มีใครกล้าขัดใจเขา พูดสิ่งใดทุกคนก็ไหลตามเห็นดีไปด้วยเสียทุกอย่าง
"ท่านวินฟาเรีย เห็นว่าแคลีนคลอดแล้วท่านจักไปดูหน้าพวกลูกหมาป่าหรือไม่" เมื่อได้ยินว่าโอเมก้าสาวท้องแก่ของตนคลอดหมาป่าน้อยออกมาแล้วก็ใจชื้นขึ้นมา
แววตาจ่าฝูงแดนรุ่งอรุณพลันเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นหลายส่วน ขายาวเร่งก้าวไปตามทางอย่างคาดหวัง คิดเดาจำนวนชีวิตที่เกิดขึ้นมาใหม่อย่างเริงใจ
"ท่านจ่าฝูง" อีเฟรนเบต้าสาวอีกคนที่อยู่คอยช่วยแคลีนตั้งแต่มาถึงแดนอาคเนย์วิ่งมาหาวินฟาเรียด้วยสีหน้าหนักใจ "นางไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้คงจักกำลังหวงลูกหนัก"
วินฟาเรียพยักหน้ารับพอจักรู้อยู่บ้างว่าโอเมก้ายามพึ่งคลอดลูกจักหวงแลดุร้ายกว่าปกติหลายเท่าตัว แต่ความใครรู้ของตนก็ห้ามไม่ได้ง่าย ๆ แม้เทเลอร์จักเอ่ยปรามไว้ก็ไม่คิดฟัง
ประตูไม้สานบาง ๆ ถูกเปิดออกด้วยความระมัดระวังพยายามเป็นอย่างมากที่จักไม่ก่อเสียงดังให้แม่ลูกอ่อนตกใจ
ภายในเรือนไม้หลังเล็กมีกองผ้ากองใหญ่วางซ้อนกันไว้เป็นรังเพื่อให้โอเมก้าสาวได้รู้สึกถึงความปลอดภัยแลไออุ่นยามลูกออกมาภายนอก
กรรร
เสียงครางต่ำของหมาป่าแม่ลูกอ่อนดึงขึ้นอย่างอ่อนแรง แม้จักขยับได้ไม่มากแต่ก็ยังข่มขู่ด้วยดวงตาเพื่อปกป้องพวกลูกไว้ด้วยกำลังที่เหลือ
"แคลีน ข้าเองวินฟาเรียเจ้าจำข้าได้หรือไม่" เจ้าของเรือนผมสีเงินหม่นค่อย ๆ ขยับเดินเข้าไปใกล้จ้องมองนัยน์ตาสีเดียวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยความอ่อนโยน
กลิ่นของดอกบรุกแมนเซียยังคงหอมกรุ่นอยู่รอบตัววินฟาเรีย เมื่อแคลีนสูดดมเข้าไปก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา เสียงขู่หมดไปทั้งดวงตาแข็งกร้าวก็อ่อนลง หมาป่าสีเทาเข้มวางหัวลงบนกองผ้าไร้ท่าทีหวาดระแวงอย่างสิ้นเชิง
รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนริมฝีปากอวบนิ้วเรียวยื่นไปลูบหัวแม่หมาป่าแผ่วเบาก่อนจะมองเลยไปที่ลูกหมาป่าตัวเท่าฝ่ามือสี่ตัวซุกอยู่ตรงราวนม เสียงร้องเล็กแหลมของลูกหมาป่ายิ่งทำให้รอยยิ้มงามยกกว้างขึ้นไปอีก
ปลายนิ้วสัมผัสลงบนขนชื้นของลูกหมาป่าตัวหนึ่ง ใบหน้าที่ยังไม่ลืมตาเอียงเข้าหามือของวินฟาเรียอย่างน่าเอ็นดู ทว่ารอยยิ้มพริ้มพรายก็หุบลงเมื่อแตะไปที่ตัวของลูกหมาป่าอีกสองตัวที่เหลือกลับพบว่าไม่มีลมหายใจแล้ว
ดวงตาเบิกกว้างเริ่มมีน้ำตาชื้นแฉะก่อนจักล่วงหล่นลงมาตามแก้มเนียน ริมฝีปากอวบแม้มแน้นจ้องตาแคลีนด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ ลูบไปตามแนวขนหนาอย่างปลอบโยน
นัยน์ตาสีน้ำเงินของหมาป่าสาวก็ชุ่มไปด่วยหยาดน้ำใสไม่ต่างกัน สุดท้ายวินฟาเรียที่ทนไม่ไหวก็รีบเช็ดน้ำตาแลเดินออกมาด้านนอก บอกให้อีเฟรนเข้าไปดูและช่วยปลอบใจแคลีนแทนตน
"มีการเกิดย่อมมีการตาย มันเป็นเรื่องธรรมดา" เทเลอร์พูดขึ้นเหมือนว่าพยายามจักทำให้ผู้เป็นนายรู้สึกดีขึ้น
"เจ้าเองก็เคยสูญเสียไม่ใช่หรือแล้วเหตุใดจึงพูดเช่นนั้นออกมา คราวหลังหากพูดที่ดีกว่านี้ไม่ได้ก็หุบปากไป"
แววตาผิดหวังฉายชัดในใจ วินฟาเรียเดินจากไปปล่อยให้เทเลอร์ยืนคิดถึงสิ่งที่ตนพูดออกมา แม้ไม่รู้ว่าตนทำสิ่งใดผิดไปแต่เมื่อจ่าฝูงท่านกล่าวโทษมามีหรือจักไม่น้อมรับ
วันทั้งวันที่ไม่มีใครกล้าเฉียดใกล้ผู้เป็นใหญ่แห่งแดนบูรพาเว้นเสียแต่เอเดนมาคอยตามกวนใจอยู่ไม่ห่าง
"เคยสงสัยหรือไม่เหตุใดดวงตาสีอำพันอันมากค่าจึงเกิดคู่มากับโอเมก้าเช่นเจ้า" เอเดนยิงคำถามไปเรื่อยระหว่างนั่งมองวินฟาเรียนโยนหินลงน้ำให้กระดอนเล่น
"แล้วเจ้าคิดจริงหรือว่าชนชั้นอื่นจักชนะอัลฟ่าได้"
"เมื่อเจ้าตายไปทุกอย่างจักกลับเป็นดังเดิมอย่างที่บัญญัติแห่งพงไพรว่าไว้" เป็นคำพูดที่ยากจักปฏิเสธ มันเป็นความจริงที่เลี่ยงไม่ได้ว่าโอเมก้าทุกตัวไม่ได้เกิดมาพิเศษอย่างวินฟาเรีย สุดท้ายทุกอย่างที่ทำไปจักสูญเปล่าเพราะไม่มีผู้ใดที่เทียบทานได้มาสานต่อ ต่างจากพวกเลือดอัลฟ่าที่แข็งแกร่งโดยกำเนิดกดชนชั้นอื่นกันรุ่นต่อรุ่น
"ช่างหัวบัญญัติเวรนั่น หากข้าตายแล้วเกิดใหม่ไม่ว่าอีกกี่ล้านรอบข้าก็จักสร้างมันขึ้นมาอีกครั้ง แลเมื่อถึงวันนั้นจักมีผู้ที่ตระหนักได้จักสอนรุ่นถัดไปอย่างที่ข้าสอน"
ก้อนหินแบนเหินบนผิวน้ำสองสามที่แล้วจึงค่อยจมลงไป วินฟาเรียก็ได้แต่หวังว่าความคิดของเขาจักถูกส่งต่อเป็นทอด ๆ ต่อไป รู้ว่าตนไม่อาจอยู่ค้ำฟ้าแต่หากถือกำเนิดเกิดใหม่ขึ้นมาแลได้ยินนามของตนดังก้องระบือไกลเป็นต้นแบบให้พวกรุ่นหลังปฎิบัติตามอย่างเข้าใจก็คงดีไม่น้อย
"แล้วหากไร้การกำเนิดใหม่มีเพียงเจ้าในชีวิตนี้เท่านั้นจักทำอย่างไร"
"ข้าจักทำอย่างไรได้ แลหากข้าตายไปทุกสิ่งย่อมไม่อยู่ในการครอบครองของข้าอีกต่อไปแล้ว" อย่างน้อยเกิดมาครั้งหนึ่งได้เหยียบหัวสวรรค์จนจมตีนข้าก็พอใจแล้ว
"ดูไม่เหมือนคนที่ถือกำเนิดมาเพื่อนำพาโอเมก้าสู่ความเท่าเทียมเลยหนา" ทั้งคำพูดคำจาก็ดูไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้น "ยามพบเจอปัญหาเจ้าจักช่วยพวกเขาหรือเอาตัวรอดเพียงคนเดียว"
"ชีวิตข้าแลซามูเอลถือเป็นหนึ่ง ไม่ว่าปัญหาใดข้ามั่นใจว่าไม่เกินมือ"
"หมายความหากจำเป็นเจ้าจักละทิ้งทุกคนเพื่อช่วยซามูเอลคนนั้นน่ะหรือ" แม้บอกว่าปัญหาจักไม่เกินมือแต่ทุกสิ่งใช่ว่าจักง่ายดายเสมอไป สักวันคงเจอสิ่งที่ก้าวข้ามไปไม่ได้
วินฟาเรียนิ่งเงียบไปสักพักที่เอเดนพูดมาเขาไม่สามารถปฏิเสธได้เลย หากเลือกช่วยได้เพียงคนเดียวเขาย่อมเลือกซามูเอลอย่างไม่ลังเล
"แล้วเจ้าล่ะเป็นพวกอยากรู้เรื่องผู้อื่นแต่ไม่ยอมให้ผู้ใดมาล้วงความลับของตนน่ะสิ"
"หากเจ้าถามข้าต้องตอบอยู่แล้ว"
"ไยต้องถามข้าไม่ได้อยากรู้"
เจ้าของเรือนผมสีเงินทำท่าจะลุกขึ้นแต่แขนเรียวถูกดึงรั้งเอาไว้โดยคนที่อยู่ข้างกาย มีดสั้นที่ซ้อนไว้ในแขนเสื้อถูกหยิบออกมาจ่อลำคอของเอเดนอีกครั้ง
"อย่าแตะกายข้าหากยังอยากหายใจอยู่"
หมาป่าสีดำไม่มีทีท่าว่าทุกข์ร้อนแต่อย่างใด ทำเพียงแค่ปล่อยมืออีกคนไปแล้วลุกขึ้นตาม
"เจ้าหาเรื่องมาฆ่าข้าได้ทุกนาทีเลยหรือ"
"เป็นเจ้ามากกว่าที่หาเรื่องตาย"
เอเดนชูมือขึ้นอย่างจำนนแล้วเริ่มเล่าเรื่องของตนให้อีกคนฟัง
"ข้าเป็นเพียงเบต้าแลหมาป่าตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ของฝูงอาคเนย์ ไม่ได้มีสิ่งใดพิเศษไปมากกว่านั้น"
"เจ้าหาคำโกหกที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือ" วินฟาเรียหัวเราะเบา ๆ ฝูงอาคเนย์ถูกลบหายไปกว่าร้อยปี แล้วเจ้าหมาดำตัวนี้จักบอกว่าตนเองเป็นคนเดียวที่เหลือรอดหรือ
"สักวันเจ้าจักได้รู้ถึงสิ่งที่ผู้นำแห่งพงไพรก็ไม่อาจปฏิเสธได้"
"หมาป่าแห่งแดนว่างเปล่ายังมีความลับมากมายที่ไม่เคยได้เผยออกมา แลสักวันเจ้าจักได้เห็นมันด้วยตาของตนเอง" เอเดนพูดทิ้งท้ายก่อนจักแกล้งเฉไฉไปเรื่องอื่น
"หมายความว่าอย่างไร"
"วินฟาเรียชื่อของเจ้าความหมายดีไม่น้อย" เอเดนแกล้งโน้มตัวเข้าใกล้แล้วเอ่ยต่อ "ผู้ที่เกิดมาเพื่อยืนเหนืออัลฟ่าทุกตน วินฟ่า"
"นามของข้าคือวินฟาเรีย ไม่ต้องคิดเปลี่ยนเป็นอื่น"
"ดอกบรุกแมนเซียสวยแต่รูปจูบถึงตาย น่าเสียดายที่พวกโอเมก้าไม่รู้จักใช้สิ่งที่พระเจ้ามอบให้ตน" แท้จริงแล้วโอเมก้าหาได้ไร้พิษสงอย่างที่ใครคิด "หากเจ้าควบคุมมันได้ ไม่แน่แม้เทพที่ลอยอยู่เหนือนภาก็จักถูกเจ้าเด็ดปีกแลดึงลงมาอยู่ใต้พนาเดียวกัน"
"เจ้าต้องการจักบอกสิ่งใดกันแน่"
"หากเจ้าอยากรู้ข้าย่อมบอกเจ้าได้ เมื่อถึงเวลา"
ไม่ปล่อยให้วินฟาเรียได้ซักไซ้เจ้าของดวงตาสีรัตติกาลก็เดินจากไป รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการความแข็งแกร่งมากกว่าสิ่งใดจึงใช้มันเป็นเหยื่อล่อสร้างบ่วงเพื่อรัดคอจ่าฝูงแห่งแดนอรุณรุ่ง
"พรุ่งนี้เช้าซามูเอลคงจักใกล้กลับมาจากแดนดับตะวัน" วินฟาเรียนอนราบอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่จ้องมองเทเลอร์ที่กำลังบดยาหรืออะไรสักอย่างอยู่ใต้ต้นไม้
คิดได้ว่าเมื่อเช้าตนพูดแรงไปอาจจะด้วยอารมณ์ในตอนนั้นเพียงได้ยินคำพูดไม่เข้าหูหน่อยก็เผลอปากพล่อยพ่นคำทำร้ายจิตใจออกไปไม่ใยดี ยิ่งคำที่พูดออกไปตอนนี้ไม่มีการตอบกลับก็ยิ่งคิดไปไกลว่าตนคงโดนโกรธเข้าเสียแล้ว
"เจ้ากำลังสิ่งใดหรือ" ร่างที่เคยเอนอยู่บนต้นไม้กระโดดลงมาด้านล่างอย่างว่องไว
"ยันต์กันสิ่งชั่วร้าย" เทเลอร์ตอบกลับขณะที่มือเรียวค่อย ๆ ใช้แทนหินสีขาวบดคลึงเค้นน้ำจากดอกไม้แห้งและถ่าน "ดอกเดลฟินเนียมหายากมากแดนบูรพาแต่กลับมีเกลื่อนไปทั่วทั้งถิ่นอาคเนย์"
วินฟาเรียพยักหน้ารับ เมื่อหลายวันก่อนเขาเองก็เห็นดอกไม้คล้ายแบบนี้ขึ้นชูดอกสะพรั่งไปทั่ว
"เจ้าเรียนวิธีทำของแบบนี้มาจากไหน" วินฟาเรียให้ความสนใจกับของตรงหน้าไม่น้อย ปกติที่ฝูงบูรพาไม่มีการทำอะไรเช่นนี้เลยไม่เคยได้เห็นมาก่อน
"พ่อข้า ครอบครัวของข้า" น้ำเสียงที่เคยเรียบเป็นปกติแต่เมื่อพูดถึงครอบครัวกลับยิ่งเบาลงไปอีก
ที่จริงแล้ววินฟาเรียอยากจักถามเทเลอร์ตั้งแต่คราแรกที่พบหน้าว่าเหตุใดผิวกายจึงแตกต่างผิดแผกไปจากหมาป่าทั่วไป
ผิวสีน้ำตาลเข้มคล้ายเปลือกไม้ไม่ใช่ผิวที่แค่โดนแดดก็จักมีได้คงจักเป็นสีผิวโดยกำเนิด แล้วยังผมแลดวงตาสีอินทนิลเข้มดูรับกันดีส่งให้เจ้าของร่างหล่อเหลาขึ้นเป็นกอง
"สีตัวของเจ้าเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เกิดหรือ"
"อืมทุกคนในครอบครัวข้าเป็นเช่นนี้ คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ข้าไม่เป็นที่ยอมรับ"
"หน้าตาเจ้าหล่อเหลากว่าใครในพนา เจ้าอย่าคิดว่ามันเป็นจุดที่ทำให้ด้อยกว่า ลองยิ้มให้ข้าสักครั้งสิ" ที่พูดไปไม่มีโป้ปดเทเลอร์มีเสน่ห์เกินกว่าจักถูกมองข้าม หรืออาจจะเพราะหน้าตาไม่สนโลกแลนิสัยนิ่งเฉยไม่ยุ่มย่ามกับผู้ใดทำให้วินฟาเรียสนใจในอัลฟ่าคนนี้ไม่น้อย
อยากจักลองต่อสู้ด้วยสักครั้งอยากจักรู้นักว่าภายใต้ใบหน้าหล่อ ๆ นั่นจักมีความแข็งแกร่งซุกซ่อนอยู่หรือเปล่า
เทเลอร์เม้มปากเล็กน้อยพึ่งจักเคยโดนคนนอกครอบครัวชมเป็นครั้งแรกจึงแสดงสีหน้าไม่ถูก
"ขอบคุณ" น้ำเสียงเรียบสั่นจนแทบจักฟังไม่รู้เรื่อง
วินฟาเรียแกล้งแตะลาดไหล่กว้างพร้อมยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้อย่างหยอกล้อ
ด้วยส่วนสูงทำให้แค่มองคงไม่มีทางรู้เลยว่าภายใต้เนื้อผ้าสีทึบจักเต็มไปด้วยมัดกล้ามขนาดพอดีมือ
"เมื่อเช้าเจ้าโกรธข้าหรือ" ลมหายใจอุ่นเป่าลดต้นคอ นิ้วเรียมเอื้อมมาทัดเส้นผมยาวสีอินทนิลให้อย่างอ้อยอิ่ง
"ข้าไม่กล้า"
"เจ้าควรจักกล้าสิอย่าคิดว่าข้าเป็นจ่าฝูง คิดเพียงข้าเป็นหมาป่าตัวหนึ่ง"
เทเลอร์หันมาสบตาผู้เป็นนายที่พูดไปเพราะไม่อยากตีตัวเสมอ แต่หากท่านต้องการเขาย่อมให้ได้
"แล้วที่ท่านว่าข้าหล่อเกินใครในพนา เป็นเรื่องจริงหรือไม่" หมาป่าผิวแทนทำใจกล้าเอ่ยถามในประโยคที่ติดใจ "เพราะข้าคิดว่าท่านเองก็งามที่สุดในแดนใต้นถา"
วินฟาเรียแกล้งเกี่ยวผมเส้นยาวมาม้วนเล่น บังคับมุมปากไม่ให้ยกสูงขึ้นเกินไป
"แลเจ้าว่าลูกของเราจักงามเหนือเทพยดาหรือไม่"
ทั้งสองต่างหัวร่อให้กับความคิดของจ่าฝูง แม้จักเป็นคำหยอกเล่นแต่ก็อดคิดตามไม่ได้
มีเพียงคนที่ยืนพิงต้นไม้อยู่ไกล ๆ กรอกตาไปมาอย่างรำคาญใจ นึกหมั่นไส้ไม่น้อยทีกับเขาเพียงแตะตัวกลับทำเหมือนว่าจักฆ่ากันให้ตายแต่กลับไอ้หมานั่นดันไปยิ้มระรื่นใส่
เมื่อใกล้ค่ำเทเลอร์ก็มาที่ริมธาราอีกครั้งอาศัยแสงสุดท้ายจากดวงตะวันส่องดูเงาตนเองแล้วเริ่มจุ่มนิ้วในน้ำสีดำมาวาดบนผิวหน้า พลางมองเงาที่สะท้อนมาอย่างพินิจ หลุดยิ้มเล็กน้อยยามนึกถึงคำชมของวินฟาเรีย
หาใช่ความผิดท่านที่ทำข้าคิดไปไกล หากแต่เป็นความผิดข้าที่อาจเอื้อมคิดจักคว้าจันทร์
รอยวาดสีดำเริ่มแห้งติดตรึงไปกับใบหน้า ยันต์ตรีนภาพ่อเขาบอกว่าให้วาดลงบนผิวหน้าเมื่อถึงคราคืนอมาวสี ค่ำคืนที่ดวงจันทร์อับแสงสิ่งชั่วร้ายนานาจักแผลงฤทธิ์หนัก หากวาดยันต์นี้ไว้จักช่วยป้องกันตนจากสิ่งเหล่านั้น ทั้งยังมีกฏเหล็กสำคัญห้ามกลายร่างเป็นหมาป่าหากวาดยันต์ไว้บนหน้าเป็นอันขาด
คืนนี้เป็นคืนที่เขาจักต้องคอยเฝ้ามองรอบหมู่บ้านกันภัยให้คนอื่นได้พักผ่อนอย่างสงบ
ช่วงขายาวก้าวเนิบช้าไปตามทิวป่า ฝักดาบที่สพายไว้ข้างกายถูกกระชับแน่นขึ้นเมื่อเจ้าของได้ยินเสียงฝีเท้าหนักของอะไรบางอย่าง
หนักเกินกว่าจักเป็นของหมาป่า แลมันกำลังใกล้เข้ามาคงไม่พ้นเซเทอร์เป็นแน่ ที่นี่ใกล้ฝูงเกินไปแต่มันกลับไม่มีท่าทีว่าจักหยุดวิ่งเข้ามา หากไม่ขวางไว้ตรงนี้มันคงได้เข้าไปในหมู่บ้านเป็นแน่ ทั้งโอเมก้าแลพวกลูกหมาเพิ่งคลอดอันตรายเกินกว่าจักเสี่ยง
ดาบคมถูกชักออกจากจากฝักพรางตัวเองไปกับความมืดสุ้มอยู่ในพุ่มไม้ก่อนกระโจนออกไปเฉือนคมดาบลงบนกล้ามเนื้อแกร่งของเซเทอร์ตัวหนึ่ง
เสียงร้องเคล้ากับเสียงตะโกนด่าดังลั่น พวกมันมากันทั้งหมดสามตัวทั้งยังเป็นพวกเต็มวัยทั้งนั้น แค่ตัวเดียวก็ตึงมือแล้ว คิดไม่ออกเลยว่าจักไปชนะเซเทอร์สามตัวโดยไม่แปลงเป็นหมาป่าได้อย่างไร
"ชอบลอบกัดกันนักหนาไอ้หมาใน!"
"มึงใช่หรือไม่ที่ฆ่าเพื่อนกู!"
เทเลอร์ไม่คิดตอบทำเพียงกระโดดถอยหลังเข้าไปในความมืดแล้วกระโจนออกมาโจมตีอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"แน่จริงมึงก็ออกมาสิวะไอ้หมาเวร!"
หากรู้ว่าไม่อาจชนะได้ด้วยกำลังก็ต้องชนะให้ได้ด้วยสมอง
"มึงคิดหรือว่าจักหลบได้ตลอดไป"
แต่มีแค่สมองคงไม่พอจริง ๆ
เทเลอร์ถูกเซเทอร์ตัวหนึ่งจับขาไว้แล้วลากออกมา
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมของครึ่งคนครึ่งม้าทำให้ความหวาดกลัวเริ่มเข้ามาในใจของหมาป่าสีดำทีละนิด
รู้ดีว่าพวกเซเทอร์มันบ้าหากถูกมันจับได้ขึ้นมา สิ่งที่ตามมามันจักต่ำช้ายิ่งกว่าตาย เผ่าพันธุ์ที่คิดได้แค่เอาไม่ว่าสิ่งใดหากมีรูให้ใส่พวกมันก็ไม่คิดเกี่ยง
"มึงเป็นอัลฟ่าหรือ คงจักไม่เคยโดนเอาสิท่า" เสียหัวร่อของพวกบ้ากามทำเอาหมาป่าหนุ่มหงุดหงิดจนแทบจักทนไม่ได้
"สมองคิดได้แค่นี้หรือไอ้ชาติชั่ว"
"ปากดีนักหนาหมาอย่างมึง อยากจักเห่าสุดท้ายก่อนตายสิท่า"
เท้าหน้ากระทืบทับเข้าที่กลางลำตัวของหมาป่าสีดำ ก่อนจักยกคนที่ตัวเล็กกว่าขึ้นมาแล้วออกแรงเหวี่ยงซ้ำ ๆ
เสียงหัวร่อแลคำตระโกนด่าอย่างกับว่าสุขใจนักหนาที่ได้กระทืบคน
ร่างทั้งร่างช้ำไปด้วยบาดแผลแต่ท่อนแขนสีแทนยังคงยกขึ้นมากำบังใบหน้าไม่ห่าง ด้วยกลัวว่าใบหน้าที่ท่านจ่าฝูงชมชอบจักเสียหาย
เทเลอร์ชั่งใจว่าจักเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าดีหรือไม่ ไม่รู้ว่าผลที่ตามมาคือสิ่งใดแต่คงไม่แย่ไปกว่านี้อีกแล้ว
เทเลอร์ถูกโยนออกมาที่ลานกว้างร่างทั้งร่างแทบจักขยับไม่ได้ในวินาทีที่กำลังจักแปลงกายกลับมองเห็นถึงเงาดำที่กระโดดพาดผ่านตนไป
ดวงตาสีอินทนิลพยายามเพ่งมองว่าเจ้าของร่างคือใคร แล้วจึงเริ่มเบาใจเมื่อหมาป่าสีน้ำเงินเลื่อมรัตติกาลตรงหน้าคือซามูเอล อีสเทิร์น
________________
#โอเมก้าจ่าฝูง
พวกหื่นกามแกโดนพี่ซามุกระทืบแน่!! มาทำร้ายน้องเขยคนโปรดของพี่แกได้ไง!
Happy New year My sun
ขอให้พระอาทิตย์ของเราทุกดวงมีความสุขและสดใสในปีต่อไปมาก ๆ นะคะ♡
Comments (0)