บทที่ 1

Circadian Rhythm

(1)

วันศุกร์อันเงียบงัน กลางฤดูร้อน
เวลาบ่ายแก่ ๆ ที่อบอ้าว


       เฮือก! ฝันร้ายนั่นอีกแล้ว!

เอมิลี่ บราว์นสะดุ้งตื่น ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมชั้นเกือบ 20 คู่จับจ้องมาที่เธอ

ครูโจเซฟ กิ้บบอนเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ผมหยักศกสีดำ ผิวขาวซีด อายุราว 30 ต้น ๆ รูปร่างผอมเพรียวและสูงชะลูด แต่เป็นคนเข้มงวดไร้อารมณ์ขันเลยไม่ค่อยได้ความนิยมจากนักเรียนเท่าไหร่นัก ยืนตัวค้างแข็งที่หน้าห้อง สีหน้าจริงจังของครูมีความตกใจปะปนอยู่ แม้แต่มือข้างขวาที่กำลังชี้ไปที่รูปประโยคและคำอธิบายบนกระดานก็ชะงักค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น

เอมิลี่หันซ้ายหันขวาไปมาด้วยความงุนงง เธอก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ มือทั้งสองเรียกได้ว่ากำลังขย่ำตำรารูปประโยคและแสดงวงเวทย์วจนะขั้นสูง ที่มีความหนาเกือบ 2,000 หน้า จนกระดาษยับยู่ยี่ ไรผมก็เปียกชุ่มเหงื่อ

เธอคงไม่ได้เผลอส่งเสียงร้องออกมาจริง ๆ ใช่ไหมนะ

ตอนนี้ห้องเรียนวิชาวจนะขั้นสูงตกอยู่ในความเงียบน่าอึดอัดจนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเวทมนตร์ที่ตั้งอยู่หน้าชั้นเรียนเดินดัง ติ้ก — ติ้ก — ติ้ก เป็นจังหวะ

“ได้ยินว่าถ้านอนผิดเวลาจะทำให้ฝันร้าย…” ครูกิ้บบอนทำลายความเงียบด้วยเสียงทุ้มต่ำเนิบนาบ “มิสบราว์น คุณคิดว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?” เขาใช้ตาสีดำจ้องเขม็งจนแทบทะลุร่างของเอมิลี่ที่ตัวสั่นเป็นลูกนก พลางใช้มือข้างขวาขยับแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมสีเงียบวาบวับ เขาปรับสีหน้าตกใจมาเป็นใบหน้าเคร่งขรึมตามปกติได้แล้ว

“ขะ-ขอโทษค่ะ!” เอมิลี่นั่งลง ก้มหน้างุดเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงแจ๊และร้อนฉ่าด้วยความอับอาย

เวลาชีวภาพภายในของเธอเสียหรือเปล่านะ ถึงได้หลับคาห้องเรียนแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่วิชาวจนะขั้นสูงของครูกิ้บบอนเป็นวิชาโปรดที่เธอตั้งตารอคอยเรียนทั้งสัปดาห์ และปกติเธอก็ไม่ใช่คนที่จะงีบหลับตอนบ่ายเสียหน่อย

ครูกิ้บบอนมีกฎในการเรียน 2 ข้อ คือ ห้ามเข้าเรียนสาย และอย่าส่งเสียงดัง เขาจึงมักจะดุและทำโทษนักเรียนที่เผลอส่งเสียงดังบ่อย ๆ  แม้ข้อสอบของครูกิ้บบอนจะก็จัดอยู่ในระดับยากมาก และเนื้อหาที่เรียนก็ซับซ้อน แต่เพราะโรงเรียนจัดตารางวิชาภาษาและวจนะไว้ในช่วงบ่ายทั้งหมด แถมเสียงของครูกิ้บบอนก็ทุ้มต่ำราวกับเพลงกล่อนนอน นักเรียนหลายคนจึงถือโอกาสแอบงีบหลับ เพราะขอแค่ไม่ส่งเสียงดังในชั้นเรียน ครูกิ้บบอนก็มักปล่อยผ่านไป

แต่ถึงจะกล้างีบหลับยังไง ก็ไม่มีนักเรียนคนไหนกล้าละเมอโวยวายเสียงดังในคาบเรียนแน่

ตั้งแต่เกิดมา 30 ปี รวมการใช้ชีวิตในโลกนี้อีก 14 ปี เอมิลี่ไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อน

รวมเวลาในการใช้ชีวิตจนถึงตอนนี้ก็ 44 ปีแล้ว แม้เอมิลี่จะเป็น เอมิลี่ บราว์น เด็กหญิงกำพร้า อายุ 14 ปี ครอบครัวเดิมก็มีฐานะธรรมดาออกไปทางยากจน หน้าตาก็ไม่โดดเด่น เกิดมาในโลกที่มีเวทมนตร์และมอนสเตอร์ แต่พลังเวทย์ก็จัดอยู่ในระดับชาวบ้านทั่วไป โชคดีที่มีเวทมนตร์เฉพาะตัวสอง – สามอย่างติดมาด้วย แต่ในทางอีกหนึ่งเธอก็เป็นสาวออฟฟิศ โสด มีชีวิตประจำวันน่าเบื่อ และใช้เวลาว่างในวันหยุดไปกับการอ่านนิยายมากมายในอีกโลกหนึ่ง จนกระทั่งถูกเพื่อนร่วมงานผลักตกตึกจากชั้นดาดฟ้าจนตาย

ไม่ว่าจะเป็นชีวิตในโลกไหนก็ดูบัดซบไปหมด ถึงแม้เด็กหญิงเอมิลี่ บราว์นจะได้รับการเอ็นดูจากผู้ใหญ่ เพราะว่าเธอเฉลียวฉลาดกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แต่จิตสำนึกของสาวสามสิบได้แต่กรีดร้องอย่างอัดอั้นตันใจ และมันก็ไม่ได้น่าโอ้อวดเอาเสียเลย

“ฮึ!” ครูกิ้บบอนพ่นลมหายใจผ่านจมูก “บทลงโทษสำหรับมิสบราว์นที่ส่งเสียงดังในชั้นเรียน ให้ไปคัดรูปประโยควจนะแห่งเซนต์ฮาลาเนียในแบบฝึกหัดหน้าที่ 1,944 มา และร่ายวจนะแสดงวงเวทย์โดยห้ามเปิดตำราก่อนเข้าเรียนคาบแรกในวันพรุ่งนี้” ทันทีที่ครูกิ้บบอนพูดจบก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นภายในห้อง เนื่องจากเนื้อหาที่พวกเขากำลังเรียนอยู่ยังไปไม่ถึงบทขั้นสูงขนาดนั้น ต้องผ่านอีก 5 บทถึงจะเข้าสู่เนื้อหาที่ว่านั่น ไม่ต้องพูดถึงการร่ายวจนะเพื่อแสดงวงเวทย์ที่ต้องผ่านฝึกปรือหลายวัน ถ้าวจนะมีความซับซ้อนมากก็อาจจะกินเวลาหลายสัปดาห์เลยทีเดียวถึงจะร่ายวจนะโดยไม่เปิดตำราได้

นับว่าเป็นการลงโทษที่หฤโหดมากมากทีเดียวสำหรับการส่งเสียงดังในชั้นเรียน สำหรับเอมิลี่ บราว์นที่เป็นเด็กกำพร้า จำเป็นอาศัยทุนการศึกษา หากถูกประเมินว่าไม่ผ่านบทลงโทษ เธออาจชวดทุนการศึกษาในเทอมต่อไป แต่เจ้าตัวพูดแค่ว่า “รับทราบค่ะ” กลับกลายเป็นเพื่อนร่วมชั้น นำโดยซิลกี้ ซิลเวสเตอร์ที่มาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเดียวกันกับเอมิลี่ที่ร้องโวยวายราวกับเป็นคนที่รับการลงโทษเองเสียนี่

“ส่งเสียงดังอะไรกัน?” ครูกิ้บบอนหรี่ตา ดวงตาสีดำของเขาเป็นเหมือนหลุมดำที่กลืนกินเสียงบ่นพึมพำของนักเรียนลงไป

“ขอบอกไว้ก่อนนะ สำหรับนักเรียนเกือบทั้งห้อง รวมถึง มิสซิลเวสเตอร์ ที่มาสายในวันนี้ ผมยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงโทษพวกคุณแบบไหน เพราะฉะนั้นอย่าละเมิดกฎเพิ่ม!” ครูกิ้บบอนว่าพลางสะบัดมือ ตำรารูปประโยคและแสดงวงเวทย์วจนะขั้นสูงเล่มหนาก็ลอยขึ้น

สาเหตุหนึ่งที่ครูกิ้บบอนอารมณ์ไม่ดี อาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้เซคของเอมิลี่พากันเข้าสายไปเกือบ 20 นาที 

ปกติเวลาพักกลางวัน นักเรียนที่กินอาหารเสร็จแล้วก็มักจะไปพักผ่อนหย่อนใจกันที่ลานอเนกประสงค์ ไม่ว่าจะเล่นกีฬา จับกลุ่มพูดคุย หรือร่ายเวทย์ใส่กันเพื่อกระชับมิตร 

เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์สุ่มเสี่ยงโดนลูกหลง เพราะเธอมีพลังเวทย์ไม่มากพอที่จะกางบาเรียปกป้องตัวเองตลอดเวลา เอมิลี่จึงมักไปนั่งรอในชั้นเรียนคาบถัดไป หรือไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด ดังนั้นในวันนี้จึงมีแค่เอมิลี่นั่งรอเรียนในห้องเพียงคนเดียว เธอเองก็งุนงงที่เพื่อนไม่ยอมเข้าชั้นเรียนตามเวลา เพราะถึงจะมีคนเถลไถลบ้าง แต่ก็ไม่เคยหายไปทั้งชั้นแบบนี้

สุดท้ายเธอก็อาสาไปตามหาเพื่อน ๆ ที่หายไป เพราะรังสีอำมหิตของครูกิ้บบอนที่อยู่ในอารมณ์เดือดสุด ๆ และพบว่าพวกเขากำลังนั่งกินอาหารกลางวันกันอยู่อย่างสนุกสนาน เด็กหนุ่มผมแดงชื่อไอแซค กู้ดส์ผู้เป็นหัวหน้านักเรียนประจำเซค A ของเอมิลี่ และเพื่อนในแก๊งส์อีกสองสามคนกำลังแลกเปลี่ยนลูกไฟเวทมนตร์กระชับมิตรกับนายจิลส์ โอเว่นหัวโจกประจำเซค B และไม่รู้ตัวเลยว่าคาบเรียนช่วงบ่ายเริ่มขึ้นตั้งนานแล้ว

“เอ้ะ! แต่ไม่ใช่ว่าพวกเราเพิ่งเลิกเรียนวิชาอุปกรณ์03 หรอกเหรอ? ครูซามี่ก็ยังมาต่อแถวรับอาหารกลางวันต่อจากเราไปเมื้อกี้นี่เองนะ” ซิลกี้พูดด้วยความงุนงงกับเอมิลี่ ขณะเร่งฝีเท้าเข้าห้องเรียนวิชาวจนะขั้นสูงที่อยู่ชั้น 4 ของตึกเรียน

วิชาอุปกรณ์03 หรือวิชาอุปกรณ์เวทมนตร์และการถ่ายเทพลังงานเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นปี 3 เป็นวิชาที่พวกเธอเรียนก่อนคาบพักกลางวันในวันศุกร์ ครูประจำวิชาชื่อลอเรน ซามี่ เธอเป็นผู้หญิงรูปร่างเล็ก ๆ และมีเสียงเล็กแหลมมาก ครูซามี่เป็นคนที่มีความกระตือรือร้น และวิ่งวุ่นทำงานไปทั่ว แม้แต่งานนอกโรงเรียน

เอมิลี่คิดในใจว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไหร่ที่ครูซามี่อาจจะมารับอาหารกลางวันช้า แต่ในวันนี้ใคร ๆ ในเซค A ก็รู้มาว่าครูซามี่รับปากจะไปช่วยนายกเทศมนตรีเวสวอลเลซจัดงานประจำปีของเขตเอวาเรียนตอนเที่ยงครึ่งของวันนี้ เพราะเธอประกาศในชั้นเรียนว่าเธออาสาออกแบบเวทีทั้งหมดเอง และนายกเทศมนตรีก็ยินดีที่เธอจะไปช่วยงานด้วย 

ถ้าอิงจากที่ซิลกี้เล่ามา ตอนนี้ก็ปาเข้าไปบ่ายโมงกว่าแล้ว ถึงลอเรน ซามี่จะเป็นคนที่ชอบรับภาระหน้าที่เกินความจำเป็น แต่เธอก็บริหารเวลาของตัวเองได้ดีตลอด หรือว่าเธอช่วยงานจัดเวทีที่ว่านั้นเสร็จแล้ว?

“นั่นสิ ตอนนี้พวกเด็กปี 3 อีกเซคก็ยังไม่เข้าเรียนนะ จิลส์ โอเวนยังบ่นให้ฟังอยู่เลยว่าครูไมเคิลสันเพิ่งปล่อยเซค B มาพักกลางวัน” ไอแซค กู๊ดส์เสริม 

ถึงแม้พวกซิลกี้และไอแซคจะพยายามอธิบายเหตุการณ์ที่พวกเขาคิดว่าแปลกประหลาดให้ครูกิ้บบอนฟัง แต่ครูกิ้บบอนก็ยังยั้วะสุด ๆ อยู่ดี พอทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อย เขาก็เร่งสอนเนื้อหาที่ยากที่สุดราวกับเป็นมันเป็นบทลงโทษ

“เหตุผลที่เข้าเรียนสายก็ฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด ‘เพราะนึกว่ายังไม่หมดช่วงพักกลางวัน ก็เลยไปอยู่กันที่ลานอเนกประสงค์’ นี่เป็นเหตุผลได้ด้วยเหรอ?” ครูกิ้บบอนบ่นงึมงำขณะกำลังพลิกหน้ากระดาษเพื่อบรรยายเนื้อหาที่ค้างไว้ต่อ

วันนี้นักเรียนปี 3 เซค A ละเมิด กฎในการเรียนทั้ง 2 ข้อของครูกิ้บบอนจอมเข้มงวด ซึ่งไม่มีใคร แม้แต่พวกเด็กปี 4 กล้าทำมาก่อน 

ไอแซค กู๊ดส์นั่งติดหน้าต่างแถวที่ 3 และขนาบทางซ้ายมือของเอมิลี่ ตอนที่ครูกิ้บบอนหันหลังไปเขียนคำอธิบายวจนะเพิ่มเติมบนกระดาน เขาแอบทำปากขมุบขมิบว่า “เรา-คือ-ตำนาน” และยักคิ้วให้เธอ ซิลกี้ ซิลเวสเตอร์ที่นั่งถัดจากเอมิลี่ทางข้างขวา หันมาเห็นพอดี เธอต่อทันทีว่า “เรา-คือ-วีรชน” และพากันกลั้นขำ เอมิลี่ได้แต่กลอกตาให้กับความคึกคักไม่เข้าท่าของเพื่อนทั้งสองคนนี้ แต่เรื่องนี้มันยังไม่จบ เอมิลี่สูดลมหายใจและรวบรวมสมาธิ

วันนี้โจเซฟ กิ้บบอนอารมณ์เสียมากจริง ๆ เพราะอีกไม่กี่สัปดาห์จะเข้าฤดูกาลสอบปลายภาคเรียนฤดูร้อนแล้ว ถึงเขาจะวางแผนการสอนไว้ว่าจบทันแน่นอน แต่เพราะเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ทำให้อาจจะต้องหาเวลาสอนชดเชยเพิ่มเติม แต่เขาจะไม่ยอมเลิกชั้นเกินเวลาบ่ายสามโมงตรง (ความตรงต่อเวลาอย่างเด็ดขาดของเขา เป็นที่มาของฉายาจอมเข้มงวด) แต่พอเริ่มสอนไปได้ราว 10 นาที เขาก็พบว่านักเรียนที่มาเข้าเรียนตามเวลาเพียงคนเดียวของวันนี้ จู่ ๆ ละเมอกรีดร้องขึ้นมากลางห้องเสียอย่างงั้น

“เฮ้อ วันนี้ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมดเนี่ย”

แต่เมื่อครูกิ้บบอนสบตากับเอมิลี่ก็ชะงักไปเล็กน้อย

“มิสบราว์น หรือว่าคุณไม่สบาย ?” เขาขยับแว่น ตอนนี้ใบหน้าของเอมิลี่ซีดลงอย่างมาก

พอเขาคิดดูแล้ว เอมิลี่ บราว์น เด็กสาวผมสั้นสีน้ำตาล ในเซค A ของเขา ดูเผิน ๆ แล้วเป็นนักเรียนธรรมดาคนหนึ่ง หากไม่นับว่าเธอเป็นนักเรียนที่มีความประพฤติดี เธอยังเป็นเด็กรักเรียนและขยันขันแข็งจนได้คะแนนระดับดีเยี่ยมเกือบทุกวิชา โดยเฉพาะวิชาวจนะขั้นสูง เขารู้สึกทึ่งกับความสามารถและความสนใจของเอมิลี่ บราว์นอย่างมาก ถึงกับเสนอในสภาเขตให้ส่งนักเรียนชั้นปี 3 คนนี้เป็นตัวแทนของเขตเอวาเรียนเข้าชิงชัยในการแข่งขันร่ายเวทย์วจนะในปีหน้า ที่ปกติแล้วจะส่งนักเวทย์ที่มีประสบการณ์สูงไป การที่เธอเผลอหลับในคาบเรียนแบบนี้ถือเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก

“ไม่ค่ะ หนูสบายดี” เอมิลี่ตอบแต่เสียงสั่นพร่าอย่างชัดเจน

“แต่ผมว่าสีหน้าคุณไม่ดีเลย คุณไปห้องพยาบาลให้มิสเชอร์เบตตรวจร่างกายสักหน่อยดีกว่า” ครูกิ้บบอนยืนกราน “ถึงยังไงสุขภาพของนักเรียนก็สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นไปห้องพยาบาลเถอะ อยากให้มีเพื่อนไปส่งไหม?”

ในเมื่อครูกิ้บบอนจอมเข้มงวดพูดถึงขนาดนั้น เอมิลี่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอีก แต่เธอยืนกรานว่าจะไปห้องพยาบาลด้วยตัวเอง แม้ว่าจะมีเพื่อนบางคนอยากจะถือโอกาสโดดเรียนหนีบรรยากาศน่าอึดอัดที่ต้องรับฟังบทลงโทษตอนท้ายคาบไปส่งเธอด้วย แต่เอมิลี่ให้เหตุผลว่าไม่อยากรบกวนเวลาเรียนของเพื่อน ๆ (ซึ่งครูกิ้บบอนดูพอใจมากทีเดียว) ทำเอาหลายคนหน้าละห้อย ส่วนซิลกี้ ซิลเวสเตอร์พยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ แต่เอมิลี่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น สุดท้ายเธอเลยแยกเขี้ยวใส่เอมิลี่แทน

“เอาล่ะ มาเรียนกันต่อ เปิดตำราไปที่หน้า 784—“

เสียงทุ้มต่ำของครูกิ้บสันบรรยายเนื้อหาต่อไป พร้อมกับเสียงอวดครวญของนักเรียนที่เหลือในห้อง

อันที่จริงแล้ว เอมิลี่มีเหตุผล

เมื่อเดินพ้นห้องเรียนออกมา ใบหน้าของเอมิลี่ก็ไม่ได้ซีดเซียวและอิดโรยอีกต่อไป อาการตัวสั่นก็หายเป็นปลิดทิ้ง เอมิลี่ก้าวเดินฉับ ๆ อย่างรวดเร็ว ไม่มีอาการอ่อนแรงของคนป่วยเลยสักนิด ตอนอยู่ในห้องเธอปรับอัตราการเต้นหัวใจให้เร็วขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้สมจริงที่สุดด้วย เพราะครูกิ้บบอนเป็นพวกใส่ใจรายละเอียดเสียด้วย

ทั้งหมดนี้เป็นผลของ มายาควบคุมสมบูรณ์แบบ

นี่เป็นหนึ่งในเวทมนตร์เฉพาะตัวของเอมิลี่ ในโลกนี้ เวทมนตร์เฉพาะตัวจัดว่าเป็นทักษะที่หายาก ถึงจะเรียก “เวทมนตร์” แต่ไม่ต้องใช้พลังเวทย์หรือวจนะในการแสดงผล และขอแค่ไม่มีการร่ายเวทย์ตรวจจับสิ่งปกติระดับพิเศษก็ไม่สามารถตรวจจับการใช้เวทมนตร์เฉพาะตัวได้

เธอไม่ได้มุ่งหน้าไปห้องพยาบาลอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับเดินตรงดิ่งไปยังห้องสมุดของโรงเรียนที่อยู่ชั้น 7 ของตึกเรียนนี้แทน เพื่อตรวจสอบเรื่องราวบางอย่าง