Chapter 7 ก็แค่คิดถึงค่ะ

 

หลังจากการทานข้าวกับเมเปิลจบในคราวก่อน หญิงสาวได้ทำการโทรไปนัดคนควงอย่างไบร์ทให้มากินข้าวด้วยเพราะมีเรื่องสำคัญต้องการคุยด้วย แต่นางแบบสาวติดงานที่เดินทางไปถ่ายแบบพร้อมทั้งพักผ่อนต่ออีกสองสัปดาห์ จนเวลาล่วงเลยเกือบเดือนทั้งสองจึงได้พบกัน

โฟร์นั่งรอคนที่เธอนัดในห้องอาหารรับรองของโรงแรม ศิริกิจโฮลเทล นางแบบสาวก้าวเดินเข้าด้วยท่าทางมั่นใจ ฉีกยิ้มกว้าง โผเข้ากอดคอและหอมแก้มหนึ่งฟอด

“รอนานไหมคะ หนูรีบมาเร็วที่สุดแล้วนะคะ ปกติพี่โฟร์ไม่เคยโทรนัดให้หนูมาเจอ มีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามด้วยความแปลกใจเพราะตลอดระยะการคบกัน มีเพียงแค่เธอวิ่งเข้าหาและนัดทานข้าวเองทุกครั้ง โดยอีกคนให้เหตุผลว่า กลัวจะไปรบกวนเวลาการทำงานของเธอ แต่ถ้านัดแล้วจะจะหาเวลามาเจอให้ได้ค่ะ นั่นคือความสบายอย่างหนึ่งที่ผู้หญิงคนนี้มอบแก่เธอ ไม่แสดงความเป็นเจ้าของ ให้เธอควงงานได้เสมอ และไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงคนอื่นให้หึงหวง จนสามารถบอกได้ว่าคนตรงหน้าวางตัวได้ดีเยี่ยม ถ้าไม่ติดตรงที่เป็นผู้หญิงเธอคงเทใจให้หมดแล้ว

“สั่งอะไรทานก่อนสิคะ แล้วค่อยคุยกัน เพิ่งถ่ายแบบเสร็จไม่ต้องควบคุมอาหารใช่ไหม” น้ำเสียงอันเข้าอกเข้าใจพร้อมกับรอยยิ้มแสนใจดีมอบแก่หญิงสาว

“พี่โฟร์เนี่ยน่ารักที่สุดเลยค่ะ”

 

นางแบบสาวสั่งอาหารตัวเอง ซูชิ ซาซิมิปลาดิบ ดงบุริหน้าปลาไหลย่าง ยังมีของกินเล่นอย่าง ทาโกยากิ และโอโคโนมิยากิ ส่วนของโฟร์สั่งเพียงแซลมอนย่างอิ้วมากินร่วมด้วย

ระหว่างรับประทานอาหารหญิงสาวเล่าเรื่องที่ไปถ่ายแบบมาร่วมถึงสถานที่เธอไปเที่ยวว่าสวยงามขนาดไหน โฟร์ฟังไปด้วยกินไปด้วยขานรับตามมารยาท เรื่องเล่าของนางแบบสาวนั้นไม่ได้อยู่ในความสนใจแม้แต่นิด เพราะได้ยินมาเรื่องจำพวกนี้มานับไม่ถ้วนจากคู่รักที่ทิ้งลูกทั้งสองให้ทำงานแทนและหนีเที่ยวกันอย่างมีความสุขของพ่อกับแม่เธอ

 

โฟร์มองจานอาหารของหญิงสาวนางแบบตรงหน้า แต่ละจานหมดไปถึงครึ่งจาน เขี่ยกินแต่จำพวกโปรตีนและผักบางชนิดส่วนประเภทแป้งไม่แตะแม้สักนิด ภาพของใครบางคนโพล่งในหัว การกินของอีกคนที่เก่งมาก ว่าจะเอาอะไรเข้าปากก็ดูอร่อยไปหมด ยิ่งเวลาได้กินของชอบแววตาเป็นประกาย รอยยิ้มเบ่งบานอย่างมีความสุขจนเผลอยกมุมปากขึ้น

“ไบร์ทอิ่มแล้วค่ะ” เสียงสอดแทรกเข้ามาให้หูปลุกเธอจากภาพใบหน้าแสนน่ารักนั้น

“อืม” โฟร์เองหยุดกิน หยิบถ้ามาเช็ดปาก

“...” ไบร์ทอมยิ้มมองไปยังหญิงสาวตรงหน้า

โฟร์เงยมองด้วยสีหน้าเรียบเฉยเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันเรียบนิ่ง “พี่ต้องการจบความสัมพันธ์กับไบร์ท”

“ค่ะ? ว่ายังไงนะคะ”

“พี่ว่าพี่พูดชัดนะ มันตกหล่นส่วนไหนเหรอคะ” โฟร์เลิกคิดถามย้อนกลับอย่างรำคาญใจ

“พี่จะเลิกกับหนู เพราะอะไรคะ หรือว่าพี่มีคนใหม่ ไม่จริงใช่ไหมคะ ไบร์ททำพลาดตรงไหน พี่ถึงจะเลิกกับหนู” นางแบบสาวรู้สึกเสียหน้าที่ได้รับการบอกเลิก นับต้องแต่เริ่มคบกับหญิงสาวชื่อเสียงหลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่อง ถึงเธออยากจะเลิก แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา “ไบร์ททำอะไรให้พี่ไม่พอใจหรือพี่ไม่ชอบตรงไหน บอกไบร์ทได้นะคะ หนูยินดีปรับปรุงตัว” เธอเอื้อมมือหมายจะคว้ามือคนพี่ แต่มือนั้นขยับถอยออกไป

โฟร์ชักไม่ค่อยพอใจกับอีกคนที่พูดไม่รู้เรื่อง ยังคงใบหน้าเรียบเฉย “เฮ้ย...ไม่เห็นต้องพูดซ้ำเลย จบคือจบค่ะ”

“แต่พี่โฟร์ค่ะ”

“เดี๋ยวเลขาฉันจะมาจัดการต่อ”

“พี่โฟร์ค่ะ ให้โอกาสหนูอีกครั้งไม่ได้เหรอคะ”

โฟร์ลุกขึ้นเดินอ้อมไปทางด้านหลัง วางมือบนบ่าหญิงสาว ก้มลงกระซิบด้วยเสียงอันเยือกเย็น “คิดว่าฉันไม่รู้เหรอที่เข้าหาเพราะอะไร คิดว่ามองไม่ออกเหรอว่าเธอไม่ได้ชอบฉันจากใจจริง ฉันไม่ชอบให้ใครมาดูถูกรสนิยมทางเพศเพียงเพื่อผลประโยชน์ ที่ยังทนคบเพราะฉันมีคนให้รอคอยและตอนนี้เธอคนนั้นกำลังก้าวมาหา สำหรับฉันเธอก็หมดประโยชน์เช่นกัน”

“อึก!” นางแบบสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ใบหน้าที่สวยสดใสแปรเปลี่ยนซี้ดเผือก เหงื่อซึมตามแผ่นหลังด้วยความกลัว

หญิงสาวดันตัวขึ้นมา กดเสียงต่ำข่มขู่ “อย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก ไม่งั้นฉันจะเหยียบให้จมยิ่งกว่าขุมนรกซะอีก” และหันมามองเลขาส่วนตัว “จัดการต่อด้วย” เดินจากไปห้องอาหารทันที แรงกดดันส่งผ่านจากหญิงสาวจนเธอตัวสั่นเทา แม้จะเพียงแค่หญิงสาวบอกเท่านั้น น้ำตากลั่นมาคลอขอบเบ้าตา

“นี่เอกสารการเก็บความลับเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณกับคุณโฟร์ครับ แค่ลงชื่อตรงนี้ ทุกอย่างไม่ว่าจะคอนโด รถยนต์ รวมถึงข้าวของจะรับการโอนเป็นชื่อของคุณทั้งหมดครับ”

“คะ ค่ะ ตะ ตะ ตรงนี้นะคะ” เธอประคองมือสั่นชื่อตามคำสั่งของเลขา

 

 

หลังจากเดินออกมาหญิงสาวคีบบุหรี่มาสูบแก้เซ็ง กว่าจะได้จบเรื่อง ถ่วงเวลาการเข้าหาอีกคน และคืนนี้เธอต้องบินไปญี่ปุ่นอีก รอไม่นาน เป้ ชายหนุ่มบอดี้การ์ดคนสนิทก้าวมาหาเจ้านาย

“จัดการหาคนตามประกบดูแลความปลอดภัยของเมเปิลด้วยนะ เลือกหน้าใหม่ที่ไม่ค่อยใครรู้จักและไว้ใจได้”

“ได้ครับคุณโฟร์ แล้วเรื่องนี้ต้องปิดคุณไนน์ไหมครับ”

เจ้านายหันมองบอดี้การ์ด “เก็บสิคะ...มึงจะให้คนเก่งมาแหกอกกูเหรอ แค่เดินหน้างอไม่พอใจกูปวดใจจะตายอยู่แล้ว” เจ้านายของเขายกมือกุมหน้าอกด้วยท่าทางเจ็บปวด

“...” เป้ที่เห็นท่าทางแบบนี้จนคุ้นชิน เสตามองไปยังทางอื่น ตั้งแต่ประกบติดคุณโฟร์มา เขาไม่เคยเห็นเจ้านายน้อยหน้างอเพราะไม่พอใจมีแต่รำคาญมากกว่า เพลียกับพี่น้องบราคอนบ้านนี้จัง

 

ช่วงบ่าย CEO สาวกลับเข้าไปเคลียร์งานก่อนบิน นี่ก็ไม่ได้คุยหรือเห็นหน้ามาตั้งหลายวันแล้ว แถมยังต้องบินทั้งหมดเกือบสามสัปดาห์ ส่วนเจ้าตัวก็ไม่ได้อยู่กรุงเทพ ช่วงนี้บินไปคุมงานที่ปราณบุรี และแว่ว ๆ ต้องไปอีกหลายที่ลากยาวต่อเนื่องไปอีกหลายเดือน ชักเริ่มไม่พอใจว่าคนเรามันจะแต่งงานกันอะไรนักหนา

มือไถลดูหน้าจอการอัปเดตของหญิงสาวที่มีอวดว่าทำงาน ไม่ถ่ายรูปตัวเองลงบ้างเลย จนทนไม่ไหวเปิดดูรูปถ่ายที่ถ่ายในวันงานเดินแบบ นิ้วไล่ผ่านหน้าจอ

“ดูอะไรครับ ยิ้มจนแก้มจะแตกแล้ว” เสียงอันคุ้นเคยจากน้องชายอย่างฮาจิ แต่เมื่อมันดันพูดเพราะ

“เชี่ย! มึงเป็นใคร ไอ้สัดจิกูขนลุก” พี่สาวมองชายด้วยสายตารังเกียจมาก

“เชิญด่า กูอารมณ์ดี เพราะเพิ่งไปกินข้าวกับเบบี้มา” ฮาจิบอกด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

เบบี้ คำนี้ ฮาจิให้เป็นคำเรียก ไนน์น้องชายคนเล็กของบ้าน ส่วนของโฟร์เองก็มีคำแทนว่า คนเก่ง พี่แต่ละในบ้านมีคำเรียกที่แตกต่างกันเพื่อจะได้พิเศษกว่าคนอื่น

“ถึงว่าหายหัวตั้งแต่สิบโมง ไอ้เชี่ยจิไม่ชวนกู” โฟร์ชี้หน้าอย่างคาดโทษ

พวกเขาทั้งสองแทบจะไม่มีคำว่าพี่น้อง เอาเป็นว่าทั้งบ้านไม่มีใครคือพี่หรือน้องกันเลย เพียงแค่พวกเขามีน้องคนเดียวกันคือไนน์ น้องเล็กสุดในบ้าน

“กูจะเอามึงไปทำเชี่ยไร มีแค่กูกับเบบี้พอ” แล้วหยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาคนที่ทั้งสองกำลังพูดถึง ระหว่างคนการรับสาย เขาจึงหันมาให้ความสนใจเรื่องของพี่สาว

“แล้วมึงมองดูอะไรในโทรศัพท์ คุยกับใครอยู่ว่ะ”

“เสือก!”

“นางแบบนั่นเหรอวะ มึงไม่ได้สนใจเท่าไหร่ คนใหม่แน่เลย” น้องชายตัวดีหรี่ตาจ้องจับผิดพี่สาว

“เสือก!”

“บอกกูมา กูรับรองจะไม่ปากโป้งแน่นอน น้องเมเปิลเปล่ามึง”

“เสือก!”

“กูเห็นว่าล่าสุดมึงไปกินข้าวกับน้องมา คิดว่าน่ากำลังจะจีบ”

“เสือก!” โฟร์กดเสียงต่ำอย่างอดกลั้น ไม่นานแฟ้มเอกสารที่จัดการเสร็จตรงหน้าปลิวไปยังคนมาวุ่นวาย

ฮาจิเอี้ยวตัวหลบ แสยะยิ้มกวน ๆ มอบแก่พี่สาว ของพวกนี้ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก และหญิงสาวเองก็รู้เพียงแค่ต้องการให้อีกคนหุบปาก

“โอ๊ย! เบบี้ขา โฟร์ปาแฟ้มใส่จิน่ะ เนี่ยหัวโนเลยด้วย แถมยังเอาแต่ด่าว่าเสือก เค้าถามอะไรก็ด่าเขาตลอดเลย เบบี้ปลอบใจเขาหน่อย...ขนาดน้องแท้โฟร์ยังทำแบบนี้ เบบี้อย่าอยู่ใกล้มันนะครับอันตรายเกินไป” ถึงแม้น้ำเสียงจะออดอ้อนน้องชาย แต่ใบหน้าบิดเบี้ยวยียวนมอบแก่พี่สาวที่คลอดคลานตามกันมา โบกมือลาไปพร้อมผู้กำชัยชนะ

หญิงสาวกัดฟันกรอด ๆ กำหมัดแน่น “ไอ้เชี่ยอุนจิ!!! ไอ้ขี้!!”

 

 

ในช่วงเย็นโฟร์ขึ้นเครื่องไปยังเกาหลีหนึ่งสัปดาห์ และบินต่อไปยังสเปนอีกสองสัปดาห์ เธอรู้สึกเศร้าใจ มองผ่านเกตผู้โดยสาร แฟนสาวมายืนส่งแฟนหนุ่ม พ่อแม่ลูกมาส่งลูก ส่วนเธอที่บินไปทำธุรกิจบ่อยมาก แต่ในตอนนี้กลับไปอยากจะจากไป เพียงแค่คิดว่าต้องอยู่คนละฟากฟ้ากับอีกคน ข่มใจอย่างที่สุดแต่ก็ทนไม่ไหวเลือกจะส่งข้อความไปหา

FOuR : วันนี้พี่บินไปเกาหลี อยากได้ของฝากอะไรไหมคะ

MApLE : วันนี้เหรอคะ ไปคนเดียว?

FOuR : ใช่ค่ะ เกาหลีหนึ่งสัปดาห์ สเปนอีกสองสัปดาห์

MApLE : แมวน้อยตกใจ

MApLE : ไปเที่ยวหรือไปทำงานค่ะ

FOuR : ทำงานค่ะ

FOuR : แมวน้ำตัวกลมเศร้า

 

เป้บอดี้การ์ดดูเวลาจึงทำการแจ้งเจ้านาย โดยปกติเขาเองไม่ต้องบอกอะไร แต่ครั้งนี้เอาแต่ก้มหน้าอยู่กับโทรศัพท์ “คุณโฟร์ครับได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว”

“อืม” เสียงขานรับอย่างไม่ใส่ใจ

 

MApLE : บินกี่โมงค่ะ

FOuR : พี่ต้องไปขึ้นเครื่องแล้วนะคะ

FOuR : แมวน้ำตัวกลมร้องไห้

MApLE : แมวน้อยโบกมือลา

MApLE : เดินทางโดยสวัสดิภาพ ถึงแล้วบอกเมลด้วยนะคะ

FOuR : แมวน้ำตัวกลมร้องไห้

 

เครื่องบินสายการจากประเทศไทยลงสู่ท่าอากาศยานอินชอน หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมืองและเข้าพักที่โรงแรม

FOuR : ถึงเกาหลีและเข้าพักโรงแรมเรียบร้อยแล้วค่ะ

FOuR : เลิกงานหรือยัง

หลังจากส่งข้อความไปยังไร้การโต้ตอบ แต่พอมองดูเวลาที่ประเทศไทยน่าจะเที่ยงคืนแล้ว เสียงถอนหายใจอย่างเสียดายที่จะไม่ได้คุยกันต่อ

FOuR : ที่ไทยก็เที่ยงคืนแล้ว นอนหลับฝันดีนะคะ

 

อีกฟากประเทศ หญิงสาวร่างบางกำลังปืนขึ้นไปเปลี่ยนดอกไม้บนฉากหลังสำหรับถ่ายภาพในงานแต่ง ด้วยปัญหาคือแม่เจ้าสาวไม่พอใจกับดอกไม้อย่างไฮเดรเยีย ซึ่งในตอนแรกทางฝ่ายเจ้าสาวเลือกให้ใช้เพราะต้องการให้เหมาะกับตรีมงานสีฟ้า ร้อนจนต้องสั่งดอกคาร์เนชั่นสีขาวด่วนจากไร่ดาหลาขึ้นเครื่องทันที และให้พนักงานที่บริษัทขับมาส่งเมื่อช่วงสี่ทุ่ม เพื่อให้งานลุล่วงและเสร็จทันพรุ่งนี้เช้าจึงเข้ามาช่วยลูกน้องจัดดอกไม้จนเสร็จปาไปเกือบตีสอง

เสียงโทรศัพท์ดังออกมาจากกระเป๋าของเธอ ถึงได้นึกถึงขึ้นได้ว่าอีกคนคงไปบินไปถึงเกาหลีแล้ว เพราะมัวแต่ยุ่งกับงานจึงไม่มีเวลาจับอย่างอื่นเลย

“ค่ะคุณพ่อ”

[ยังไม่กลับอีกเหรอลูก นี่มันก็ตีสองแล้ว] น้ำเสียงปราบบ่นแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยบุตรสาว

“ก็มีปัญหานิดหน่อยนะคะ ต้องเปลี่ยนดอกไม้กะทันหัน ตอนนี้จัดการหมดแล้ว”

[ตอนนี้เข้าใจบ้างแล้วใช่ไหม งานที่เราทำมันมีความเชื่อส่วนบุคคล ที่มีความเชื่อแบบแปลก ๆ ไปบ้าง พ่อถึงอยากให้เราไปสัมผัสปัญหาที่เกิดขึ้นจริง เราจะเข้าใจงานในที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น]

“ค่ะ หนูเข้าใจความหวังดีของคุณพ่อ”

[จบงานที่ลูกรับผิดชอบทั้งหมด จะได้ขึ้นมาบริหารดูภาพใหญ่ได้แล้ว]

"พ่อจะให้หนูมาเข้ามาบริหารแล้วเหรอคะ”

[ถูกต้อง อนาคตมันก็คือของลูก]

“…”

[แม่ของลูกเองก็บ่นเป็นห่วงแทบทุกวันเลย แล้ววันนี้พักในรีสอร์ตจัดงาน]

“ใช่ค่ะ นี่มันก็ดึกมาแล้วทำไมพ่อไม่นอนละคะ”

[พ่อก็เหมือนแม่เขานั่นแหละ ถ้าลูกยังไม่กลับไปพัก พ่อจะนอนหลับได้ไง]

“ค่ะพ่อ ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ หนูจะไปเข้าห้องพักแล้วค่ะ”

[นอนหลับฝันดีนะลูก]

“ค่ะ คุณพ่อก็เหมือนกัน หลับฝันดีนะคะ”

 

หญิงสาวร่างบางถอนหายใจทั้งด้วยความเหนื่อยกายและเหนื่อยใจที่ยังไม่ได้ตอบกลับข้อความรวมถึงพูดคุยด้วยกันนานกับพี่โฟร์ ใจอยากรอเวลาให้ถึงช่วงเช้าแต่เธออาจจะยุ่งต่อ รวมถึงอยากให้คนที่เพิ่งเครื่องได้พักผ่อนด้วย

MApLE : ขอโทษด้วยนะคะพี่โฟร์ เมลมัวแต่ยุ่งกับงาน เพิ่งเสร็จ กำลังจะเข้านอนแล้วนะ .

MApLE : ฝันดีเช่นกันค่ะ

ทางประเทศเกาหลีเป็นเวลาตีสี่ โฟร์นั่งรอรายงานจากลูกน้องที่ให้ติดตามเมเปิลเจ้ากลมแก้ม เพราะไม่ยอมตอบข้อความของเธอสักที แต่กลับได้รับการรายงานจากเจ้าตัวก่อน ถึงโฟร์อยากจะต่อสายโทรหาใจแทบขาดก็อยากจะให้คนน้องพักผ่อน

“ฝันดีนะเมเปิล คนเก่งของพี่”

 

เช้าวันต่อมาคนยังไม่นอนตั้งแต่เมื่อคืน รอจนถึงเวลาเจ็ดโมงเช้าที่ประเทศไทย จัดการต่อสายหาร่างบาง

“อือ...ตื่นแล้วค่า...” น้ำเสียงงัวเงียคว้าโทรศัพท์มารับสาย คิดว่าเป็นเลขาของเธอเองโทรมาปลุก

[อิ อิ ยังไม่ตื่นอีกเหรอคะ]

“อะ!” คนเพิ่งเปิดเปลือกตาขึ้น แต่พอได้ยินเสียงแปลกหูพร้อมเสียงหัวเราะ คิ้วเริ่มขมวดก่อนจะโทรศัพท์ดูหน้าจอ “พี่โฟร์!!” หญิงสาวตะโกน

[ขา...ว่าไงคะ] คนในโทรศัพท์ขานเสียงหวาน

“ค่ะ โทรมาแต่เช้ามาอะไรหรือเปล่า” ร่างบางเด้งตัวขึ้นจากที่นอน ปรับน้ำเสียงที่ตื่นเต้นให้สงบลง

[เห็นว่ามีคนทำงานเลิกดึกค่ะ เหนื่อยไหมคะ]

“ก็พอได้ค่ะ แต่พอมีคนถามเลยไม่รู้สึกเหนื่อยแล้วค่ะ” เมเปิลเม้มปากอย่างเขินเธอเองพยายามหยอดคนพี่กลับเช่นกัน

[งั้นเหรอคะ ทำงานแต่พอดีจะไม่ดีกว่าเหรอ]

“จะพยายามนะคะ ตอนนี้ที่เกาหลีน่าจะสามโมงแล้ว พี่โฟร์กินข้าวหรือยังค่ะ”

[เรียบร้อยแล้วค่ะ อีกครึ่งชั่วโมงพี่ถึงไปประชุมค่ะ]

“...”

[เรื่องของฝากล่ะ เราจะขนมอะไรบ้าง]

“ไม่เอาค่ะ พี่ไปทำงานเมลเกรงใจ”

[เกรงใจอะไรคะ ยังไงพี่ก็ต้องซื้อไปฝากคนเก่งของพี่อยู่แล้ว ซื้อให้เราอีกคนก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร พี่ต้องไปแล้วค่ะ มีคนมาตามไปทำงานล่ะ]

“ค่ะ”

 

ในระหว่างการทำงานคนพี่ส่งข้อความถามเรื่องของฝากอยู่เป็นประจำไม่ว่าจะเจออะไรก็จะถามว่าเอาไหม

FOuR : ส่งรูปภาพ (กระปุกกิมจิใส่อยู่ในถุงเรียบแล้ว)

FOuR : กิมจิค่ะ กินไหม

MAppLE : เกรงใจ

 

วันต่อมา

FOuR : ส่งรูปภาพ (ภาพขนมยักกวา*คู่กับพลับอบแห้ง)

FOuR : กินไหม

MAppLE : อีกแล้วพี่โฟร์

FOuR : ส่งรูปภาพ (ถุงหิ้วที่มีขนมอยู่ข้างในแล้ว)

ช่วงบ่าย

FOuR : ส่งรูปภาพ (ภาพกล่องโสมเกาหลีสำเร็จรูป)

FOuR : กี่กล่องดีค่ะ

MAppLE : พี่โฟร์เมลเกรงใจ ที่ซื้อพี่ให้มันเยอะแล้วนะคะ

FOuR : ส่งรูปภาพ (ถุงหิ้วที่มีกล่องหลายสิบกล่อง)

 

ตลอดเกือบหนึ่งสัปดาห์ที่คนพี่ไปทำงาน เธอมักจะได้รับข้อความเรื่องของฝากในทุกครั้งที่หญิงสาวไปออกไปข้างนอกหรือไปกินอาหารกับผู้ร่วมงาน พอกลับมาก็จะบอกให้แก่เธอรู้ว่าถึงแล้ว ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนก็จะรายงานตัวตลอด เมเปิลแอบคิดเข้าข้างตัวเอง ถ้าคนเราไม่คิดอะไรด้วยทำไมต้องรายงานความประพฤติตลอดด้วย

 

 

เครื่องบินจากเกาหลีสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โฟร์พยายามจัดสรรเวลาเพื่อกลับมาประเทศไทย แต่ถ้าทำแบบนี้การจะบินไปยังบาร์เซโลนาประเทศสเปนจากไทยต้องไปแวะต่อเครื่อง ส่วนทีมงานที่เหลือบินไปตรงจากเกาหลี มีเพียงแค่เธอกับบอดี้การ์ด รถยนต์คันประจำได้รับคำสั่งให้มาจอดรอตรงประตูทางออกแล้ว

“มึงเอาของฝากนี้ไปส่งให้คนเก่งของกูด้วย” เจ้านายสาวบอกในขณะก้าวขึ้นรถฝั่งคนขับ

“แต่คุณโฟร์ครับ” เมื่อรู้ว่าขัดอะไรแล้ว เป้จึงพูดต่อ “เปิดจีพีเอสด้วยนะครับ”

หญิงสาวที่เข้าใจในการทำงานของบอดี้การ์ดตอบกลับไปอย่างรำคาญ “เออ ถ้าแค่นี้กูยังเอาตัวรอดกลับมาไม่ได้...” ที่เหลือคือความเข้าใจระหว่างพวกเขาสองคน ตามด้วยเสียงประตูรถปิดดังปัง

เป้ยืนอ้าปากค้างมองตามรถยนต์เจ้านายไกลออกไป “เฮ้ย...ชีวิตไอ้เป้ เลือกอะไรได้ไหม ขนาดนี้แล้วคงไม่แค่หลงธรรมดาแล้วครับคุณโฟร์”

 

 

เมเปิลกำลังเดินสำรวจพื้นที่ในการวางแพลนจัดงานแต่งยกโทรศัพท์ขึ้นมารับสายจากพี่สาวเพื่อน

[น้องเมลตอนนี้ยังอยู่สวนผึ้งหรือเปล่าคะ]

“ค่ะ ยังอยู่มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอจับน้ำเสียงที่ดูรีบร้อน

[แชร์โลเคชันมาให้พี่หน่อย พี่กำลังจะไปหา]

“ค่ะ? มาหาเมลเหรอ” เมเปิลคว้าโทรศัพท์แน่น เพราะในตอนนี้เธอตกใจว่าคนที่บอกว่าอยู่เกาหลีและตอนนี้กำลังขับรถมา ใจเรียบนิ่งกลับมาเต้นแรงมันเต็มไปด้วยทั้งความตื่นเต้นและดีใจอย่างลิงโลด

[ใช่ค่ะ]

“ค่ะ เดี๋ยวเมลส่งที่อยู่ไปให้นะคะ”

 

เมเปิลที่ยืนรอหน้ารีสอร์ตหลังจัดการงานเสร็จแล้ว “พี่โฟร์ทางนี้ค่ะ”

โฟร์ขับรถไปจอดเทียบข้างหญิงสาวร่างบางแก้มกลม ๆ ดับเครื่องยนต์และก้าวลงมาก่อนจะเปิดประตูด้านข้างหยิบของฝากที่ซื้อและคุยกันผ่านทางข้อความทั้งหมดมายื่นให้

“นี่ค่ะ ของฝากจากเกาหลี”

“อ๋อ..ขอบคุณมากนะคะ แต่จริงแล้วรอให้หนูที่กรุงเทพก็ได้ แต่พี่ไม่ต้องไปสเปนต่อเหรอคะ”

“ไปค่ะ แค่แวะกลับมาไทยก่อนค่อยบินไป ก็คิดถึงเลยอยากมามองแก้มกลอม ๆ แวะก่อนค่ะ”

“ค่ะ?” เมเปิลหลังจบประโยคของคนพี่เธอถึงกับเครื่องค้างไปเลย

“พี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวไปทันเครื่องรอบดึก ไปนะคะเจ้าแก้มกลม” มือเรียวดึงแก้มใสไปหนึ่ง แล้วเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ และลดกระจกโน้มตัวมามองหน้าอีกคนที่ยังยืนค้างนิ่ง

“คะ ค่ะ ขับรถดี ๆ นะคะ เดินทางปลอดภัยนะคะ แล้วก็ขอบคุณมาก ๆ สำหรับของฝากและคำว่า...คิดถึงด้วยนะคะ” เมเปิลเขินคำพูดตัวเองใบหน้าเห่อร้อน รีบโบกมือไล่คนขับรถอย่างเร็ว “ไปได้แล้วค่ะ” ก่อนจะหันหลังวิ่งหนีไปด้านในด้วยความร้อนระอุทั่วใบหน้า

TBC...

*ขนมยักกวาเป็นขนมพื้นเมืองของเกาหลีที่มีประวัติมายาวนาน โดยตัวขนมจะเป็นรูปดอกไม้

---------------------------------------------------------------------

ใครเขาจะลงทุนบินแล้วขับรถต่อ เพื่อไปเจอหน้าห้านาที ถ้ามีคิดถึงกันจริงไม่ทำหรอก เกาหลีก็แค่หน้าปากซอย หมั่นไส้!!! ลูกฉันก้ใช่ย่อย หยอดมาหยอดกลับไม่โกงค่ะ