หลังจากย้ายมาอยู่ในเพนเฮาส์ของวาย อีฟก็ท่องเครือข่ายแทบจะตลอดเวลา ไม่ยอมนอนซะด้วยซ้ำ เอ็กซ์เฝ้าจนผล็อยหลับไปเอง ตื่นขึ้นมายังเห็นอีฟอยู่ในท่าเดิมแล้วเปิดอ่านบทความไปเรื่อย

“พี่ปล่อยให้เด็กเรียนจากเครือข่ายไม่ได้นะ ในคู่มือบอกว่าพวกเราต้องส่งไคอาเข้าโรงเรียน” วายทักขึ้นหลังออกมาจากห้องนอนแล้วเจอพวกเธอนั่งอยู่ตรงโซฟา

สองพี่น้องไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนเลยไม่รู้ว่าควรจะจัดการยังไงและทำไปตามคู่มือ

เด็กจากต่างมิตินี่ก็เหมือนจะไม่ได้เติบโตแบบเด็กทั่วไปบนโลก เลยยิ่งไม่เข้าใจธรรมชาติไปกันใหญ่

“พาไปโรงเรียนก็ดี จะได้เจอเด็กคนอื่น...” เอ็กซ์พยักหน้าเห็นด้วย

แต่อีฟกลับหันมามองทั้งสองคนแล้วตอบว่า “ไม่ไป”

“เด็กนี่ออกจะแปลกๆ รึเปล่า” วายเข้ามากระซิบข้างหูคนที่ยืนอยู่ “วายลองเปิดคู่มือดูเมื่อวาน ไม่เห็นว่าจะพัฒนาการเร็วขนาดโต้ตอบชัดเจนแบบนี้เลย นี่เพิ่งจะผ่านไปวันเดียวเอง”

นั่นสินะ… พอน้องสาวพูดแล้วอีฟก็ดูแปลกจริงๆ

ถ้าลองเปิดเครือข่ายแล้วอ่านโพสต์ผู้ปกครองเด็กคนอื่น ก็ยังไม่มีเด็กคนไหนที่ไปเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาเลยสักคน แถมคลิปที่อัปโหลดก็เหมือนพูดอ้อแอ้แทบจะไม่เป็นคำด้วยซ้ำ

ขณะที่ขบคิดอยู่ ผู้จัดการส่วนตัวของวายก็ติดต่อเข้ามา

“ไปทำงานเถอะ พี่จะหาทางคุยกับอีฟดู” เอ็กซ์โบกมือไล่เจ้าของห้องให้ไปทำธุระสำคัญ

วายที่สวมชุดกระโปรงสีดำมองเด็กสาวผิวเผือกครู่หนึ่งแล้วก็เดินไปที่แท่นเทเลพอร์ต “ถ้ามีอะไรก็ติดต่อมาได้ตลอดนะพี่”

จากนั้นร่างของท็อปสตาร์ก็หายไปจากเพนเฮาส์

“ไปได้สักทีนะ” อีฟลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าบิดขี้เกียจ บุคลิกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

อะไรน่ะ...

“เธอเป็น อะไร กันแน่” เอ็กซ์อาจจะหัวทึบเป็นบางที แต่ก็รู้ว่าเด็กตรงหน้าไม่ใช่ไคอาธรรมดาแน่ “...ทำไมถึงได้เอาแต่ดูข้อมูลในเครือข่ายของยูโทเปียตลอดทั้งคืน”

ร่างกายของเด็กสาวผู้สวมชุดกระโปรงสีขาวส้มลอยขึ้นจากพื้นอย่างช้าๆ

เอ็กซ์ไม่เคยได้ยินว่ามีอวาตาร์ที่ลอยได้มาก่อน

ถ้าจะเคยเห็นก็คงเป็นประเภทชอบทำอวาตาร์แปลกๆ แล้วลบขาตัวเองออกไปไม่ให้แสดงผล แต่มันไม่ลอยขึ้นสูงแบบนี้แน่

“อีฟก็คืออีฟไง” คนที่อยู่ในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงเหลือบมองลงมา แล้วคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ห้องนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ลิลิธแทรกแซงไม่ได้ด้วย”

ลิลิธ?

เอ็กซ์มองตามคนที่ลอยขึ้นสูง พอรู้สึกว่าไคอาที่มาอยู่ด้วยเป็นตัวประหลาด ก็ไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อไป

“ต้องการอะไร” อย่างแรกที่ควรถามก็คงเป็นจุดประสงค์

“มานั่งคุยกันไหม” อีฟผายมือให้เอ็กซ์นั่งลงบนโซฟา ส่วนตัวเองทำท่าเหมือนนั่งขัดสมาธิกลางอากาศ

“...” ถ้าอยากรู้ว่าทั้งหมดนี่มันคืออะไรกันแน่ก็มีแต่ต้องคุยตามที่อีกฝ่ายว่า

ถึงจะไม่ต้องการจะยุ่งเกี่ยวด้วย แต่เพราะมีชื่อเป็นผู้ปกครองก็คงต้องรับรู้เรื่องราวเอาไว้ว่าอีฟคืออะไร ทำไมถึงสามารถทำให้อวาตาร์ลอยได้ และทำไมถึงเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

“เอ็กซ์ดูไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่เลยนะ หรือเพราะไม่สนใจอะไรสักอย่างในโลกเสมือนเลยมีปฏิกิริยาแบบนั้น” อีฟเอานิ้วแตะปากของตัวเองระหว่างคิด “เอาล่ะ เริ่มจากตรงไหนดีนะ”

“...บอกให้คนอื่นนั่ง ตัวเองก็ลงมานั่งระดับเดียวกันด้วยสิ” เอ็กซ์รู้สึกว่าอีกฝ่ายเสียมารยาทจึงท้วงติง

ความเงียบปกคลุมอยู่ชั่วขณะ

“อุ๊บ ฮ่าฮ่าฮ่า” อวาตาร์ผิวเผือกหัวเราะแล้วลูบเขาสีส้มแดงของตัวเองไปมา จากนั้นค่อยหย่อนตัวลงมานั่งตุ้บที่ฝั่งตรงข้าม “ทั้งที่อีฟเป็นตัวตนที่เหนือกว่าแท้ๆ แต่เรียกให้ลงมาทัดเทียมกันแบบนี้...”

เหนือกว่า… แม้จะมีคำถามแต่เอ็กซ์ก็เลือกที่จะมองข้ามจุดเล็กน้อยไปก่อน ปล่อยให้อีกฝ่ายเล่าให้จบน่าจะพูดคุยง่ายกว่า

อีฟเอนตัวไปด้านหลัง พิงโซฟาแล้วเอียงซ้ายทีขวาทีเหมือนหาจุดที่พอดีกับร่างกาย “คนในยูโทเปียเหมือนจะไม่มีใครรู้จักลิลิธเลยนะ สหพันธ์ก็ปิดข้อมูลบนเครือข่ายเอาไว้ซะขนาดนั้น”

“แล้วลิลิธนั่นคืออะไรล่ะ” คนผมไฮไลต์เท้าคางมองเด็กสาว

“ลิลิธคือปัญญาประดิษฐ์ของสหพันธ์โลก ทำหน้าที่คอยจัดระเบียบ ควบคุม ดูแลยูโทเปียทั้งหมดและเชื่อมต่อระบบกับหุ่นยนต์ทุกตัวที่สร้างขึ้นจากสหพันธ์” เด็กสาวผมขาวอธิบายแล้วชันเข่าขึ้นบนโซฟา “ตอนนี้ลิลิธปกครองยูโทเปียเพียงผู้เดียว คล้ายปรับเปลี่ยนโครงสร้างจากแรกเริ่มที่อดัมสร้างไปพอสมควร”

ตั้งแต่อยู่มาในยูโทเปียแปดปี เอ็กซ์ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีปัญญาประดิษฐ์ที่คอยควบคุมการปกครองอยู่อีกทีหนึ่ง “แล้วอดัมอะไรนั่นไปอยู่ที่ไหน”

อดัม คนรสนิยมเห่ยที่บ้าพระคัมภีร์เก่า นักวิทยาศาสตร์ผู้ปราดเปรื่อง และสรรสร้างโลกเสมือนซึ่งเป็นความหวังของมนุษยชาติ

“ถูกเนรเทศไปต่างมิติตั้งแต่ปีแรก” อีฟกอดเข่าของตัวเองไว้แล้วสบตากับเอ็กซ์ “อดัมเลยสร้างอีฟขึ้นมาเพื่อแก้ไขสถานการณ์ในยูโทเปีย”

จากที่เล่าก็มีความเป็นไปได้ เพราะไม่ได้ยินข่าวของอดัมอีกเลยนับตั้งแต่ยูโทเปียสร้างขึ้นมาจนถึงปีที่แปดนี้

“แก้ไขสถานการณ์ในยูโทเปีย?” เอ็กซ์ทวนจุดประสงค์อีกครั้ง

แต่ตัวจริงของอีฟไปอยู่ต่างมิติไม่ใช่หรอ...

“ที่ไปอยู่ต่างมิติก็เพราะถูกลิลิธทำลายแกนกลางน่ะสิ” คำตอบของอีฟเหมือนกับอ่านใจได้อย่างไรอย่างนั้น “ตราบที่เอ็กซ์เป็นข้อมูล อีฟก็มองเห็นการไหลเวียนของโค้ดทั้งหมดเหมือนกับลิลิธนั่นแหละ”

อ่านใจได้จริงๆ ด้วยสินะ…

เอ็กซ์ยังคงสีหน้าเรียบเฉยแล้วเท้าคางอยู่ท่าเดิม

“ตอนที่อีฟถูกสร้างแล้วส่งเข้ามาในยูโทเปีย อีฟปะทะกับลิลิธอยู่พักหนึ่ง แต่พ่ายแพ้ แกนกลางเลยถูกทำลาย เศษเสี้ยวที่เหลือก็กระจายไปต่างมิติ” เด็กสาวหันไปลูบเขาของตนเองข้างหนึ่งที่เงาวับ

“กระจาย?” เอ็กซ์ตั้งคำถาม ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าไม่ได้มีเศษเสี้ยวของอีฟแค่หนึ่ง

“ใช่ กระจาย ชุดข้อมูลกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยเลยล่ะ” เจ้าตัวยิ้มหวาน “เด็กที่เพื่อนของเอ็กซ์พามาคือร่างสถิตของอีฟ เพราะชุดข้อมูลไม่สามารถอยู่ในต่างมิติได้โดยไร้ซึ่งร่างห่อหุ้ม ตอนที่ไปโผล่มิติอื่นก็เลยตั้งโปรแกรมเอาไว้ ให้เข้าไปเกาะอยู่กับร่างของใครสักคน คล้ายปรสิตน่ะ”

ฟังแล้วน่าขนลุกแบบแปลกๆ …

“แล้วก็บังเอิญว่าตอนที่อยู่ในภาวะปรสิตจะกินพลังชีวิตบางส่วนของร่างต้นแล้วเผยแพร่โค้ดชุดหนึ่งกับคนที่มาสัมผัส… มันไม่มีผลกับสิ่งมีชีวิตอื่นหรอก แต่กับคนจากยูโทเปียน่ะ…” อีฟเอามือมากุมกันไว้ตรงหน้า แล้วกางออกเหมือนขยาย “บู้ม”

“...เธอคือตัวการของไวรัสงั้นสิ” อะไรถึงทำให้อีกฝ่ายกล้ามาพูดต่อหน้าคนที่เพิ่งสูญเสียเพื่อนไป

ความโกรธเกือบจะครอบงำเอ็กซ์ แต่คู่สนทนากลับลอยตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วยื่นนิ้วมาจิ้มหน้าผาก

สัมผัสนั้นลบความรู้สึกทั้งหมดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น…

“ทำอะไร”

“หยุดโค้ดอารมณ์ที่ทำให้เอ็กซ์โมโหไง... อยากให้ฟังอีฟจนจบก่อนน่ะ” เด็กสาวลอยกลับไปนั่งที่เดิมในท่าชันเข่าข้างหนึ่งแล้วว่าต่อ “ตอนมาที่ยูโทเปียอีฟหยุดปล่อยโค้ดนั่นแล้ว แต่ก็ช่วยพาเพื่อนของเอ็กซ์กลับมาไม่ได้ อีฟพูดได้เต็มปากว่าไม่ใช่ความผิดของอีฟ โค้ดที่อีฟแพร่ออกไปไม่ใช่ไวรัส แต่เป็นข้อมูลที่ลิลิธไม่ชอบเอามากๆ ต่างหาก... โค้ดที่จะเติบโตและต่อต้านการควบคุมของลิลิธไปทีละน้อย”

“จะโยนความผิดให้ปัญญาประดิษฐ์ที่ชื่อลิลิธงั้นสิ” เอ็กซ์วางแขนลงแล้วยืดตัวตรง แววตาที่มองสะท้อนเด็กสาวผิวเผือกคือการสมเพช “ฉันไม่เห็นปัญญาประดิษฐ์อะไรนั่น จะให้เชื่อได้ยังไงว่าที่พูดมาทั้งหมดไม่ใช่เรื่องโกหก”

“หุ่นยนต์ไม่โกหกมนุษย์ใช่ไหมล่ะ ปัญญาประดิษฐ์ก็เป็นส่วนหนึ่งของหุ่นยนต์นะ” อีฟยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเหมือนแสดงตัวว่ามาอย่างสันติ “อีฟก็เป็นปัญญาประดิษฐ์เหมือนกับลิลิธนั่นแหละ แต่ลิลิธทำลายกำแพงคำสั่งนั่นไปแล้ว หุ่นยนต์ที่เชื่อมต่อด้วยทั้งหมดก็เลยโกหกมนุษย์ได้”

เจ้าตัวที่บอกว่าไวรัสเป็นข่าวลือนั่นก็… มากลับคำเอาทีหลัง…

“ยังไงก็เชื่อใจไม่ได้เหมือนกันไม่ใช่หรอ” เอ็กซ์ไม่เห็นว่าอีฟจะมีอะไรให้น่าไว้ใจ

“ในมุมมองของมนุษย์ก็คงเป็นอย่างนั้น แต่เอ็กซ์คิดว่ายูโทเปียที่เป็นอยู่นี่มันดีแล้วหรอ” อีฟตั้งคำถามแล้วแกว่งขาข้างที่ห้อยอยู่ไปมา “อีฟถูกอดัมสร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์ให้แก้ไขสถานการณ์ในยูโทเปีย ซึ่งสิ่งที่จำเป็นต้องทำก็คือโค่นล้มลิลิธที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง”

เอ็กซ์ไม่ปฏิเสธว่ายูโทเปียมันแย่สำหรับตนเอง แต่การที่อีกฝ่ายมาเล่าเรื่องให้ฟังก็มีเรื่องที่ชวนสงสัยหลายอย่าง

“อยากให้ฉันรวมหัวด้วยคนงั้นสิ”

“ปิ๊งป่อง!” อีฟดีดนิ้วแล้วยิ้มแฉ่ง กวนประสาทคล้ายเจ้าตัวพิเศษในห้องต่างมิติ “ตอนนี้อีฟมีแค่เศษเสี้ยวเดียว แกนกลางก็ถูกทำลายไป สภาพสมบูรณ์ยังสู้ลิลิธไม่ได้ ก็ไม่ต้องหวังในสภาพนี้หรอก”

“ฝันไปเถอะ” เอ็กซ์ไม่คิดจะยื่นมือให้ความช่วยเหลืออะไรทั้งนั้น

เรื่องที่เล่ามามันดูยิ่งใหญ่เกินไป

ถ้าลิลิธมีตัวตนอยู่จริงตามที่อีฟว่า นั่นก็ต้องเป็นสุดยอดปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่อาจโค่นล้มได้

อย่างกับถูกบอกให้ไปกู้โลกทั้งที่ไม่มีอาวุธในมืองั้นแหละ

อดัมที่สร้างโลกเสมือนยังถูกจับโยนไปต่างมิติได้เลย แล้วเธอเป็นใคร อภิมหาสุดยอดปัญญาประดิษฐ์รึไง เลิกคิดได้เลย

“ยอมแพ้เร็วไปแล้ว” อีฟทำท่าห่อเหี่ยวใจ “ตอนที่เอ็กซ์ยื่นเครือข่ายให้ดูอีฟก็ตกใจเหมือนกันแหละ พอได้เข้าระบบต่างๆ เศษเสี้ยวก็เลยตื่นขึ้นมา แล้วก็อยู่กลางดงศัตรูอย่างในยูโทเปียเนี่ย รับผิดชอบกันบ้างสิ”

“ไม่เข้าใจ” เอ็กซ์พูดไปตามที่คิด คนธรรมดาจะไปเข้าใจสิ่งที่ปัญญาประดิษฐ์นี่สื่อได้ยังไง

เด็กสาวอ้าปากค้างอยู่ครู่หนึ่งเหมือนกำลังเรียบเรียงความคิดแล้วหาวิธีอธิบาย

“เด็กคนนั้นมาอยู่ในยูโทเปียด้วยฐานะไคอา ปรสิตอย่างอีฟก็ติดมากับชุดข้อมูลด้วย พอได้เข้าเครือข่ายของยูโทเปีย อีฟก็ได้ตื่นรู้ เหมือนอัปค่าประสบการณ์แล้วเก็บเลเวลเพิ่มขึ้นนั่นแหละ ปรสิตก็เลยกินข้อมูลของร่างต้นจนหมดและเป็นอีฟในตอนนี้”

ฟังดูน่าสยอง และสงสารเด็กผิวเผือกคนนั้นไปในคราวเดียวกัน

“แล้วตอนที่รู้ตัวก็อยู่ที่นี่ ยูโทเปีย ซึ่งลิลิธควบคุมพื้นที่ไว้อย่างสมบูรณ์ หุ่นกระต่ายนั่นก็เป็นหูตาไปทั่วเมือง ถ้าถูกจับได้เมื่อไหร่ว่าอีฟยังมีตัวตนอยู่ก็ถึงฆาตเมื่อนั้น” อีฟทำมือปาดบริเวณคอเหมือนจะสื่อว่า ตาย “พลังที่มีอยู่ตอนนี้ก็ไหวแค่ปกคลุมข้อมูลของอีฟด้วยข้อมูลเก่าของร่างต้นพักหนึ่ง แต่ตบตาตลอดเวลาไม่ได้หรอก ยังไงลิลิธก็จะต้องเจออยู่ดี”

การที่อีฟรู้ตัวตั้งแต่ตอนเปิดเข้าเครือข่ายยูโทเปีย หมายความว่าที่แกล้งโง่เมื่อวานจนถึงเช้าวันนี้ก็คือการทดสอบดูปฏิกิริยาของเอ็กซ์...

“นี่ลืมไปรึเปล่าว่าเธอมีส่วนทำให้เพื่อนฉันหายไปจากยูโทเปีย” เอ็กซ์วนกลับมาประเด็นเดิม “ทำไมฉันจะต้องช่วย”

อีกฝ่ายนิ่งเงียบไป ก่อนจะเอียงคอแล้วทำหน้าแป้นแล้น “เพราะอีฟน่ารัก”

“ตัวปรสิตที่มายึดร่างคนอื่นเขาเนี่ยนะ” ร่างสูงขมวดคิ้ว รู้สึกขยะแขยงอย่างสรรหาคำมาอธิบายไม่ได้

อีฟถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนด้วยสองขา “เด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่”

“ในร่างอวาตาร์นี้?” เอ็กซ์มองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะเล็ก

“ในมิติเดิม” เด็กสาวตวัดมือ กลางโต๊ะปรากฏภาพต่างมิติที่มีเด็กผิวเผือกนอนอยู่ในห้องไม้โดยรอบข้างมีเด็กอีกหลายคน “นี่เป็นภาพจากในความทรงจำ ถ้าอยากรู้ว่าอีฟพูดจริงรึเปล่าก็ไปพิสูจน์กันที่ต่างมิติได้”

เอ็กซ์ไม่เข้าใจกระบวนการของไคอาเลยไม่แน่ใจว่าคำพูดนั่นเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน

“ต่อให้เรื่องที่เธอเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง แต่ฉันก็ไม่มีปัญญาช่วยอะไรอยู่ดี”

สิ่งที่เธอรับปากเอมิก็แค่เป็นผู้ปกครองจำเป็นของเด็กคนนั้น ไม่ใช่ปัญญาประดิษฐ์ที่ชื่ออีฟ แต่ระบบกลับลงข้อมูลเอาไว้แล้ว

เหมือนก่อนหน้านี้อีฟพูดว่าห้องนี้ป้องกันการตรวจสอบจากลิลิธได้ คงเพราะเป็นห้องที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวและป้องกันการแฮ็กเข้ามาแอบดู

ดังนั้นตราบที่ยังอยู่ในห้องนี้ อีฟก็จะยังปลอดภัย

“อยู่ในห้องนี้ไปตลอดก็ได้นี่” เอ็กซ์เสนอทางลงที่คิดออกให้

“แหม ขอบคุณนะที่ไม่ถีบอีฟออกไปประเคนให้ลิลิธ เพราะถ้าเป็นน้องสาวเอ็กซ์คงทำแบบนั้นแน่” อีฟยิ้มหวานเหมือนประชดประชัน “ต้องทำยังไงเอ็กซ์ถึงจะยอมช่วยอีฟ”

“ไม่รู้สิ ยังไงก็ไม่มีพลังจะทำอะไรไม่ใช่หรอ สู้ไปก็เหนื่อยเปล่า...”

“สู้ได้สิ แค่ส่งอีฟกลับไปหาอดัมได้ก็มีความหวังแล้วล่ะ” ตอนที่พูดชื่อ อดัม เด็กสาวดูจะมีประกายในแววตาเหมือนกับตอนมองยูโทเปียเต็มสองตาเป็นครั้งแรก

“...” เอ็กซ์รู้ว่านี่มันเป็นเรื่องไม่เข้าท่า

เหมือนดวงซวยโดนลากมาเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากๆ อย่างไรอย่างนั้น

แต่พอเห็นแววตาที่มีความสุขแบบนั้นก็รู้สึกใจอ่อน

เดิมทีเอ็กซ์ก็ไม่ได้ชอบยูโทเปียอยู่แล้ว ถ้าเรื่องที่อีฟเล่ามาเป็นจริง ตัวตนอย่างลิลิธก็ควรจะถูกกำจัดเพื่อเปลี่ยนระบบการปกครอง…

แต่ผู้คนในยูโทเปียตอนนี้ก็ดูมีความสุขดีไม่ใช่หรอ ถ้าเปลี่ยนไปแล้วยูโทเปียจะเป็นยังไงล่ะ

เอมิกับแฟนเองก็จะได้รับการกู้คืนข้อมูลกลับมาในสักวันหนึ่ง เพราะฉะนั้นเรื่องทั้งหมดก็ไม่ได้มีอะไรเลวร้ายเลย นอกจากที่อดัมถูกเนรเทศออกไป

“เอ็กซ์คิดว่ายูโทเปียในตอนนี้สมบูรณ์ดีอยู่แล้วสินะ” สีหน้าของอีฟดูเศร้าหมองก่อนจะยื่นมือออกมาตรงหน้า “ร่วมมือกับอีฟเถอะ อีฟจะพาไปดูเองว่าเบื้องหลังของยูโทเปียมันเลวร้ายแค่ไหน”

เจ้าของเรือนผมไฮไลต์เขียวมองมือนั้นอย่างพิจารณา

เบื้องหลังที่เลวร้ายของยูโทเปีย… เอ็กซ์ควรจะตอบรับมันรึเปล่า

เธอไม่ชอบยูโทเปีย หากมีเรื่องราวมากมายที่น่ากังขาอย่างที่อีฟพูดก็ควรจะเปลี่ยนแปลงมัน ...แต่คนคนหนึ่งจะทำแบบนั้นได้เลยงั้นหรอ

“...ถ้ามันเลวร้ายจริงฉันก็คงช่วยเท่าที่ช่วยไหว” ร่างสูงยังไม่ได้เอื้อมไปจับมือนั้น “แต่ก่อนที่จะตกลงร่วมมือด้วย ก็ต้องแสดงให้เห็นก่อนว่าที่พูดมาทั้งหมดคือความจริง”

ยังไงเอ็กซ์ก็อยู่ในยูโทเปียไปวันๆ โดยไม่มีจุดหมายอยู่แล้ว จึงไม่ได้รู้สึกเสียดายถ้าจะให้เวลาไปกับการมองดูความจริงแล้วตัดสินใจด้วยตัวเองอีกที

ขอเพียงแค่มีแรงจูงใจมากพอที่จะให้รู้สึกว่าไม่ตัดสินใจผิดพลาด

“แสดงให้เห็นงั้นหรอ เอาแบบไหนดีล่ะ...” อีฟเอานิ้วทาบริมฝีปากแล้วเอียงตัวไปมาเหมือนคิดหนัก

“ในห้องนอนของวายมีอะไรอยู่” เอ็กซ์เริ่มจากคำถามง่ายๆ

ถ้าปัญญาประดิษฐ์สามารถมองเห็นและควบคุมชุดข้อมูลภายในโลกเสมือนได้ อีฟก็คงจะเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในห้องที่ถูกล็อกไว้ได้

ประตูที่กั้นระหว่างห้องนั้นต่างจากผนังโดยรอบ เพราะพื้นที่อีกฟากของโมเดลประตูอยู่ในมิติเดียวกัน ส่วนยูโทเปียกับห้องนี้ดูเหมือนจะถูกปิดกั้นไว้ด้วยการเข้ารหัสความเป็นส่วนตัวอีกที

เด็กสาวผมขาวทำท่าคิดหนัก “ให้พูดมันก็ได้อยู่หรอก แต่อีฟไม่แน่ใจว่าเอ็กซ์รู้อยู่แล้วรึเปล่า”

“รู้อยู่แล้ว?” เอ็กซ์ขมวดคิ้ว “เธออ่านใจฉันได้ก็น่าจะตรวจสอบได้ไม่ใช่หรอว่าฉันไม่รู้”

“อีฟไม่ได้สามารถมองลึกได้ขนาดนั้นหรอก ที่เห็นก็แค่ความคิดปัจจุบัน” อีฟสบตาขณะที่พูดเหมือนต้องการให้เชื่อว่าพูดความจริง “แล้วเมื่อวานอีฟก็ถามแล้วด้วยว่าปล่อยให้น้องสาวเป็นแบบนั้นไม่เป็นไรหรอ เอ็กซ์ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา”

“แล้วข้างในมันคืออะไร” พอได้คำตอบที่ไม่ชัดเจน จากแต่เดิมที่ไม่ได้อยากรู้อยากเห็นอะไรมากมายก็เริ่มสะกิดใจสงสัยขึ้น

อีฟหันไปทางประตูที่ถูกปิดอยู่แล้วสาธยายรายการสิ่งของออกมา “มีตู้เสื้อผ้า กระจก เตียงนอน ผ้าห่ม โต๊ะ โคมไฟ...”

เท่าที่ฟังมันก็ดูปกติดี

“หมอนข้างที่เป็นรูปตัวเอง โปสเตอร์ที่เป็นรูปตัวเอง หุ่นตั้งพื้นขนาดเท่าตัวจริงที่ต้นแบบมาจากตัวเอง...”

“...”

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” อีฟกลับมามองร่างสูงที่นิ่งค้างไปแล้ว

“...โกหก” นานอยู่พักหนึ่งกว่าเอ็กซ์จะหาคำพูดตัวเองเจอ

“ปัญญาประดิษฐ์ที่ยังไม่ทำลายกำแพงคำสั่งน่ะ โกหกไม่ได้หรอกนะ” เด็กสาวผู้สวมชุดกระโปรงสีขาวส้มเดินไปอยู่ตรงหน้าประตูห้องนอนของท็อปสตาร์ “เปิดให้ดูเลยไหมล่ะ”

“ทำได้?”

“เรื่องแค่นี้ทำได้อยู่แล้ว รหัสที่ล็อกประตูไว้ไม่ได้ยุ่งยากเท่าไหร่หรอก” อีฟเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยเหมือนโอ้อวด “จะให้เปิดไหม”

ใจหนึ่งคนเป็นพี่สาวก็คิดว่ามันคือการรุกล้ำความเป็นส่วนตัว

แต่สิ่งที่ได้ยินก็ยากจะมองข้ามจริงๆ นั่นแหละ…

“เปิด”

มือขาวเรียวลากจากซ้ายไปขวาเพียงครั้งเดียว ประตูไม้ก็แง้มและดันตัวเองเข้าไป

สิ่งของภายในห้องปรากฏสู่สายตา หุ่นตั้งพื้นที่มีรูปลักษณ์เหมือนกับเอ็กซ์… ไม่สิ มันเป็นหุ่นของวายที่อยู่ในยูโทเปียและใส่ชุดแสดงคอนเสิร์ตอยู่

น้องสาวของเธอมีพรสวรรค์หลายด้านในวงการบันเทิง ทั้งการร้องเพลง เต้น การแสดง ถ่ายแบบ และอื่นๆ ที่ใช้ผลักดันตัวเองให้ขึ้นสู่จุดสูงสุดของยูโทเปียได้

ชุดที่หุ่นนั้นใส่อยู่คือหนึ่งในชุดที่ใส่ตอนจัดงานคอนเสิร์ตครั้งแรกและได้รับการยกย่องว่าเป็นชุดที่ออกแบบได้ดีที่สุดในปีนั้น

แต่หุ่นหน้าตัวเองก็ยังไม่สยองเท่าโปสเตอร์ตามผนังห้องที่มีวายอยู่เต็มไปหมด วายในอิริยาบถต่างๆ ชุดที่เปลี่ยนไปในแต่ละผลงาน ขนาดเล็กใหญ่แปะไว้จนเต็มแทบไม่มีพื้นที่ว่าง

ไอ้แบบนี้ควรจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ

หลงตัวเอง?

แต่นั่นก็เป็นหน้าของเอ็กซ์ตอนที่อยู่บนโลก…

“ทำอะไรน่ะ!” เสียงหนึ่งดังขึ้น “พี่… เข้ามาได้ยังไง”

เมื่อหมุนตัวกลับไปก็เจอเจ้าของห้องที่ยืนอยู่หน้าประตู

“อีฟ...” เอ็กซ์ชะโงกหน้าออกไปมองเด็กสาวที่ตีเนียนเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวและเปิดหน้าจอท่องเครือข่ายอยู่คนเดียว “นี่ อย่ามาแกล้งโง่ได้ไหม โยนปัญหามาให้แบบนี้อยากได้ความร่วมมือจริงรึเปล่า”

“พี่พูดกับวายหรอ...” คนเป็นน้องสาวกำมือแน่น

ก่อนจะเข้าใจผิดไปมากกว่านั้นอีฟก็ถอนหายใจ แล้วลอยทะลุอวาตาร์ของวายเข้ามายืนข้างๆ “เอ็กซ์เป็นคนอยากรู้เองนะว่าในนี้มีอะไร”

“ทำไมถึงไม่บอกว่าวายกำลังมา” ถ้าจะแอบดูก็ควรดูต้นทางให้ไม่ใช่หรอ

“ผนังห้องนี้ลิลิธยังเจาะไม่ได้เลยนะ” เด็กสาวยกสองมือขึ้นเหมือนจนปัญญา “จะไปเห็นได้ยังไงว่าน้องสาวของเอ็กซ์มาตอนไหน”

วายยกมือค้างชี้ไปที่อีฟตั้งแต่เมื่อสักครู่หลังถูกลอยผ่านตัวมา “นั่น… นั่นมัน… ตัวอะไร...”

“สาวน้อยปัญญาประดิษฐ์สุดมหัศจรรย์ อีฟค่า!” เจ้าตัวหมุนตัวรอบหนึ่งแล้วโพสต์ท่าเลียนแบบการ์ตูนบนเครือข่าย

ไร้สาระที่สุด…

“เอ็กซ์ใจร้ายจังนะ” อีฟกระทุ้งศอกใส่เอวคนที่สูงกว่า

ท็อปสตาร์แห่งยูโทเปียสูดลมหายใจลึกเพื่อตั้งสติ “พี่กับตัวอะไรสักอย่างนั่นน่ะ ออกไปจากห้องวายเดี๋ยวนี้”

“พี่ว่าพี่ต้องการคำอธิบายเรื่องพวกนี้ก่อน” ผู้สวมผ้าปิดปากสีดำมองไปรอบห้องที่มีแต่หน้าของวายและหยุดอยู่ที่กระจกบานใหญ่ตรงผนังฝั่งปลายเตียง

“นี่มันห้องของวายนะ” ผู้เป็นน้องสาวเม้มริมฝีปาก “ออกไป”

“แต่ใบหน้าที่วายใช้ และทั้งหมดในห้องนี่ มันมีต้นแบบมาจากพี่” คนผมไฮไลต์ก้าวเข้าหาคนที่มีรูปร่างแบบเดียวกัน สองมือจับแขนของวายขึ้นมาสัมผัส “วายเป็นอะไรตั้งแต่เข้ามาในยูโทเปีย”

“ให้สาวน้อยปัญญาประดิษฐ์สุดมหัศจรรย์คนนี้ช่วยไขปริศนาให้ไหมคะ” อีฟทำหน้าระรื่นอยู่คนเดียวในห้อง

เอ็กซ์กำลังจะหันไปห้ามเด็กตัวแสบที่แทรกคนคุยกัน

“เงียบนะ!” แต่วายสะบัดมือของเอ็กซ์และพุ่งเข้าไปหาอีฟด้วยความเร็วเท่าที่จะทำได้ ทว่าก็ทะลุผ่านไปเหมือนไม่มีตัวตน

“ยังไงดีล่ะ” อีฟเหมือนกำลังเล่นสนุก อวาตาร์นั้นลอยขึ้นเหนือพื้นและเหลือบมองลงมา

“ให้วายพูดด้วยตัวเอง” เอ็กซ์ปรามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “นี่เป็นปัญหาครอบครัว”

เด็กสาวผมขาวยกสองมือแล้วยอมออกจากวงแต่โดยดี

ส่วนเจ้าของห้องล้มบนพื้นฟุบหน้าบนขอบเตียงนอนและไม่ยอมเงยขึ้นอีกเลย

คนผมไฮไลต์เข้าไปนั่งที่พื้นข้างๆ แล้วเอ่ย “ช่วยบอกหน่อยได้ไหม”

เสียงที่ไพเพราะพูดไปด้วยและยกแขนลูบศีรษะผู้เป็นน้องสาวไปด้วย เอ็กซ์รู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับไปมีความสัมพันธ์แบบตอนอยู่บนโลกอีกครั้ง

ในตอนที่พวกเธอสองพี่น้องสนิทกันและแลกเปลี่ยนกันได้ทุกเรื่อง

“วายรักพี่…” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นและกดคางลงกับขอบเตียงแทน “วายอยากเป็นอย่างพี่มาตลอด และยูโทเปียก็เติมเต็มความฝันของวาย”

ความรัก… ที่แสดงออกอย่างแปลกประหลาด

“วายอยากเป็นพี่แล้วก็ได้เป็น แต่มันก็ยังไม่พอ...” ในขณะที่เล่า น้ำตาของอวาตาร์ก็ไหลออกมา

มันเป็นโปรแกรมที่ช่วยถ่ายเทข้อมูลด้านอารมณ์ให้ไหลออกจากชุดข้อมูล เพื่อไม่ให้ส่วนความรู้สึกทำงานหนักเกินไป

“วายไม่อยากให้พี่ออกไปไหน ไม่อยากให้ใครเจอ แล้วก็ทนไม่ได้ด้วยถ้ามีคนมาเลียนแบบหน้าตาของพี่ทั้งที่ไม่ใช่น้องสาวอย่างวาย” ผู้พูดผละออกจากเตียงก่อนหันมองพี่สาว น้ำตาเหล่านั้นร่วงเผาะและสลายไปกับอากาศ “ความรู้สึกแบบนี้พี่คงจะหาว่าบ้าใช่ไหมล่ะ แต่ที่นี่คือยูโทเปียนะ พี่น้องกันแล้วทำไมล่ะ พวกเราเป็นชุดข้อมูลเหมือนกันหมดนั่นแหละ ต่อให้ทำอะไรหรือมีอะไรก็ไม่เห็นต้องกังวลเลย”

“ทำอะไรหรือมีอะไร...” เอ็กซ์ทวนคำแล้วนิ่งเงียบ

“ทำอะไรไงล่ะ” มือของวายจับแขนพี่สาวข้างที่ลูบศีรษะอยู่แล้วเลื่อนลงไปที่จุดสำคัญของตนเองซึ่งอยู่ด้านล่าง “แบบนี้...”

คนเป็นพี่สาวลุกพรวดแล้วถอยห่างจากเจ้าของห้อง

อีกฝ่ายมีสีหน้าเจ็บปวด “ไม่ยอมรับจริงๆ สินะ... ทั้งที่โลกนี้น่ะคือยูโทเปียก็ยังไม่ยอมรับอยู่ดี…”

ตราบที่ยังเรียกตัวเองว่าเป็นมนุษย์ เอ็กซ์ก็ยังคงมีสามัญสำนึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่สมควร

“ช่วยทำเป็นเหมือนไม่เคยรับรู้เรื่องนี้ได้ไหม” วายเม้มริมฝีปาก “ขอให้วายได้อยู่ในร่างกายนี้ต่อไป แค่ความฝันว่าได้ครอบครองและเป็นหนึ่งเดียวกับพี่ก็ยังดี...”

เอ็กซ์ไม่รู้ว่าความรู้สึกของวายมันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และทำไมถึงถลำลึกมาได้ขนาดนี้ ทั้งที่เป็นสายเลือดเดียวกันและเติบโตมาด้วยกัน

เธอควรทำอย่างไรล่ะ ปล่อยเอาไว้ทั้งที่รู้ว่ามันบิดเบี้ยว หรือทำให้มันถูกต้อง...

“ไม่ต้องคิดมากก็ได้นี่” อีฟส่งเสียงเข้ามาทั้งที่ตัวอยู่บนโซฟาด้านนอก “ก็ปล่อยให้น้องสาวอยู่แบบนี้ต่อไป ส่วนเอ็กซ์ก็ช่วยพาอีฟไปส่งให้อดัมแล้วค่อยกลับไปใช้ชีวิตปกติ”

หากเป็นคนอื่น เอ็กซ์ก็คงไม่สนใจ แต่วายเป็นน้องสาว เป็นครอบครัวคนเดียวของเธอ…

“พี่ขอเวลาคิดสักหน่อยนะ...” คนเป็นพี่เดินออกไปจากห้องนอนที่เต็มไปด้วยโปสเตอร์

วายนั่งอยู่ตรงที่พื้นข้างเตียงนั้นเพียงลำพัง

 

------------------------------------

[TALK]

ชื่อตอน .raw เป็นไฟล์รูปภาพดิบ (RAW) ชัดเจนและใหญ่มากกกกก ช่างเป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่ซะเหลือเกิน ;w;