3 ตอน บุญรักษา03
โดย ไทวะ
ในย่านบางลำพูมีร้านขายโบ๊กเกี้ย หรือขนมหวานชนิดหนึ่งทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมแป้งมัน นวดจนได้ที่และปั้นเป็นรูปร่างด้วยมือก่อนจะนำไปต้มให้สุกแล้วช้อนมาใส่ในน้ำเย็น ลักษณะเป็นเส้นเหนียวหนึบหนับ รับประทานได้ทั้งแบบร้อนและเย็น มีเครื่องใส่อีกหลายอย่าง โดยมากก็เป็นของเชื่อม กับเส้นอีกชนิดที่หน้าตาคล้าย ๆ กับเส้นบะหมี่ที่เรียกกันง่าย ๆ ว่าลอดช่องเหลือง ใกล้กันมีศาลเล็ก ๆ ชื่อศาลเจ้าพ่อหนู วันนี้ชนะโชคแวะมาซื้อขนมหลังจากมีเวลาว่างจากการสอน แต่ขึ้นไปไหว้เจ้าพ่อหนูก่อนแล้วจึงจะลงมาที่ร้านขายโบ๊กเกี้ย
เจ้าพ่อหนูเป็นพระพุทธรูป ซึ่งตามประวัติว่ากันว่าลอยมาตามคลองโอ่งอ่าง แล้วลอยมาติดฝั่งไม่ยอมไปที่อื่น ต่อมาจึงมีการสร้างศาล ในแง่ความศักดิ์สิทธินั้น เคยเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ฝั่งคลองตรงกันข้ามเมื่อปี 2503 ชาวบ้านจึงขอเจ้าพ่อหนูให้ช่วยไม่ให้ไฟลามข้ามมาในจุดนี้ซึ่งเดิมเป็นตลาด และมีผู้เห็นว่ามีเด็กยืนบนหลังคาตลาด คอยโบกธงทำให้ไฟไม่ไหม้ลามมา เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้อีกครั้ง ก็เกิดเรื่องคล้ายกันราวกับปาฏิหาริย์ ทำให้ผู้คนเคารพเลื่อมใสบูชาเจ้าพ่อหนูมากขึ้นไปอีก
ร้านโบ๊กเกี้ยมีโต๊ะวางไว้ไม่กี่โต๊ะ แต่ละโต๊ะมีคนสูงอายุจับจองที่นั่งและพูดคุยกันอย่างออกรส มีอีกโต๊ะที่มีคนนั่งแค่คนเดียวและมีเก้าอี้ว่างอยู่เสียด้วย คนขายบอกให้ชนะโชคไปนั่งที่โต๊ะนั้นได้ พอขอนั่งด้วยตามมารยาทก็พบว่าฝ่ายนั้นคือคนที่เอาน้ำอบไปขายที่วัดเมื่อวันก่อน อันที่จริงก็อยากจะทัก แต่ไม่กล้า จนเมื่อคนตรงหน้ายิ้มให้
“วันนั้นผมซื้อน้ำอบที่วัด ลองใช้ดูแล้วหอมดี นี่ยังว่าจะไปซื้อที่วัดอีก”
ดวงตาที่ทอดมองมามีร่องรอยระลึกได้ ทิมทองช่วยงานที่ร้านสังฆภัณฑ์ ดังนั้นเขาจึงพยายามจะจำหน้าลูกค้าให้ได้ คนที่ซื้อน้ำอบที่วัดก็นับว่าเป็นลูกค้าด้วยเหมือนกัน ไม่รวมถึงว่าเขาได้กลิ่นน้ำอบที่ตัวเองทำจากฝ่ายนั้น
“ถ้าคุณอยากทำบุญที่วัดมีบัญชีให้โอนเงินเข้ามูลนิธินะครับ ส่วนน้ำอบ ผมมีหน้าร้านแถวนี้ คุณไปเอาน้ำอบแล้วโอนเงินเข้าวัดก็ได้”
ชายหนุ่มเอ่ยจบก็หานามบัตรของร้านสังฆภัณฑ์ให้ ชนะโชคได้รับรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรอีกหนหนึ่ง ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะกินขนมหวานในถ้วยเหมือนตั้งใจจะรีบกินเพื่อให้เขาได้นั่งต่ออย่างไม่อึดอัด พอดีกับที่เจ้าของร้านเอาโบ๊กเกี้ยที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ
:
วัดที่เอาน้ำอบไปวางขายอยู่ไกลจากที่นี่พอสมควร ทิมทองจึงได้แนะนำว่าไปเอาน้ำอบที่ร้านได้เพื่อความสะดวก ส่วนที่ว่าฝ่ายนั้นจะบริจาคเงินค่าน้ำอบจริงหรือไม่ เขาคงไม่ตามไปดูและคิดว่าเงินค่าน้ำอบเป็นจำนวนไม่มากนัก หากจะไม่ซื่อสัตย์ก็ไม่เป็นไ
ย่านนี้มีร้านอาหารและร้านขนมรสชาติดีหลายร้าน ทิมทองซื้อโบ๊กเกี้ยใส่ถุงกลับไปฝากคุณป้าที่เฝ้าร้าน พอเดินข้ามสะพานก็เห็นคนรีบร้อนเดินสวนมาจนต้องเบี่ยงตัวหลบเพราะกลัวจะชนกันเข้า แต่ก็ยังไม่พ้นถูกกระแทกจนเซเกือบจะตกขอบฟุตบาท
โชคยังดีที่แค่เกือบไปเท่านั้น แทบจะพร้อมกันที่ได้ยินเสียงแตรรถยนต์ดังยาว ๆ พอมองหาคนที่เดินสวนมาเร็ว ๆ เมื่อครู่ก็ไม่เจอ เจอแค่คนที่บอกว่าอยากจะซื้อน้ำอบเพิ่มและช่วยดึงไว้จนเขาไม่ตกลงไปจากฟุตบาทให้ถูกรถเฉี่ยว
:
ชนะโชครีบกินขนมหวาน ไม่มีเวลาจะมาละเลียดลิ้มรสชาติที่คุ้นเคย พอเดินออกมาจากร้านก็เห็นคุณทิมคนนั้นเซ ๆ เหมือนโดนชนจนเสียหลัก ดีที่ยังไม่ตกลงไปจนจะถูกรถชนให้ต้องมีเรื่องระทึกขวัญ
“แปลก ผมว่าเมื่อกี้เห็นคนเดินสวนมา หายไปไหนแล้วไม่รู้ ทำไมถึงได้เดินไวจัง”
ทิมทองเอ่ยเปรย เพียงแต่รอบ ๆ ตัวไม่มีคนที่ว่า อย่าว่าแต่ชนะโชคไม่เห็นใครทั้งนั้น ชายหนุ่มยิ้มอ่อนใจแล้วบอกไปตามตรง “เมื่อกี้ผมไม่เห็นใครเลย เห็นแค่คุณจะล้ม”
ไม่พูดถึงว่าอีกฝ่ายเห็นคนเดินสวนมาจริงไหม ชนะโชคเองก็เคยมีประสบการณ์คล้าย ๆ กัน ในตอนที่เรียนอยู่สมัยมัธยมแล้วเคยถูกไล่ฟันด้วยมีดจนคิดว่าถูกฟันเข้าแล้วจริง ๆ แต่ตอนนั้นก็แค่เสื้อขาด ทว่าไม่มีแผลเลยสักนิด พอโตมาสักหน่อยถูกทักว่าดวงตก แต่พอห้อยพระเครื่องของที่บ้านเพื่อความสบายใจของพ่อแม่ก็พบว่าแคล้วคลาดจากการถูกรถสิบล้อชนอีกหน
ความสนใจเรื่องพระเครื่องของชนะโชครวมไปถึงศรัทธาเริ่มขึ้นในตอนนั้น ตอนที่กำลังข้ามถนนแล้วรู้สึกเหมือนมีคนมาดึงแขนไว้จึงหยุดเดินกะทันหัน และในตอนนั้นก็เห็นรถสิบล้อวิ่งตัดหน้าไปในระยะประชิด ทั้งที่ตอนจะข้ามถนนก็มองดูแล้วว่าถนนโล่งดี ไม่มีรถอะไร
ชายหนุ่มห้อยพระเครื่ององค์หนึ่งติดตัวมาตั้งแต่ตอนนั้น แม้ว่าจะได้บูชาวัตถุมงคลเพิ่มมาอีกในภายหลัง แต่ที่อาราธนามาคล้องคอบ่อยที่สุดก็ยังคงเป็นหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค องค์ที่พ่อให้มาตั้งแต่ตอนที่ถูกทักว่าดวงตก
:
“ปกติคุณเป็นพวกมีสัมผัสที่หกหรือเปล่า”
ชนะโชคตามไปที่ร้านสังฆภัณฑ์และได้น้ำอบมาเพิ่มอีกสองขวด แต่เขาอยากจ่ายเงินให้ร้านโดยตรงมากกว่าโอนเงินเข้ามูลนิธิวัด จึงได้จ่ายเงินให้กับคนขาย อันที่จริงก็เสร็จธุระแล้วแต่อยากชวนคุยต่อ หากแค่เปิดประเด็นฝ่ายนั้นก็ส่ายหน้าพรืด
“ไม่นะครับ ผมไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก”
คุณทิม ในที่สุดชนะโชคก็ได้รู้ชื่อคนตรงหน้าจากปากเจ้าของชื่อ แม้จะยังไม่รู้ว่ามาจากทับทิมหรืออะไร มอง ๆ ดูแล้วในร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์ทั่วไป ก็เป็นของที่จะต้องใช้อยู่แล้วในเวลาไปวัด คราวหลังจะแวะมาซื้อที่นี่ก็ได้
ถูกปิดประเด็นแบบนั้น ต่อให้อยากจะชวนคุยต่อก็ไม่รู้จะเบี่ยงประเด็นเป็นเรื่องไหน ชนะโชคไม่ใช่คนคุยเก่ง อันที่จริงก็ไม่ได้อยากคุยกับใครนอกจากผู้ชายไว้ผมยาวมัดรวบไว้ง่าย ๆ ท่าทางเหมือนคนค้าขายแต่ก็ไม่ได้เป็นมิตรจนจะชวนคุยอะไรได้มากนักนั่น
***********************************
TBC.
เรื่องนี้มีพระกับวัดโผล่มาเรื่อย ๆ สิ่งลี้ลับมีประปราย ไม่แนะนำให้อ่านตอนกลางคืนนะคะ
ขนมโบ๊กเกี้ย หน้าตาแบบนี้ค่ะ
ศาลเจ้าพ่อหนู
หลวงพ่อปานที่คุณโชคใส่ก็จะประมาณนี้ค่ะ
Comments (0)