ทิมทองปีนี้อายุ 25 ปี นับว่าถึงวัยเบญจเพส[1] ก่อนหน้านี้เขาเคยทำงานเป็นพนักงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง แต่จำเป็นต้องลาออกเพื่อมาดูแลคุณป้าที่สุขภาพไม่สู้ดีและทำกิจการร้านสังฆภัณฑ์เล็ก ๆ ขนาดหนึ่งคูหา อันที่จริงคุณป้าก็บอกทุกคนว่าตัวเองแข็งแรงดี และยังคงยกข้าวของหนัก ๆ ในร้าน แม้ว่าอันที่จริงจะเคยหกล้มจนร่างกายมีอาการบาดเจ็บเรื้อรังและปวดหลังปวดเอวจนต้องพึ่งยาอยู่บ่อยครั้ง

ร้านสังฆภัณฑ์ของคุณป้าอยู่ในย่านบางลำพู ย่านเก่าแก่ที่ได้ชื่อนี้เพราะเคยมีต้นลำพูขึ้นอยู่มาก ในร้านมีเครื่องสังฆภัณฑ์[2]ทั่ว ๆ ไปแล้วยังมีธูปหอม[3] เทียนอบ[4] น้ำอบ น้ำปรุง[5] แป้งร่ำ[6] ดินสอพอง[7] วางขาย โดยเป็นตำรับดั้งเดิมของคุณป้าที่เพิ่งจะตกทอดมาถึงทิมทองเมื่อไม่นานมานี้

รายได้จากร้านสังฆภัณฑ์ไม่มากนัก และในปัจจุบันที่วัดทุกวัดมีเครื่องสังฆทานเวียนจัดไว้ให้คนที่จะไปทำบุญอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องสังฆทาน กลายเป็นว่าของอย่างอื่นที่ดูแปลกตาสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติขายดีมากกว่าของที่จะขายให้คนไปทำบุญ ยิ่งทิมทองติดฉลากภาษาอังกฤษแล้วเอาริบบิ้นผูกโบว์ให้เหมือนของฝาก ทั้งเทียนอบ แป้งร่ำ หรือน้ำอบก็ถูกซื้อไปทีละมาก ๆ จนทำมาเพิ่มแทบไม่ทัน

ดอกไม้ที่ใช้ทำน้ำอบน้ำปรุงได้มาจากคนขายเจ้าประจำที่อายุไม่น้อยแล้วและรู้จักคุ้นเคยกันมานานจนมั่นใจว่าจะไม่ใช้สารเคมี ในแต่ละวันนอกจากปัดกวาดเช็ดถูร้าน นับสต็อคของ พูดคุยเป็นเพื่อนคุณป้า ลูกค้าก็เข้าร้านน้อยจนทิมทองมีเวลาว่างเหลือเฟือ อย่างวันนี้ชายหนุ่มก็เอาน้ำอบบางส่วนมาทำบุญ โดยยกให้ทางวัดขายและนำรายได้เข้ามูลนิธิของวัดเหมือนอย่างที่เคยทำมาแล้วหลายครั้ง ไม่คิดว่าจะได้เจอกับคนที่ซื้อน้ำอบรวดเดียวสามขวด

“จะลองดมกลิ่นดูก่อนไหมครับ ผมฝากขวดเล็กไว้ที่วัดด้วย ลองเทสต์จากขวดเล็กก่อนก็ได้ บางคนก็ไม่ถูกกับกลิ่นน้ำอบ ถ้าเอาไปใช้จะเวียนหัว”

ช่วงนี้ทิมทองอายุอยู่ในช่วงเบญจเพส ญาติผู้ใหญ่หลายคนรวมถึงคุณป้าค่อนข้างเป็นกังวลกับเรื่องนี้จึงมักจะเคี่ยวเข็ญให้เข้าวัดทำบุญไหว้พระอยู่บ่อย ๆ เขาตั้งใจเอาน้ำอบที่ทำเองมาทำบุญ และไม่อยากถูกต่อว่าลับหลังถ้าซื้อไปแล้วไม่ถูกใจ

ชนะโชครู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องลองดมน้ำอบขวดเล็กสำหรับทดลองกลิ่นนั่นเพราะกลิ่นที่ได้ตอนนี้เป็นกลิ่นเหมือน ๆ กับที่ได้กลิ่นตอนหลังจากสวดมนต์เสร็จแล้วแผ่เมตตา หรือตอนที่อยู่ในวัดทำบุญแล้วได้กลิ่นหอมแปลกจนเกิดสะดุดใจจนต้องมองหาที่มาของกลิ่นแต่ก็ไม่เจออะไร หากเป็นคนโบราณก็จะต้องบอกว่าเป็นกลิ่นเทวดานางฟ้า ตรงกันข้ามกับกลิ่นเหม็นสาบสางอย่างซากศพ ที่ว่ากันว่าเป็นพวกสัมภเวสีมาขอส่วนบุญ แต่พอดมน้ำอบในขวดที่ถูกเปิดให้ทดลองกลิ่น ก็พบว่ากลิ่นที่ได้จากในขวด ไม่เหมือนกับกลิ่นที่สัมผัสได้จนอยากจะซื้อสักเท่าไหร่ หากก็ไม่แน่ว่าจมูกตัวเองอาจจะแค่เพี้ยนไป และก็ยังยืนยันว่าจะซื้อน้ำอบพวกนั้นเหมือนเดิม

เจ้าของน้ำอบคงสนิทสนมกับทางวัดมาก ถึงกับช่วยเอากระดาษมาห่อขวดน้ำอบเพื่อลดแรงกระแทกกันไม่ให้ขวดแตกเสียหาย ชนะโชคมองดูฝ่ายนั้นห่อพันกระดาษกับขวดน้ำอบอย่างชำนาญ ได้ยินคนของวัดเรียกชื่อแว่ว ๆ ว่าทิม อาจจะมาจากทับทิมก็เป็นได้ แล้วคุณทิมที่ว่าก็ส่งถุงกระดาษหนา ๆ บรรจุขวดน้ำอบสามขวดที่ห่อแยกแต่ละขวดเสร็จสรรพมาให้ตรงหน้า

“บุญรักษาพระคุ้มครองนะครับ”

กลิ่นหอม ๆ ฟุ้งในตอนที่ฝ่ายนั้นยื่นถุงกระดาษให้ ตอนนี้ชนะโชครู้แล้วว่ากลิ่นที่ทำให้รู้สึกสะดุดใจจนรู้สึกชอบนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้มาจากน้ำอบ แต่มาจากน้ำหอมที่ตัวคนทำน้ำอบใช้ต่างหาก แต่จะถามว่าใช้น้ำหอมอะไรก็เกรงใจและดูละลาบละล้วงไปสักนิด ลงท้ายก็ได้แต่รับของมาพร้อมกับที่เอ่ยขอบคุณ

:

วัดอาวุธวิกสิตาราม[8] เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 2310 เดิมชื่อวัดปากคลองบางพลัด หรือวัดบางพลัดนอก ชนะโชคที่ยังพอมีเวลาว่างแวะมาไหว้พระสวดมนต์ในพระอุโบสถที่เงียบสงบ รอบตัวมีคนอื่นที่มาด้วยจุดประสงค์เดียวกันนั่งกระจายตามที่ว่าง ๆ ต่างคนต่างมีหนังสือสวดมนต์และนั่งเงียบ ๆ ไม่รบกวนใคร

ชายหนุ่มสวดมนต์อยู่เป็นประจำ อันที่จริงก็สวดเมื่อมีเวลาว่างเช่นช่วงก่อนนอนหรือตอนที่ตื่นนอน บทสวดไม่ตายตัวแต่โดยมากก็จะเป็นพระคาถาบทมหาเมตตาใหญ่ คาถาชินบัญชรและแผ่เมตตา เวลาและสถานที่ก็ตามแต่จะสะดวก ขอแค่ให้ได้ทำเป็นประจำเท่านั้น อย่างน้อย ๆ ก็มีผลเป็นการฝึกสมาธิ ส่วนผลพลอยได้เรื่องอื่นก็มีมาเป็นคราว ๆ ไป สวดมนต์ทำสมาธิคราวนี้ใช้เวลาไปสักสองชั่วโมงเศษ ๆ ชนะโชคก็กราบลาหลวงพ่อสัมฤทธิ์ซึ่งเป็นพระประธาน และเป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยสุโขทัย[9] ปางมารวิชัย[10] ก่อนจะไปทำธุระตามที่ลูกเพจไหว้วานมาให้เสร็จสิ้น

:

ร้านสังฆภัณฑ์ของคุณป้าอยู่ในละแวกวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร[11] ซึ่งอาจเพราะชื่อวัดฟังดูเป็นมงคล ที่วัดจึงมีคนเข้าออกไม่ขาด ทั้งคนไทยด้วยกันและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ระหว่างที่เดินทางกลับร้าน ทิมทองก็แวะเข้าไปกราบพระสักครู่หนึ่ง

ในพระอุโบสถมีคนมาก ทั้งนักท่องเที่ยวที่ถ่ายภาพพระประธานและภาพจิตรกรรมฝาผนัง ทั้งไกด์ที่คอยบรรยาย แต่ก็ยังมีคนที่นั่งหลบมุมสวดมนต์เงียบ ๆ อีกจำนวนหนึ่งซึ่งน่าชื่นชมในความมีสมาธิท่ามกลางคนที่พลุกพล่านออกอย่างนั้น ชายหนุ่มเข้าไปกราบพระเพียงชั่วครู่สั้น ๆ ก่อนจะกลับออกมาและพบว่ารองเท้าที่ถอดเอาไว้หายไป

หรือว่านี่ก็เป็นคราวเคราะห์เพราะเข้าช่วงเบญจเพสด้วย


[1] เบญจเพสคือช่วงวัย 25 ซึ่งเชื่อว่าอาจมีอันตรายเกิดขึ้น และมักมีผู้แนะนำให้ทำบุญผ่อนหนักให้เป็นเบา

[2] เครื่องสังฆทาน เทียนพรรษา ผ้าอาบน้ำฝน สบง จีวร ดอกไม้แห้ง ธูปเทียน เป็นต้น

[3] กำยานในอดีตทำจากไม้หอมจำพวกไม้จันทน์หอม ไม้กฤษณา ชะลูด กำยาน ปรุงด้วยน้ำหอมจากดอกไม้และอบร่ำด้วยกำยาน ปัจจุบันทำจากขี้เลื่อยขึ้นรูปผสมน้ำหอม

[4] เทียนอบคืออุปกรณ์อบขนมไทยให้มีกลิ่นหอม ทำจากขี้ผึ้งแท้ผสมกำยาน รูปร่างโค้งงอ

[5] น้ำปรุงคือน้ำหอมอย่างไทยสกัดจากดอกไม้ กลิ่นทนกว่าน้ำอบ

[6] แป้งร่ำคือแป้งที่ปรุงด้วยเครื่องหอม

[7] ดินสอพองคือดินอย่างหนึ่งสีขาว ใช้ทาตัวอย่างแป้ง

[8] ชื่อวัดอาวุธวิกสิตารามเป็นชื่อพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 มีความหมายว่า พันเอกพระยาอาวุธภัณฑ์เผด็จ เจ้ากรมคลังแสง และคุณหญิงแย้ม (ภาษาบาลีว่า วิกสิต) เป็นผู้บูรณะปฏิสังขรณ์

[9] พระพุทธรูปสมัยสุโขทัยมีหลายยุค โดยมักได้รับการชื่นชมว่ามีลักษณะงดงาม เช่น พระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิราบเหนือฐานหน้ากระดานเกลี้ยง มีพระพักตร์รูปไข่ ขมวดพระเกศาเล็ก พระรัศมีเป็นเปลว พระขนงโก่ง พระเนตรเหลือบลงต่ำ พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์ยิ้ม ชายสังฆาฏิยาวลงมาจรดพระนาภี

[10] ชื่อพระพุทธรูปปางหนึ่ง อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาวางควํ่าลงที่พระชานุ นิ้วพระหัตถ์ชี้ลงที่พื้นธรณีในคราวที่พระองค์ทรงเอาชนะมารได้ พระปางมารวิชัย พระปางชนะมาร หรือ พระปางสะดุ้งมาร ก็เรียก

[11] วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร เดิมชื่อวัดกลางนาเพราะมีทุ่งนาล้อมรอบ เป็นวัดเก่าสมัยอยุธยา สถาปัตยกรรมเป็นแบบวังหน้า คล้าย กับที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ

**********************************


 tbc

ถ้าสนใจสถาปัตยกรรมแบบวังหน้า สามารถไปดูต่อที่นี่ได้ค่ะ https://thestandard.co/national-museum-history-of-wangna-palace-4/

สำหรับวัดชนะสงคราม ดูต่อได้ที่นี่ค่ะ https://readthecloud.co/chanasongkhram-temple/

ส่วนตัวชอบวัดชนะสงครามมาก และเมื่อก่อนไปบ่อยมากเพราะชอบชื่อวัดค่ะ