เวลาเจ็ดโมงยี่สิบคือเวลาที่ฉันเดินทางมาถึงโรงเรียนพอดี ตลอดทางที่ฉันก้าวเดินตรงไปที่ห้องเรียนของตัวเอง ในหัวของฉันก็คิดแต่เรื่องที่ฉันกำลังจะเล่าให้นุ่นฟัง ทั้งตื่นเต้น ทั้งไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงคำพูดยังไงดี มันเหนือเกินคำบรรยายไปมากน่ะ แบบเหลือเชื่อเกินกว่าจะเป็นเรื่องจริง

ตอนแรกฉันตั้งใจว่าหลังจากดูวิดีโอจบ ฉันก็จะส่งไปให้นุ่นดูทางแชท แต่ว่าฉันเผลอหลับไปก่อนโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็ตอนตีห้ากว่าเกือบจะหกโมงเช้า แบตฯ โทรศัพท์ก็เหลือประมาณ 30% แถมหน้าจอของฉันยังคงค้างไว้ที่หน้าวิดีโออีก ตอนแรกก็ตกใจนะว่าทำไมฉันเผลอหลับไปนานขนาดนั้น คือหลับตั้งแต่ 1 ทุ่ม ปกติฉันไม่หลับเวลานี้หรอกนะ แต่ก็เพราะเหนื่อยสะสมด้วยมั้ง ฉันเลยเล่นหลับเหมือนตายแบบนี้

ระหว่างทางที่ฉันมาโรงเรียน ฉันก็แอบตื่นเต้นนะ ไม่รู้จะบอกนุ่นยังไงดี ถ้านุ่นเห็นวิดีโอกับรูปแล้วเธอจะมีท่าทียังไง แต่แน่นอนว่าต้องกรี๊ดก่อนแล้วหนึ่ง ก็ผู้ชายที่ฉันถ่ายติดเขาหล่อมาก ๆ เลยนี่นา ฉันเองที่ได้เห็นยังแอบกรี๊ดอัดหมอนเลย เป็นนุ่นก็คงรีแอคชั่นใหญ่โตตามประสาคนคลั่งผู้ชายหล่อนั่นแหละ 

"นุ่น!"

ทันทีที่ฉันก้าวเท้าเข้าห้อง ฉันก็รีบวางกระเป๋าลงบนโต๊ะตัวเองแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที นุ่นเอ่ยถามว่าทำอะไร แต่ฉันก็ไม่ได้ตอบ 

"มึงมีอะไรให้กูดูเหรอ?"

"ใช่"

"คลิปเมื่อวานเหรอ?"

"ใช่"

"มีอะไรวะ?"

"ลองดูก่อน"

ฉันยื่นโทรศัพท์ตัวเองไปให้นุ่น เธอรับไปจากมือของฉัน จากมุมมองของฉันที่นั่งฝั่งตรงข้ามของเธอ ก็เห็นแต่สีหน้าของนุ่นที่กำลังดูคลิปนี้เท่านั้น สายตาของนุ่นกำลังดูคลิปวิดีโออย่างใจจดใจจ่อ ผ่านไปได้สักสิบนาทีกว่า ฉันเห็นว่านุ่นยกมือมากดเลื่อนที่หน้าจอ แล้วเลื่อนนิ้วไปเรื่อย ๆ ไม่นานมากนักนุ่นก็ดูวิดีโอจบ

"เป็นไง" ฉันเอ่ยถามรอคำตอบจากนุ่น

"มึง"

"ว่า"

"ไม่เห็นมีอะไรสักอย่างเลย"

...

อะไรนะ?

"อะ มึงลองดู" 

นุ่นยื่นโทรศัพท์มาให้ฉัน เมื่อฉันรับมาและมองดูหน้าจอ ก็พบว่าวิดีโอที่มีกำลังเล่นอยู่ ตั้งแต่วินาทีที่กล้องล้มลงไป มันก็กลายเป็นภาพจอดำต่อเนื่องยาวจนจบ ฉันเลื่อนดูหลายครั้งหลายครา นับตั้งแต่ตอนที่กล้องหล่นลงไป ก็ไม่มีภาพของเขาติดมาให้เห็นเลย 

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

"ถ่ายติดจริง ๆ นะมึง เนี่ย! กูมีรูป..." 

ฉันรีบกดออกจากหน้าวิดีโอแล้วไปที่แกลอรี แต่พอฉันกดเลือกดูรูปที่ฉันต้องการ ก็พบว่ามันกลายเป็นภาพสีดำสนิทที่สะท้อนให้เห็นสีหน้ารู้สึกแย่ของฉันเท่านั้น

นุ่นลุกขึ้นมาจากที่นั่ง และเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังของฉัน "มันก็มีแต่จอดำ ไม่เห็นมีอะไรเลย"

"..."

"มันอาจจะไม่มีอะไรจริง ๆ ก็ได้อิม ตอนนั้นที่มึงเห็น มึงอาจจะแค่ตาฝาด" นุ่นกล่าวแล้ววางมือบนไหล่ของฉัน "มันไม่มีอะไรแหละ มึงอย่าคิดมากไปเลย"

"เมื่อวันก่อนมึงยังพูดเองไม่ใช่เหรอว่ามึงเชื่อที่กูพูดอะ ตอนที่มึงไปส่งงานที่ห้องมอสามทับห้า มึงยังคิดเลยว่าโรงเรียนที่นี่มีผี"

นุ่นถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง แล้วมองหน้าฉันตรง ๆ 

"ตอนแรกกูก็คิดเหมือนกันไง แต่พอกูมานั่งคิดดูดี ๆ อีกที ถึงมันจะมีจริง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราควรไปยุ่งไม่ใช่เหรอวะ?"

นุ่นกล่าวด้วยสีหน้ากังวล สายตาที่มันมองมามีแต่ความตื่นตระหนกอยู่ในนั้น ซึ่งฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไร หรือสาเหตุไหนที่ทำให้นุ่นมันเป็นแบบนี้ไปได้ 

"มีอะไรก็บอกได้นะนุ่น เราก็เป็นเพื่อนกันนะ"

ฉันพูดคำนั้นออกมาด้วยความใจจริง ถึงเราจะเป็นเพื่อนกันได้ไม่นานมาก ไม่ได้อยู่โรงเรียนประถมเดียวกัน แต่ว่าฉันเองก็มองนุ่นเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากคนหนึ่ง นุ่นเป็นคนที่เข้ามาทำความรู้จักฉันเป็นคนแรก เธอเป็นคนที่พาเก้าเข้ามาเป็นเพื่อนในกลุ่ม แน่นอนว่านุ่นเป็นคนสำคัญกับฉันมาก ดังนั้น ถ้ามาอะไรที่ฉันช่วยนุ่นได้ ฉันก็จะทำ

"ไม่มีอะไรหรอก กูแค่เบื่อน่ะ ไม่อยากตามแล้ว" นุ่นยิ้มอ่อนแล้วจับแขนฉันเขย่าเบา ๆ "ไปหาอะไรกินข้างล่างกัน"

"ได้"

ฉันพยักหน้ารับแล้วเดินข้างนุ่นเพื่อที่ลงไปหาของกินที่โรงอาหารด้วยกัน 

แต่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งนุ่นเอง ทั้งวิดีโอกับรูปภาพ ทำไมมันเกิดเรื่องแบบนี้กับฉันไปได้ 

หรือว่าฉันต้องไปเจอกับผู้ชายคนนั้น... ด้วยตัวเอง?

 

 

 

 

 

ฉันรีบวิ่งกลับไปที่ห้องเรียน หลังจากที่ฉันรอเป็นเพื่อนนุ่นจนแม่ของนุ่นมารับกลับบ้าน 

ฉันรีบขึ้นมายังชั้นเรียนของตัวเองแล้วตรงไปที่ห้องเรียนของฉัน เวลาสี่โมงครึ่งที่ไม่มีใครอยู่ในชั้นเดียวกันกับฉันแล้วเป็นเวลาที่ดีที่สุด ฉันเข้ามาในห้องพร้อมปิดประตูทั้งสองบาน ปิดหน้าต่างไม่ให้ลมพัดเข้ามา ดึงผ้าม่านหนาปิดแสงแดดจนทำให้ห้องเรียนห้องนี้ดูมืดลงกว่าปกตินิดหน่อย แต่ก็ดีแล้ว เพราะนี่คงจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสมมากพอ ที่ฉันจะได้เจอผู้ชายคนนั้น 

"นี่! ออกมาเจอกันหน่อยสิ!"

...

"คนที่จับโทรศัพท์ของฉันเล่นเมื่อวันก่อน รู้มั้ยว่ามันพัง ใช้ไม่ได้เลยนะ"

...

"อย่างน้อยก็ออกมารับผิดชอบดิ เครื่องนี้ราคาตั้งแพงด้วย"

...

"ถ้าไม่รับผิดชอบ ฉันจะ... ฉันจะตามมาทวงแบบนี้ทุกวันเลย!"

ฉันพูดคนเดียวราวกับคนบ้า และฉันพูดโกหกด้วย 

โทรศัพท์ของฉันไม่ได้พัง แต่วิดีโอกับรูปภาพน่ะพังของจริง มันก็พังไม่ต่างกันนั่นแหละ และถ้าฉันได้เจอเขาอีกครั้ง ฉันก็จะถ่ายรูปของเขาเก็บไว้เป็นชดเชยค่าเสียหายทั้งหมด ถ้าฉันถ่ายรูปเขาติดน่ะนะ

ฉันเดินรอบห้องและเรียกหาอยู่นั่น ฉันก็แอบงงตัวเองอยู่หรอกว่าทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย อีกใจหนึ่งฉันก็อยากกลับบ้าน แต่อีกใจฉันก็อยากพิสูจน์ดูต่อ อยากให้เห็นด้วยตาตัวเอง อยากให้ฉันแน่ใจได้จริง ๆ ว่าฉันไม่ได้เพ้อฝัน 

แต่ตอนนี้ฉันก็พอรับรู้ได้แล้วว่าฉันคิดไปเอง

ฉันหยุดยืนกลางห้องเรียน ท่ามกลางความเงียบที่ไม่มีใครคนอื่นอยู่ด้วยเลยนอกจากฉันคนเดียว ฉันมอบรองข้างตัวเองแล้วเกิดคำถามเดียวในใจ คือฉันมาทำอะไรที่นี่วะ

มันไม่มีอะไรเป็นรูปเป็นร่างเลยว่าฉันคิดถูก ราวกับว่าทั้งหมดที่ฉันได้เจอมันเป็นเรื่องที่ฉันคิดไปเอง 

ฉันว่าควรกลับบ้าน

ฉันถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ฉันไม่น่ามาเสียเวลาตรงนี้เลยจริง ๆ ตอนนี้ก็จะใกล้ห้าโมงเย็นแล้วด้วย ถ้าฉันไม่รีบกลับบ้าน คนที่บ้านคงได้เป็นห่วงแน่ 

ฉันหันตัวเองแล้วกำลังจะไปเดินตรงไปทางประตูห้องเรียนเพื่อที่จะออกไป แต่ว่า

ปัง!

จู่ ๆ ประตูก็ถูกกระแทกปิดต่อหน้าต่อตาฉัน

ฉันยืนนิ่งอยู่กับที่ อีกเพียงแค่เอื้อมมือเท่านั้นฉันก็จะผลักประตูออกไปจากที่นี่ได้ แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ถึงทำให้มีเหตุการณ์แบบนี้ต่อหน้าฉัน แต่ฉันก็รีบตั้งสติ พุ่งตัวไปทุบประตู หวังว่าอาจจะมีใครสักคนที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงเรียกของฉัน

"หนูยังอยู่ในห้องค่า! ใครก็ได้เปิดประตูให้หนูหน่อย! ลุงเสก! หนูอยู่ในห้องนี้!!"

ฉันทั้งพยายามผลัก ทุบประตูให้เปิดออกไป แต่ร่างผอมแห้งแรงน้อยแบบฉันก็ไม่มีทางเปิดประตูออกไปได้ ฉันพยายามตะโกนขอความช่วยเหลืออยู่นั่น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครได้ยินเสียงของฉันเลย

ฉันหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาจากกระเป๋ากระโปรงแล้วรีบกดเบอร์โทรหาแม่ในทันที ในตอนแรกฉันก็ไม่อยากโทรหาท่านหรอก แต่ตอนนี้เหตุการณ์มันบานปลายจนเกินควบคุมไปแล้ว ฉันก็นึกหาหนทางอื่นไม่ออกนอกจากวิธีนี้

แต่ปลายสายกลับตอบกลับมาด้วยเสียงอัตโนมัติว่าไม่มีสัญญาณ

ฉันรีบเปลี่ยนไปโทรหานุ่น เก้า หรือใครก็ตามที่อาจจะช่วยฉันได้ แต่สุดท้ายผลได้คือฉันโทรหาใครไม่ติดเลย ฉันหัวเสีย จึงเปลี่ยนมาเป็นส่งข้อความไปหาคนที่ฉันเพิ่งจะพยายามโทรหาก่อนหน้านี้ แต่เพราะไม่รู้เป็นดวงซวยหรืออะไร ที่ข้อความของฉันไม่ถูกส่งถึงใครเลยสักคน! 

ฉันหัวเสียและสบถหยาบออกมา ฉันเก็บโทรศัพท์ไว้ที่กระเป๋ากระโปรงเหมือนเดิมแล้วพยายามผลักประตูบ้านี่ให้เปิดออกอีกครั้ง แต่ยิ่งฉันทำความอดทนของฉันก็ลดลงเรื่อย ๆ 

และเพียงไม่นานนักทั้งที่ฉันไม่คาดคิด เสียงเคาะประตูจากฝั่งด้านนอกก็ดังเข้าหูให้ฉันได้ยิน ฉันยิ้มดีใจว่ามีคนจะมาช่วยฉันสักที แต่ว่าฉันก็จับได้ว่ามันผิดสังเกต

จากที่เป็นเสียงเคาะประตูหนึ่งครั้ง มันก็กลายเป็นเคาะประตูต่อเนื่อง

และเคาะเหล่านั้นก็ดังไปรอบห้อง รอบผนังหน้าต่าง ก็มีเสียงเคาะปริศนาที่ฉันไม่รู้ว่ามาจากไหนดังก้องกังวานไปทั่วทิศ 

ฉันรีบถอยหลังออกห่างจากประตู แต่ก็ไม่รู้ว่าฉันจะไปซ่อนตัวที่ไหนได้ ฉันจึงเลือกมายืนแผ่นหลังแนบติดกระดานไวท์บอร์ด ความหวาดกลัวทั้งหมดทั้งมวลที่ฉันมีสั่งให้ฉันยกมือขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้างตัวเอง ฉันปิดตาหนีเพราะฉันไม่อยากเห็นภาพน่ากลัวที่มันอาจจะโผล่ให้ฉันเห็น ตัวฉันสั่นเทิ้มพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา

ฉันไม่น่ามาที่นี่เลย

ฉันกลัว ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว 

ใครก็ได้ ช่วยฉันที

จู่ ๆ ความรู้สึกของบางอย่างกอบกุมที่มือทั้งสองข้างของฉัน มันเป็นมือของใครคนหนึ่งที่กำลังทาบทับหลังมือที่กำลังปิดหูของฉันอย่างอ่อนโยน ฉันไม่กล้าลืมตาขึ้นมา แต่ฉันก็รู้สึกได้ว่าตรงหน้าฉันมีร่างของใครบางคนที่ยืนอยู่ใกล้ฉันมาก มากเสียจนฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่จะลืมตาขึ้น แล้วเงยหน้าขึ้นมามองให้เห็นชัด

"ไม่เป็นไรนะ"

ทั้งห้องเรียนเงียบงัน มีเพียงแค่เสียงของเขาเท่านั้นที่ฉันได้ยินอย่างชัดเจน

เขาละมือตัวเองออกจากหลังมือของฉันลง และสายตาของเขาก็ยังคงจ้องมองมาที่ฉัน ไม่หันไปทางอื่น

"..."

"..."

ฉันควรพูดว่าไงดีนะ สวัสดี? สบายดีมั้ย? เป็นยังไงบ้าง? หรือให้ขอบคุณเรื่องเมื่อกี้?

"คือ..."

"..."

"คือว่า..."

"..."

"เราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่?"

...

ไอ้บ้าเอ๊ยยยย พูดออกไปแล้ว!

ฉันกรีดร้องอยู่ในใจเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป มีอย่างที่ไหนกับคำถามแบบนี้ ฉันก็ไม่รู้ตัวว่าเป็นบ้าอะไรนะ หรือว่าฉันยังไม่หายกลัวจากเหตุการณ์เมื่อกี้อยู่ ดูสิ ใบหน้าฉันยังเลอะคราบน้ำตาอยู่เลย แถมฉันยังคงสะอื้นเล็ก ๆ อีก

เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง และดูเหมือนว่าเขากำลังจะเอ่ยปากบอกฉัน 

แต่ว่า...

"แม่?" เสียงแจ้งเตือนสายโทรศัพท์เขาดังขึ้นจนทำให้ฉันต้องหยิบออกมาดู แต่ไม่ทันที่ฉันจะได้กดรับ แม่ก็ดันวางสายใส่ฉันซะก่อน 

"ไม่มีอะไรหรอก แม่โทรมา..."

ฉันเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะไปบอกกับผู้ชายผมขาวคนนั้น แต่ว่าภาพตรงหน้าที่ฉันเห็นคือความว่างเปล่า ฉันพยายามสอดส่องสายตามองรอบห้อง แต่ก็มีเพียงแค่ฉันที่ยืนอยู่ตรงนี้

แน่นอนว่าฉันเสียดาย... ที่เราไม่ได้พูดคุยให้นานกว่านี้

"ถ้าเราได้เจอกันอีกครั้ง... ฉันจะดีใจมาก ๆ เลยนะ"

ฉันพูดออกมาโดยที่หวังว่าเขาจะได้ยินชัดเจน 

เมื่อฉันมองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง ฉันจึงตัดสินใจที่เดินกลับออกไปจากห้องเรียนนี่ ฉันลองเปิดประตูบานเดิมอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่ามันเปิดออกไปได้ ฉันจึงรีบพาตัวเองออกไปทันที ก่อนจะปิดประตู ฉันลองกวาดมองในห้องเรียนเป็นครั้งสุดท้าย แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะอยู่ในห้องเรียนเลย

รู้งี้ฉันน่าจะถามชื่อของเขาด้วยดีกว่า 

ถ้าเราได้เจอกันอีกครั้งก็คงดี

 

 

Talk :

ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ เพราะเราเผลอดองเรื่องนี้ไว้นั่นเองงง #โดนทุบ

น้องอิมได้เจอผู้ชายคนนั้นแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ชื่อสักที 55555

เป็นกำลังให้อิมด้วยนะคะ :D

Charming_Synthier