3 ตอน 3. ผลลัพธ์ที่ได้กลับคืน
โดย Charming_Zynthier
"มึง... กูขอโทษ"
ซวย... บอกได้คำเดียวว่าซวย
"ไม่เป็นไร"
"แต่โทรศัพท์มึงหายนะอิม มันเป็นความผิดกูดิ ถ้ากูไม่ขอให้มึงตั้งกล้องถ่ายแล้วไปที่อื่น มันก็ไม่หายไง"
"เออ ไม่เป็นไรหรอก กูไม่โกรธอะไรแล้ว"
ฉันตบบ่าปลอบนุ่นที่ใกล้จะเบะปากร้องไห้อยู่รอมร่อ เพราะเรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้น นุ่นยังคงเอ่ยปากขอโทษฉันไม่มีหยุด
โทรศัพท์...มันหายไป
ฉันก็ไม่รู้ว่ามันหายไปได้ยังไง แต่ทันทีที่ฉันเปิดประตูแล้วเข้าไปข้างในที่จุดเดิมที่ฉันเคยวางโทรศัพท์ ก็พบว่ามันไม่มีอยู่อีกแล้ว เหลือเพียงแค่กล่องเก่า ๆ กล่องเดิมที่ฉันเคยหยิบขึ้นมาเป็นที่ตั้งพิงโทรศัพท์ มันยังคงอยู่ที่เดิม ไม่มีร่องรอยการจับต้องหรือขยับเขยื้อน ยอมรับว่าวินาทีแรกที่ได้เห็น ใจฉันหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม ฉันกับนุ่นพยายามค้นหาทุกซอกทุกมุม ใต้โต๊ะเรียนของทุกห้องในชั้นเดียวกัน แต่ก็ไม่เจอโทรศัพท์ของฉันแม้แต่เครื่องเดียว
ตอนเย็นของเมื่อวาน เรากลับบ้านไปด้วยความว่างเปล่าและผิดหวัง
โชคดีที่บ้านมีโน้ตบุ๊ก ฉันจึงพูดคุยกับคนอื่น ๆ และตามงานต่าง ๆ ที่อยู่ในแชทกลุ่มของห้องเรียนได้ นุ่นส่งข้อความขอโทษมายาวเหยียด พร้อมทั้งบอกฉันว่าเก้ามีโทรศัพท์อยู่เครื่องหนึ่งที่ยังใช้ได้อยู่ เขาจะเอามาให้ฉันใช้ไปก่อน สเปกเครื่องแตกต่างจากเครื่องเดิมที่ฉันเคยใช้เป็นอย่างมากเพราะตกรุ่นไปเป็นปี แต่ฉันไม่ถือสาอะไรมาก แค่ใช้โทรเข้า-ออก เข้าเฟสบุ๊ก เล่นทวิตเตอร์ ใช้กูเกิลค้นหาข้อมูลได้ฉันก็ถือว่าโอเคแล้ว แต่ก็นะ ช่วงเวลาที่ไม่มีโทรศัพท์ติดตัวมันก็พานทำให้เหงาพักใหญ่ไปเลย
แถมฉันก็ต้องโกหกคนที่บ้านไปว่าฉันเปลี่ยนซิมใช้เบอร์ใหม่ ดังนั้น คนที่บ้านจึงเมมเบอร์ของโทรศัพท์จำเป็นเครื่องนี้ไปก่อน ฉันก็โทรไปบอกทันทีที่เก้าเอาโทรศัพท์ที่เครื่องเก่าของเขามาให้ฉันนั่นแหละ
แน่นอนว่าเก้าก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดแล้วด้วย
"พวกมึง... ว่างนักเหรอ ถึงได้เล่นอะไรแบบนี้"
มันไม่ใช่ประโยคด่า แต่ถ้าออกมาจากปากของผู้ชายหน้าคมผิวเข้มใส่แว่นที่มีชื่อเล่นว่าเก้า มันก็จะกลายเป็นมีดคมที่พุ่งปักใส่อกคนฟังไปทุกราย ฉันกับนุ่นที่เถียงอะไรกลับไปไม่ได้ ก็เลือกที่จะสงบปากสงบคำแล้วฟังไอ้เก้าเทศนาไปแทน
"ดีนะ ที่กูยังเก็บเครื่องเก่าไว้ ถ้ามึงขอช้าไปหนึ่งวัน กูได้ยกให้หลานแทน"
นุ่นที่เป็นคนเอ่ยขอกับเก้าเมื่อคืนก็ทำปากบ่นงึมงำไม่ได้ศัพท์ มันก็อดที่จะบ่นไม่ได้สำหรับนุ่น สองคนนี้ตีกันบ่อยจะตาย ฉันที่เป็นคนกลางก็ได้แต่คอมห้ามคอยปรามพวกมันทั้งคู่ หรือไม่ก็ปล่อยให้ด่ากันไปเลย ขี้เกียจห้าม แต่ก็ตลก แล้วทำไมสองคนนี้ยังคงนั่งเรียนติดกันได้
"เมื่อวานลงไปข้างล่างตอนกี่โมงนะ" เก้าเอ่ยถามขึ้นมา หลังจากที่ห้องเรียนยังไม่มีวี่แววว่าจะมีอาจารย์วิชาถัดไปเข้ามาสอน
"ตอนสี่โมงกว่า ๆ นั่นแหละ พอห้าโมงก็ขึ้นมาอีกที"
ฉันเป็นคนบอกความจริงกับเก้าไป เขาถอนหายใจออกมา พลางหยิบสมุดวิชาถัดไปขึ้นมาตั้งบนโต๊ะ แต่มันกลับหยุดมือที่กำลังจับปากกาแล้วเงยหน้าขึ้นมาคุยกับฉัน
"ลองไปถามลุงเสกรึยัง?"
ลุงเสกคือลุงภารโรงประจำโรงเรียนของเรา คนที่คอยตรวจตราความเรียบร้อยภายในโรงเรียนและคอยล็อกประตูทุกบานทุกห้องเรียนตอนเย็นอย่างที่ฉันเคยบอกไปนั่นแหละ
เก้าคิดเหมือนกันกับฉันเลย แต่ฉันก็ถามลุงเสกไปแล้วเรียบร้อย
"ลุงเสกไม่เห็นโทรศัพท์สักเครื่อง เขาบอกมาแบบนี้นะ"
ตอนที่ฉันไปถาม ฉันอธิบายทั้งขนาด ยี่ห้อ สีของเครื่อง แม้แต่รอยแตกเล็ก ๆ ที่หัวมุมโทรศัพท์ ฉันก็บอกลุงเสกไป แต่ลุงก็ไม่รู้ไม่เห็นอะไรสักอย่าง ฉันก็ได้แค่คอตกกลับมานั่งซึมที่ห้องเรียน จนกระทั่งเก้ามาที่ห้องแล้วเอาโทรศัพท์เครื่องเก่าของเขามาให้ฉัน
"กล้องวงจรปิดห้องนี้ก็เสีย..."
ทันทีที่เก้าพูดถึงกล้องวงจรปิด ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองกล้องวงจรปิดตัวหนึ่งที่ติดอยู่ฝั่งมุมห้องสูง มันติดอยู่แบบนั้นก็จริง แต่ถ้าสังเกตให้ดี มันพัง ใช้งานไม่ได้ ซึ่งฉันก็ถามรุ่นพี่นะว่าทำไมโรงเรียนถึงไม่จัดการ และฉันก็ได้คำตอบกลับมาว่าขนาดเด็กขอเงินมาซ่อมพัดลมเพดานที่ห้องเรียน โรงเรียนก็ยังไม่ให้ นับประสาอะไรกับกล้องวงจรปิด ดังนั้น มันก็ติดตั้งแบบหลอก ๆ แบบนั้นมาหลายปีแล้ว
แต่มันก็กลายเป็นสวรรค์สำหรับเด็กที่ชอบความส่วนตัวนะ แบบว่าพวกเขาชอบทำอะไรที่มันค่อนข้างขัดกับกฎระเบียบของโรงเรียน คงเข้าใจกันเนอะ
"ก็ไม่อยากพูดดับความหวังนะ แต่ดูท่าจะได้คืนยาก" เก้าเปิดสมุดของตัวเองแล้วเขียนวันที่ "อาจารย์ธีภพรู้เรื่องนี้รึยัง?"
"มึงก็รู้ว่าอาจารย์ธีภพเป็นคนยังไง บ่นหูชาตายห่า เดี๋ยวอาจารย์ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปทั่วโรงเรียนขึ้นมาจะทำยังไง" เป็นนุ่นที่ตอบคำถามนั้น และแน่นอนว่าฉันเห็นด้วยกับที่นุ่นพูด เรื่องนี้มันเริ่มต้นที่ฉันวางโทรศัพท์ทิ้งไว้เอง วางทิ้งไว้หลายนาทีแบบนั้นมันก็มีโอกาสที่จะหายได้ อาจารย์ธีภพก็แสนจะเข้มงวดกับห้องเราเหลือเกิน ฉันได้รู้จักกับอาจารย์ธีภพเพียงสัปดาห์เท่านั้น ฉันจึงรับรู้ได้ทันทีว่าถ้าเกิดเรื่องโทรศัพท์ของฉันหายไป มันจะโด่งดังจนฉันไปที่ไหนในโรงเรียนก็มีแต่คนมอง
ดังนั้น ฉันจึงอยากจัดการเรื่องนี้แบบเงียบ ๆ น่ะ ฉันไม่อยากให้เรื่องราวมันตีแผ่เป็นวงกว้างจนควบคุมไม่ได้
"แล้วทีนี้จะทำยังไง?"
ถ้าเก้าถามฉันแบบนี้ ก็แปลว่ามันจนใจไม่ต่างกัน เรื่องแบบนี้มันจับมือใครดมหาไม่ได้ ไร้หลักฐาน ไร้พยานบอกกล่าว
ก็คงได้แต่...
"ทำใจแหละ กูคงไม่ได้คืนแล้ว ขอบคุณนะมึงที่ให้ยืมโทรศัพท์ เดี๋ยวกูขอเก็บเงินสักพักแล้วจะรีบซื้อเครื่องใหม่ ส่วนเครื่องนี้ก็คืนมึงกลับ"
เก้าพยักหน้ารับคำให้กับฉัน ส่วนนุ่นก็ยื่นมือของมันเองมากอบกุมมือของฉันและทำหน้ารู้สึกผิด ฉันยิ้มกว้างให้เพื่อที่บอกว่าฉันไม่เป็นไร ไม่นานนักอาจารย์ก็เข้ามาในห้องพอดี ฉันจึงหันหน้าตัวเองไปทางกระดานพร้อมเตรียมสมุดกับอุปกรณ์ไว้ข้างตัวเพื่อที่จะจดบันทึกตามที่ได้เรียนต่อไป
ฉันก็ได้รับบทเรียน ว่าอย่าวางของมั่วซั่วไม่เป็นที่เป็นทาง ไม่งั้นคงได้มานั่งซึมคอตกเหมือนฉันในตอนนี้
คาบสุดท้ายของวันเป็นชั่วโมงว่างที่ไม่มีอาจารย์เข้าสอน นุ่นฟุบหน้านอนหลับที่โต๊ะ เก้าไปส่งงานกับอาจารย์ธีภพ ส่วนฉันกำลังนั่งวาดรูปโง่ ๆ ลงในสมุดด้านหลังของตัวเองที่โต๊ะเรียนตัวเดิมหลังห้อง ฉันวาดนั่นวาดนี่ไปเรื่อยเปื่อยตามที่ใจอยากวาด แต่ทว่าก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมา ทำให้ฉันละความสนใจจากรูปที่กำลังวาดอยู่
"อิม มานี่หน่อย"
เป็นไอ้เก้าที่เรียกฉันจากฝั่งประตูหลังห้อง
"มีอะไร?"
ฉันเอ่ยถามออกไป แต่มันยังคงกวักมือเรียกฉันเหมือนเดิม ฉันจึงตัดสินใจเก็บสมุดกับดินสอไว้ใต้โต๊ะ ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้แล้วเดินตรงไปหาพร้อมกับคำถาม
"มีอะไรวะ?"
"ตามมาก่อน ถึงแล้วค่อยพูด"
ฉันไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง แต่ฉันก็ต้องเดินตามหลังมันไปอย่างว่าง่าย มันไม่ได้พาฉันไปไหนไกล กลับพาฉันไปที่โรงอาหารที่ชั้นล่างสุดของอาคาร ฉันเห็นร่างของอาจารย์ธีภพนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวแรกของแถว อาจารย์กำลังนั่งคุยโทรศัพท์พร้อมมีเอกสารบางอย่างอยู่ในมือ เมื่อพวกเราสองคนมาถึงที่ เขาเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมบอกลาปลายสายที่สนทนาอยู่ด้วยกัน
"มาแล้วเหรอ?"
"สวัสดีค่ะ" ฉันยกมือไหว้อาจารย์ เขาพยักหน้ารับพร้อมบอกให้เรานั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย อาจารย์ธีภพก็เริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาทันที
"เธอทำโทรศัพท์หายใช่มั้ย ชวาลา?"
"คะ?"
เมื่อกี้... ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย?
ฉันหันไปมองหน้าไอ้เก้า แต่ไอ้เก้าส่งสายตาให้ฉันพูดคุยกับอาจารย์ธีภพก่อน
"ค่ะ... เมื่อวานหนูทำโทรศัพท์หาย"
"แล้วทำหายยังไง?"
"ก็เมื่อวาน..." ฉันกลัวสายตาของอาจารย์ธีภพจัง... "หนูตั้งกล้องถ่ายวิดีโอไว้ ตรงที่วางรองเท้าค่ะ"
"..."
"..."
อาจารย์ธีภพถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะล้วงหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เมื่อเขาหยิบสิ่งของชิ้นนั้นขึ้นมาให้ดู ความประหลาดใจปนความดีใจก็เอ่อล้นจนทำให้ฉันเบิกตากว้างเท่าไข่ห่าน
"อาจารย์คะ นั่นโทรศัพท์หนู"
เครื่องเดิมที่ฉันเคยใช้ตลอดมา สีเดิม รอยร้าวเดิม ยี่ห้อเดิม เหมือนเดิมทุกอย่าง!
"เครื่องนี้ใช่มั้ยที่เธอทำหาย?" อาจารย์ถือโทรศัพท์ของฉันขึ้นมาให้เห็นกับตา "นี่ถ้าทินกรเพื่อนเธอไม่เห็นภาพหน้าจอนี่ เขาก็คงไม่รู้ว่ามันเป็นของเธอหรอกนะชวาลา และถ้าเกิดครูไม่เข้าไปตรวจห้องก่อนกลับเมื่อวาน โทรศัพท์ของเธอได้หายจริง ๆ แน่"
ฉันหันไปมองไอ้เก้าอีกครั้ง ส่งสายตาคำว่าขอบคุณไปให้อย่างจริงใจ ก็นะ เมนของฉันบนภาพหน้าจอนั่นก็หล่อโดดเด่นจนถึงขนาดไอ้เก้าจำได้ดีเลยนะเนี่ย สุดยอด!
"แล้วเธอจะถ่ายวิดีโอห้องเรียนตอนเย็นไปทำไม?" อาจารย์ธีภพยังไม่ยอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันแต่โดยดี
"หนูถ่ายเก็บไว้เฉย ๆ น่ะค่ะ หนูมีความคิดขึ้นมาเล่น ๆ ว่าจะถ่ายวิดีโอลงยูทูปอะไรแบบนี้ค่ะ..."
นี่อาจารย์เห็นวิดีโอนั่นด้วยเหรอ? ก็แปลว่าต้องมีหน้าอาจารย์โผล่ไปในเฟรมด้วยน่ะสิ?! มันค่อนข้างรู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อยที่จะมีอาจารย์ธีภพติดอยู่ในวิดีโอด้วย แต่ก่อนที่ฉันจะรู้สึกแปลก ฉันควรกลับไปเช็คด้วยว่าวิดีโอเมื่อวานยังอยู่ดีมั้ย?!
"อาจารย์คะ คือ..."
"อะไรชวาลา?"
"อาจารย์ได้กดบันทึกวิดีโอให้หนูด้วย...รึเปล่าคะ?"
ฉันถามอาจารย์เสียงอ่อน เขาที่เอาแต่มองหน้าฉันมันพานทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองหดเล็กจนติดเก้าอี้ ก็วิดีโอนั่นมันสำคัญกับฉันนี่นา ถ้าเกิดอาจารย์หยิบขึ้นมาแล้วกดออกโดยที่ไม่บันทึกวิดีโอให้ฉันด้วย ฉันคง... รู้สึกเสียดาย
แต่ถามว่าให้กลับไปทำแบบเดิมอีกมั้ย ก็คงไม่ทำแล้ว...
"อืม"
"..."
"กดให้แล้ว"
"ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ!"
ฉันดีใจจนอดที่จะยิ้มไม่ได้ ฉันยกไหว้ขอบคุณอาจารย์ธีภพอย่างสุดซึ้งพร้อมกับรับโทรศัพท์สุดรักสุดหวงกลับคืนมาดังเดิม จากนั้นฉันกับไอ้เก้าก็ขอแยกตัวจากอาจารย์ ระหว่างฉันก็ก้าวเดินด้วยอารมณ์ที่ดีจนแทบจะหมุนตัวตอนที่เดินไปด้วย ผิดกับไอ้เก้าที่หน้านิ่งเงียบไม่พูดไม่จา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของฉันเปลี่ยนไปเลยสักนิด
"อย่าลืมคืนโทรศัพท์ด้วย"
"กลับไปห้องเดี๋ยวคืนให้"
"ทีหลังอย่าสะเพร่าวางของแบบนั้นอีก"
"รู้แล้วน่า"
มันด่าฉันรึเปล่านะ แต่ช่างเหอะ เพราะตอนนี้ออดแจ้งเตือนเวลาเลิกเรียนดังพอดี ฉันจะได้กลับบ้านไปดูวิดีโอที่ถ่ายไว้เมื่อวานสักที
ฉันอยากรู้ ว่า 'เขา' จะโผล่ออกมาให้กล้องถ่ายติดมั้ยนะ?
เวลาหนึ่งทุ่มหลังจากที่ฉันอาบน้ำกินข้าวเสร็จ ฉันก็รีบวิ่งเข้าห้องนอนของตัวเองทันทีโดยไม่พูดจากับใครก่อนทั้งนั้น แม้แต่กองงานกองการบ้านที่ต้องทำส่งพรุ่งนี้ ฉันก็ปัดพวกมันให้ไปอยู่ไกล ๆ เพราะว่ามีเรื่องสำคัญกว่าที่ฉันต้องทำน่ะสิ!
ไฟในห้องนอนถูกปิด เหลือแต่โคมไฟที่อยู่บนโต๊ะยังคงเปิด ฉันทิ้งตัวเองลงนอนบนเตียงนุ่มพร้อมเปิดวิดีโอล่าสุดที่ฉันลงทุนตั้งกล้องถ่าย ทำหาย แล้วได้คืนมาอีกครั้งในอีกวัน ฉันกดเล่นวิดีโอและรอดูอย่างใจจดใจจ่อ ต่อให้วิดีโอนี้มีความยาว 30 นาทีกว่า ๆ ฉันก็จะจับตาดูแบบไม่ละสายตาไปทางไหนเด็ดขาด!
ทุกอย่างภายในห้องที่ถูกถ่ายก็ไม่มีความเคลื่อนไหวไปพักใหญ่ นอกจากแสงแดดที่เปลี่ยนทิศทาง แมลงตัวเล็ก ๆ ที่บินโฉบผ่านหน้ากล้อง แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็เปิดตาค้างดูวิดีโอนี่ไปเรื่อย ฉันจะไม่กรอวิดีโอเด็ดขาด เพราะฉันไม่อยากพลาดทุกวินาทีที่ 'เขา' อาจจะโผล่เข้ามาในกล้องได้ทุกเมื่อ
และแล้ว มันก็มีบางอย่างเกิดขึ้น ในนาทีที่ 22.02 นาที
โทรศัพท์ที่ฉันตั้งซ่อนไว้ที่เดิมแต่แรกถูกขยับเขยื้อน แล้วกลายเป็นจอดำ ฉันเผลอตกใจนึกว่าโทรศัพท์ของฉันมันค้าง แต่พอฉันเอานิ้วแตะหน้าจอ มันก็ขึ้นแถบว่าวิดีโอนี้กำลังเล่นอยู่ มันทำให้ฉันขนลุกเป็นบ้า แต่ฉันก็ยังอยากที่จะดูวิดีโอนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
ไม่นานนักโทรศัพท์ก็ถูกหยิบขึ้นมา ในวิดีโอก็แสดงเป็นภาพของกล่องเก่าที่ฉันมาตั้งเป็นที่พิงและซ่อนโทรศัพท์ ในตอนแรกฉันไม่เห็นว่าใครเป็นคนหยิบไป เพราะมันคงถูกหยิบมาจากมุมอับของกล้อง
กล้องยังคงถ่ายแช่กล่องเก่านั่นไว้อยู่นาน ไม่มีท่าทีว่า 'ใคร' ก็ตามที่ถือโทรศัพท์ของฉันจะขยับหรือเปลี่ยนฝั่งกล้อง จนใจของฉันเริ่มลังเลว่าจะกรอวิดีโอดีหรือไม่
แต่ทันทีที่ความคิดนั้นภายในหัวของฉันหยุดลง มุมของกล้องก็ถูกเปลี่ยนฝั่งอย่างทุลักทุเล ภาพในวิดีโอสั่นแต่ยังคงพอรับได้ และเมื่อภาพวิดีโอกลับมานิ่ง ฉันก็ได้รับรู้สักทีว่ามันเกิดอะไรกับโทรศัพท์เครื่องนี้กันแน่
ผมสีขาว กับดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล สองสิ่งเหล่านี้มันทำให้ฉันจำ 'เขา' ได้ดี
และเมื่อกล้องถูกถ่ายใกล้ ๆ ใบหน้าของเขา มันทำให้ฉันแทบที่จะหยุดหายใจ
งดงาม... ฉันใช้คำนี้ได้รึเปล่านะ?
ถ้าเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเทพบุตรฉันก็จะไม่แปลกใจเลย
รู้ตัวอีกทีที่มือไปไวกว่าสมอง ฉันก็เผลอกดบันทึกภาพหน้าจอที่มีรูปของเขาไปเรียบร้อยแล้ว
ฉันกดหยุดวิดีโอตรงเวลาที่หยุดให้เห็นหน้าของผู้ชายคนนี้ชัด ๆ สายตาของเขาราวกับสงสัยว่าที่กำลังมองอยู่นี้มันคืออะไร แม้ว่าเขาจะทำหน้านิ่งหน้าตายก็เถอะนะ แต่ดวงตาของเขามันช่าง... ฉันละสายตาไปไม่ได้เลย
หลงใหล... ฉันคงเป็นบ้าไปแล้ว
ฉันกรอกวิดีโอในช่วงเวลาเดิมซ้ำ ๆ เพียงเพื่อที่จะดูใบหน้าที่งดงามของผู้ชายคนนี้เพียงคนเดียว ฉันอาจดูเหมือนคนโรคจิต แต่ฉันไม่สนแล้วว่าจะดูตอนจบของวิดีโอด้วยหรือไม่ ฉันไม่สนว่าจะมีอาจารย์ธีภพเข้ามาติดในเฟรมด้วยรึเปล่า สิ่งที่ฉันสนใจและหลงใหล มีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
ฉันหลับตานอนโดยที่ยังเปิดภาพของเขาค้างไว้อยู่
Talk :
อิมคงแบบ ได้แต่งกลอนชมโฉมแน่นอน เปรียบเทียบซะเป็นเทพบุตรเลย 555555
ว่าแต่ ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่าอะไรเนี่ย เขียนมา 3 ตอนแล้วยังไม่มีชื่อเรียกเลย ?
แต่ตอนนี้คืออิมคงนอนหลับฝันดีไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ?
Charming_Synthier
Comments (0)