#FlyByNightBZ

::::::::

 

 

“อยาก…?”

เจ้าของนิ้วเรียวเอ่ยทวนคำ ปลายนิ้วนั้นลูบรอยแยกมุมปาก กดย้ำกลีบอิ่มสีสวย พลางตั้งใจฟัง

กลีบนุ่มกดจุมพิตลงบนปลายนิ้วเย็นนั้น ก่อนเอ่ยเชื่องช้า

“อยาก… เห็นหน้า..ของท่าน”

“เหตุผลล่ะ”

อูริเอลถามต่อ ตรงนี้เอง..ที่เขาแตกต่างจากลูซิเฟอร์ผู้เป็นพี่

เขาชอบฟังคำขอร้อง อ้อนวอน หรือความปรารถนาของคนอื่น แต่จะตอบสนองหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ส่วนพี่ชายนั้นหรือ เขาไม่ได้สนใจฟังแม้แต่เสียงคร่ำครวญด้วยซ้ำ เว้นเสียแต่เป็นสิ่งที่เขาอยากฟัง

“ขอเห็น… สักครั้ง …ก่อนตาย ด้วยมือท่าน”

แววตาคล้ายเลื่อนลอยค่อยปรากฏหยาดน้ำตาเอ่อคลอ ริมฝีปากอิ่มสั่นระริกดูน่าสงสาร

..ช่างน่าสนใจ..

ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นนิดเผยให้เห็นแววตาที่ฉายความพึงพอใจ

“ยังไม่ตายในเร็ววันหรอก แอสมุนด์”

กลีบปากสวยที่สั่นระริกช่างดูเย้ายวน อูริเอลกดหน้าลง..ลิ้มชิมรสชาติจุมพิตของมนุษย์

มันทั้งอุ่น ทั้งนุ่มนวล หอมหวานปานแอปเปิลอาบน้ำผึ้ง …คำเปรียบนี้คงสวยงาม ถ้าอยู่บนสวรรค์น่ะนะ

“คืนนี้..มาที่ห้องเราสิ”

ในพลัน แขนเรียวก็ยกขึ้นโอบรอบคอคนที่ก้มลงมาหา มือข้างหนึ่งปัดหมวกออกจากศีรษะ

...

ดวงตาเรียวคมลุกวาบเมื่อมนุษย์คนหนึ่งกล้าบังอาจทำให้เขาต้องเปิดเผยใบหน้า แม้ครึ่งหนึ่งจะถูกผมยาวปรกระลงมา ปิดบังไว้ เรียวปากที่แนบชิดกระหยิ่มยิ้ม

“เป็นอย่างไร ใบหน้าของเรา..ที่เจ้าอยากเห็น”

สองมือนุ่มเลื่อนมาประคองสองข้างแก้มอย่างนุ่มนวล..แต่กระชับมั่น ดวงตาคู่งามลืมเปิดขึ้น ไร้แววเลื่อนลอย หากเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดอันเย้ายวน

“…งดงามมาก”

...

นัยน์ตาคมฉายประกายวาววาบ ดวงตากลมใสสวยงามที่สบกันทำให้อูริเอลรู้สึกลุ่มหลง

“เจ้าเองก็..งดงาม แอสมุนด์”

ไม่เพียงแค่เอ่ยชม ริมฝีปากที่แนบแตะเริ่มบดย้ำคลอเคลีย ราวกับต้องการค่อยๆ ละเลียดชิมน้ำหวานจากดอกไม้แสนสวย

กลีบปากอิ่มเผยอรับอย่างว่าง่าย มือนุ่มข้างหนึ่งเลื่อนกลับขึ้นไปโอบรอบคอ …อีกข้างลูบไล้ไปตามสันกรามคม เลื่อนลงกดนาบไปตามแนวลำคอ

…ก่อนหยุดลง ที่จุดจุดหนึ่ง

...

“หึ... หาไม่เจอหรอก”

ราวกับแวมไพร์หนุ่มรู้ว่ามือบางนั้นลูบไปแถวลำคอเพื่อหาการเต้นของชีพจร อูริเอลกระซิบบอกความลับของตนอย่างไม่ยี่หระ

เขาไม่รอให้อีกฝ่ายตกใจหรือไถ่ถามอะไรต่อ เรียวลิ้นแทรกผ่านรอยแยกของกลีบปากนุ่ม ตักตวงลมหายใจอุ่นของร่างกายมนุษย์ และแลกเปลี่ยนไอเย็นไร้ชีวิตที่ชวนขนลุก

“หึ…”

คนด้านใต้หัวเราะแผ่วเบา ปล่อยให้อีกฝ่ายตักตวงตามใจอยากอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะผละออกเพื่อเคลื่อนจูบลงมาตามลำคอ ไปยังปลายนิ้วที่แตะค้างไว้…

อูริเอลปล่อยให้คนกล้าขยับตามใจบ้าง ฝ่ามือเย็นชืดเริ่มรุกล้ำแตะต้องผิวกายใต้เสื้อผ้า

กลีบปากนุ่มกดจูบลงบนผิว..ตำแหน่งเดียวกับปลายนิ้ว ก่อนจะค่อยๆ แย้มยิ้ม

…ปลายแหลมเล็กคู่หนึ่งค่อยเคลื่อนลง..พ้นแนวริมฝีปากอิ่ม

 

เป๊าะ!

เสียงดีดนิ้วดังขึ้น จนแวมไพร์หนุ่มที่กำลังมัวเมาในรสชาติของแอปเปิลหวานสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย

ม่านหมอกจางและกลิ่นดอกฝิ่นบางเบาพลันหายวับไป พร้อมกับร่างใต้อาณัติของอูริเอลทิ้งกายลงหลับใหลสิ้นสติ

 

“พี่…”

เขาหันขวับไปมองทางมุมห้องที่มีเงามืดร่างหนึ่งปรากฏกายขึ้นอย่างเงียบเชียบ

“…แดมเพียร์

ลูซิเฟอร์ที่ยืนมองน้องชายผู้กำลังสนุกกับกิจกรรมบนเตียงอยู่พักใหญ่พูดขึ้น ทำให้อูริเอลต้องหันมามองพินิจใบหน้าสวยอีกครั้ง

“…ก็น่าสนใจดีไม่ใช่หรือ”

น้องชายขยับยกยิ้มอย่างไม่ยี่หระพลางชวนให้พี่มาร่วมวง

“นายไปพักผ่อนก่อน รอกินพร้อมกันคืนนี้”

สีหน้าเรียบนิ่งของลูซิเฟอร์ไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา ลำแขนที่กอดอกคลายลง ร่างสูงหันกลับเข้าไปในเงามืดแล้วหายไป

...

อูริเอลยิ้มพลางถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ สายตาทอดมองร่างที่หลับใหลไปแล้วอย่างเสียดายอยู่นิดหน่อย

มือขาวซีดหยิบหมวกที่โดนคนสวยปัดออกมาสวมใส่ เขาไล้นิ้วอ้อยอิ่งบนแก้มใสอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดใจลุกไป อูริเอลเดินไปยังเตาผิงแล้ววางจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้ ก่อนจะกลับออกไปจากห้องพักของแขกพิเศษ

 

******

 

เวลาล่วงไปจนเข้ายามเย็น..กว่าที่ร่างบนเตียงกว้างจะฟื้นตื่นจากหลับใหล แอสมุนด์ลืมตาอย่างเชื่องช้า ในห้วงคิดพลันใคร่ครวญถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

…มีบางอย่างแปลกๆ

เขาไม่คิดว่าแวมไพร์หนุ่มที่ตอบรับกับ ‘นัยน์ตา’ ของเขาจนมัวเมาได้ที่ตนนั้น จะเปลี่ยนความตั้งใจปุบปับมาสะกดเขาให้หลับไปแทน

…นอกเสียจาก..เขาคาดการณ์ผิด

…ในบ้านหลังนี้ อาจไม่ได้มีแวมไพร์เพียงหนึ่ง

…น่าสนใจจัง

 

******

 

แอสมุนด์กลับเข้ามาในห้องพักอีกครั้ง หลังจากลงไปหาอะไรในครัวมาเติมเต็มกระเพาะให้คลายหิว เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ตั้งใจว่าจะแช่น้ำให้ผ่อนคลาย …และพร้อม..สำหรับคืนนี้

 

…เสื้อผ้า?

ในตู้ว่างเปล่า เสื้อผ้าของเขาหายไปหมด เหลือเพียงชุดสีเข้มไม่คุ้นตาที่พับไว้อย่างเรียบร้อยวางอยู่หนึ่งชุด

เมื่อหยิบออกมาคลี่ดูจึงพบว่า มันคือเสื้อคลุมนอนตัวใหม่สีดำ งดงามด้วยลายดอกลิลลี่สีขาวแบ่งบานกลีบ

ขาเรียวพาร่างเดินไปยังเตาผิง และพบกับจดหมายและแก้วไวน์ที่วางรออยู่แล้วดังคาด

เนื้อความในจดหมายมีอยู่ว่า

‘ข้อปฏิบัติเมื่อเสียงนาฬิกาบอกเวลา ยี่สิบสองนาฬิกา

ข้อแรก ให้คุณถือจอกเหล้าองุ่นนี้ออกจากห้อง ขึ้นไปยังชั้นสาม เดินตามทางไปยังห้องสุดทางเดินของปีกตะวันตก

ข้อสอง เคาะประตูห้องนั้นสองครั้ง แล้วขานชื่อของตัวเองออกมา

ข้อสาม เมื่อประตูเปิดออก ให้คุณนำจอกเหล้าองุ่นเข้าไปวางบนโต๊ะที่มีกระจกเงาบานเล็ก

ข้อสี่ สวมที่ปิดตา และกรุณานั่งรอสักครู่’

วันนี้ ยี่สิบสองนาฬิกา อย่างนั้นหรือ…

แอสมุนด์เหลือบมองนาฬิกา ยังพอมีเวลาให้เขาผ่อนคลายได้อีกพักใหญ่ แต่คำสั่งข้อแรกนี่สิที่น่าสนใจ

ห้องสุดทางเดินของปีกตะวันตก

ไม่ใช่..ห้องเดิม

ไม่ผิดแน่แล้ว… แวมไพร์ในบ้านหลังนี้ มีมากกว่าหนึ่งตนจริงๆ

ในสัญญาที่ตกลงไว้ บอกให้อยู่ที่นี่สามคืน… คงไม่ใช่ว่า...

คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างหนักใจน้อยๆ

…ถ้ามีเพียงหนึ่ง เขารับมือได้

…ถ้ามีสอง ก็ยังพอไหว

…แต่ถ้าสาม เขาไม่มั่นใจเลยว่า ถ้าโดนรุมเข้ามาพร้อมๆ กัน เขาจะยังสามารถเอาชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้อยู่รึเปล่า

ถึงจะเหนือมนุษย์ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นอมตะเสียหน่อย

 

 

******

 

น้ำในอ่างใหญ่อุ่นจนเกือบร้อน ควันเบาบางอวลไอจากน้ำมันหอมลอยเรี่ยปกคลุมผิวใสกระจ่าง ช่วงขาเรียวยาวก้าวย่าง พาตัวจ่อมจมลงกลางกระแสธารอบอุ่นอย่างช้าๆ

ครู่ใหญ่ ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีเข้มจึงผุดพ้นสายธารกลับขึ้นมา หยาดน้ำหยดไหล ทิ้งตัวร่วงหล่นจากปลายเส้นผมและคางมน

แผ่นหลังขาวกระจ่างท่ามกลางไอขาวมัว เรียบเนียน ไร้รอยตำหนิใด …เว้นเพียงรอยตราประทับสีแดงสดเหนือสะโพก

สัญลักษณ์วงกลม โอบล้อมเส้นคดเคี้ยวขดพันภายใน …และตัวอักษร

A S M O D A Y

ร่างงดงามหอมกรุ่นกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งในชุดนอนตัวยาวสีเข้มประดับด้วยดอกลิลลี่ขาวบริสุทธิ์ แอสมุนด์ชะงักเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านกระจกและเห็นดอกไม้งามประดับบนร่าง

พรหมจรรย์อะไรกัน คร่ำครึสิ้นดี…

นี่ถ้าไม่เพราะนายแวมไพร์ตัวแสบนั่นขโมยเสื้อผ้าของเขาไปหมด วันนี้เขาคงจะได้แหกกฎเป็นครั้งแรกอย่างแน่นอน

 

******

 

อีกห้านาทีจะยี่สิบสองนาฬิกา...

เท้าเล็กแตะลงบนพื้นทางเดินชั้นสาม แอสมุนด์เหลือบมองทางฝั่งตะวันออกที่มืดสนิทและเงียบสงัด ก่อนหมุนตัวก้าวเดินไปตามระเบียงมืดสลัวของปีกตะวันตก จนมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูบานสุดท้าย

มือเรียวยกขึ้น แล้วเคาะลงบนบานไม้นั้นอย่างเป็นจังหวะ

ก๊อก… ก๊อก…

“แอสมุนด์”

 

 

::::::::

#FlyByNightBZ

สาระวันนี้

1) แดมเพียร์ (Dhampir) คือสิ่งมีชีวิตครึ่งมนุษย์ครึ่งแวมไพร์ เกิดจากแวมไพร์ชายเสพสมกับมนุษย์ผู้หญิงจนตั้งท้อง และให้กำเนิดแดมเพียร์ สามารถกินได้ทั้งอาหารปกติและเลือด มีข้อดีของทั้งสองเผ่าพันธุ์อยู่ในตัว เช่น ไม่ถูกเผาไหม้ใต้แสงอาทิตย์ มีพละกำลัง ประสาทสัมผัส และอายุยืนยาวเหนือมนุษย์ธรรมดาทั่วไป แม้จะไม่เทียบเท่าแวมไพร์ก็ตาม

2) ลิลลี่สีขาว คือสัญลักษณ์ของหญิงสาวพรหมจรรย์