#FlyByNightBZ

::::::::

 

 

ร่างบางบนเตียงค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นช้าๆ ดวงตาคู่งามกะพริบปริบก่อนที่แขนเรียวจะยันตัวเองขึ้นมานั่ง

เขากลับมาอยู่ในห้องตัวเองแล้ว…

รอบตัวยังคงมืดสนิทไม่บ่งบอกช่วงเวลา แอสมุนด์มองไปทางนาฬิกาโบราณแล้วจึงรู้ว่าที่จริงนั้นใกล้เที่ยงวันแล้ว เขาค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดม่านออก ให้แสงสว่างภายนอกสาดส่องเข้ามาภายในห้องจนสว่างไสว

ขอเวลาส่วนตัวหน่อยนะ… ก็แค่เผื่อๆ ไว้น่ะ…

เขายกยิ้มมุมปากกับความคิดตนเอง ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

แอสมุนด์กลับออกมาอีกครั้งในเสื้อผ้าชุดใหม่ เขาเดินไปรินน้ำดื่มถึงสองแก้วใหญ่ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ดวงตาคู่งามเหลือบมองผลไม้ในถาดทองเหลือง ก่อนจะเลือกหยิบผลมะเดื่อสุกขึ้นมากัดคำใหญ่ รสชาติหวานฉ่ำปนฝาดนิดๆ ทำให้สดชื่นขึ้นมาไม่น้อย

เขาเดินไปหยุดยืนหน้าเตาผิง บนชั้นว่างเปล่า…ไม่มีแก้ว ไม่มีจดหมายฉบับใหม่ ดวงตามองเงาสะท้อนภาพตนในกระจกที่แขวนอยู่ด้านบนนิ่ง…

หันซ้าย… หันขวา… บิดเอียงไปมาช้าๆ ก่อนจะยักไหล่นิดๆ ผลมะเดื่อในมือถูกยกขึ้นกัดกินต่อ หยาดน้ำสีแดงใสไหลอาบลงมาที่ข้อมือ…

ลิ้นเล็กไล้เลียหยดหยาดหวานอร่อย กวาดเก็บทุกสายอย่างเชื่องช้า..จนผิวสะอาดหมดจด

เฮ้อ… หิวจัง

แอสมุนด์มองผลมะเดื่อบุบบี้ที่เหลือในมือก่อนจะโยนทิ้งลงในถังขยะ มือเรียวหยิบทิชชูขึ้นมาไล่เช็ดอย่างช้าๆ จนเรียบร้อย แล้วจึงออกจากห้องไป

ผลไม้..ก็เป็นแค่ผลไม้ …มนุษย์ต่างหากที่เป็นผู้เลือก ว่าจะเอื้อมมือ..ไปเด็ดมันลงมากินหรือไม่…

แอสมุนด์เดินสำรวจไปช้าๆ ทีละห้องจนครบทั้งสองฝั่งของชั้นสอง ทุกห้องล้วนเป็นห้องว่างไร้ผู้อยู่อาศัย เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกคลุมไว้ด้วยผ้ากันฝุ่น ตามระเบียงทางเดินมีภาพวาดสีน้ำมันขนาดใหญ่แขวนประดับไว้เป็นระยะ แต่ทุกรูปล้วนสีซีดจาง ลายเส้นเลือนรางหายไปตามกาลเวลา พอบอกได้เพียงว่า เป็นภาพของบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ในชุดสูทโบราณที่ตัดเย็บอย่างดี บ้างก็ถือไม้เท้า บ้างก็ใส่หมวกปีกกว้าง แต่แยกแยะไม่ได้เลยว่าเป็นภาพของบุรุษกี่คนกันแน่

 

******

 

เสียงที่ดังขึ้นภายในคฤหาสน์สร้างความแปลกใจให้เจ้าบ้านทั้งสองเป็นอย่างมาก

เมื่อคืนนี้..ผู้ถูกเลือก โดนพวกเขาดื่มกินพร้อมๆ กัน แต่วันนี้..ยังมีเรี่ยวแรงลุกมาเดินเล่นภายในบ้านได้อีกหรือ

…หรือจะไม่ใช่?

“อูริเอล..ได้ยินรึเปล่า”

“ได้ยินสิ ไม่มีเสียงในบ้านเรามานานมากแล้วนี่”

“ไปดูให้ที..ว่าใช่แอสมุนด์รึเปล่า ถ้าไม่ใช่..ก็กำจัดซะ”

“รับทราบ”

อูริเอล บุรุษหนุ่มร่างสูงที่สวมหมวกปีกกว้างเคลื่อนกายเพียงพริบตาก็ลงมาอยู่บริเวณชั้นล่าง ทว่าเขาเพียงแฝงตัวอยู่ในมุมมืดมุมหนึ่งเพื่อสังเกตการณ์เท่านั้น

 

******

 

ร่างโปร่งเดินมาหยุดยืนที่หน้าบันได สายตาคมหลังแว่นตาเหลือบมองขึ้นไปยังชั้นสามแวบหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวก้าวลงไปชั้นล่างแทน

พักเติมพลังก่อนก็แล้วกัน…

พอเท้าแตะพื้นโถง แอสมุนด์หยุดยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าเชิดเงยขึ้นนิดๆ พลางหันซ้ายหันขวา ก่อนจะเลือกเดินเลี้ยวไปตามทาง..ที่อูริเอลรู้ว่าจะนำไปสู่ห้องรับประทานอาหาร

เรียวปากของร่างในเงามืดกระตุกยิ้ม มนุษย์ที่เขากับพี่ชายร่วมกันลิ้มชิมรสชาติเมื่อคืน ช่างมีสุขภาพแข็งแรงเปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิต..ถึงกับสามารถตื่นขึ้นตั้งแต่เที่ยงวันเพื่อมาหาอะไรกินได้ไหวเชียวนะนี่…

ไม่อยากจะเชื่อ..ดูไม่เป็นอะไรเลยสักนิด

‘ลูซิเฟอร์ แขกของเราลงมาหามื้อเช้ากินแน่ะ...’  อูริเอลแจ้งไปยังพี่ชายที่รอรับข่าวสารอยู่

‘งั้นหรือ ก็ดีสิ แสดงว่าแขกคนนี้..คงจะเป็นคนพิเศษ…’ เสียงของพี่ชายที่ตอบกลับมาดังขึ้นในห้วงคิด นี่เป็นการสื่อสารทางจิตที่พวกเขาใช้เมื่อไม่ต้องการให้บุคคลอื่นรับรู้

‘ต้องทำอะไรไหม’

‘ไม่ล่ะ เอาไว้คืนนี้แล้วกัน ดูแล้ว… ถึงพวกเราจะกินเยอะขึ้น ก็คงไม่ตายง่ายๆ หรอก’

เมื่อประโยคของลูซิเฟอร์จบลง เงามืดของอูริเอลก็ไหววูบหายไป มีเพียงลมบางเบาที่พัดผ่านจนผ้าม่านบริเวณที่ซ่อนตัวนั้นขยับเล็กน้อย

แอสมุนด์ชะงักไปนิดเมื่อได้ยินเสียงผ้าขยับไหว เขายืนนิ่ง ใบหน้าเชิดเงยหันไปทางนั้นทีทางนี้ที…ก่อนจะอมยิ้มมุมปากนิดๆ

"…"

ทุกอย่างเงียบสงบ ปราศจากเสียงใด คฤหาสน์หลังนี้เงียบมาก… แม้แต่เสียงนกจากภายนอกยังแทบไม่มี ทั้งที่รอบคฤหาสน์หลังนี้นั้นเต็มไปด้วยต้นไม้รายล้อมเขียวชอุ่ม

แต่นั่น..ก็ไม่ได้ผิดจากที่เขาคาดการณ์ไว้ ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้หรอก…

แอสมุนด์เดินต่อไปยังทางเดินด้านหลังและพบห้องครัวสมใจ เขาเดินสำรวจหาอาหารที่มีในห้องนั้น และพบว่าส่วนใหญ่มักเป็นอาหารแห้งที่เก็บไว้ได้นานหลายวันแม้จะไม่มีตู้เย็น 

ก็ไม่น่าแปลกใจ… เพราะของเหล่านี้..คงจะเตรียมไว้ให้แขกสินะ

ชายหนุ่มคิดในใจแล้วเลือกหยิบขนมปังข้าวสาลี ชีส และไวน์แดงออกมานั่งกินที่โต๊ะอาหารในห้องด้านหน้า

มือเรียวยกขนมปังขึ้นฉีกเป็นชิ้นพอดีคำ ตามด้วยชีสชิ้นเล็ก

อืม… แข็งไปหน่อย ฝืดคอจัง

ขนมปังชิ้นถัดไปถูกฉีกออก..ก่อนจุ่มลงในแก้วไวน์

สีแดงเข้มซึมซาบเข้า…เปลี่ยนสีขาวนวลให้เป็นสีแดงอมชมพู

เขาหยิบยกขึ้นมา มองหยดของเหลวสีโลหิตรวมตัวกันที่ปลายชิ้น ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น… ก่อนหยดกลับลงไปในแก้ว

ปากแย้มพรายยิ้มอ้าออก รับชิ้นขนมสีแดงชุ่มฉ่ำ แล้วกลืนกินเข้าไป…

กายาแลโลหิต… ชีวิตอันเป็นนิรันดร์

คำอธิษฐาน…ที่ใกล้จะเป็นจริง

Hail... Master.

 

******

 

หลังอิ่มหนำกับมื้ออาหารแรกของวันแล้ว แอสมุนด์ก็ทำสิ่งที่เขาหมายมั่นไว้ตั้งแต่เมื่อแรกตื่น

ขณะนี้… เขายืนอยู่ที่หน้าประตู..ของห้องสุดทางเดินของปีกตะวันออก..บนชั้นสาม

มือเรียวเอื้อมออกไป แตะลงบนด้ามจับโลหะสลักลวดลายอันเย็นเยียบ

กอบกุมกระชับมั่น..ก่อนหักข้อมือหมุนบิดลง

กึก…

เปิด…ไม่ได้

“อยากเข้าห้องฉันเหรอ”

เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นชิดริมหู ริมฝีปากหยักยิ้มของผู้พูดอยู่ใกล้เสียจนสัมผัสใบหูของผู้มาเยือน

ลูซิเฟอร์ปรากฏกายขึ้นด้านหลัง ฝ่ามือใหญ่อ้อมมาปิดบังดวงตาของแอสมุนด์ เรือนกายกำยำแนบชิดแผ่นหลังกับสะโพกมน

“สงสัยฉันคงจะลืมเขียนไว้ในจดหมาย ว่าให้ขึ้นชั้นสามได้แค่ตอนกลางคืน”

แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาบ่าย เพียงเสียงดีดนิ้วดังขึ้น ผ้าม่านผืนหนาทึบบนหน้าต่างทุกบานทั่วคฤหาสน์ก็ถูกมือที่มองไม่เห็นรูดปิดโดยพร้อมเพรียงกัน จนบรรยากาศภายในคฤหาสน์ตกอยู่ในความมืดอีกครั้ง

“…” ผู้บุกรุกชั้นสามหยุดนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ

“แล้ว ตอนนี้ ผมขึ้นมาแล้ว …คุณจะทำอะไรผม”

“อืม ยังไม่ถึงเวลาอาหารเสียด้วย..”

ลูซิเฟอร์เอ่ยเหมือนพึมพำกับตัวเองราวกับไม่ได้ตั้งใจฟังคำถาม

ปลายจมูกทรงสวยไล้ริมใบหู ใบหน้าหล่อเหลากดลง เกลี่ยไซ้ดอมดมกลิ่นกายหอมกรุ่นไปตามข้างลำคอขาวเนียน

“คืนนี้ค่อยขึ้นมาสิ..ฉันจะทิ้งจดหมายเชิญไว้ให้”

“ถ้าอย่างนั้น… เรามาทำอย่างอื่นรอ..ก่อนจะถึงเวลาอาหาร …ดีมั้ย”

คนในวงแขนเอ่ยถาม ก่อนขยับจะหมุนกาย…

 

ริมฝีปากบางแสยะยิ้ม ดูท่าว่าแขกรับเชิญคนนี้จะไม่เกรงกลัวสิ่งใดเอาเสียเลย

“ชู่ว…”

ลูซิเฟอร์ส่งเสียงเบาพร้อมขยับมือที่ปิดตาลง ทำให้คนอยากรู้อยากเห็นหมดสติลงชั่วขณะ

“อูริเอล…”

“น่าจะไม่ใช่คนธรรมดาแล้วล่ะ”

เงาดำในมุมมืดเผยกายออกมา แล้วเดินไปหาร่างสูงผู้เป็นพี่ชาย

อูริเอลชอบการละเล่น วิ่งไล่จับ และซ่อนหา… สีหน้าของผู้ถูกเลือกที่หวาดระแวงหรือตกใจกลัว คือสิ่งเขาถูกใจ

แต่กับชายหนุ่มหน้าสวยผู้นี้ อาจไม่มีวันแสดงสีหน้าเหล่านั้น แต่… ใช่ว่าจะไม่มีสีหน้าอื่นนี่…

“พากลับไปที่ห้องพักที”

เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาแววตาโหดร้ายแสนเย็นชาพูดขึ้นพลางส่งร่างที่หลับใหลให้น้องชายโอบอุ้ม

“คืนนี้ค่อยไปที่ห้องนาย”

“รับทราบ”

อูริเอลช้อนร่างโปร่งอุ้มไว้แนบอก ใบหน้าที่เหมือนกับผู้เป็นพี่ หากบางส่วนถูกหมวกปีกกว้างและผมยาวปิดบัง แต่ยังคงพอมองเห็นรอยยิ้มได้ สายตาไล้พินิจมองคนที่ตนพากลับลงมายังห้องพักแขก

เขาวางร่างสวยกลิ่นกายหอมหวานลงบนเตียงหลังกว้างแล้วหย่อนตัวลงนั่งเคียงข้าง เรียวนิ้วซีดขาวและเย็นชืดไล้ไปตามกรอบใบหน้าเล็ก ก่อนจะถอดแว่นที่เกะกะสายตาออกไปวางบนโต๊ะข้างเตียง

“แอสมุนด์...”

อูริเอลเอ่ยเรียกให้ร่างนั้นรู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกหน

เพื่อความสนุก เขาโบกมือผ่านหน้าของแอสมุนด์หนึ่งครั้ง พลันบรรยากาศขมุกขมัวก็แผ่ตัวลงมาปกคลุม กลิ่นดอกฝิ่นบางๆ คลุ้งอวลมอมเมาคนที่กำลังจะฟื้นตื่น

“…”

คนบนเตียงเริ่มรู้สึกตัว ดวงตาคู่งามกะพริบเชื่องช้า ก่อนเอียงหันมาทางร่างที่นั่งอยู่ด้านข้าง

“ท่าน…”

ริมฝีปากบางขยับยิ้ม เปลือกตาที่เปิดปรือทำให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลสวยงามหางตาชี้ขึ้นนิดๆ ราวกับดวงตากวาง อูริเอลชื่นชอบสิ่งสวยงาม และคนตรงหน้าก็สามารถใช้คำนิยามนั้นได้

“ตื่นแล้วหรือ”

สุ้มเสียงเช่นเดียวกันกับพี่ชายเอ่ยขึ้น ปลายนิ้วเย็นแตะพวงแก้มอุ่น ไล้ลงถึงจุดเล็กๆ น่าดึงดูดใต้กลีบปากล่าง

ริมฝีปากอิ่มสวยเผยออ้าเล็กน้อยเหมือนต้องการเอ่ยสิ่งใด ดวงตาปรือปรอยช้อนมองขึ้นยังใบหน้าเรียวคมภายใต้ปีกหมวก

“…อยาก”

 

 

::::::::

#FlyByNightBZ

สาระวันนี้

1) ผลมะเดื่อ มีความหมายเช่นเดียวกับผลแอปเปิล เชื่อว่าเป็นต้นไม้แห่งความตระหนักรู้ในสวนอีเดน

2) แผ่นปังข้าวสาลีและเหล้าองุ่น เป็นสัญลักษณ์แทนพระกายและพระโลหิตของพระเยซูในพิธีรับศีลมหาสนิท ในการเสกศีล บาทหลวงจะจุ่มแผ่นปังลงในเหล้าองุ่น

3) "Hail, master!" คือประโยคที่จูดาสเอ่ยทักทายพระเยซูคริสต์และจูบที่แก้ม เพื่อระบุตัวพระองค์แก่ทหารโรมันที่รอล้อมจับกุม