3 ตอน 3: ผลไม้แห่งอีเดน
โดย Black_Spades-MinervaM
#FlyByNightBZ
::::::::
ร่างบางบนเตียงค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นช้าๆ ดวงตาคู่งามกะพริบปริบก่อนที่แขนเรียวจะยันตัวเองขึ้นมานั่ง
เขากลับมาอยู่ในห้องตัวเองแล้ว…
รอบตัวยังคงมืดสนิทไม่บ่งบอกช่วงเวลา แอสมุนด์มองไปทางนาฬิกาโบราณแล้วจึงรู้ว่าที่จริงนั้นใกล้เที่ยงวันแล้ว เขาค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดม่านออก ให้แสงสว่างภายนอกสาดส่องเข้ามาภายในห้องจนสว่างไสว
ขอเวลาส่วนตัวหน่อยนะ… ก็แค่เผื่อๆ ไว้น่ะ…
เขายกยิ้มมุมปากกับความคิดตนเอง ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
…
แอสมุนด์กลับออกมาอีกครั้งในเสื้อผ้าชุดใหม่ เขาเดินไปรินน้ำดื่มถึงสองแก้วใหญ่ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ดวงตาคู่งามเหลือบมองผลไม้ในถาดทองเหลือง ก่อนจะเลือกหยิบผลมะเดื่อสุกขึ้นมากัดคำใหญ่ รสชาติหวานฉ่ำปนฝาดนิดๆ ทำให้สดชื่นขึ้นมาไม่น้อย
เขาเดินไปหยุดยืนหน้าเตาผิง บนชั้นว่างเปล่า…ไม่มีแก้ว ไม่มีจดหมายฉบับใหม่ ดวงตามองเงาสะท้อนภาพตนในกระจกที่แขวนอยู่ด้านบนนิ่ง…
หันซ้าย… หันขวา… บิดเอียงไปมาช้าๆ ก่อนจะยักไหล่นิดๆ ผลมะเดื่อในมือถูกยกขึ้นกัดกินต่อ หยาดน้ำสีแดงใสไหลอาบลงมาที่ข้อมือ…
ลิ้นเล็กไล้เลียหยดหยาดหวานอร่อย กวาดเก็บทุกสายอย่างเชื่องช้า..จนผิวสะอาดหมดจด
เฮ้อ… หิวจัง
แอสมุนด์มองผลมะเดื่อบุบบี้ที่เหลือในมือก่อนจะโยนทิ้งลงในถังขยะ มือเรียวหยิบทิชชูขึ้นมาไล่เช็ดอย่างช้าๆ จนเรียบร้อย แล้วจึงออกจากห้องไป
ผลไม้..ก็เป็นแค่ผลไม้ …มนุษย์ต่างหากที่เป็นผู้เลือก ว่าจะเอื้อมมือ..ไปเด็ดมันลงมากินหรือไม่…
…
แอสมุนด์เดินสำรวจไปช้าๆ ทีละห้องจนครบทั้งสองฝั่งของชั้นสอง ทุกห้องล้วนเป็นห้องว่างไร้ผู้อยู่อาศัย เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกคลุมไว้ด้วยผ้ากันฝุ่น ตามระเบียงทางเดินมีภาพวาดสีน้ำมันขนาดใหญ่แขวนประดับไว้เป็นระยะ แต่ทุกรูปล้วนสีซีดจาง ลายเส้นเลือนรางหายไปตามกาลเวลา พอบอกได้เพียงว่า เป็นภาพของบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ในชุดสูทโบราณที่ตัดเย็บอย่างดี บ้างก็ถือไม้เท้า บ้างก็ใส่หมวกปีกกว้าง แต่แยกแยะไม่ได้เลยว่าเป็นภาพของบุรุษกี่คนกันแน่
******
เสียงที่ดังขึ้นภายในคฤหาสน์สร้างความแปลกใจให้เจ้าบ้านทั้งสองเป็นอย่างมาก
เมื่อคืนนี้..ผู้ถูกเลือก โดนพวกเขาดื่มกินพร้อมๆ กัน แต่วันนี้..ยังมีเรี่ยวแรงลุกมาเดินเล่นภายในบ้านได้อีกหรือ
…หรือจะไม่ใช่?
“อูริเอล..ได้ยินรึเปล่า”
…
“ได้ยินสิ ไม่มีเสียงในบ้านเรามานานมากแล้วนี่”
…
“ไปดูให้ที..ว่าใช่แอสมุนด์รึเปล่า ถ้าไม่ใช่..ก็กำจัดซะ”
…
“รับทราบ”
อูริเอล บุรุษหนุ่มร่างสูงที่สวมหมวกปีกกว้างเคลื่อนกายเพียงพริบตาก็ลงมาอยู่บริเวณชั้นล่าง ทว่าเขาเพียงแฝงตัวอยู่ในมุมมืดมุมหนึ่งเพื่อสังเกตการณ์เท่านั้น
******
ร่างโปร่งเดินมาหยุดยืนที่หน้าบันได สายตาคมหลังแว่นตาเหลือบมองขึ้นไปยังชั้นสามแวบหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวก้าวลงไปชั้นล่างแทน
พักเติมพลังก่อนก็แล้วกัน…
พอเท้าแตะพื้นโถง แอสมุนด์หยุดยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าเชิดเงยขึ้นนิดๆ พลางหันซ้ายหันขวา ก่อนจะเลือกเดินเลี้ยวไปตามทาง..ที่อูริเอลรู้ว่าจะนำไปสู่ห้องรับประทานอาหาร
…
เรียวปากของร่างในเงามืดกระตุกยิ้ม มนุษย์ที่เขากับพี่ชายร่วมกันลิ้มชิมรสชาติเมื่อคืน ช่างมีสุขภาพแข็งแรงเปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิต..ถึงกับสามารถตื่นขึ้นตั้งแต่เที่ยงวันเพื่อมาหาอะไรกินได้ไหวเชียวนะนี่…
ไม่อยากจะเชื่อ..ดูไม่เป็นอะไรเลยสักนิด
‘ลูซิเฟอร์ แขกของเราลงมาหามื้อเช้ากินแน่ะ...’ อูริเอลแจ้งไปยังพี่ชายที่รอรับข่าวสารอยู่
‘งั้นหรือ ก็ดีสิ แสดงว่าแขกคนนี้..คงจะเป็นคนพิเศษ…’ เสียงของพี่ชายที่ตอบกลับมาดังขึ้นในห้วงคิด นี่เป็นการสื่อสารทางจิตที่พวกเขาใช้เมื่อไม่ต้องการให้บุคคลอื่นรับรู้
‘ต้องทำอะไรไหม’
…
‘ไม่ล่ะ เอาไว้คืนนี้แล้วกัน ดูแล้ว… ถึงพวกเราจะกินเยอะขึ้น ก็คงไม่ตายง่ายๆ หรอก’
เมื่อประโยคของลูซิเฟอร์จบลง เงามืดของอูริเอลก็ไหววูบหายไป มีเพียงลมบางเบาที่พัดผ่านจนผ้าม่านบริเวณที่ซ่อนตัวนั้นขยับเล็กน้อย
…
แอสมุนด์ชะงักไปนิดเมื่อได้ยินเสียงผ้าขยับไหว เขายืนนิ่ง ใบหน้าเชิดเงยหันไปทางนั้นทีทางนี้ที…ก่อนจะอมยิ้มมุมปากนิดๆ
"…"
ทุกอย่างเงียบสงบ ปราศจากเสียงใด คฤหาสน์หลังนี้เงียบมาก… แม้แต่เสียงนกจากภายนอกยังแทบไม่มี ทั้งที่รอบคฤหาสน์หลังนี้นั้นเต็มไปด้วยต้นไม้รายล้อมเขียวชอุ่ม
แต่นั่น..ก็ไม่ได้ผิดจากที่เขาคาดการณ์ไว้ ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้หรอก…
แอสมุนด์เดินต่อไปยังทางเดินด้านหลังและพบห้องครัวสมใจ เขาเดินสำรวจหาอาหารที่มีในห้องนั้น และพบว่าส่วนใหญ่มักเป็นอาหารแห้งที่เก็บไว้ได้นานหลายวันแม้จะไม่มีตู้เย็น
ก็ไม่น่าแปลกใจ… เพราะของเหล่านี้..คงจะเตรียมไว้ให้แขกสินะ
ชายหนุ่มคิดในใจแล้วเลือกหยิบขนมปังข้าวสาลี ชีส และไวน์แดงออกมานั่งกินที่โต๊ะอาหารในห้องด้านหน้า
มือเรียวยกขนมปังขึ้นฉีกเป็นชิ้นพอดีคำ ตามด้วยชีสชิ้นเล็ก
อืม… แข็งไปหน่อย ฝืดคอจัง
ขนมปังชิ้นถัดไปถูกฉีกออก..ก่อนจุ่มลงในแก้วไวน์
สีแดงเข้มซึมซาบเข้า…เปลี่ยนสีขาวนวลให้เป็นสีแดงอมชมพู
เขาหยิบยกขึ้นมา มองหยดของเหลวสีโลหิตรวมตัวกันที่ปลายชิ้น ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น… ก่อนหยดกลับลงไปในแก้ว
ปากแย้มพรายยิ้มอ้าออก รับชิ้นขนมสีแดงชุ่มฉ่ำ แล้วกลืนกินเข้าไป…
กายาแลโลหิต… ชีวิตอันเป็นนิรันดร์
คำอธิษฐาน…ที่ใกล้จะเป็นจริง
Hail... Master.
******
หลังอิ่มหนำกับมื้ออาหารแรกของวันแล้ว แอสมุนด์ก็ทำสิ่งที่เขาหมายมั่นไว้ตั้งแต่เมื่อแรกตื่น
ขณะนี้… เขายืนอยู่ที่หน้าประตู..ของห้องสุดทางเดินของปีกตะวันออก..บนชั้นสาม
มือเรียวเอื้อมออกไป แตะลงบนด้ามจับโลหะสลักลวดลายอันเย็นเยียบ
กอบกุมกระชับมั่น..ก่อนหักข้อมือหมุนบิดลง
กึก…
เปิด…ไม่ได้
…
…
“อยากเข้าห้องฉันเหรอ”
เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นชิดริมหู ริมฝีปากหยักยิ้มของผู้พูดอยู่ใกล้เสียจนสัมผัสใบหูของผู้มาเยือน
ลูซิเฟอร์ปรากฏกายขึ้นด้านหลัง ฝ่ามือใหญ่อ้อมมาปิดบังดวงตาของแอสมุนด์ เรือนกายกำยำแนบชิดแผ่นหลังกับสะโพกมน
“สงสัยฉันคงจะลืมเขียนไว้ในจดหมาย ว่าให้ขึ้นชั้นสามได้แค่ตอนกลางคืน”
แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาบ่าย เพียงเสียงดีดนิ้วดังขึ้น ผ้าม่านผืนหนาทึบบนหน้าต่างทุกบานทั่วคฤหาสน์ก็ถูกมือที่มองไม่เห็นรูดปิดโดยพร้อมเพรียงกัน จนบรรยากาศภายในคฤหาสน์ตกอยู่ในความมืดอีกครั้ง
“…” ผู้บุกรุกชั้นสามหยุดนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ
“แล้ว ตอนนี้ ผมขึ้นมาแล้ว …คุณจะทำอะไรผม”
“อืม ยังไม่ถึงเวลาอาหารเสียด้วย..”
ลูซิเฟอร์เอ่ยเหมือนพึมพำกับตัวเองราวกับไม่ได้ตั้งใจฟังคำถาม
ปลายจมูกทรงสวยไล้ริมใบหู ใบหน้าหล่อเหลากดลง เกลี่ยไซ้ดอมดมกลิ่นกายหอมกรุ่นไปตามข้างลำคอขาวเนียน
“คืนนี้ค่อยขึ้นมาสิ..ฉันจะทิ้งจดหมายเชิญไว้ให้”
“ถ้าอย่างนั้น… เรามาทำอย่างอื่นรอ..ก่อนจะถึงเวลาอาหาร …ดีมั้ย”
คนในวงแขนเอ่ยถาม ก่อนขยับจะหมุนกาย…
ริมฝีปากบางแสยะยิ้ม ดูท่าว่าแขกรับเชิญคนนี้จะไม่เกรงกลัวสิ่งใดเอาเสียเลย
“ชู่ว…”
ลูซิเฟอร์ส่งเสียงเบาพร้อมขยับมือที่ปิดตาลง ทำให้คนอยากรู้อยากเห็นหมดสติลงชั่วขณะ
“อูริเอล…”
“น่าจะไม่ใช่คนธรรมดาแล้วล่ะ”
เงาดำในมุมมืดเผยกายออกมา แล้วเดินไปหาร่างสูงผู้เป็นพี่ชาย
อูริเอลชอบการละเล่น วิ่งไล่จับ และซ่อนหา… สีหน้าของผู้ถูกเลือกที่หวาดระแวงหรือตกใจกลัว คือสิ่งเขาถูกใจ
แต่กับชายหนุ่มหน้าสวยผู้นี้ อาจไม่มีวันแสดงสีหน้าเหล่านั้น แต่… ใช่ว่าจะไม่มีสีหน้าอื่นนี่…
“พากลับไปที่ห้องพักที”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาแววตาโหดร้ายแสนเย็นชาพูดขึ้นพลางส่งร่างที่หลับใหลให้น้องชายโอบอุ้ม
“คืนนี้ค่อยไปที่ห้องนาย”
“รับทราบ”
…
อูริเอลช้อนร่างโปร่งอุ้มไว้แนบอก ใบหน้าที่เหมือนกับผู้เป็นพี่ หากบางส่วนถูกหมวกปีกกว้างและผมยาวปิดบัง แต่ยังคงพอมองเห็นรอยยิ้มได้ สายตาไล้พินิจมองคนที่ตนพากลับลงมายังห้องพักแขก
เขาวางร่างสวยกลิ่นกายหอมหวานลงบนเตียงหลังกว้างแล้วหย่อนตัวลงนั่งเคียงข้าง เรียวนิ้วซีดขาวและเย็นชืดไล้ไปตามกรอบใบหน้าเล็ก ก่อนจะถอดแว่นที่เกะกะสายตาออกไปวางบนโต๊ะข้างเตียง
“แอสมุนด์...”
อูริเอลเอ่ยเรียกให้ร่างนั้นรู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกหน
เพื่อความสนุก เขาโบกมือผ่านหน้าของแอสมุนด์หนึ่งครั้ง พลันบรรยากาศขมุกขมัวก็แผ่ตัวลงมาปกคลุม กลิ่นดอกฝิ่นบางๆ คลุ้งอวลมอมเมาคนที่กำลังจะฟื้นตื่น
“…”
คนบนเตียงเริ่มรู้สึกตัว ดวงตาคู่งามกะพริบเชื่องช้า ก่อนเอียงหันมาทางร่างที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“ท่าน…”
ริมฝีปากบางขยับยิ้ม เปลือกตาที่เปิดปรือทำให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลสวยงามหางตาชี้ขึ้นนิดๆ ราวกับดวงตากวาง อูริเอลชื่นชอบสิ่งสวยงาม และคนตรงหน้าก็สามารถใช้คำนิยามนั้นได้
“ตื่นแล้วหรือ”
สุ้มเสียงเช่นเดียวกันกับพี่ชายเอ่ยขึ้น ปลายนิ้วเย็นแตะพวงแก้มอุ่น ไล้ลงถึงจุดเล็กๆ น่าดึงดูดใต้กลีบปากล่าง
ริมฝีปากอิ่มสวยเผยออ้าเล็กน้อยเหมือนต้องการเอ่ยสิ่งใด ดวงตาปรือปรอยช้อนมองขึ้นยังใบหน้าเรียวคมภายใต้ปีกหมวก
“…อยาก”
::::::::
#FlyByNightBZ
สาระวันนี้
1) ผลมะเดื่อ มีความหมายเช่นเดียวกับผลแอปเปิล เชื่อว่าเป็นต้นไม้แห่งความตระหนักรู้ในสวนอีเดน
2) แผ่นปังข้าวสาลีและเหล้าองุ่น เป็นสัญลักษณ์แทนพระกายและพระโลหิตของพระเยซูในพิธีรับศีลมหาสนิท ในการเสกศีล บาทหลวงจะจุ่มแผ่นปังลงในเหล้าองุ่น
3) "Hail, master!" คือประโยคที่จูดาสเอ่ยทักทายพระเยซูคริสต์และจูบที่แก้ม เพื่อระบุตัวพระองค์แก่ทหารโรมันที่รอล้อมจับกุม
Comments (0)