| EP.02 |

Chaos and Chase.

 

*ปัง!*

เสียงลั่นของไกปืนและรอยแผลยาวเลือดซิบที่ข้างแก้มทำให้ดวงตาเบิกกว้างแฝงไปด้วยความกลัว ร่างกายที่สั่นเทาของคนเบื้องล่างทำเอาสัญชาตญาณนักล่าถูกปลุก ตาเคลือบไปด้วยความกระหายผสมกับความบ้าคลั่ง

"ใจเย็นหน่อยก็ดีนะ"

แรงบีบที่ไหล่พร้อมกับร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาด้วยใบหน้านิ่งเรียบ เจ้าของดวงตาสีแดฟโฟดิลละสายตาจากร่างของเหล่าหญิงสาวและชายหนุ่ม ตวัดสายตามองร่างของเพื่อนสนิทอย่างไม่พอใจ

"ถ้าเอียนรู้ว่านายทำแบบนี้คงเกลียดนายมากกว่าเดิม"

"ก็อย่าให้เขารู้สิ"

เดเมียนยักไหล่ไม่สนใจ หันมาเคลื่อนสายตามองหน้าผู้ที่ถูกมัดมือนั่งตัวสั่นสะดุ้งยามสายตาเคลื่อนสบ เขาคลี่ยิ้มมุมปากราวกับนักล่าที่กำลังเล่นกับเหยื่อทำเอาหลายคนผวาตัวสั่นเป็นลูกนกแรกเกิด

เหล่าคนที่นั่งอยู่กับพื้นคือคนในรายชื่อที่มือขวาของเขาเพิ่งจะให้เขาดูไปบนรถ ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าแผนกเก่าของเอียนหรือแม้แต่เพื่อนร่วมงานที่ใช้งานนู่นนี่และก็อีกหลายๆ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเอียนก็ต่างถูกมัดจับมาทั้งสิ้น

"นายนี่เข้าใจยากชะมัด" ลูคัสถอนหายใจเหลือบมองเพื่อนตัวโต "ถ้าเอียนรู้ขึ้นมาฉันไม่ช่วยนะ"

ดูเหมือนผู้ทรงอิทธิพลหนุ่มจะไม่สนใจ เขาปล่อยฟีโรโมนกดข่มออกมาจนลูคัสต้องเบือนหน้าหนีถึงเขาจะเป็นเบต้าแต่ฟีโรโมนที่ปล่อยจากตัวเพื่อนก็ทำเอาเขาอดเอียนไม่ได้ หลายคนที่ถูกมัดมือก็ทิ้งตัวลงไปนอนหอบหายใจกับพื้นเพราะทนรับฟีโรโมนที่เหนือกว่าไม่ไหว

"ได้โปรด..ยะ..อย่าทำพวกเราเลย"

ชายหนุ่มอัลฟ่าคนหนึ่งก้มหัวคุกเข่ากับพื้นร่างกายสั่นเทาเป็นเจ้าเข้า รอยยิ้มเหี้ยมปรากฏประดับบนใบหน้าเดเมียนก้าวเท้าไปหาเชื่องช้าจ้องมองชายหนุ่มจากมุมที่สูงกว่าอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะยกเท้าเตะไปที่สีข้างอย่างแรงจนตัวปลิว

ชายหนุ่มอัลฟ่าอยู่ในสภาพยับเยินไอออกมาเป็นเลือดกองใหญ่เพราะช้ำใน ใครที่เห็นก็ผวาร้องห่มร้องไห้กันไม่หยุดความโหดเหี้ยมของเดเมียนที่ลูคัสเองก็ยังยกขึ้นอันดับหนึ่งว่าโรคจิตที่สุดโดยไม่มีข้อกังขา

"เฮ้! เดี๋ยวเขาก็ตายหรอก"

"ฉันไม่ทำให้ตายหรอกแค่พิการไม่ก็โคม่าเท่านั้นเอง"

เดเมียนหยิบมีดสั้นจากกระเป๋าเสื้อโค้ทมาควงเล่น เขาไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเพื่อนสนิทเท่าไรนักอย่างไรเสียเมื่อพวกนี้หมดประโยชน์กับเขาแล้วก็ต้องฆ่าปิดปากอยู่แล้วสู้ให้ใจเย็นไปก็เสียเวลาเปล่า

"ท่านครับ"

มือขวาอย่างลุคเดินเข้ามาหาผู้เป็นนาไม่เกรงกลัวพร้อมกับยื่นเอกสารในมือให้อย่างนอบน้อม เดเมียนเหลือบตามองเขายื่นมือไปหยิบเอกสารมากวาดสายตามองไปทีละตัวอักษร

สีหน้าถมึงทึงเริ่มปรากฏ ความกดดันยิ่งมากทวีคูณมือที่ถือเอกสารกำแน่นจนเส้นเลือดนูนสันกรามก็ขบเข้าหากัน เขาตวัดสายตามองเหล่าคนที่นั่งตัวสั่นเบื้องล่างทำเอาเหงื่อตกกันไม่หยุด จากใบหน้าที่อารมณ์ดีเมื่อครู่ถูกเคลือบไปด้วยความเรียบนิ่งจนอึดอัดหายใจไม่ออก

"จับพวกเขาไว้ก่อนอย่าให้หลุดออกไปได้"

"ครับ"

เบต้าหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รู้สึกไม่มีเอาเสียเลย ตั้งแต่ที่อีกคนรับเอกสารมาก็ปล่อยฟีโรโมนกดดันจนอยากจะเดินออกจากตรงนี้โดยเร็ว ถ้าให้เดาคงโดนหนอนบ่อนไส้สักตัวล้วงเอาความลับหรือไม่ก็สร้างความเดือดร้อนให้ถึงได้มีอารมณ์แบบนี้

"หนอนบ่อนไส้สินะ"

เดเมียนไม่ตอบเพียงพยักหน้าให้เข้าใจ ลูคัสได้แต่ถอนหายใจรอบตัวอีกฝ่ายมีแต่ศัตรูที่คิดจะโค่นล้มอำนาจมากมาย...มากจนอยากจะสงสารอัลฟ่าหนุ่มผู้นั้นที่โดนถูกตาต้องใจอีกฝ่ายยกใหญ่

ร่างสูงของ'อีนิกม่าหนุ่มส่งเอกสารคืนมือขวาพร้อมเดินออกจากโกดังใหญ่กลางป่าไปยังรถที่จอดสนิท ทิ้งลูคัสและเหล่าคนตัวน้อยๆ นับสิบเอาเบื้องหลังในตอนนี้เขามีเรื่องที่จะต้องสะสางก่อน ถ้าปล่อยไว้คงเป็นแผลใหญ่แล้วพวกหนอนพวกนั้นจะเข้ามาได้

"ส่งคนไปจับตาดูเอียน"

"..."

"อย่าให้พวกมันแตะต้องเขาแม้แต่ปลายเล็บ"

 

 

 

(6:30 A.M.)

เปลือกตาบางเปิดออกกะพริบถี่เพื่อปรับสายตา แสงแดดยามเช้าส่องรอดผ่านหน้าต่างบานเล็กข้างเตียงลงตรงหน้าพอดี เอียนยกมือขึ้นบังแสงย่นคิ้วด้วยความรำคาญ

เขายันตัวลุกจากเตียงขึ้นมานั่งพลางขยี้ตาอย่างเคยชิน ผมเผ้ารุงรังหน้าตาก็ง่วงงุนอยากเอนตัวล้มลงไปหลับต่อนัยน์ตาสีนิลหันไปมองนาฬิกาเก่าๆ บนฝาผนังกับปฏิทินที่ห้อยอยู่ไม่ไกล วันนี้เป็นวันเสาร์เขาไม่ต้องไปทำงานแต่ต้องอยู่ช่วยมาม้าดูแลโรงแรม

"..."

เอียนลุกขึ้นเต็มความสูงบิดตัวไปมายกมือตบหน้าตัวเบาๆ เรียกสติที่กำลังหลุดลอย เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าก่อนเข้าห้องน้ำ

เสียงหยาดน้ำกระทบพื้นทำให้เขาคิดอะไรได้มากขึ้น เอียนจ้องมองสายน้ำที่ไหลลงท่อไปด้วยอารมณ์ไม่คงที่เขายังคิดไม่ขาด'ว่าจะทำอย่างไรดีกับเกมที่เดเมียนเป็นคนคิด

เพราะดูยังไงเขาก็เสียเปรียบเห็นๆ แค่จะหาที่ซ่อนก็ไม่แคล้วคลาดสายตาของเหล่าผู้อยู่ใต้บัญชาของอีกคนไปได้ อย่างนี้เขาก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำไหนจะปืนพกที่อีกฝ่ายให้มานั่นเขาก็ไม่เข้าใจอีก

"...เป็นคนที่เข้าใจยากจริง"

เอียนบ่นงึมงำในลำคอถูสบู่ไปทั่วร่างกายเกิดฟองสบู่เกาะก่อนจะโดนสายน้ำชำระล้างไหลลงท่อไป ชายหนุ่มเงยหน้าให้น้ำจากฝักบัวสาดใส่หน้าไล่ความกังวลออกไป

ยื่นมือไปหมุนปิดวาล์วฝักบัวหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาซับหยดน้ำที่เกาะตามลำตัวและเส้นผมที่เปียกชื้น สวมเสื้อไหมพรมแขนยาวสวมกางเกงยีนพลางหวีผมที่ยังไม่แห้งลงมา'ปกดวงตาสีนิลของตนเอง พร้อมหยิบแว่นตาที่วางบนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมาสวม

*แอ๊ด...*

บานประตูไม้เก่าคร่ำครึส่งเสียงดังจนกลัวไปรบกวนแขกที่มาเข้าพัก ถึงจะมีไม่ถึงสิบคนแต่ตอนเช้ามืดแบบนี้เสียงมันก็ดังไปทั่วเอียนก้าวเท้าไปยังบันไดแคบด้วยความเงียบเชียบ ไฟด้านล่างยังเปิดเอาไว้ทั้งคืนพร้อมกับร่างของเบต้าหญิงชราที่เดินวุ่นเตรียมของอยู่ล็อบบี้

"มาม้า"

"เอียนตื่นเช้าจริง"

เอียนเข้าไปช่วยมาม้ายกกล่องใบใหญ่พร้อมกับดุไปเล็กน้อย มาม้าเมดิสันไม่ได้โกรธเคียงแต่กลับยกยิ้มแห้งให้เพียงเท่านั้น เขาวางกล่องกระดาษใบโตไว้บนเคาน์เตอร์พลางหยิบกองกระดาษที่วางทับกันสามสี่แผ่นขึ้นมาอ่าน

"เจ้ากล่องพวกนี้คืออะไรเหรอครับมาม้า"

เอียนละสายตาจากเอกสารหันไปมองหน้าหญิงชราที่กำลังง่วนอยู่กับการเช็ดเคาน์เตอร์

"มาม้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เจอมันครั้งแรกก็วางอยู่หน้าประตู"

ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ หันมาสนใจกล่องตรงหน้า พลิกหน้าพลิกหลังก่อนจะตัดสินใจหาคัตเตอร์มากรีดเทปที่ติดหน้ากล่องออก กลิ่นกุหลาบลอยฟุ้งออกมาเมื่อเทปขาดออกเอียนเปิดมันพร้อมกับกลีบกุหลาบที่อัดแน่นเต็มกล่องพุ่งออกมาโดนหน้าเขาเต็มๆ

เอียนยกมือปัดกลีบกุหลาบสีสดที่เกาะเสื้อพลางหยิบกระดาษโน้ตเล็กๆ ที่จมอยู่โผล่ออกมาแค่เหลี่ยมกระดาษ

'ถึง เอียน

กล่องพวกนี้ฉันมอบให้นาย ด้านในมีเสื้อผ้าอยู่กับของอีกนิดหน่อยแล้ววันนี้ฉันก็อยากให้นายมาเจอกันที่ร้านคาเฟ่เล็กๆ แถบชานเมืองตอนบ่ายโมงตรง

หวังว่าเธอจะใส่ชุดที่ฉันให้ไปนะ:)

จาก D.M.'

เขาเลิกคิ้วขึ้นดูเหมือนเดเมียนจะมีเรื่องอะไรคุยกับเขา ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นส่งอะไรแบบนี้มาให้สร้างความระแวงให้กับเอียนที่คิดว่าอีกคนจะมีลูกเล่นอะไรมาเล่นเขาอีก

เอียนคุ้ยเอากลีบกุหลาบออกจากกล่องไปวางกองไว้บนเคาน์เตอร์ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำปักลายทองรูปสัตว์คล้ายอินทรีที่กระเป๋าเสื้อกับกางเกงสแล็คสีดำ เขาจ้องมองมันผ่านเลนส์แว่นไม่ค่อยเข้าใจที่อีนิกม่านั่นจะสื่อนัก

"มีอะไรเหรอเอียน"

"ก็แค่เสื้อที่ส่งมาจากคนรู้จักน่ะครับ"

มาม้าเมดิสันพยักหน้าเข้าใจ เอียนยิ้มเขาเดินเข้าห้องครัวเล็กๆ ทางด้านขวาของเคาน์เตอร์เพื่อทำอาหารเช้าให้ตัวเองกับ'มาม้า เขาหยิบผ้ากันเปื้อนสีดำขึ้นมาสวม

เตาแก๊สถูกเปิดไฟกลางเอียนตอกไข่ใส่กระทะและใส่เบคอนในกระทะอีกอันที่ตั้งเตาอยู่เหมือนกัน กลิ่นฟุ้งไปทั่วห้องครัวลอยออกจากเขตประตู

อาหารเช้าของทั้งสองยังคงผ่านไปอย่างเรียบง่าย เมื่อกินเสร็จก็ช่วยกันล้างแล้วช่วยกันดูแลแขกที่เข้าพักเช่นทุกวัน เอียนช่วยมาม้าเมดิสันทำงานตั้งแต่จรดบ่ายดูท่าวันนี้แขกจะเยอะจนผิดสังเกตแขกที่มาเข้าพักก็มีแต่คนแปลกๆ ไม่น่าไว้วางใจทั้งนั้น

"มาม้า" มองดูนาฬิกาพลางตะโกนเรียกเบต้าหญิงชรา "จะบ่ายแล้วผมไปทำธุระก่อนนะ"

เอียนปิดประตูโรงแรมเดินออกจากบริเวณตึกที่ตั้งสูงเดินไปริมฟุตบาทพร้อมโบกแท็กซี่ เมื่อรถมาจอดอยู่ตรงหน้าก็รีบบอกจุดหมายปลายทางให้กับคนขับทันทีพอเสร็จสับก็เอนตัวพิงเบาะรถพลางลอบถอนหายใจมองออกไปนอกกระจกที่เห็นตึกตั้งตระหง่านสูงใหญ่บังแสงอาทิตย์

*กริ่ง⁓*

เสียงกระดิ่งแผดเสียงไปทั่วร้านกาแฟเล็กๆ เอียนเดินมาภายในร้านสอดส่องสายตามองดูเจ้าของนัด เรือนผมสีบลอนด์ทองสว่างคงโดดเด่นกว่าคนอื่นเอียนรีบเดินเข้าไปหาเดเมียนที่นั่งหันหลังให้

"นายมาสายนะ"

เดเมียนเอ่ยทักพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างเช่นเคยพลางผายมือไปยังเก้าอี้ว่างด้านหน้า หนุ่มแว่นทิ้งตัวนั่งกอดอกมองหน้าอีกคนอย่างไม่สบอารมณ์

"น่าเสียดายนายไม่ได้ใส่ชุดที่ฉันส่งไปให้"

"เข้าเรื่องได้แล้ว"

"ใจร้ายจัง"

เจ้าของดวงตาสีแดฟโฟดิลหัวเราะขบขันในลำคอเท้าคางกับโต๊ะไม้จ้องมองหน้าของเอียนด้วยสายตาหลงใหลและเจ้าเล่ห์ เอียนขมวดคิ้วพร้อมมุ่ยหน้าที่อีกคนเอาแต่ปั่นประสาทเขา

"ก็ไม่ได้มีอะไรมาก" มือหนาเกี่ยวหูแก้วกาแฟขึ้นจิบ "แค่จะมาเริ่มเกม"

เอียนสะดุ้งตัวขนอ่อนทั่วกายพร้อมใจกันลุกสายตาของเดเมียนในตอนนี้ไม่มีความขี้เล่นเหมือนที่ผ่านมา ในตอนแรกที่บอกว่าจะเล่นซ่อนหาทำไมถึงดูสนุกกลับกันในตอนนี้เต็มไปด้วยความเฉื่อยชาเหมือนไม่อยากเล่น ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างทำให้เขาเปลี่ยนไป

เอียนมองหน้าอย่างไม่ไว้ใจและไม่คิดจะพูดอะไรกลับไป บรรยากาศรอบตัวของทั้งสองจึงมีแต่ความอึดอัดจะมีเพียงเสียงพูดคุยภายในร้านของลูกค้าและพนักงานเท่านั้นที่พอจะลงความอึดอัดลงไปได้บ้าง

"ที่ฉันเล่นกับนายก็เพื่อความปลอดภัยของนายเองนะ"

"ยังไงกัน แค่กติกามันก็ไม่แฟร์แล้ว" เอียนแย้งขึ้น "นายให้ลูกน้อยจับตาดูฉัน ฉันก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเลยด้วยซ้ำ"

ใบหน้าอีนิกม่าหนุ่มไม่ปรากฏรอยยิ้มเขาเท้าคางมองหน้าของพนักงานเงินเดือนหนุ่มนิ่งๆ เอียนก็จ้องตากลับไปโดยไม่เกรงกลัวนิ้วเรียวเคาะลงกับโต๊ะเป็นจังหวะราวกับกำลังรอคอยคำพูดของอีกคนที่จะออกมา

"นายรู้ไหมว่าฉันชอบนายเพราะอะไร"

คราวนี้เอียนเงียบปาก เขาไม่รู้ว่าเดเมียนชอบเขาเพราะอะไรตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าจดจำนัก รู้แค่ว่าตั้งแต่จบเรื่องครั้งนั้นอีกคนก็ตามติดเขายิ่งกว่าปลิงเสียอีก

เดเมียนยันตัวเอนพิงพนักพิงเก้าอี้ยืดตัวเล็กน้อยให้กล้ามเนื้อคลายความเมื่อยในขณะที่สายตายังไม่ละไปไหน

"นายเป็นคนเก่งนะ"

"..."

"รู้ว่าฉันเป็นคนฆ่าประธานของนายแต่ก็ยังยืนต่อล้อต่อเถียงกับฉันได้"

รอยยิ้มกลับมาอยู่บนใบหน้าเหมือนเดิมนัยน์ตาสีแดฟโฟดิลเริ่มมีประกายวิบวับเหมือนเคย น้ำเสียงก็กลับมาเริงร่าทำให้ใจของเอียนสงบลงได้บ้างแต่ต้องมาเลิกคิ้วกับคำพูดของเดเมียน

"ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงจะหยิบปืนมาเป่าหัวไปแล้ว"

เดเมียนหัวเราะเล็กน้อยยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้ง กลิ่นกาแฟดำขมกับใบหน้ายามไม่สบอารมณ์ของคนตรงหน้าทำให้ความเครียดที่สะสมมาตั้งแต่เมื่อคืนของเขาถูกปัดเป่าไปได้อย่างน่าแปลกประหลาด

เขาวางมือทาบกับฝ่ามือที่เล็กกว่าออกแรงบีบเบาๆ ให้เอียนตกใจเล่นทำท่าจะดึงมือออก แต่โดนดวงตาคมสันตวัดเป็นเชิงห้ามก็ได้แต่อยู่นิ่งๆ ให้จับไปอย่างนั้น

"คุณเป็นพวกเข้าใจยาก"

"ใช่ มีคนเคยบอกฉันแบบนั้น"

เอียนเลิกคิ้วขึ้นไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนติดเช่นเดียวกันกับเขาอยู่ด้วย เขายื่นไปหยิบครัวซองต์ในจานขึ้นมากัดแก้หิวก่อนมาที่นี่เขาไม่ได้กินอะไรมาจะหิวก็ไม่น่าแปลก เดเมียนหัวเราะเอ็นดูใช้นิ้วเกลี่ยหลังมืออีกฝ่ายเบาๆ

"ปืนที่ฉันให้ไปเก็บให้ดี"

"..."

"หลังจากนี้นายจะต้องได้ใช้มัน"

เกิดความเงียบระหว่างเขาทั้งสองอีกครั้งเอียนกลืนครัวซองต์ในปากอย่างยากลำบาก คำพูดของเดเมียนที่พูดกับเขาเหมือนว่ากำลังเกิดอะไรบางอย่างขึ้นทำเอาเอียนไม่สบายใจนัก พวกเขานั่งกันในร้านไม่กี่นาทีก่อนจะแยกย้ายเดเมียนเป็นคนขอตัวกลับและจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่างโดยไม่รีรอคำแย้ง

เอียนมองอีกคนที่เดินขึ้นรถสีดำที่จอดรออยู่ตรงฟุตบาทอีกฟากของถนนก่อนจะแล่นออกไปเหลือเพียงความว่างเปล่าตรงนั้น เขานั่งจ้องมองมือที่กุมประสานของตัวเองผ่านเลนส์แว่นตาก่อนจะเคลื่อนมองเก้าอี้ไร้คนนั่งตรงหน้ากับแก้วกาแฟที่ยังเหลืออยู่เกินครึ่ง

"เพื่อความปลอดภัยของฉันบ้าบออะไรกัน"

เขาหลับตาลงพลางถอนหายใจแรงๆ เฮือกใหญ่ไล่ความหงุดหงิดภายในใจออก ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเต็มความสูงเดินออกจากร้านเพื่อกลับโรงแรมไปช่วยมาม้าทำงานต่อ

ส่วนเรื่องของเกมซ่อนหาที่อีกคนเป็นคนคิดก็คงจะเริ่มตั้งแต่คนตัวสูงก้าวเท้าออกจากร้านไป มันคงเป็นเกมซ่อนหาปกติหากอีกคนไม่ให้ปืน'เขามาและส่งคนคอยจับตาดูเสมอ เอียนรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ชักจะเริ่มซับซ้อนเรื่อยๆ เพราะถ้าไม่มีใครคิดจะทำร้ายเขาเดเมียนคงไม่ส่งคนมาจับตาดูตลอด

"..."

มันทำให้เอียนคิดว่าการเข้าใกล้เดเมียนไปเรื่อยๆ จะมีแต่เรื่องคอขาดบาดตายเข้ามาทุกวัน ขนาดยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันแต่ยังมีคนคิดจะเข้ามาทำร้ายเขาจากทุกทิศทุกทาง เอาเข้าจริงเอียนก็ไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับผู้ทรงอิทธิพลหนุ่มมากนักแต่เพียงเพราะเหตุจำเป็นเท่านั้น

*แอ๊ด...*

"มาม้า—!!!"

บานประตูถูกเปิดพร้อมกับความตกใจของหนุ่มแว่น เอียนรีบสาวเท้าเข้ามาภายในโรงแรมดวงตาสีนิลเบิกโพลงสั่นไหวด้วยความกลัวเต็มอก ของที่ตกพื้นแตกกระจายขวางทางเดินจนเขาเริ่มวิตก

"มาม้า!"

เอียนป้องปากตะโกนหาเบต้าหญิงชราด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ความกังวลฉายแววผ่านฟีโรโมนที่ปล่อยออกมาอย่างช่วยไม่ได้ไฟหลายดวงตามทางเดินถูกตีแตกถึงจะเป็นตอนเช้าแต่ด้วยที่โดนตึกใหญ่บดบังทำให้ภายในมืดสลัว

อัลฟ่าหนุ่มเดินไปตามทางหัวใจเต้นระรัวประตูทุกบานถูกเปิดออกด้วยความตั้งใจของบุคคลปริศนา เสียงย่ำเท้าที่หนักแน่นที่โถงทางเดินแคบชั้นสองของโรงแรมสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วตัวอาคาร

"เอียน—"

"มาม้า!" เขาตะโกนเรียกชื่อมาม้าเสียงดัง รีบปรี่เข้าไปประคองร่างของหญิงชราขึ้นจากพื้น "มันเกิดอะไรขึ้นมาม้า"

"พะ..พวกมัน"

"พวกไหนมาม้า—"

*แกร๊ก!*

โลหะเย็นแนบกับหลังหัวร่างทั้งร่างนิ่งค้างความสั่นเทาจากร่างกายของมาม้าเมดิสันกับดวงตาที่มองไปด้านหลังแฝงด้วยความกลัว เอียนค่อยๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นพอดีหัวเขาหันหลังกลับไปมองหน้าผู้มาใหม่ดวงตาชายแววเรียบนิ่ง เขาเอียงตัวยืนบังหญิงชราเอาไว้

"พวกแกเป็นใคร"

เอียนจ้องมองหน้าที่ถูกหมวกและเงามืดปกปิด บุคคลปริศนาไม่เปิดปากตอบเพียงเล็งปืนมาที่หน้าของเขาพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของอีกหลายๆ คนที่เริ่มเดินเขามาในห้อง

เขาจำได้ดีว่าบุคคลในนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากแขกที่มาเข้าพัก เขาสงสัยตั้งแต่การแต่งตัวของพวกนี้แล้วทั้งปิดหน้าปิดตาถามคำตอบคำไม่เหมือนแขกปกติเท่าไรนัก

"นายมีส่วนเกี่ยวข้องกับเดเมียนยังไง"

"เขากับฉันไม่ได้มีอะไรทั้งนั้น"

รู้ได้ในทันทีว่าพวกนี้คงเป็นศัตรูสักคนของ'อีนิกม่าบ้าอำนาจนั่น ไม่น่าเชื่อว่าเจออีกคนได้ไม่ถึงสองวันก็โดนเล่นเข้าให้แล้วข่าวที่เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเดเมียนคงหลุดออกไปถึงหูคนหลายคนแล้ว เอียนก่นด่าเดเมียนในใจที่ตอนนี้คงกำลังไปเริงร่าอยู่ที่ไหนแห่งในนิวยอร์ก

"แล้วที่นายไปเจอเขาที่คาเฟ่ล่ะ"

เอียนปิดปากคนพวกนี้ตามเขาตั้งแต่ออกจากโรงแรมเลยหรือ? เหงื่อเริ่มซึมตามกรอบหน้าเขาเม้มปากเขาหากันเป็นเส้นตรงพยายามหาข้อแก้ตัว

"ถึงฉัน—"

"แต่ถึงแย้งไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราหาข้อมูลมาหมดแล้ว"

"พระเจ้า! พวกนายขยันหาข้อมูลชะมัด"

หนุ่มแว่นสบถอย่างหัวเสียคนพวกนี้จะตามติดชีวิตเขาเกินไปแล้ว แต่จะโทษคนพวกนี้ก็ไม่ได้เพราะตัวการของเรื่องทั้งหมดมันอยู่ที่เดเมียนทั้งนั้น

อยากจะเอาปืนเป่าหัวจริง...

"มากับพวกเรา"

ชายปริศนาเดินเข้ามากำข้อแขนออกแรงบีบจนเอียนต้องนิ่วหน้าตวัดสายตาจ้องมองกลับด้วยความไม่พอใจ เขายืนนิ่งปล่อยให้จับข้อมือแต่ไม่ยอมขยับเขยื้อนร่างกายไปไหน

"...!"

ในจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอเขารีบง้างหมัดต่อยไปที่ท้องเต็มแรงโดยไม่ทันให้ตั้งตัวพร้อมหยิบโคมไฟใกล้มือฟาดใส่หัวของอีกคนจนเศษแก้วแตกกระจายกับหยาดหยดลงพื้นไม้เป็นดวงสีเข้ม เอียนรีบหันไปจับมือของมาม้าออกแรงให้ลุกขึ้นพาวิ่งออกจากห้องทันที

"มาม้าอดทนหน่อยนะครับ"

เบต้าชราหอบหายใจเพราะด้วยสังขารของตัวเองก็แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงยกของอะไรหนักๆ แต่เวลานี้ชี้เป็นชี้ตายของตัวเองจะมัวแต่มาเป็นภาระให้คนอายุน้อยกว่าก็ไม่ได้แต่ได้ออกแรงวิ่งเท่าที่มี

ทั้งสองวิ่งมายังห้องของเอียนที่อยู่ตรงสุดริมทางเดินเจ้าของห้องรีบเปิดประตูเข้าไปพร้อมหันไปปิดลอกกุญแจเอาไว้ เพื่อถ่วงเวลาให้เขาได้คิดหาทางรอด

"มาม้าไปหลบในห้องน้ำ"

"แต่เอียน—"

"ผมจะไปล่อพวกมันเอง"

มาม้าเมดิสันตาเบิกกว้างเดินเข้าไปจะจับแขนให้ผู้มีศักดิ์เป็นเหมือนหลานเข้ามาหลบด้วย แต่กลับถูกเอียนดันหลังให้เข้าห้องน้ำไปพร้อมกับล็อกประตูให้อย่างดี เสียงตะโกนของมาม้าดังออกมาจากห้องน้ำแต่เอียนเองไม่มีเวลามาสนใจมากนัก

เขาเปิดลิ้นชักข้างหัวเตียงหยิบปืนพกกับกล่องกระสุนที่เดเมียนให้มา'ขึ้นมองดูพร้อมกับใส่กระสุนให้เรียบร้อย บานประตูห้องในตอนนี้เริ่มจะโดนทุบจนพังอีกไม่นานคงเข้ากันมาได้ ในตอนนี้เขารู้ความหมายของคำพูดนั้นแล้วว่าหมายถึงอะไร

"มาม้ารอผมอยู่นี่ก่อน"

เอียนกล่าวก่อนจะเปิดประตูหน้าต่างขึ้นข้างนอกนั้นยังพอมีบันไดเหล็กที่สามารถเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าได้อยู่ ไม่รอช้าที่จะแทรกตัวออกนอกหน้าขณะเดียวกันบานประตูของห้องก็ถูกทำลายจนตอนนี้พังไม่เหลือชิ้นดี

"มากับพวกเราดีๆ ดีกว่าเราไม่อยากใช้กำลังกับคุณ!"

"ไปให้โง่น่ะสิ!"

สองเท้าวิ่งขึ้นบันไดสนิมเขรอะที่ก้าวกี่ที่ก็ส่งเสียงดังไปทั่ว กว่าจะถึงชั้นดาดฟ้าก็ที่อยู่สุดก็ห่างจากชั้นของเขาไปสี่กว่าชั้นแต่จะเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องวิ่งให้ถึง ลูกกระสุนจากปลายกระบองปืนจากด้านหลังยังยิงมาไม่หยุดมีบ้างที่เขาต้องยิงกลับไปแต่ด้วยข้อจำกัดของกระสุนที่มีอยู่คงใช้มากไม่ได้

"Fu*k! พวกนายจะตามฉันไปถึงไหนเนี้ย! "

เอียนเริ่มหัวเสียหันปลายกระบองปืนลั่นไกยิงใส่ชายคนหนึ่งเข้าที่แขนซ้ายจนอีกฝ่ายต้องหยุดวิ่งและกุมแขนตัวเอง ถึงแม้จะจัดการไปได้หนึ่งคนแต่ก็เหลืออีกเป็นสิบที่วิ่งตามกันมา

*ครืด!*

[วิ่งไล่จับสนุกหรือเปล่า ที่รัก?]

"!!!"

 

 

↢——————————↣

Ian : God! You guys are very diligent in finding information.

↢——————————↣

#สมบัติคุณท่าน