24 ธันวาคมของทุกปี คือวันคริสต์มาสอีฟ วันแห่งการเตรียมพร้อมเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาสอันศักดิ์สิทธิ์ ตามวัฒนธรรมตะวันตกหรือความเชื่อของชาวคริสต์ว่า เป็นวันคล้ายวันประสูติของพระเยซู บุตรของพระเจ้า

“และเป็นวันเกิดของหนูด้วยใช่ไหมคะ?” เด็กหญิงผมบลอนด์ถามเสียงใสเมื่อหญิงชราที่นั่งอยู่ตรงข้ามกล่าวจบ

“ใช่แล้วหลานรัก วันคริสต์มาสอีฟคือวันที่หลานเกิด วันนั้นถึงหิมะจะตกหนักและหนาวมาก หนาวถึงขนาดทำให้ผิวน้ำในแก้วกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งได้ แต่หลานก็รอดมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ และยังมีสุขภาพแข็งแรงมากด้วย นับว่าเป็นเรื่องดีมากๆ เลยละ เพราะอากาศหนาวขนาดนั้นพวกผู้ใหญ่ตัวโต ๆ ยังเป็นหวัดไข้ขึ้น แต่หลานที่เป็นทารกตัวน้อย ๆ กลับไม่มีแม้แต่เสียงไอหรือน้ำมูกเลย” ผู้เป็นยายตอบเสียงนุ่ม ดวงตาที่พร่ามัวตามสังขารทอประกายสดใสหลังแว่นกลมกรอบทองเมื่อถึงความหลัง

“แต่น่าเสียดายที่คุณแม่ไม่แข็งแรงเหมือนหนู” อีฟพึมพำเสียงแผ่ว ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนมีน้ำตาไหลคลอเบ้าเมื่อนึกถึงผู้เป็นแม่ที่จากไปหลังเธอเกิดมาได้แค่วันเดียว

“นั่นสินะ แต่อย่าเศร้าไปเลยหลานรัก ถึงแม่จะไม่อยู่แล้ว แต่หลานก็ยังมีพี่สาวกับพ่ออยู่นะ” คุณยายลูบหัวหลานสาวอย่างปลอบโยนเมื่อเห็นดวงหน้าจิ้มลิ้มมีสีหน้าซึมเศร้า

“หนูอยากให้พ่อกับพี่เจนมาอยู่ฉลองวันคริสต์มาสด้วยกัน คุณยายช่วยบอกหน่อยสิคะ” อีฟเงยหน้ามองคุณยายด้วยสีหน้าอ้อนวอน เพราะพ่อเธอทำงานหนักทุกวัน กลับบ้านดึกเกือบทุกคืนไม่เว้นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ส่วนพี่สาวเธอก็เกลียดวันคริสต์มาส เพราะเป็นวันที่แม่ผู้เป็นที่รักได้จากไป

“พ่อของหลานงานยุ่งทุกวัน ส่วนพี่สาวของหลานก็ติดงานชมรม ถึงช่วงนี้พวกเขาจะยุ่งมากแต่ก็ต้องมีเวลาว่างมาอยู่กับหลานแน่นอน แค่เวลามันว่างไม่ตรงกันเลยมาอยู่พร้อมกันไม่ได้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มานะ จริงมั้ยล่ะ”

“จริงค่ะ แต่ถ้าได้มาอยู่พร้อมกันมันจะดีกว่า” อีฟงึมงำอย่างงอน ๆ

เพราะที่ผ่านมาเธอต้องนั่งกินมื้อค่ำวันคริสต์มาสกับคุณยายเพียงลำพัง ส่วนพี่กับพ่อจะโผล่มาหลังจากนั้นแล้วยื่นกล่องของขวัญให้พร้อมคำอวยพรอย่างขอไปที เทียบกับครอบครัวอื่นที่ได้อยู่ฉลองพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วหัวเราะเฮฮาไปด้วยกัน อีฟรู้สึกว่าครอบครัวเธอช่างโดดเดี่ยวหงอยเหงาดีจัง

“วันนี้อากาศอบอุ่นกำลังดี ทำไมหลานไม่ออกไปเล่นปั้นหิมะกับเพื่อนล่ะ” ผู้เป็นยายทักขึ้นเมื่อเห็นแสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาในบ้าน เพราะเมื่อสองสัปดาห์ก่อนหิมะตกทุกวัน เพิ่งจะหยุดตกไปเมื่อสามวันก่อน บรรยากาศที่ทึมทึบในหน้าหนาวปลายปีจึงเริ่มจะสดใสในวันคริสต์มาสอีฟนี่เอง

“จริงด้วย งั้นเดี๋ยวหนูจะเอาขนมปังขิงจากร้านพี่แนนซี่มาฝากนะคะคุณยาย” อีฟมีท่าทางร่าเริงขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงการละเล่นหิมะกับเพื่อน ๆ และคุกกี้ขนมปังขิงที่เจ้าของร้านขนมประจำหมู่บ้านจะทำแจกให้พวกเด็ก ๆ ฟรีทุกปีในวันคริสต์มาสอีฟ

“งั้นก็รีบไปสิหลานรัก แต่อย่าเล่นนานมากนะ ถึงวันนี้จะมีแดดแต่หลานก็ยังเป็นหวัดได้นะ” ผู้เป็นยายไม่วายเอ่ยเตือนอย่างเป็นห่วง

“ค่า~ เดี๋ยวหนูจะรีบกลับมาให้ทันมื้อเที่ยงนะคะคุณยาย” เด็กหญิงตัวน้อยบอกเสียงรื่นเริง ก่อนจะหยิบเสื้อโค้ตสีแดงตัวโปรดมาใส่เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย

⛄❄

ภายในหมู่บ้านมีบรรยากาศของการต้อนรับคริสต์มาสในค่ำคืนนี้ ต้นไม้ริมถนนและร้านค้าริมทางเดิน ต่างมีหลอดไฟหลากสีตกแต่งประดับเพิ่มความสวยงาม เสียงกระดิ่งลมดังสดใสลอยแว่วมาเมื่อมีสายลมหนาวพัดผ่าน หิมะสีขาวบนถนนถูกกวาดไปกองข้างทางเป็นแนวยาวดูมีระเบียบเรียบร้อย เสียงเพลงคริสต์มาสทำนองรื่นเริงจากวิทยุประจำหมู่บ้านดังคลอไปตามสายลมหนาวในยามเก้าโมงครึ่ง

“รับขนมปังขิงสักกล่องไหมจ๊ะ” หญิงสาวเจ้าของร้านขนมประจำหมู่บ้านทักขึ้นเมื่อเห็นอีฟเดินเข้ามาใกล้

“เอาค่ะ” อีฟตอบรับเสียงใส นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเปล่งประกายวาววับเมื่อเห็นคุกกี้ขนมปังขิงที่วางเรียงในถาดหลังตู้กระจกถูกคีบใส่กล่องกระดาษ มีทั้งรูปตุ๊กตาหิมะสีขาว ลุงซานต้าสีแดง ต้นสนสีเขียว จนไปถึงรูปหัวใจสีน้ำตาลที่มีข้อความน้ำตาลไอซิ่งสีขาว 'Merry Christmas'

“สุขสันต์วันเกิดนะอีฟ ปีนี้ก็อายุเจ็ดขวบแล้วเนอะ ขอให้มีความสุขสุขภาพแข็งแรงนะ” หญิงสาวอวยพรแล้วยื่นกล่องใส่ขนมปังขิงนับสิบชิ้นให้เด็กหญิงโดยไม่คิดเงิน เพราะเธอจะทำขนมปังขิงแจกพวกเด็ก ๆ ฟรีทุกปี โดยให้คนละกล่องอย่างเท่าเทียมกัน

“ขอบคุณค่ะพี่แนนซี่” อีฟส่งยิ้มกว้างให้แล้วรับกล่องกระดาษสีแดงสดใสมาถืออย่างเบามือ

ร่างบอบบางในเสื้อโค้ตสีแดงสดใสตัดกับหิมะสีขาวสะอาดเดินไปตามท้องถนนพร้อมกล่องกระดาษสีแดงใส่ขนมปังขิงร้อน ๆ ในมือ เด็กหญิงมุ่งหน้าไปยังบริเวณท้ายหมู่บ้านที่มีทะเลสาบและป่าสน ซึ่งเป็นแหล่งชุมนุมของพวกเด็ก ๆ ที่รวมกลุ่มเล่นปั้นหิมะ ที่พักผ่อนตกปลาของพวกผู้ใหญ่ และที่ฝึกซ้อมเบสบอลของพวกเด็กมัธยมที่มีสนามฝึกซ้อมอยู่แถวนี้

“พี่เจน!” อีฟตะโกนเรียกเมื่อเห็นเด็กสาวผมบลอนด์คนหนึ่งนั่งคุยกับเพื่อนชายหญิงรุ่นเดียวกันอยู่หน้าอาคารไม้ที่เป็นห้องพักเก็บอุปกรณ์ของชมรม

“หวัดดีอีฟ สุขสันต์วันเกิดนะ” เจนหันมาทักกลับเสียงเรียบหน้านิ่ง นัยน์ตาสีดำที่ฉายแววเบื่อหน่ายมองน้องสาวที่วิ่งหน้าระรื่นเข้ามาหา

“ของขวัญล่ะ” อีฟถามเสียงใสแล้วแบมือข้างเดียว เพราะมืออีกข้างยังถือกล่องขนมปังขิงอยู่

“เดี๋ยวตอนเย็นจะเอาไปให้” เจนตอบกลับเสียงเรียบเช่นเดิม

“ถ้างั้นพี่ก็อยู่ฉลอง—”

“ไม่!” เจนพูดขัดเสียงแข็งอย่างรู้ทันว่าน้องสาวจะพูดอะไรต่อ

“ทำไมอ่า~” อีฟเริ่มอ้อนหวังให้พี่สาวใจอ่อน ส่วนหนึ่งเด็กหนุ่มและสาวที่นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ ต่างป้องปากอมยิ้มกลั้นขำเมื่อเห็นเจนหน้าบึ้ง

“วันนี้พี่ไม่ว่าง ติดซ้อม” เจนตอบปัดแล้วสะบัดหน้าหนีสายตาบ้องแบ๊วของน้องสาว

“ซ้อมรอบบ่ายสองชั่วโมงก็เสร็จแล้ว สี่โมงเย็นเธอก็กลับบ้านได้แล้วล่ะคุณเลขา” เด็กหนุ่มที่นั่งเงียบมานานพูดแทรกขึ้นอย่างนึกแกล้งเพื่อนสาวที่หันมาค้อนขวับทันทีเมื่อพูดจบ

“ดีจัง งั้นพี่เจนก็ต้องกลับมาทันมื้อเย็นแน่ ๆ หนูจะรอนะ” อีฟส่งยิ้มสดใสให้พี่สาวที่ยังหน้าตึงไม่ยอมคลาย

“จะพยายาม หมดเวลาพักแล้ว ไปก่อนนะ” เจนพูดตัดบทเสียงหวนเพราะคร้านจะสนทนากับน้องสาวต่อ ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในอาคารไม้ชั้นเดียวที่อยู่ห่างจากแนวป่าต้นสนไม่มากนัก

“ว้า แค่ห้านาทีนี่เรียกว่าพักเรอะ งั้นพี่ไปก่อนนะอีฟ สุขสันต์วันเกิดนะ ขอให้ตัวสูง ๆ โตไว ๆ” เด็กหนุ่มบ่นงึมงำ ก่อนจะหันมาอวยพรให้น้องสาวของเพื่อนที่ยืนหน้าซื่ออยู่

“สุขสันต์วันเกิดนะอีฟ เดี๋ยวพี่จะฝากของขวัญไปกับเจนนะ” เด็กสาวอวยพรพลางลูบหัวเด็กหญิงอย่างเอ็นดู

“ขอบคุณค่ะ” อีฟบอกเสียงใสพร้อมรอยยิ้มกว้างเมื่อได้รับคำอวยพร

เด็กหญิงเดินไปร่วมวงปั้นหิมะร่วมกับเพื่อน ๆ ที่ลานกว้างห่างจากทะเลสาบกับอาคารชมรมเบสบอลมากพอควร ถึงหิมะจะหยุดตกมาสามวันแล้ว แต่ก็ยังมีเหลือมากพอจะให้เด็ก ๆ ปั้นตุ๊กตาหิมะตัวโตได้หลายตัว ส่วนทะเลสาบก็กลายเป็นแผ่นน้ำแข็งหนา มีผู้ใหญ่หรือเด็กวัยรุ่นบางคนนั่งตกปลาผ่านรูที่เจาะไว้บนผิวทะเลสาบที่ถูกความเย็นแช่แข็งเป็นแผ่นหนา

“สุขสันต์วันเกิดนะอีฟ” เด็กชายคนหนึ่งร้องทักเมื่อเห็นอีฟเดินเข้ามาใกล้ เด็กหญิงเด็กชายอีกประมาณ 4-5 คนก็เข้ามาอวยพรทักทายและมอบของขวัญให้ บางคนที่ไม่ได้เตรียมมาก็แบ่งขนมปังขิงจากร้านแนนซี่ให้แทน

“นี่อีฟ เธอเคยได้ยินเรื่องการอธิษฐานในคืนคริสต์มาสด้วยวงแหวนขนมปังขิงรึเปล่า?” เด็กหญิงผมแดงถามขึ้นขณะกำลังปั้นแต่งส่วนลำตัวของตุ๊กตาหิมะให้เรียบร้อย

“มันคืออะไรเหรอ” อีฟหันมาถามอย่างแปลกใจระคนสงสัย มือชะงักจากการทำหน้าให้ตุ๊กตาหิมะ

“มันเป็นความเชื่อน่ะ ถ้าเอาขนมปังขิง 7 ชิ้นมาเรียงเป็นวงกลมให้เสร็จภายในคืนคริสต์มาส มันจะกลายเป็นวงแหวนศักดิ์สิทธิ์ที่ขออะไรก็สมหวัง อ้อ! แล้วขนมปังขิงที่ใช้ก็ต้องเป็นขนมปังขิงอบใหม่ในวันคริสต์มาสอีฟ และขนมปังขิงทุกชิ้นต้องมีรูปร่างไม่ซ้ำกัน ตรงกลางวงแหวนต้องมีเทียนสีขาวจุดไว้ พอทำวงแหวนเสร็จก็จุดเทียนแล้วอธิษฐานเลย”

“ว้าว! น่าสนุกจัง” อีฟตาลุกวาวทันทีเมื่อฟังเด็กหญิงผมแดงพูดจบ

“ยังมีอีกนะ หลังจากอธิษฐานเสร็จแล้ว ห้ามทำเทียนดับเด็ดขาด เพราะไม่งั้นคำอธิษฐานจะสมหวังครึ่งเดียว ต้องให้เทียนละลายดับไปเอง ส่วนขนมปังขิงทั้งเจ็ดก็โยนเข้ากองไฟหลังเทียนดับหรือหักทิ้งเป็นสองท่อน ห้ามกินหรือทำลายทิ้งด้วยวิธีอื่นเด็ดขาด” เด็กชายผมดำเข้ามาอธิบายเสริม ก่อนจะช่วยอีฟเอากิ่งต้นสนเสียบลำตัวตุ๊กตาหิมะทำเป็นแขน

อีฟพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปมองทางอาคารชมรมเบสบอล ในใจนึกถึงพี่สาวและพ่อที่ไม่เคยอยู่ร่วมฉลองคริสต์มาสกับเธอเลย แต่ถ้าลองใช้วิธีอธิษฐานจากวงแหวนขนมปังขิงมันจะได้ผลไหมนะ?

“ต้นสนนั่นน่ากลัวจัง ถ้ามีลมพัดมาแรง ๆ ต้องล้มแน่ ๆ” เด็กชายผมดำเปรยขึ้นเมื่อสายลมหนาวพัดผ่านแนวต้นสน หน้าอาคารชมรมเบสบอลมีต้นสนสูงใหญ่ต้นหนึ่งที่เด่นสะดุดตา กิ่งก้านที่หนาทึบไปด้วยใบสีเขียวมีหิมะที่ตกมาตลอดเวลาสองสัปดาห์กองสะสมตามกิ่งไม้ที่ไหวโอนโยกเยกอย่างน่าผวาว่าจะล้มทุกครั้งเมื่อมีสายลมพัดผ่าน

⛄❄

หลังเล่นปั้นหิมะกับเพื่อน ๆ และพูดคุยกันจนพอใจแล้ว อีฟก็เดินทางกลับบ้านในช่วงใกล้เที่ยงพอดี แม้แสงแดดจ้าจะส่องลงมาจากท้องฟ้าที่มีเมฆลอยอยู่เบาบาง ทว่าก็ไม่อาจขับไล่ความหนาวเย็นในเบื้องล่างที่มีหิมะสีขาวสะอาดปกคลุมไปทั่วพื้นดินและหลังคา แม้จะถูกเก็บกวาดไปบ้างแต่ก็ยังหลงเหลืออยู่เยอะพอควร

“กลับมาแล้วเหรออีฟ สุขสันต์วันเกิดนะ” หญิงสาวที่ยืนแต่งต้นสนอยู่กลางห้องนั่งเล่นหันมาทักอีฟเสียงใส เธอมีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนและผมสีบลอนด์เหมือนอีฟ แต่ยาวสลวยถึงเอวและดัดลอนปลายผม

“ขอบคุณค่ะน้าแอน สวัสดีค่ะน้าเจมส์” อีฟวางกล่องขนมปังขิงบนเก้าอี้ แล้วโผกอดหญิงสาวผู้เป็นน้องของแม่ ก่อนจะหันไปทักทายชายหนุ่มผมดำที่กำลังติดหลอดไฟประดับต้นสนคริสต์มาส

นอกจากพ่อกับพี่สาวแล้ว อีฟก็ยังมีญาติอีกหนึ่งคือน้าแอนที่เป็นน้องสาวของแม่ ส่วนเจมส์เป็นสามีของแอน บ้านของแอนอยู่ห่างจากบ้านของอีฟไปประมาณครึ่งหมู่บ้าน ทั้งคู่จะแวะมาเยี่ยมครอบครัวอีฟเมื่อว่าง และในช่วงเทศกาลก็จะแวะมาร่วมฉลองด้วย บ่อยครั้งแอนมักจะมาช่วยดูแลอีฟแทนพ่อที่งานยุ่งหรือเจนที่ติดเรียน

“สุขสันต์วันเกิดนะอีฟ คุณยายกับคุณตาฝากของขวัญมาให้ด้วยนะ” เจมส์บอกแล้วยื่นกล่องของขวัญให้เด็กหญิง บนโซฟาในห้องนั่งเล่นยังมีอีกสามกล่องที่มาจากแอนและพ่อแม่ของเจมส์

“ขอบคุณค่ะ งั้นหนูแกะเลยนะคะ” อีฟรับกล่องของขวัญสีฟ้าสดใสมาถือ แล้วเดินไปนั่งบนโซฟา จากนั้นก็แกะริบบิ้นเปิดกล่อง

ของขวัญจากเจมส์เป็นตุ๊กตากระต่ายสีขาวหูตูบ ของขวัญจากแอนเป็นชุดกระโปรงแขนสั้นสีส้มพาสเทล มีติดระบายลูกไม้ตามชายขอบเพิ่มความน่ารักและดูฟูฟ่อง ของขวัญจากพ่อสามีของแอนคือพวงกุญแจไม้รูปมนุษย์ขนมปังขิง ด้านหลังมีหมึกสีขาวเขียนคำว่า 'EVE' ของขวัญจากแม่สามีของแอนเป็นหมวกไหมพรมทำมือสีฟ้าสดใส มีปักลายตุ๊กตาหิมะหน้าตายิ้มแป้นอยู่สามตัว

“พวงกุญแจกับหมวกไหมพรมนั่นคุณตาคุณยายทำเองเลยนะ ชอบไหมจ๊ะ” แอนเข้ามาบอกแล้วยื่นถ้วยโกโก้ร้อนให้หลานสาว ส่วนเจมส์กำลังเก็บกวาดขยะหลังการตกแต่งต้นคริสต์มาส

“ชอบค่ะ! ของน้าแอนกับน้าเจมส์หนูก็ชอบนะ” อีฟตอบเสียงใส แล้วสวมหมวกไหมพรมทันที ก่อนจะรับแก้วโกโก้ร้อนมาจากน้าสาวที่ยิ้มอย่างเอ็นดู

“คุณยายยังทำไก่งวงมาให้ด้วยนะ ส่วนฟรุตเค้กนั่นฝีมือน้าเอง บ้านขนมปังขิงก็ช่วยกันทำ” แอนบอก อีฟหันไปมองที่โต๊ะอาหารทันที บนโต๊ะมีจานใส่อาหารที่เจมส์กำลังจัดเรียงใส่ เพราะทั้งคู่รู้ดีว่าช่วงเทศกาลแบบนี้เจนกับพ่อของอีฟไม่มีเวลาว่างมาจัดการแน่ หรือจะพูดให้ถูกก็คือไม่สนใจที่จะทำต่างหาก น้าทั้งสองจึงช่วยจัดการให้แทน ตั้งแต่เรื่องต้นคริสต์มาสถึงเรื่องอาหาร

สองน้าหลานนั่งพูดคุยกันไปสักพัก ก็รับประทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ส่วนยายของอีฟนั้นไม่มาร่วมด้วย ซึ่งเด็กหญิงคิดว่าคงกำลังนอนพักกลางวันตามประสาคนแก่ เมื่อมื้อเที่ยงสิ้นสุด สองคุณน้าก็ช่วยเก็บกวาดบ้านให้อีฟก่อนจะกลับ

“น้าต้องไปแล้วละ เดี๋ยวพรุ่งนี้น้าจะมาอีกนะ” แอนบอกแล้วหอมแก้มหลานสาวคนเล็กฟอดใหญ่

“หนูจะรอนะคะ ขอบคุณสำหรับของขวัญและอาหารค่ะ” อีฟบอกเสียงใสแล้วโบกมือลาสองคุณน้าที่ต้องกลับบ้านไป

⛄❄

22.40

อีฟนั่งดูทีวีพลางเหลียวมองประตูบ้านเป็นระยะ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของพ่อกับพี่ว่าจะกลับมา

“เดี๋ยวพวกเขาก็มา คืนนี้จะมีหิมะตกด้วย พ่อของหลานอาจจะเจอปัญหาเกี่ยวกับรางรถไฟนิดหน่อย แต่ก็ต้องมาแน่นอน” ผู้เป็นยายที่นั่งดูทีวีอยู่ข้าง ๆ บอกเสียงนุ่มพลางลูบหัวหลานสาวให้คลายกังวล

“คุณยายรู้ได้ไงคะว่าจะมีหิมะตก?” อีฟถามอย่างแปลกใจ

“ฟังพยากรณ์อากาศจากวิทยุสิหลานรัก รู้ไหมว่าวันคริสต์มาสที่มีหิมะตก จะถูกเรียกว่าวันไวท์คริสต์มาส”

“วันไวท์คริสต์มาส?” อีฟทวนคำอย่างสงสัย

“เพราะหิมะตกลงมาปกคลุมทุกอย่างให้เป็นสีขาวโพลน ต้นไม้ พื้นดิน หลังคา ทุกอย่างถูกหิมะคลุมจนกลายเป็นสีขาว นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ ไวท์คริสต์มาส และมันยังเป็นชื่อเพลงคริสต์มาสที่ดังมากด้วย แต่รุ่นหลานคงไม่รู้จักหรอก” คุณยายอธิบาย ใบหน้าที่เหี่ยวย่นไปตามวัยมีรอยยิ้มบาง ๆ ประดับอย่างอารมณ์ดี

“ถึงมันจะสวย แต่ก็หนาวนะคะ” อีฟว่าพลางกระชับเสื้อโค้ตขนแกะ ถึงในบ้านจะมีฮีตเตอร์ทำความร้อนได้ทั่วบ้าน แต่ก็ยังไม่อาจป้องกันความหนาวจากภายนอกได้จนหมด

“นั่นสินะ เสน่ห์ของหิมะคือความสวยที่เยือกเย็น” ผู้เป็นยายพึมพำ อีฟฟังอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็เลิกสนใจทันทีเมื่อรายการโปรดของเธอกลับมาแล้วจบหลังโฆษณา 

23.10

“เฮ้ เธอจะไม่กลับบ้านจริงเหรอเจน” เด็กหนุ่มถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสาวผมบลอนด์ยังนั่งจดบันทึกรายงานชมรม

“อืม” เจนรับคำเสียงเรียบ ดวงตาสีดำที่ฉายแววครุ่นคิดมองเลขสถิติในกระดาษอย่างนึกคำนวณ

“ทิ้งน้องสาวให้อยู่บ้านคนเดียวในวันเกิดมันโหดร้ายมากเลยนะ ถึงเธอจะเกลียดวันคริสต์มาสแต่ก็ไม่ควรทำแบบนี้” เด็กสาวเข้ามาบอกอย่างเป็นห่วง

“ก็ฉันยังทำใจไม่ได้นี่ พอเห็นต้นคริสต์มาสหรือได้ยินเสียงเพลงทีไร หัวใจมันก็อึดอัดขึ้นมาเหมือนถูกบีบ” เจนบอกแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะหลังแม่เธอตายไป เจนก็ทำใจให้รื่นเริงในวันคริสต์มาสไม่ได้อีกเลย กลับรู้สึกอึดอัดรำคาญอยากหนีไปให้พ้นเสียไกล ๆ

“สงสัยเธอจะใส่เสื้อคับเกินไปเลยรู้สึกแบบนั้น” เด็กหนุ่มเอ่ยแซว เลยถูกเพื่อนสาวตีแขนเป็นเชิงปราม ส่วนเจนก็ถลึงตามองเขม็ง

“ตามใจ แต่ถ้าฉันเป็นเธอนะ ฉันจะพยายามอดทนความอึดอัดนั่น แล้วกลับบ้านไปอยู่กับน้องสาวในวันเกิดแทนที่จะมานั่งอุดอู้อยู่ในนี้” เด็กสาวพูดเชิงเตือนสติ เจนก้มหน้างุดซ่อนสีหน้าไหวหวั่นจากสายตาของเพื่อนทั้งสอง

สายลมฤดูหนาวพัดมาวูบใหญ่ ต้นสนที่มีกิ่งก้านใหญ่ใบดกหนาเอียงไหวไปตามลมพร้อมส่งเสียงครางลั่นอย่างน่ากลัวว่าจะหักร่วงลงมา หิมะที่ตกค้างอยู่บนก้านใบร่วงกราวลงพื้นตามแรงลมสะบัดกิ่ง

“พยากรณ์อากาศบอกว่าคืนนี้จะมีหิมะตก ฉันว่าเธอรีบกลับบ้านดีกว่านะ” เด็กหนุ่มเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังเมื่อได้ยินเสียงกิ่งต้นสนไหวตามลม

“ฉันฝากของขวัญให้อีฟด้วยนะ เมอร์รี่คริสต์มาสล่วงหน้า” เด็กสาวบอกต่อแล้วยื่นกล่องกระดาษขนาดเท่าฝ่ามือที่มีริบบิ้นสีแดงผูกไว้อย่างลวก ๆ เจนรับมาใส่กระเป๋าเสื้อโค้ต

“ขอบใจแทนอีฟนะ”

“ฉันไม่มี แต่พรุ่งนี้จะหาไปให้ เมอร์รี่คริสต์มาสล่วงหน้านะคุณเลขา” เด็กหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงล้อเลียนในช่วงท้าย

“อืม ราตรีสวัสดิ์นะ” ทว่าเจนกลับเลือกจะตอบกลับแบบไม่สนเทศกาล เพราะแค่พูดคำว่า 'คริสต์มาส' เธอก็รู้สึกพะอืดพะอมเหมือนอยากจะอ้วก

สองหนุ่มสาวหันมาสบตากันอย่างหน่ายใจในอาการของเจน ก่อนจะเดินออกไปจากห้องชมรมพลางพูดคุยกันต่อ ทิ้งให้เด็กสาวผมบลอนด์นั่งม้วนปลายผมเล่นอย่างครุ่นคิดถึงเรื่องบางอย่าง

“แม่คะ แม่คะ เมอร์รี่คริสต์มาสค่ะ” เจนในวัย 10 ปียื่นกล่องของขวัญให้ผู้เป็นแม่ที่นอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

“ขอบใจจ้ะ” ผู้เป็นแม่รับกล่องของขวัญจากลูกสาวคนโตมาถือแล้วส่งยิ้มให้อย่างเพลีย ๆ เพราะเธอเพิ่งผ่านการคลอดลูกมาแค่วันเดียวร่างกายจึงอ่อนแอกว่าปกติ

“แล้วหนูจะเอาอะไรให้น้องดีคะ” เจนถามเสียงใส ดวงตาสีดำกลมโตที่เปล่งประกายมองทารกในอ้อมกอดของแม่ที่กำลังหลับสนิท

“ให้ความเป็นพี่สิจ๊ะ ต่อไปนี้เจนก็จะมีน้องสาวชื่ออีฟ หนูต้องคอยดูแลน้องเหมือนที่แม่ดูแลหนูนะเจน”

“ได้ค่ะ ต่อไปนี้หนูจะรักน้องเหมือนที่รักแม่ หนูจะกอดน้องทุกวันและหอมแก้มทุกคืนก่อนนอน” เด็กหญิงให้คำมั่นอย่างใสซื่อ

“ดีจ้ะ อย่าลืมทำตามที่บอกไว้นะเจน” ผู้เป็นแม่บอกแล้วยื่นมือที่ซีดเซียวลูบเรือนผมสีบลอนด์หนานุ่มอย่างอ่อนโยน สีผมที่ได้มาจากเธอผู้เป็นแม่และพ่อของเจน

“พรุ่งนี้แม่อย่าลืมเปิดของขวัญของหนูเป็นกล่องแรกนะคะ” เจนบอกเสียงใส

“ได้สิ” ผู้เป็นแม่รับคำ เจนยิ้มอย่างสดใสเมื่อได้ยินคำกล่าว ก่อนจะออกจากห้องไปเพราะหมดเวลาเยี่ยมแล้ว

แต่อนิจจา ของขวัญที่เจนอุตส่าห์ทำให้แม่อย่างสุดฝีมือกลับไม่มีโอกาสถูกเปิดออกอีกเลย เพราะหญิงสาวผู้ได้รับกลับสิ้นลมหายใจไปในตอนสี่ทุ่มของวันนั้น ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเข้าสู่วันใหม่ที่เธอเฝ้ารอ วันเปิดกล่องของขวัญ...บ็อกซิ่ง เดย์

และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เจนเกลียดวันคริสต์มาส เพราะในเมื่อแม่ผู้เป็นที่รักได้จากไป การฉลองในเทศกาลรื่นเริงเช่นนี้ก็ไร้ความสุข เพราะความสุขของเธอคือการมีแม่อยู่เคียงข้าง แล้วคริสต์มาสที่ไร้รอยยิ้มของแม่มันจะมีความหมายอะไรกับเธออีกล่ะ

23.30

บนขบวนรถไฟที่มีผู้โดยสารเพียงครึ่งขบวน มีชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งเหม่อมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง บนเบาะข้างกายมีกล่องของขวัญสีสันสดใสสองกล่องที่ถูกห่ออย่างประณีตด้วยฝีมือของพนักงานร้านขายของ แต่ของในกล่องนั้นคือสิ่งที่เขาพยายามเลือกสรรสิ่งที่เหมาะกับลูกสาวทั้งสองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เฮ้ หิมะตกตามที่กรมอุตุบอกเมื่อตอนบ่ายเลยเนอะ แบบนี้จะกลับไปทันมื้อค่ำวันคริสต์มาสไหมเนี่ย” เสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งบ่นขึ้นเมื่อเห็นเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้ายามราตรี

“ถ้าตกไม่หนักก็น่าจะทัน แต่ถ้าหนักรางรถไฟก็ต้องถูกหิมะถมแน่ ๆ คิดถึงไก่งวงร้อน ๆ ของแม่จัง” เด็กหนุ่มที่เป็นคู่สนทนารำพึงขึ้นในช่วงท้าย

'เหมือนคืนนั้นเลยนะ หิมะตกในวันคริสต์มาสอีฟ'

ชายหนุ่มผมบลอนด์มองหิมะสีขาวสะอาดที่ร่วงลงมาสะท้อนแสงไฟบนสะพานข้ามแม่น้ำ ในค่ำคืนคริสต์มาสอีฟอันหนาวเหน็บเช่นนี้ เป็นวันเกิดลูกสาวคนเล็กของเขา เพราะเกิดในคืนคริสต์มาสอีฟจึงถูกตั้งชื่อว่าอีฟ ถึงแม้เขาจะเคยคิดเล่น ๆ ว่าถ้าเป็นลูกชายจะให้ชื่อว่าคริสต์มาส แต่พอเป็นผู้หญิงจึงต้องเปลี่ยนเป็นอีฟแทน

“ป่านนี้เจนจะกลับบ้านรึยังนะ” ชายหนุ่มพึมพำถึงลูกสาวคนโตผู้เกลียดเทศกาลคริสต์มาสจับใจ เพราะมีแผลใจจากการเสียแม่ไปในคืนคริสต์มาส ซึ่งอีกไม่กี่นาทีก็ใกล้จะถึงแล้ว วันศักดิ์สิทธิ์แห่งฤดูหนาวก่อนสิ้นปี...คริสต์มาส

พอมานึกทบทวนดูแล้ว ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าตนไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูกทั้งสองอย่างที่คนเป็นพ่อควรจะทำ เพราะความเสียใจที่ภรรยาจากไปจึงทำให้เขามุ่งมั่นทำงานหนักหวังให้ลืมความรู้สึกนี้ไปเสีย แต่พอรู้ตัวอีกที ตนก็กลายเป็นมนุษย์เงินเดือนที่บ้างานได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดเทศกาล พอเห็นหิมะตกในวันคริสต์มาสอีฟอีกครั้งหลังไม่ได้เห็นมา 5 ปีจากวันที่อีฟเกิด ความรู้สึกเดิม ๆ ที่เคยลืมเลือนไปก็หวนกลับคืนมาอีกครั้ง และเริ่มรู้ตัวแล้วว่า ช่องว่างระหว่างพ่อ-ลูกมันกว้างขึ้นทุกวันที่ผ่านไป

“วันนี้เป็นวันเกิดของอีฟ คุณว่าลูกของเราจะโตขึ้นเป็นคนแบบไหนล่ะ ที่รัก” ชายหนุ่มพึมพำอย่างนึกถึงคู่ชีวิตที่จากไป ดวงตาสีดำเหม่อมองหิมะโปรยปรายนอกหน้าต่าง แสงไฟสีส้มบนสะพานส่องเกล็ดน้ำแข็งสีขาวเหล่านั้นให้เป็นสีทองแลดูงดงามกว่าหิมะที่เคยเห็น

23.50

เจนปิดไฟดวงสุดท้ายในห้องชมรมหลังสำรวจความเรียบร้อยเสร็จแล้ว ตอนแรกเธอคิดจะนอนค้างที่นี่ถึงเช้าแล้วค่อยกลับบ้าน แต่พอยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาว ซ้ำในอาคารไม้ชั้นเดียวของชมรมเบสบอลยังไม่มีสิ่งเพิ่มความอบอุ่นอย่างเตาผิงหรือฮีตเตอร์ แม้แต่ผ้าห่มหรือเทียนสักเล่มก็ยังไม่มี เจนจึงต้องตัดสินใจกลับบ้านไปนอนซุกตัวในผ้าห่มดีกว่าต้องมานอนทนอากาศหนาวยะเยือกในอาคารไม้เก่า ๆ ริมทะเลสาบ แต่พอเด็กสาวก้าวพ้นประตู ก็สัมผัสได้ถึงความเย็นจากเกล็ดหิมะที่ทิ้งตัวลงมาอย่างนุ่มนวล

“หิมะตกอีกแล้วเหรอ” เจนพึมพำอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้ายามราตรีที่มีละอองสีขาวร่วงลงมาไม่ขาดสาย ตัดกับผืนฟ้าสีดำครึ้มยามค่ำคืน

จู่ ๆ เด็กสาวก็นึกถึงวันนั้นขึ้นมา คริสต์มาสอีฟที่มีหิมะตกหนัก วันที่อีฟได้ลืมตาดูโลกครั้งแรก และวันถัดมาก็คือคริสต์มาส คืนที่แม่ได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ

'ดีจัง งั้นพี่เจนก็ต้องกลับมาทันมื้อเย็นแน่ ๆ หนูจะรอนะ' คำพูดซื่อ ๆ ด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสาจากเด็กหญิงผู้เป็นน้องสาวดังขึ้นในหัวเจน เด็กสาวยืนลังเลอยู่สักพักก็ตัดสินใจปิดประตูไม้สีซีด

“มันไม่เกี่ยวกับวันคริสต์มาสหรอกเจน เธออย่าคิดมากสิ” เด็กสาวพึมพำปลอบใจตัวเอง ก่อนจะใส่กลอนล็อกกุญแจ สวมฮู้ดคลุมหัวแล้วเดินลุยพื้นหิมะที่สูงท่วมข้อเท้า สายลมหนาวพัดเกล็ดหิมะให้ฟุ้งกระจายว่อน แม้ในใจยังนึกหวั่นแต่เจนก็ยังเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มุ่งหน้าไปเผชิญกับสิ่งที่เธอเกลียด...คริสต์มาส

23.50

“ทำไมยังไม่มากันอีกนะ” อีฟที่ปิดทีวีมานั่งรอที่โต๊ะกินข้าวเกือบครึ่งชั่วโมงบ่นพึมพำ เพราะปกติแล้วพ่อมักจะกลับมาถึงบ้านประมาณสองทุ่ม ถ้ารถไฟที่นั่งมามีปัญหาก็อาจจะเลยเถิดไปถึงห้าทุ่ม แต่วันนี้จะเที่ยงคืนแล้วก็ยังไม่มาเลย

“เดี๋ยวก็มา หลานน่าจะกินฟรุตเค้กรองท้องก่อนนะ แอนทำฟรุตเค้กได้อร่อยมากที่สุดเท่าที่ยายเคยกินมา” ผู้เป็นยายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ บอกเสียงนุ่ม ดวงตามีแววสดใสขึ้นมาชั่วครู่เมื่อได้พูดถึงลูกสาวคนเล็ก

“หนูจะรอกินพร้อมพ่อกับพี่ค่ะ แต่ถ้าเลยเที่ยงคืนแล้วยังไม่มา หนูจะกินให้หมดเลย” อีฟประชดในช่วงท้ายเพราะความงอน พ่อมาช้าเธอยังพอเข้าใจ แต่พี่สาวที่ไม่เคยมาเลยอีฟนั้นสุดจะเคือง แต่ถึงกระนั้นเด็กหญิงยังแอบหวังอยู่ลึก ๆ ว่าทั้งสองคนที่รออยู่จะมาทัน

“ถ้าเอาขนมปังขิง 7 ชิ้นมาเรียงเป็นวงกลมให้เสร็จภายในคืนคริสต์มาส มันจะกลายเป็นวงแหวนศักดิ์สิทธิ์ที่ขออะไรก็สมหวัง” ถ้อยคำที่เด็กหญิงผมแดงเคยบอกเธอไว้เมื่อตอนเช้าดังขึ้นในหัวอีฟ เด็กหญิงมองขนมปังขิงจากร้านแนนซี่ที่เธอจัดเรียงไว้ในจานอย่างสวยงามเท่าที่จะทำได้ ในใจนึกใคร่ครวญว่าจะลองทำดีไหมนะ?

“คุณยายคะ ในบ้านเรามีเทียนไขสีขาวไหมคะ” อีฟถามขึ้น

“มีสิ ในครัวตรงตู้เก็บของชั้นล่าง” ผู้เป็นยายตอบกลับ อีฟผุดลุกขึ้นยืนแล้วรีบวิ่งเข้าไปในครัวทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมเทียนหนึ่งเล่มและไม้ขีดไฟหนึ่งกล่อง มองหาที่วางเหมาะ ๆ ก็ได้ตรงโต๊ะไม้อัดมุมห้อง

เด็กหญิงเอาแก้วมารองเทียนกันไฟไหม้ ก่อนจะเริ่มหยิบขนมปังขิงในจานมาวางเรียงเป็นวงกลมให้ครบเจ็ดชิ้น ตุ๊กตาหิมะ ลุงซานต้า กวางเรนเดียร์ ต้นสน ดาว มนุษย์ขนมปังขิง และถุงเท้าคริสต์มาส

“ทำอะไรอยู่เหรอหลานรัก” คุณยายเอ่ยปากถามเมื่อเห็นอีฟวางคุกกี้ขนมปังขิงชิ้นสุดท้าย

“ทำวงแหวนขนมปังขิงค่ะ” อีฟตอบกลับ ก่อนจะถอยออกมาดูผลงานตัวเองอย่างตื่นเต้น แล้วหันไปมองเวลาบนนาฬิกาแบบดิจิตอลบนโต๊ะกินข้าวที่เธอเอามาตั้งไว้เพื่อดูเวลารอพ่อกับพี่

00.00

อีฟขูดไม้ขีดไฟสร้างเปลวไฟให้ลุกพรึบ แล้วจุดเทียนขาวในแก้วที่สูงประมาณครึ่งหนึ่งของเทียน เมื่อเปลวเทียนลุกโชนสว่างไสวสมใจเด็กหญิง อีฟก็เริ่มอธิษฐานทันที

'ขอให้พ่อกับพี่เจน กลับมากินมื้อค่ำกับหนูในคริสต์มาสคืนนี้ อยู่ฉลองด้วยกันสักครึ่งชั่วโมงก็ยังดี'

เด็กหญิงกลับไปนั่งรอบนเก้าอี้หัวโต๊ะอีกครั้ง ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนมองนาฬิกาสลับกับเทียนในวงแหวนขนมปังขิงเป็นระยะ