4 ตอน Chapter 3 Drive me crazy
โดย Arzianez
Chapter 3 Drive me crazy
“เล่ามาสิ”
“จะให้เริ่มเล่าเรื่องไหนก่อน”
“ก็ตั้งแต่ที่เดินออกจากผับ”
“…”
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้” ดวงตาสวยจ้องเขม็งพร้อมหยิบป๊อปคอร์นเข้าปาก เทียน่านั่งขัดสมาธิหลังพิงหัวเตียงเพื่อรอฟังผมเล่า
“ก็...ไปดื่มด้วยกันต่อที่ทะเลสาบข้างสนามตรงชานเมือง แล้วก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนได้รู้ว่าเขาเรียนที่แบล็คฟลาว ปีสาม แล้วเขาก็เป็นนักแข่งซุปเปอร์คาร์มือหนึ่งของแก๊งติณณ์”
“อ้อ เรื่องนี้ฉันก็พึ่งรู้เมื่อไม่นานนี้เหมือนกัน”
“นั่นแหละ แล้วก็แลกเบอร์กันไว้ ก่อนกลับเขาก็นัดไปดื่มด้วยกันอีกทีอาทิตย์หน้า”
“แล้วไงต่อ”
“ก็เท่านี้แหละ จบแล้ว” ผมยักไหล่แล้วหยิบป๊อปคอร์นในมือพี่เข้าปากบ้าง
“ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ฉันหมายถึงเธอได้ไปต่อกับมาร์เกซเรื่องอย่างว่าหรือเปล่า”
“ใจเย็นๆ ฉันพึ่งเจอเขาไม่ถึงวันเองนะ”
“ก็รู้ แต่คิดว่าจะชอบกันแบบวันไนท์ไง”
“จริงๆ เขาก็ชวน แต่ฉันปฏิเสธไป”
“ทำไม” คนถามทำหน้าสงสัยสุดฤทธิ์
“เพราะฉันรู้สึกถูกใจเขามากจนไม่อยากให้มันจบแค่วันไนท์สแตนด์ไง:) ”
“...”
“พูดจริงๆ นะ” เห็นเทียน่าทำหน้าเหมือนไม่เชื่อเลยย้ำอีกรอบให้ได้มั่นใจ
ผมชอบเขาจริงๆ ชอบแบบชอบเลย เขาตรงสเป็คผมทุกอย่างไม่ว่าเป็นจะเรื่องหน้าตา อายุ หรือแม้แต่งานหลักของเขาอย่างนักแข่งรถ
“เป็นเจ้าของสนามตรงชานเมืองด้วย” ข้อนี้ผมว้าวเลย ใครจะไปคิดกันล่ะว่าสนามที่ไปบ่อยยิ่งกว่าบ้านตัวเองจะเป็นสนามเขา
“ให้ตายสิเทียร่า” ร่างเล็กอุทานก่อนจะทำหน้าเครียดขึ้นมา
“อะไร”
“เธอรู้ไหมว่ามาร์เกซเขาโคตรของโคตรเพลย์บอยเลยนะ” น้ำเสียงดูเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิมก่อนจะกล่าวต่อ
“ถึงขนาดที่ฉันกลับมานั่งถามกับตัวเองว่าจะมีใครสามารถหยุดเขาได้ไหม คิดดูละกันว่าหนักขั้นไหน”
“…”
“แล้ววันนี้เธอก็มาบอกว่าเธอชอบเขา พระเจ้า สาบานสิว่าฟ้าไม่ได้เล่นตลกกับพวกเราอยู่น่ะ”
“…”
ให้ตายเถอะ นี่มันอะไรกันวะ
ผมแทบจะกุมขมับตัวเองเมื่อฟังพี่พูดจบ สีหน้าเคร่งเครียดเกิดขึ้นกับเราทั้งสองอย่างไม่อาจปกปิด
นั่งมองตากันไปมาโดยไม่มีใครพูดอะไรจนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก
“ฉันเครียด”
“ฉันก็เครียด”
“กลับใจตอนนี้ทันไหมวะ”
“เขาตรงสเป็คเธอขนาดนั้นคิดว่าตัวเองจะกลับใจไหวไหมล่ะ”
“ก็...ไม่”
“เฮ้อ จริงๆ เลย” เทียน่าถอนหายใจเครือ
“ทำยังไงดี”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“ง่ะ” ผมยู่ปาก
“แต่เอาตรงๆ ฉันก็ไม่ค่อยรู้จักนิสัยใจคอจริงๆ เขาเท่าไหร่ ของแบบนี้ต้องไปถามแบงค์”
“หืม? แบงค์สนิทกับมาร์เกซหรอ”
“อื้อ เห็นพักหลังๆ มาขับรถที่สนามด้วยกันบ่อยมาก น่าจะสนิทกันพอตัวเลย”
“งั้นพรุ่งนี้ไปเพนท์เฮ้าส์แบงค์กัน!”
“เอาจริงหรอ”
“จริงสิ ช้ากว่านี้ฉันได้เครียดจนปวดหัวตายก่อนแน่ๆ”
“หึๆ ก็ได้”
“ขอบใจ” ผมคลี่ยิ้มก่อนจะโน้มตัวลงนอนซบตักอุ่นอย่างวิสาสะ ไม่มีเสียงท้วงห้ามนอกจากนิ้วเรียวที่ลูบกลุ่มผมกันไปมา
“เธอนี่น้า ชอบใครไม่ชอบดันไปชอบมาร์เกซ” เสียงใสกล่าวด้วยความสงสารปนเอ็นดู
“ก็ใครจะไปรู้เล่า” ผมบ่นกระเง้ากระงอด ถ้ารู้คงไม่ชอบเขาตั้งแต่แรกหรอก ชิ
“รอฟังกับแบงค์พรุ่งนี้ เธออาจจะมีหวังขึ้นมาก็ได้” พูดไปก็ลอบขำไป ผมแยกเขี้ยวใส่พี่ไปทีหนึ่งพร้อมเอี้ยวตัวหยิบป๊อปคอร์นเข้าปากอีกฝ่าย
“กินไปไม่ต้องพูด”
“แบร่”
“พี่เทียน!”
แกล้งกันอยู่ได้ เทียร่าจะงอนแล้วนะ!
.
.
.
มหาวิทยาลัยเรดฟลาวเวอร์
“ไอ้เทียร์มึงดูนี่”
“ไม่ดู จะนอน”
“สัด กูอุตส่าจะอวดกุญแจรถคันใหม่”
“ซื้ออีกแล้วหรอ” ศีรษะเล็กชะโงกขึ้นมองแบงค์ที่นั่งค้ำคางด้วยใบหน้าตายสุดขีด
ผมคว้ากุญแจรถมาดูยี่ห้อที่สลักไว้แล้วพบว่าเป็นแลมโบกินี่...อีกแล้ว
“คันที่เท่าไหร่แล้ว”
“หก”
“ขยันซื้อเนอะ”
“ก็ของมันต้องมีนี่หว่า” ร่างสูงตอบกลับด้วยความภาคภูมิใจ หันไปหาเจกับเทียน่าที่เก็บของเข้ากระเป๋ากันอยู่เมื่อจบการเรียนการสอนในคาบบ่ายเป็นที่เรียบร้อย
“กินข้าวร้านไหนดี”
“ติณณ์ชวนไปกินร้านอาหารเกาหลีข้างๆ มอ ไปกันไหม” เทียน่าถามขณะที่เราทั้งสี่คนเดินออกจากห้องเรียนในเวลาบ่ายโมงกว่า ผมพยักหน้า
“ร้านนั้นก็ได้”
“โอเค กูด้วย”
“กูด้วยคน” เมื่อตกลงกันได้จึงพากันนั่งรถไปร้านที่หมาย ผมนั่งกับเจและแบงค์แค่สามคน ส่วนเทียน่านั่งรถติณณ์
แทบเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่มาร์ติเนซจะมาทานมื้อเที่ยงหรือแวะมานั่งด้วยตอนอยู่มหาลัยเพราะมาหาพี่เทียน สองคนนี้ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋เลยก็ว่าได้
“เออว่าแต่พวกมึงรู้หรือยังว่าพรุ่งนี้ชมรมเขานัดรวมกันที่ห้องประชุมใหญ่”
“กี่โมงอะ”
“บ่ายสองมั้ง”
“ขี้เกียจเข้า” ผมบ่นขณะคีบไก่ทอดเข้าปาก จะหาว่าขี้เซาก็ได้แต่เวลาบ่ายๆ เป็นอะไรที่โคตรง่วงเลย
“เหมือนจะพูดเรื่องนักศึกษาที่มาแลกเปลี่ยนที่มหาลัยมั้งครับ” มาร์ติเนซบอกเสียงเรียบ
“จากแบล็คฟลาวน่ะหรอ”
“ครับ” ฟังดูน่าสนใจใช่ย่อยเลย แบบนี้ค่อยมีแรงเข้าชมรมหน่อย
Rrrrrrrrr
ผมละตะเกียบในมือมาหยิบโทรศัพทในกระเป๋ากางเกงเมื่อสายเรียกเข้าดังขึ้น
หน้าจอปรากฏชื่อไทเมอร์ อาสุดที่รักของผมและพี่เทียนจึงรีบกดรับพร้อมเปิดสปีกเกอร์โฟนทันที
“ครับอาไทม์”
(เรากับพี่กลับถึงบ้านหรือยัง)
“ยังครับ แวะทานข้าวกันอยู่”
(อาโทรมาบอกว่าเย็นนี้อาจจะไม่ได้ไปทานมื้อเย็นที่บ้านด้วยแล้ว)
“ทำไมล่ะครับ” เป็นพี่เทียนที่หันมาถาม
(อาต้องอยู่เคลียร์เอกสารที่มหาลัยต่อให้เสร็จ ไหนจะเรื่องนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่จะไปเรียนเรดฟลาวอีก ขอโทษทีนะหลาน)
“ไม่เป็นไรครับ ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ อาว่างใช่ไหม”
(ว่างครับ)
“ดีเลย แต่เทียร์มีเรื่องถามอยู่อย่าง” ผมคลี่ยิ้มขณะพูดแม้ปลายสายจะมองไม่เห็นก็ตามที
(เรื่องอะไร)
“อาให้ใครมาเรียนแลกเปลี่ยนที่เรดฟลาวในเทอมนี้หรอ”
(คิดจะใช่อภิสิทธิ์ความเป็นอาหลานถามความลับกันหรือไง)
“ใช่แล้ว” ผมขำออกมาน้อยๆ คนอื่นบนโต๊ะก็เช่นกัน พวกเราต่างอยากรู้กันทั้งหมดจึงได้รอฟังกันเงียบๆ
(บอกชื่อไม่ได้ แต่ว่าเป็นผู้ชาย)
“เดาง่ายที่ไหนล่ะครับ” บอกมาแค่นี้อาไทม์คิดจะแกล้งกันหรือไง เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของนักเรียนแบล็คฟลาวต่างเป็นผู้ชายทั้งหมดเลยนะ
เดาไม่ออกเลยให้ตายเถอะ
(อามั่นใจว่าพวกเราทุกคนต้องรู้จักแน่นอน เหมือนเขาจะโดดเด่นพอตัวเลยมั้ง)
“ก็ยังเดาไม่ได้อยู่ดี”
(หึๆ ไว้ลุ้นพรุ่งนี้แล้วกันนะหลาน)
“ชิ ก็ได้ครับ” แม้จะอยากถามต่อแต่ก็ยอมตกปากรับคำโดยง่าย อาตัดสายไปถึงได้หันกลับมาให้ความสนใจกับอาหารตรงหน้าต่อเหมือนเดิม
“ใครวะที่เราทุกคนต้องรู้จัก” แบงค์ทำหน้าสงสัย ผมเองก็พลอยสงสัยตามไปด้วย
แสดงว่าต้องเป็นคนดังพอตัวเลยนะเนี่ยอาถึงได้ใบ้อย่างมั่นใจขนาดนี้
“ผมรู้นะว่าเป็นใคร”
“จริงหรอ” เป็นเทียน่าที่หันไปหาแฟนตัวเองฉับไว ใบหน้าคมคายพยักรับ
“ที่อาคุณใบ้มาก็ถูกหมดทุกอย่าง พวกเราทุกคนรู้จักแน่นอน”
“ใครวะ”
“บอกชื่อมาเลยได้ไหม”
“ฉันอยากรู้จะจนบ้าแล้วเอาดีๆ”
“หึๆ ไว้รอลุ้นกันพรุ่งนี้ดีกว่าครับ”
“ติณณ์!”
...โดนแกงอีกจนได้ นี่มันวันอะไรของเทียร่าก็ไม่รู้ ฮื่อ
.
.
22:23 น.
“จะแดกอะไร”
“เบียร์” เทียน่า
“เหล้าเข้มๆ” เจ
“ไวน์แดง” แล้วก็ผม
ตอนนี้สี่ทุ่มครึ่งแล้ว หลังจากที่กลับจากร้านอาหารพวกเราก็พากันย้ายสังขารมาตั้งก๊กกันที่เพนท์เฮ้าส์แบงค์ตามที่ได้พูดไว้
ยกเว้นติณณ์ที่เขาต้องกลับไปทำงานต่อที่สนามแข่ง
“จะบอกกูได้หรือยังว่าทำไมพวกมึงถึงมาค้างบ้านกูวันนี้” แบงค์ยื่นเครื่องดื่มมาให้แล้วนั่งลงมองหน้าผมกับเทียน่าสลับกันไปมา ไม่คิดจะถามเจเพราะฝ่ายนั้นค้างด้วยกันแทบทุกวันอยู่แล้ว
“ก็ไม่มีอะไร” ผมยักไหล่ขณะรินไวน์ลงแก้ว
“มีเรื่องจะถามอยู่เรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไร”
“สนิทกับคนที่ชื่อมาร์เกซไหม”
“ก็พอตัว ทำไมวะ” ใบหน้าหล่อเหลาหันมาถามก่อนจะหรี่ตาลง อย่างสงสัย
“ช่วยเล่าเรื่องเขาให้ฟังหน่อยได้ไหม”
“หมายถึง...”
“เฉพาะเรื่องนิสัย” เป็นเทียน่าที่พูดสมทบด้วยรอยยิ้ม ฉับพลันสองสายตามองกันราวจะสื่อสารอะไรบางอย่างโดยที่ผมเดาไม่ได้
“โอเคได้เลยเพื่อน”
“ว่ามา” จิบไวน์รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“อย่างแรกคือมันเป็นคนเจ้าชู้ อ่า...ไม่สิ เรียกว่าเพลย์บอยมากกว่า”
“อืม อันนี้รู้แล้ว” เทียน่าก็พูด ซ้ำแบงค์ก็ยังจะพูดอีก เชื่อแล้วล่ะว่าเป็นเรื่องจริง
“พูดไงดีวะ มันไม่ได้ไปทั่วนะ คือคู่ควงมันแต่ละคนก็เป็นคนที่รู้จักกันดีในระดับหนึ่งแล้วทั้งนั้น”
“เขาแพรวพราว” เทียน่าพูดเสริม
“เออใช่ๆ เป็นคนที่โคตรแพรวพราว เอาง่ายๆ คือต่อให้มันนั่งเฉยๆ ก็ทำคนอื่นหวั่นไหวได้แล้วอะ”
“แต่มันมีประเด็นหนึ่งที่สำคัญกว่าเรื่องความแพรวพราวของเขา” แฝดคนพี่หันมองแบงค์และผมขณะพูด
“มีคำหนึ่งที่เขามักจะย้ำนักย้ำหนาจนจำได้ขึ้นใจ”
“อะไร”
“...มาร์เกซไม่อยากมีแฟน” เสียงสองเสียงประสานกันจนได้ยินเต็มสองหู
แก้วไวน์ในมือชะงักกึกกลางอากาศเมื่อฟังจบ เผลอแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาอย่างไม่อาจกลั้น
ชิบหาย...นี่นอกจากผมจะชอบคนแพรวพราวเจ้าชู้แล้วผมยังชอบคนที่ไม่อยากแฟนอีกหรอเนี่ย...
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ” เจหันมาถาม
“อย่าบอกนะไอ้เทียร์ว่ามึงชอบมัน”
“อืม” ตอบไปอย่างไม่คิดปฏิเสธ ฉับพลันภายในห้องเงียบกริบจนได้ยินเสียงแอร์
“เชี่ยเทียร์”
“มึงจริงจังปะเนี่ย”
“จริงจังสิ” หน้าผมตอนนี้ดูเหมือนกำลังพูดเล่นอยู่หรือไง เครียดจนเหงื่อเกาะขมับขนาดนี้แล้ว
“สงสารว่ะ” แบงค์ว่าขำๆ พร้อมใช้มือขยี้หัวผมจนกระเซอะกระเซิง
“เอาแล้วครับ งานยากมึงแล้วครับน้องเทียร่า” เจพูดด้วยรอยยิ้ม
“จะเปลี่ยนใจพ่อหนุ่มสุดหล่อสุดรวยคนนี้ได้ไหมน้า” แบงค์ทำหน้ายียวน
“หรือจะได้แค่วันไนท์แล้วก็จบปิ๊ง” เทียน่าเปล่งเสียงขำ
“หงึ!”
...จะโทษตัวเองที่ไปชอบมาร์เกซ หรือจะโทษมาร์เกซที่ทำตัวแพรวพราวจนผมตกหลุมพรางดีล่ะ
______________
เจอกันตอนหน้าค่ะ
รักคุณนักอ่านตะเหมออ
?
Comments (0)