Chapter 1 It's gonna be lit tonight

“ไอ้เทียร์ เสร็จหรือยัง”

 

“แปปนึงสิ”

 

“ช้าจังวะมึงนี่” เสียงบ่นดังแว่วอยู่หน้าบ้าน ผมรีบสวมรองเท้าพลางหันไปล็อคประตูรั้ว ก่อนจะวิ่งมาขึ้นรถที่จอดรออยู่ตั้งแต่สิบนาทีที่แล้ว

 

“แบงค์ล่ะ”

 

“มันขี้เกี้ยจไป ไอ้เทียนอะ”

 

“ไปบ้านติณณ์ สงสัยวันนี้คงมีแค่เราสองคนแล้วแหละ” ผมยักไหล่ด้วยความเสียดาย

 

แก๊งผมมีสี่คน สองเพื่อนและอีกหนึ่งแฝด เพื่อนสองคนที่ว่าคือเจและแบงค์ กับแฝดคนพี่คือเทียนหรือเทียน่า ที่ตอนนี้กกอยู่แต่กับนายติณณ์ มาร์ติเนซ แฟนของตัวเองแทบไม่กลับบ้านกลับช่อง

 

ทว่าวันนี้ที่อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะไปดูงานแข่งรถด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากลับเหลือแค่ผมและเจเท่านั้น

 

แฝดคนพี่อย่างเทียน่าก็ไปค้างบ้านแฟน เพื่อนอีกหนึ่งคนก็นอนขี้เกียจอยู่บ้านเสียอย่างนั้น ดีเท่าไหร่ที่ผมยังเหลือเจไปด้วยอยู่

 

“แวะหาของกินกันก่อนปะ กูยังไม่ได้กินข้าวเลย”

 

“เอาสิ” ผมพยักหน้าไม่ปฏิเสธเพราะยังไม่ได้ทานอะไรไปเหมือนกัน

 

ราวๆยี่สิบนาทีเศษที่เรามาถึงสนามแข่ง ถ้าจำไม่ผิดเคยได้ยินเทียน่าบอกว่าเป็นสนามของน้องชายมาร์ติเนซมั้ง

 

ซึ่งผมก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้ไปงั้นๆเพราะยังไงก็ไม่เคยเห็นค่าตาน้องคนนั้นมาก่อนอยู่แล้ว

 

ผมกับเจแวะทานมื้อเย็นง่ายๆที่ร้านๆหนึ่งข้างสนามแข่ง พอเสร็จก็เดินเข้ามานั่งบนอัฒจันทร์ที่จองไว้

 

คนเยอะพอควรเลย ทั้งๆที่ครั้งนี้เป็นงานแข่งรถที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่างานปลายปีเลยด้วยซ้ำ

 

“อย่าแปลกใจ สนามนี้มีแข่งทีไรที่นั่งเต็มทุกรอบ”

 

“มึงมาบ่อยหรอ”

 

“รอบนี้รอบที่ห้ามั้ง แต่ตอนงานแข่งรถปลายปีปีที่แล้วมึงก็มาเชียร์ไอ้เทียนอยู่หนิ”

 

“ก็แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวไง” ผมอธิบาย เพราะส่วนใหญ่ผมจะไปอีกสนามที่อยู่ตรงชานเมืองมากกว่า

 

“วันนี้เห็นเขาบอกว่ามีเจ้าของสนามลงแข่งด้วย แต่กูไม่รู้ว่าเบอร์อะไร”

 

ฟังดูน่าสนแฮะ

 

ผมเพ่งความสนใจไปยังรถซุปเปอร์คาร์หลายต่อหลายคันที่จอดอยู่บนถนนเมื่อการแข่งขันใกล้เริ่มขึ้น

 

“รถเบอร์แปดสวยจัง” เหมือนจะเป็นเฟอร์รารี่มั้งถ้าจำไม่ผิด ตัวรถสีแดงสดสะดุดตา กระจกเงาวับปิดสนิททำให้มองคนขับที่นั่งอยู่ภายในไม่ชัดเท่าไหร่นัก

 

ในที่สุดการแข่งขันก็เริ่มขึ้น แล้วเชื่ออะไรไหม…ตลอดระยะเวลาการแข่งขันผมแทบไม่ได้มองรถคันอื่นเลยนอกจากรถเบอร์แปดคันนี้

 

แน่นอนว่ามันก็ทำให้รู้ถึงความเก่งกาจและชำนาญเข้าขั้นเซียนของคนขับจนหลุดปากชมอยู่หลายต่อหลายหน

 

เฮ้!!!!!

 

และก็เป็นเบอร์แปดอีกเช่นกันที่วิ่งเข้าเส้นชัยไปอย่างขาดลอย

 

ผมจ้องมองจนกระทั่งรถคันหรูจอดนิ่งสนิท ไม่รู้สิ แต่อยากเห็นหน้าคนขับชะมัดเลย

 

เฝ้ารอให้คนด้านในเปิดประตูรถออกมาอยู่เนิ่นนานและก็เป็นดั่งใจหวังเมื่อขายาวก้าวย่ำลงพื้นในที่สุด

 

เสียงกรี๊ดจากคนรอบข้างไม่ได้ทำให้ผมอยากผละสายตาจากร่างสูงกลางสนามเลยสักนิด

 

“Damn…หล่อชิบ” ใบหน้าคมคร้ามปรากฏแก่สายตาเมื่อหมวกที่สวมอยู่ถูกถอดออก

 

เส้นผมดำเข้มชื้นไปด้วยเหงื่อ ดวงตาสีอำพันกวาดมองทั่วสนามก่อนจะยกยิ้มให้เป็นการขอบคุณ

 

“สักที่คอด้วยหรอเนี่ย” ทั่วทั้งลำคอประดับไปด้วยรอยสักจนดูน่ามอง ดูน่าค้นหาขึ้นมาล้านเท่าเลย

 

ยิ่งมองก็ยิ่งหล่อ ยิ่งมองก็ยิ่งละสายตาไปไหนไม่ได้

 

พระเจ้า สาบานได้เลยว่าเทียร่าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

 

“ชอบหรอวะ”

 

“อืม หล่อชิบหาย”

 

“มาร์เกซ”

 

“มึงรู้จัก? ” หันหาเจอย่างรวดเร็ว ฝ่ายนั่นส่ายหน้า

 

“ไม่เชิง แค่เคยได้ยินชื่อ เป็นนักแข่งซุปเปอร์คาร์มือหนึ่งของสนามไอ้ติณณ์เลย”

 

อา ได้ยินแบบนี้ยิ่งรู้สึกชอบเข้าไปใหญ่

 

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ”

 

“หืม? แบบไหน” ผมถามทั้งที่สายตายังมองนักแข่งสุดหล่อที่พึ่งรู้ชื่อไปหมาดๆ

 

มาร์เกซ…

 

“หน้าเหมือน…อยากรู้จักมันมากกว่านี้”

 

“หึๆ อือ” เถียงไม่ออกจริงๆขอโทษที ก็ผมชอบเขามาก ถ้าตัดเรื่องหน้าตาที่หล่อชิบหายออกไปคือผมโคตรชอบฝีมือการขับรถของเขาเลย

 

ยิ่งช่วงนี้ผมอินกับซุปเปอร์คาร์มากๆก็ยิ่งทำให้คลั่งใคล้มากไปกว่าเดิม

.

.

“วิญญาณมึงยังอยู่กับร่างไหมครับน้องเทียร่า” มือหนาตบเบาๆที่ข้างแก้มขณะเดินออกมาจากสนามและเตรียมขึ้นรถกลับบ้าน ผมยู่ปากขึ้นอย่างขัดใจ

 

“เจ็บ!”

 

“โอเค มึงยังปกติดีอยู่”

 

“ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

 

“ก็นึกว่าใจลอยไปกับมาร์เกซอะไรนั่นแล้ว”

 

“อย่ามามั่ว” ถึงจะชอบแต่ก็ไม่ได้อาการหนักเข้าขั้นนั้นหรอกนะ

 

Rrrrrrrr

 

“รับให้กูหน่อย จะขับรถ” ผมเอี้ยวตัวหยิบโทรศัพท์เจมากดรับตามคำขอ ปลายสายเป็นเทียน่าจึงกรอกเสียงไปอย่างเริงร่า

 

“ว่าไงพี่ชาย”

 

(หืม? นี่เธอยังไม่กลับอีกหรอ)

 

“กำลังจะกลับ ทำไม”

 

(ดีแล้วที่อยู่ด้วยกัน ฉันจะได้ไม่ต้องโทรชวนหลายรอบ)

 

“ชวนไปไหนว่ามา” ถ้าเป็นเรื่องเที่ยวนี่เทียร่าพร้อมมากบอกเลย

 

(ติณณ์ชวนมาดื่มที่ผับ ฉลองที่วันนี้เพื่อนเขาแข่งรถชนะ)

 

“เพื่อนที่ว่านี่ใคร” ทั้งผมและเจหันมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะเอียงหูรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ

 

ไม่ได้คาดหวังเลยนะแค่อยากรู้ว่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่คิดไว้ในใจไหมแค่นั้น

 

(…มาร์เกซ)

 

“ตกลง” นาทีนี้ถ้าปฏิเสธให้เอาปืนมายิงผมได้เลย:)

 

“บังเอิญเกินไปแล้วมั้ง” เจพูดแซวๆเมื่อวางสายเสร็จ ผมยกยิ้มตอบอย่างไม่อาจปกปิด แปลกใจเหมือนกันที่ทุกๆอย่างดูเป็นใจขนาดนี้

 

“พรหมลิขิตหรือเปล่าก็ไม่รู้” พูดขำๆ

 

ไม่นานก็เดินทางมาถึงผับที่หมาย เวลาเที่ยงคืนกว่ายังถือว่าไม่ดึกมากสำหรับพวกเรา ขึ้นบันไดไปยังชั้นสองก่อนจะมองหาโต๊ะจนเจอ

 

ผมฟุบนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเทียน่า และเจก็นั่งข้างผมอีกที ตรงข้ามเป็นผู้ชายที่ไม่คุ้นหน้าสองคน กับเก้าอี้ว่างอีกหนึ่งตัว

 

“มากันครบแล้วใช่ไหม” มาร์ติเนซเป็นคนเริ่มบทสนทนาบนโต๊ะ

 

“รอมาร์เกซก่อน มันกำลังเข้ามา” เป็นคนหน้านิ่งที่เอ่ยตอบ จะว่าไปผมก็คุ้นหน้าคนนี้อยู่แฮะ เหมือนตอนที่พี่เทียนป่วยช่วงเดือนที่แล้วเขาเป็นคนเอาของมาเยี่ยมที่บ้านมั้ง

 

อ๋อใช่ อคิณ ผมจำชื่อได้แล้ว

 

“อะ นี่ของเธอ” จู่ๆเทียน่าก็ยื่นแก้วไวน์มาให้ ผมยิ้มขอบคุณเล็กน้อยพลางกระดกดื่มไปอึกใหญ่

 

จะไม่บอกแล้วกันว่าผมดื่มเหล้าไม่ค่อยได้ คออ่อนชนิดที่ห้าแก้วสลบไม่รู้เรื่องราวได้เลย

 

“แดกเหล้ากับกูไหม” เจหันมาถามอย่างยียวน

 

“กวนตีน” โดนแกล้งตลอดทุกครั้งที่ไปผับเลย ทำไมกันเล่า เรื่องคออ่อนมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะ ชิ

 

“นั่นไงมาแล้ว” เสียงทุ้มกระซิบบอกข้างหูก่อนที่ผมจะหันไปเห็นว่าร่างสูงที่แสนคุ้นตาเดินมาที่โต๊ะพร้อมนั่งลงบนเก้าอี้ว่างตรงข้ามผมเป๊ะๆ

 

“มึงมาช้า” อคิณหันไปพูดเสียงเรียบ

 

“โทษที พอดีกูแวะเอารถไปเก็บที่บ้าน” ตอบกลับพลางยักไหล่ มือแกร่งคว้าแก้วไวน์มาดื่ม ขายาวยกขึ้นไขว่ห้างดูสง่าผ่าเผย

 

“เทียร่าครับ นี่เพื่อนผมเองนะ” มาร์ติเนซหันมาบอกด้วยรอยยิ้มสุขุม

 

เขาเริ่มแนะนำเพื่อนตัวเองให้ผมรู้จักทีละคน คงเพราะรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอเพื่อนในแก๊งเขาจริงๆจังๆสักที

 

“อคิณ ไคเซอร์ แล้วก็มาร์เกซครับ ส่วนนี่เทียร่า แฝดคนน้องของเทียน่า” ประโยคหลังเขาหันไปพูดกับเพื่อนตัวเอง

 

ผมยกยิ้มให้ทีละคนด้วยความใจเย็น อคิณอาจจะดูนิ่งหน่อย ไคเซอร์ก็เป็นมิตรปกติ เว้นแต่มาร์เกซที่พึ่งจะสบสายตามองกันเป็นครั้งแรก

 

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ผมบอกพร้อมปรายยิ้มสวย ทำทีเหมือนจะบอกเพื่อนใหม่ทั้งสามคน

 

…แต่สายตาของผมจ้องมองไปที่มาร์เกซแค่คนเดียว:)

 

“หึ” และแน่นอนว่าอีกฝ่ายเองก็ล่วงรู้

 

ตาคมไล่มองกันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ฉับพลันเรียวปากกระตุกยิ้ม เบนสายตาขึ้นมองกันอีกรอบก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง

 

อา อย่าทำราวกำลังสนใจเหมือนกันได้ไหม

 

“เห็นเธอกับเจไปงานแข่งรถวันนี้ด้วยหนิ เป็นยังไงบ้าง” เทียน่าหันมาถามทั้งผมและเจ ตัวเองจึงหันไปให้เจตอบก่อน

 

“ก็สนุกดี โค้งสุดท้ายอย่างลุ้น” พยักหน้าเห็นด้วยขณะฟัง จำได้ว่าสูสีกันจนใจเต้นแรงไปหมด

 

“ส่วนฉันก็เหมือนกัน แต่รู้สึกดูไม่เต็มที่เท่าไหร่เพราะมัวแต่มองแค่รถคนเดียวตลอดทั้งเกม”

 

“หืม? คันไหน”

 

“ก็…เฟอร์รารี่ F8 คันสีแดงไง” จงใจตอบแค่ยี่ห้อรถแต่ไม่ตอบเบอร์รถให้คนฟังสงสัย

 

คนอื่นๆบนโต๊ะดูเหมือนจะไม่เข้าใจ ยกเว้นก็แต่คนๆหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันตอนนี้

 

มาร์เกซมองกันไม่คิดกระพริบ แน่ล่ะว่าผมเองก็จ้องมองกลับไปเช่นกัน

 

ปากสีเข้มยกยิ้มให้อย่างกรุ้มกริ่ม นิ้วเรียวไล้วนขอบแก้วราวกำลังรออะไรบางอย่าง

 

บางอย่างที่ผมรู้ว่าคืออะไร และก็จะไม่เล่นตัวให้เสียเวลาด้วย

 

“ไปเดินเล่นข้างล่างก่อนนะ” หันไปบอกคนเป็นพี่รวมทั้งเจ มันมองผมด้วยรอยยิ้มอย่างล่วงรู้ความคิดกัน

 

ทำไงได้ล่ะ มีพี่ชายแถมเพื่อนใหม่อีกสองคนอยู่บนโต๊ะผมก็ไม่กล้าเริ่มคุยด้วยสิ

 

ต้องหาโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสองเองถึงจะถูก

 

คว้าแก้วถือติดไม้ติดมือมาด้วยขณะเดินลงบันไดไปยังชั้นล่างที่หมาย

 

เท้าเล็กก้าวเดินทีละขั้นอย่างอ้อยอิ่งราวกำลังรอใครสักคน และก็เป็นไปตามคาดเมื่อเสียงเรียกจากด้านหลังดังขึ้น

 

“เทียร่า”

 

ไหนลองทายมาซิว่าใครที่เดินตามมา:)

 

 

------------------

ขอเช็คประชากรหม่ามี๊น้องเทียร่าหน่อยค่า มีคนรออ่านกันอยู่ไหม

เม้นเยอะเดี๋ยวรีบมาต่อให้เลยคั้บ!