Chapter 5 You're awesome

 

“แม่ง!” ผมสบถออกมาอย่างหัวเสียแม้จะกลับถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตาม

ฟุบนั่งลงบนโซฟาห้องนั่งเล่นพลางยู่ปากน้อยๆ บอกตามตรงว่าเอาสถานการณ์ก่อนหน้านี้ออกจากหัวไมได้เลย ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร

“อ้าว กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” พี่เทียนทำหน้าแปลกใจเมื่อเดินลงมาจากบันไดแล้วเห็นผมนั่งหน้ามุ่ยอยู่ตรงนี้

“เมื่อกี๊”

“มาร์เกซมาส่งหรอ”

“นั่งแท็กซี่มาเอง”

“หืม?”

“มานี่เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง” กวักมือเรียกพี่ปอยๆ จนอีกฝ่ายยอมนั่งลงข้างๆ

“อย่าบอกนะว่าเขาคือสาเหตุที่ทำให้เธอมานั่งหน้าเครียดอยู่ตรงนี้น่ะ”

“ใช่” ใช่แบบไม่ต้องเดาเลย ยิ่งพูดยิ่งมีน้ำโหให้ตายเถอะ

“มาร์เกซทำอะไรให้เธอ”

“เขาไม่ได้ทำ แต่คู่ควงเขาทำ”

“คู่ควง?”

“อือฮึ”

“ไหนเล่ามา”

“ก็พอกลับจากมอฉันก็ให้มาร์เกซไปส่งที่ร้านพี่บอมบ์ ซึ่งเขาว่างพอดีเลยอาสาเดินเลือกเป็นเพื่อนด้วย แล้วเขาก็ชวนฉันไปขับรถเล่นที่สนาม แต่เชื่ออะไรไหมเทียน่า” ผมเว้นช่วงเพื่อพักหายใจ

“อะไร”

“จู่ๆ คู่ควงเขาก็โผล่มาขัดจังหวะแล้วดึงเขาเข้าไปหอมต่อหน้าต่อตาฉันไง”

“ชิบ...”

“ใช่ ชิบหายมากๆ แล้วฉันก็หัวร้อนมากๆ ถึงได้ปฏิเสธแล้วชิ่งหนีกลับบ้านมานี่ไง” กอดอกมองบนอีกครั้งเมื่อเล่าจบ

ใครไม่เป็นผมคงไม่เข้าใจความรู้สึกในตอนนั้น แม่งเป็นอะไรที่โคตรหัวเสียจริงๆ

“ฉันก็พอจะรู้อยู่หรอกว่ามันเป็นเรื่องปกติที่จะมีคู่ควงเขาโผล่หน้ามาให้เห็น แต่นี่มันพึ่งสี่วัน แค่สี่วันเองนะเทียน่า” กว่าจะทำให้เขามาชอบผมได้จริงๆ นี่ผมจะไม่เป็นบ้าตายก่อนหรอกหรอ

“เอาจริงๆ ถ้าฉันเป็นเธอฉันก็คงหัวร้อนเหมือนกันนั่นแหละ”

“ดีแค่ไหนที่ฉันไม่ปรี๊ดแตกใส่เขา”

“เอาน่า ไว้ถ้าเธอทำสำเร็จเมื่อไหร่ฉันมั่นใจว่ามันจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอน” มือเล็กยกขึ้นลูบหลังแผ่วเบาหวังให้ผมใจเย็นลง

“อยากดื่ม”

“อกหัก?”

“ดื่มให้หายหัวร้อนเฉยๆ เถอะ” ตอบกลับอย่างไวเมื่อโดนแซว เทียน่าลอบขำ

“งั้นไปบ้านติณณ์กับฉันไหม เขาชวนฉันดื่มแล้วก็ว่ายน้ำด้วยพอดี”

“เอาสิ ขอฉันไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแปปนึง” บอกเสร็จก็รีบสาวเท้าขึ้นมาที่ห้องตัวเองแล้วจัดการทำธุระให้เสร็จสรรพ

ในหัวตอนนี้คืออยากทำอะไรก็ได้เพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอคิดถึงเรื่องเขาให้เสียเวลาเสียและเสียสุขภาพจิต

ไม่รู้หรอกว่าพอผมชิ่งหนีมาแล้วมาร์เกซจะรู้สึกยังไง แต่เขาคงน่าจะรู้และเข้าใจความรู้สึกผมอยู่บ้าง

ถึงจะชอบเขาก่อนแต่อย่าคิดเชียวว่าจะตามจีบตามง้อได้ตลอดเวลา

เดี๋ยวจะทำให้รู้เองว่าเทียร่าน่ะทำเสือคลั่งได้มากเกินกว่าที่จินตนาการเอาไว้เสียอีก

“ฉันขับเอง”

“ขอบใจ” ผมอาสาขับรถให้พี่นั่งจนถึงที่หมาย เดินเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ของมาร์ติเนซในรอบหลายสัปดาห์

“เทียร่าอยากดื่มอะไรเป็นพิเศษไหมครับ เดี๋ยวผมไปหยิบให้”

“ขอไวน์แล้วก็เหล้า” ตอบกลับมาร์ติเนซด้วยรอยยิ้มก่อนที่เขาจะพยักหน้ารับและเดินไปหยิบให้

“เหล้า? นี่เธอกะจะดื่มให้เมาเลยหรอ”

“อื้อ ทำไม”

“ทำตัวเหมือนคนอกหักชะมัด”

“บอกว่าแค่โกรธเฉยๆ ไง” นี่ถ้าเทียน่าพูดว่าผมอกหักอีกรอบจะโกรธแล้วนะ ยังไม่ได้ถึงขั้นรักมาร์เกซซะหน่อย ต้องเรียกโกรธเฉยๆ ถึงจะถูก

“ดีนะที่พรุ่งนี้ไม่มีเรียน ไม่งั้นฉันได้เจอหน้าเขาอีกแน่ๆ”

“จะหลบหน้าเขาหรอ”

“เปล่าหรอก” ตอบกลับพลางฟุบนั่งลงบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำ

“แค่อยากเจอเขาหลังจากที่ฉันหายหัวร้อนเรื่องวันนี้แล้วมากกว่า” ขืนเจอกันพรุ่งนี้มีหวังผมได้โกรธเขามากกว่าเดิมแน่ๆ

“พรุ่งนี้อาไทม์บอกให้ไปค้างด้วย”

“หืม? งั้นคืนนี้ขากลับพวกเราก็ไปเพนท์เฮ้าส์อากันเลยสิ” ผมเสนอเพราะจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาหลายรอบ

“เธอจะกลับไหวไหมเถอะ”

“ไม่รู้เหมือนกัน” ยักคิ้วกวนส่งไปให้ ถ้าเมาก็ค้างนี่แล้วค่อยไปหาอาไทม์พรุ่งนี้เอาละกัน

ไม่นานนักมาร์ติเนซก็เดินกลับมาพร้อมเครื่องดื่มในมือ ผมเริ่มต้นดื่มไวน์เป็นอย่างแรก เพราะคิดว่าถ้าดื่มเหล้าก่อนคงได้เมาหัวจุ่มสระน้ำแน่นอน

แถมนี่ก็พึ่งทุ่มนึงเอง ถ้าจะให้เมาตอนนี้ก็คงเร็วเกินไปหน่อย

“ลงสระด้วยกันไหม” พี่เทียนหันมาถามขณะก้าวลงสระน้ำพร้อมกับติณณ์ ผมส่ายหน้า

“หนาว” ตอบเสร็จก็ลุกขึ้นมานั่งริมสระและทำเพียงหย่อนขาสองข้างลงไปเท่านั้น

อุณหภูมิที่เย็นเฉียบทำผมขนลุกขึ้นมาเบาๆ หันไปมองคนสองคนที่ว่ายกันอย่างสบายอกสบายใจแล้วรู้สึกทึ่ง คงจะว่ายบ่อยจนชินจริงๆ นั่นแหละ

“ว่าแต่ทำไมจู่ๆ ถึงอยากดื่มครับ” มาร์ติเนซหันมาถามพร้อมมองแก้วไวน์ในมือ

“ให้แฟนนายเล่าให้ฟังสิ” ผมยักไหล่พลางพยักพเยิดไปทางเทียน่าจนฝ่ายนั้นยกยิ้มขำ

“ก็เพื่อนนายไงที่ทำให้น้องฉันอยากดื่ม”

“มาร์เกซ?”

“ใช่” ว่าแล้วเทียน่าก็เริ่มเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบให้มาร์ติเนซฟัง ผมละความสนใจมาดื่มไวน์ในมือต่อพลางมองนู่นมองนี่ไปเรื่อย

รู้ตัวอีกทีไวน์ก็หมดจนต้องเปลี่ยนมาชงเหล้าดื่มแทน แถมชงจางๆ ด้วยเพราะกลัวตัวเองจะเมาเสียก่อน

“ไม่เกินสามวันเดี๋ยวมันก็มาตามคุณเชื่อสิ”

“ทำไมนายถึงมั่นใจในตัวเพื่อนนายขนาดนั้น” ถามกลับด้วยความสงสัย

ผมอาจจะยังไม่รู้จักนิสัยใจคอมาร์เกซดีเท่าไหร่ก็จริง แต่จากที่มองผิวเผินแล้วเขาไม่น่าจะยอมตามใครหรือเปล่า

“ผมอยู่กับมันมาทั้งชีวต ทำไมผมจะไม่รู้ว่าคุณตรงสเป็คมันขนาดไหน”

“ฉันเนี่ยนะสเป็คเขา?” ชี้นิ้วหาตัวเองอย่างเหลือเชื่อ ใบหน้าคมพยักรับ

“ครับ”

“…” พระเจ้า บอกสิว่ามาร์ติเนซไม่ได้พูดให้ความหวังกันเล่นๆ อยู่น่ะ

ถึงว่าล่ะว่าทำไมตอนอยู่ที่ร้านพี่บอมบ์เขาถึงได้ชมผมไม่ขาดปากขนาดนั้น ที่แท้ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้นี่เอง

“นายคิดว่าฉันจะทำสำเร็จไหม” ทอดสายตามองผืนน้ำตรงหน้าอย่างมีความหวัง กระดกดื่มเหล้าในมือรวดเดียวหมดแล้วหันมองร่างหนาเพื่อรอฟังคำตอบ

“ได้สิครับ”

“ขอบใจ” หวังว่าจะสำเร็จจริงๆ ละกัน

เวลาล่วงเลยไปจนถึงห้าทุ่มพวกเราถึงได้ย้ายมานั่งดื่มกันที่ห้องนั่งเล่นแทน

ผมกำแก้วในมือแน่น สะบัดศีรษะตัวเองเบาๆ เพราะรู้สึกง่วงงุนและมึนเมาจากฤทธิ์แอลล์กอฮอลที่ดื่มไปตั้งแต่หัวค่ำจนถึงตอนนี้

“ขออีกแก้ว”

“แก้วสุดท้ายนะเทียร่า สภาพเธอโคตรไม่ไหวเลย”

“หงึ” ซบไหล่คนพูดพลางยู่ปากอย่างขัดใจ ผมดื่มไปเจ็ดแก้วนิดๆ เอง ถึงจะเกินลิมิตแต่ยังพอมีสติเหลืออยู่บ้าง…หรอ

“อ่ะ” แก้วเหล้าแก้วสุดท้ายถูกยืนมาให้ ผมรับมาดื่มทั้งที่ตาปรือจนแทบลืมไม่ขึ้น

“อึก…” เมาชะมัดเลยแฮะ สภาพผมคงไม่ไหวเหมือนที่เทียน่าพูดจริงๆ นั่นแหละ

“อ้าวคีอาร์ มาดื่มด้วยกันไหม”

“ไม่ล่ะ วันนี้กูไม่มีอารมณ์” เสียงสนทนาของพี่ชายและใครสักคนที่ผมไม่รู้จักดังขึ้น อยากหันไปมองแต่กลับไม่มีแรงเลยสักนิด

“กูไปเอาไรเฟิลห้องมึงนะติณณ์”

“อืม อยู่ใต้เตียงเหมือนเดิม” แล้วบทสนทนาก็จบลงแค่นั้น ผมซุกใบหน้าไปกับไหล่เล็กมากกว่าเดิมเพราะรู้สึกไม่สบายตัว

“ง่วงแล้วหรอ”

“อื้อ”

“เดี๋ยวผมให้แม่บ้านเดินไปส่งที่ห้องนอนนะครับ”

“ขอบใจ” ตอบกลับเสียงอู้อี้ ก่อนจะรวบรวมเรี่ยวแรงที่ยังหลงเหลือหยัดยืนขึ้นและเดินตามแม่บ้านที่มุ่งหน้าขึ้นชั้นสองของบ้าน

“บอกห้องมาก็ได้ครับ เดี๋ยวเดินไปเอง”

“ห้องรองริมสุดฝั่งขวามือค่ะ”

“ขอบคุณครับ” กล่าวขอบคุณเสร็จก็เริ่มเดินไปเองโดยที่มีอาการเซนิดๆ …ไม่สิ เซมากๆ เลยล่ะ

นี่ถ้ามีลมพัดนิดหน่อยผมคงลงไปนอนกองบนพื้นแล้ว

พยายามประคับประคองเรี่ยวแรงอันน้อยนิดพร้อมส่ายศีรษะเป็นรอบที่สองเผื่อสติจะกลับคืนมาบ้าง

บอกตามตรงว่าพอดื่มเกินลิมิตที่ร่างกายตัวเองรับไหวแล้วรู้สึกเหมือนจะตายเอาให้ได้เลย มันคั่นเนื้อคั่นตัวไปหมด

กึก…

อยู่ๆ ก็จำต้องหยุดชะงักฝีเท้ากระทันหัน

...รู้อะไรไหม

ว่าเวลาที่ผมเมา ความจำจะมีประสิทธิภาพต่ำเตี้ยเรี่ยดินยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด

“ห้องไหนนะ”

อา…ให้ตายสิ มันน่าโมโหนัก ทั้งๆ ที่แม่บ้านก็พึ่งจะบอกผมไปไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ

หันหลังกลับไปมองก็พบว่าไม่มีใครยืนอยู่แล้วนอกจากผมคนเดียวทั้งชั้น

พยายามรื้อฟื้นความจำอีกรอบ แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละว่ามันไร้ประโยชน์สิ้นดีเลย

“ห้องริมสุดงั้นหรอ” ปากพึมพำพลางวกสายตาไปยังห้องริมสุด

บานประตูที่เปิดอ้าไว้ทำให้ผมปักใจเชื่อไปกว่าครึ่งว่าต้องเป็นห้องที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้เป็นแน่แท้

ไม่งั้นจะเปิดประตูไว้ทำไมล่ะจริงไหม?

คิดได้ดังนั้นก็จัดการดันประตูเข้าไปอย่างไม่รีรอ ถอดรองเท้าไว้มุมห้อง จากนั้นก็ก้าวขึ้นเตียงพร้อมล้มตัวนอนจนเส้นผมแผ่สยายไปกับหมอนยุ่งเหยิงไปหมด

“ง่วงชิบ” เหมือนจะวูบหลับได้ตลอดเวลา ตอนแรกก็ไม่นึกว่าตัวเองจะเมาขนาดนี้ จนกระทั่งที่ได้มาลองนอนบนเตียงดูถึงได้รู้ว่าตอนนี้ผมขั้นกว่าของคำว่าเมาไปอีก เรียกได้ว่าสติแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ

“อึก ร้อนชะมัด” ห้องนี้ไม่เปิดแอร์หรือไงทำไมถึงได้ร้อนแบบนี้

คิดพลางควานหารีโมทแอร์สะเปะสะปะไปทั่วเพราะขี้เกียจแม้กระทั่งจะลืมตาขึ้นมา ทว่าเวลาผ่านไปก็ยังไม่เจอสักทีจนต้องล้มเลิกการหาและเปลี่ยนมาถอดกางเกงออกให้พ้นตัวแทน

ยังไงซะเสื้อโอเวอร์ไซส์ที่ใส่อยู่ก็ยาวมากพอที่จะปกปิดท่อนล่างที่มีแค่อันเดอร์แวร์ตัวจิ๋วได้ในระดับหนึ่ง

…หมายถึงถ้าไม่ยกขาขึ้นมันก็ปิดมิดชิดอยู่น่ะนะ

.

.

.

แกร๊ก...

บานประตูสีดำสนิทถูกเปิดอย่างเงียบเชียบตามสไตล์คนมือเบาดุจขนนก

เอื้อมมือเปิดไฟห้องที่สวิชต์ด้านข้างก่อนจะชะงักงันเมื่อเจอรองเท้าคู่ไม่คุ้นตาถอดอยู่ตรงมุมพื้น

ฉับพลันหัวคิ้วขมวดมุ่นด้วยความสงสัย ถัดไปไม่ไกลมีกางเกงถอดอยู่ที่ปลายเตียงอย่างไร้ระเบียบ ยิ่งทำให้เจ้าของห้องเกิดความไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก

มือหนากระชับปืนไรเฟิลที่พึ่งเอามาจากห้องพี่ชายไว้แน่นตามประสาคนรอบคอบเป็นอาจิณ

นิ้วเรียวกรีดเรียงไปที่ไกปืนโดยไม่ต้องก้มมองจากประสบการณ์ที่โชกโชนจนชำนาญ

และระยะห้องที่ใกล้เพียงนี้คงไม่ต้องมองกล้องเล็งให้เสียเวลาด้วย

“อึก ร้อนจัง”

“...”

ทว่าทันทีที่หันมองตามเสียงก็พบเข้ากับร่างเล็กที่นอนแผ่แน่นิ่งกลางเตียง

ใบหน้าเรียวชื้นเหงื่อก่อนจะถูกลูบออกด้วยมือเจ้าของ

ร่างหนายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจวางปืนในมือลง

สำรวจจากภายนอกแล้วตัวเล็กกว่าเขามาก แถมยังดูเหมือนคนเมาที่ไร้ทั้งแรงและสติ คงไม่ต้องถึงขั้นใช้อาวุธมากมายอะไร

ขายาวก้าวขึ้นเตียงอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งถึงที่ว่างข้างคนนอนอยู่

ไล้สายตามองใบหน้าหวานหยดย้อยที่สะดุดตาเป็นอย่างมากเมื่อได้สำรวจใกล้ๆ

กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยฟุ้งแตะจมูกจนทำให้รู้ว่าที่คาดเดาว่าเมานั้นไม่ผิดไปจากความจริงนัก

ทว่าที่แตะจมูกยิ่งกว่าเห็นจะเป็นกลิ่นน้ำหอมที่อีกฝ่ายฉีดมา ช่างคลอคู่กันได้ดีจนแอบนึกชมในใจ

มือหนาตบแก้มใสเบาๆ เป็นการปลุก

“ตื่น”

“อื้ออ”

“กูบอกให้ตื่น”

“อึกก พี่เทียนอย่าแกล้ง”

พี่เทียน?

อา พอจะเริ่มประติดประต่อเรื่องราวได้บ้างแล้วว่าทำไมคนเมาถึงได้มาอยู่ห้องเขาในตอนนี้

“กูไม่ใช่เทียน่า” ว่าเสียงเรียบแต่คนฟังก็ยังไม่คิดจะเปิดเปลือกตาขึ้นมามอง

เจ้าของหน้ากากสีดำขลับแอบกระตุกยิ้มเล็กๆ ก่อนจะผละออกมาโดยง่าย

ปลุกคนเมานั้นเป็นเรื่องที่ยากนักและเขาก็จะไม่พยายามต่อไปให้เสียเวลาชีวิต

หยัดกายลุกขึ้นไปเก็บไรเฟิลให้เข้าที่ก่อนจะสำรวจรอบห้องว่ามีอุปกรณ์อะไรที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้หรือเปล่า

แน่อยู่แล้วว่าต้องรอบคอบไว้ก่อนเสมอ ถึงคนแปลกหน้าคนนี้จะดูไม่มีพิษมีภัยอะไรก็ตาม

และไม่นานก็กลับมานอนที่เตียงดังเดิม เว้นระยะห่างพอสมควรเพื่อไม่ให้ใกล้เกินไปก่อนจะปิดเปลือกตาอย่างเชื่องช้า

อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้า ไว้เขาค่อยซักไซร้ถามความคนเมาเอาตอนนั้นก็แล้วกัน

.

.

.

“แค่กๆ แสบคอชะมัด” ดวงตาเล็กหรี่เปิดขึ้นหลังจากพูดจบ

การตื่นขึ้นมาหลังจากที่เมาเละไปเมื่อคืนทำให้มึนหัวได้ไม่ยาก รวมไปถึงอาการแสบคอที่เป็นอยู่ตอนนี้ด้วย

นาฬิกาข้อมือถูกยกขึ้นดูเวลา เจ็ดโมงครึ่งยังถือว่าเช้ามากสำหรับร่างเล็กที่ปกติตื่นแปดโมงเป็นอย่างต่ำ

ถ้าที่นี่เป็นบ้านตัวเองก็คงนอนต่อ แต่นี่ดันไม่ใช่ คงต้องลุกไปล้างหน้าให้สดชื่นแทน

“กว่าจะตื่น”

“...”

หือ? เสียงใคร?

ถ้าจำไม่ผิดตอนที่เข้ามาในห้องนี้ก็มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นนี่นา

คิ้วเล็กขมวดมุ่นขณะมองไปรอบๆ ห้องเพื่อหาต้นตอของเสียง จนเห็นว่าที่ว่างข้างตัวเองมีใครก็ไม่รู้นอนอยู่ด้วย

“น...นายเป็นใคร!? แล้วเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไงด้วย!” บอกตามตรงว่าเทียร่าไม่เคยโวยวายใส่ใครแล้วยิงคำถามร้อยแปดพันเก้ามากมายเท่านี้มาก่อน

อาการตอนนี้คือตกใจมากๆ เพราะคนตรงข้ามเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ใส่หน้ากากเสียน่ากลัว

มิหนำซ้ำเมื่อคืนตัวเองยังเมาไม่ได้สติด้วย ถ้าอีกฝ่ายถามแบบนี้ ก็แสดงว่าอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วงั้นสิ

“ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง” ย้ำอีกรอบด้วยความตกใจเพิ่มมากขึ้น

ร่างสูงเบนสายตามองคนที่โวยวายหน้าตื่น เรียวปากแค่นยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับจนครบทุกคำถาม

“กูเป็นเจ้าของบ้าน”

“...”

“อยู่ได้เพราะนี่บ้านกู”

“...”

“แล้วก็เข้ามาได้เพราะนี่ห้องกู”

“...”

“ส่วนมึงน่ะใคร?”

“...”

ข…ของงเป็นไก่ตาแตกสักแปปนึง

จำได้ว่าเมื่อคืนแม่บ้านเตรียมห้องไว้ให้เขา ซึ่งเขาก็เข้าห้องที่แม่บ้านเตรียมให้ปกติ แต่ไหงอยู่ๆ ดันเป็นห้องนายคนนี้ไปซะได้

แถมยังใส่หน้ากากเสียไม่รู้หน้ารู้ตาอีก แปลกซะจริง

แต่ก็อย่างที่อีกฝ่ายว่า ตัวเขาเข้าห้องผิดแบบไม่ต้องสงสัย ไม่โทษใครเลยเพราะเวลาที่เมาจะความจำย่ำแย่แบบนี้เสมอ

“ฉ...ฉันแค่เมาแล้วเข้าห้องผิด ขอโทษด้วยแล้วกัน แล้วก็ขอบคุณมากที่ไม่ไล่ฉันออกไปตั้งแต่เมื่อคืน”

ว่าด้วยอาการขายหน้าเล็กๆ แต่ก็ยินดียอมรับความผิดที่บุกรุกเข้าห้องเจ้าของบ้านโดยไม่ได้ตั้งใจ หวังว่าคนข้างๆ จะไม่โกรธกันเป็นพอ

ทำไงได้ ก็เทียร่าไม่รู้นี่นา

“กูต้องการสิ่งไถ่โทษ”

“หืม?”

“ปกติแทบไม่มีใครหน้าไหนได้เข้ามาห้องกูด้วยซ้ำ แถมยังไม่มีใครกล้าแหกปากโวยวายใส่กูด้วย”

“อ..อยากให้ฉันไถ่โทษยังไง” พูดด้วยน้ำเสียงหลอนหูจนต้องถามกลับแม้จะไม่เต็มใจนัก

“ขยับมานี่สิ”

ฉับพลันที่น้ำเสียงน่ากลัวแปรเปลี่ยนเป็นสั่นกระเส่าพร้อมนิ้วเรียวที่กวักเบาๆ เป็นการเรียก

เทียร่าทำหน้าแปลกใจ ก่อนจะรีบเปลี่ยนโหมดพร้อมยกยิ้มสวยส่งไปให้ ยอมทำตามคำสั่งด้วยความใคร่รู้เปี่ยมอก

หน้ากากสีเข้มขยับเข้าหาจนระยะห่างเหลือเพียงคืบ หวังจะลองใจว่าคนตรงข้ามจะถอยหนีหรือเปล่า

ซึ่งสิ่งที่ได้นั่นคือการขยับเข้าหาไม่ต่างกันและรอยยิ้มที่เขาเริ่มจะชอบเวลาที่ได้มอง

“หึๆ”

ใจกล้าดี

“ชื่ออะไร”

“เทียร่า นายล่ะ”

“คีอาร์”

“ชื่อเพราะดีนี่”

“คงไม่เท่ามึง” เทียร่าคิดว่าตัวเองหยอดเก่งแล้ว แต่คนที่ชื่อคีอาร์กลับเก่งกว่าจนต้องยกยิ้มกว้าง

“อยากได้อะไรไถ่โทษล่ะ ฉันคิดว่าฉันทำได้หมดทุกอย่างเลยนะ”

…ปล่าวอ่อยพ่อหนุ่มหน้ากากสีดำคนนี้เสียหน่อย:)

“กูอยากเป็นคนให้มึงแทนแล้วว่ะ”

“หืม?”

“รับไปสิ” นามบัตรที่มีเพียงชื่อเล่นและตัวเลขสิบหลักถูกยื่นมาให้ตรงหน้า เทียร่าก้มลงมองก่อนจะทำหน้าแปลกใจ ทว่าสุดท้ายก็คว้ารับไว้

“ให้ฉันทำไม”

“ก็ง่ายๆ”

“หมายถึง…”

“อยากเจอกูเมื่อไหร่...มึงก็โทรมา”

“…”

อา…นี่เป็นครั้งแรก เป็นครั้งแรกของเทียร่าเลยที่เจอผู้ชายยื่นข้อเสนอแบบไม่ผูกมัดมาให้

เป็นครั้งแรกที่คิดว่าคนน่ากลัวตรงหน้าดูน่าสนใจมากกว่าที่คิด

และก็เป็นครั้งแรกที่อยากจะรับข้อเสนอนี้ไว้ไม่แพ้กัน

“สัญญาว่านายจะได้สิทธิ์นั้นแน่ๆ”

...ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่

แต่สาบานได้เลยว่าคีอาร์จะได้รับสายของเขาแน่นอน:)

 

 

__________________

ใครอยากให้พ่อหนุ่มสไนเปอร์คนนี้เป็นพระเอกขอเสียงหน่อยค่า เราจะได้จดชื่อไปฟ้องมาร์เกซให้หมดเน้ยย!

(•̀ᴗ•́) و

เจอกันตอนหน้านะคะ รักนักอ่านฉะเหมออ

?