Chapter 2 I need to know

 

“เรียกฉันหรอ” แกล้งถามด้วยรอยยิ้มที่ประดับอยู่ตรงมุมปาก เว้นระยะห่างเล็กน้อยเมื่อเท้าหนาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า

“อืม” มาร์เกซใช้มือค้ำกำแพงข้างกายผมเอาไว้

เขายกแก้วขึ้นดื่มไปอึกหนึ่งก่อนจะก้มหน้ามองกันจนระยะห่างเหลือเพียงคืบ

“รู้หรือเปล่าว่าเจ้าของรถคันสีแดงคนนั้นคือใคร” ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดรินข้างแก้ม นิ้วยาวเกลี่ยผมนุ่มทัดหูให้อย่างเบามือ

แอบใจสั่นแต่ก็รู้สึกชอบสถานการณ์ร้อนรุ่มแบบนี้ชะมัด

“รู้สิ” ตอบกลับเสียงหวาน ใช้มือโอบรอบลำคอแกร่งพร้อมลูบไล้รอยสักบนนั้นไปด้วย

“ถ้าไม่รู้...จ้างให้ฉันก็ไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก”

เสียงขำกริ่มดังมาจากคนตัวสูง ฉับพลันคางก็ถูกเชยขึ้นให้สบมองดวงตาสีอำพันคู่นั้น

“พูดแบบนี้นี่อ่อยกันอยู่หรือเปล่า”มาร์เกซจ้องกันนิ่งงันเพื่อรอฟังคำตอบ

“แล้วนายคิดไงล่ะ” ชั่วครู่ที่นัยน์ตาคมทอประกายวาบผ่านเมื่อผมถามกลับ ปากหนายกยิ้มชอบใจก่อนจะบีบคั้นเอวหนักๆไปทีหนึ่ง

“คิดว่ามึงอ่อย”

“…”

“...แล้วกูก็เผลอคล้อยตามมึงไปเต็มๆไงคนสวย”

“หึๆ” ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเปล่งเสียงขำออกมาด้วยความชอบใจ เขานี่ย้อนแย้งเป็นบ้าเลย ขนาดตอนนี้ที่รู้ตัวว่าเผลอเดินตามผมมาก็ยังไม่คิดที่จะถอยห่าง

ถ้าไม่ใช่เพราะว่า...

“ไปดื่มกันต่อไหม”

“ที่ไหน”

“ทุกที่ๆมึงอยากไป”

“ตามใจกันดีจัง”

“เพราะกูสนใจมึง” ตอบกลับรวดเร็วจนเกือบตั้งรับไม่ทัน ผมพยักหน้ายียวนพลางทำทีครุ่นคิดอยู่สักพัก

ตาคมจ้องมองกันเป็นการกดดัน นั่นยิ่งทำให้รู้สึกอยากแกล้งมากไปกว่าเดิม

“ช่วยหาเหตุผลดีๆที่คิดว่าจะทำให้ฉันอยากไปต่อกับนายมาสักข้อได้ไหม”

“เอาง่ายๆสั้นๆเลยนะเทียร่า”

“อือ ว่ามาสิ”

“เพราะมึงสนใจกู...แล้วกูเองก็สนใจมึง” ปากสีสดเคลื่อนมากดจูบหนักๆที่ต้นคอลากมาจนถึงข้างแก้ม

“ถ้าปฏิเสธตอนนี้ จะไม่ใช่แค่กูที่เสียดาย แต่รวมถึงตัวมึงเองด้วย...อยากพลาดกันจริงๆน่ะหรอ”

“…”

“ว่าไงหืม? ”

“ไม่ต้องมารบเร้ากันให้ยาก”

“แล้วตกลงหรือเปล่าล่ะ”

“ก็...อืม” อ่า ไม่ต้องมองกันแบบนั้นเลยนะ ผมแค่ไม่รู้จะตอบอะไรออกไปไปต่างหากเล่า

“นายไม่มีแฟนใช่ไหม”

“คำถามนี้ต้องเป็นกูหรือเปล่าที่ถาม”

“หมายถึง...”

“สวยขนาดนี้ ไม่ใช่ว่ามีแฟนแล้วนะ” ปลายนิ้วที่เกลี่ยวนตามกรอบหน้าทำผมรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังชื่นชมกันอยู่

“ถ้ามีคงไม่มายืนคุยกับนายอยู่ตรงนี้หรอก”

“หึ กูก็เหมือนกัน” ได้ยินแบบนี้ค่อยชื่นใจขึ้นมาหน่อย

“ยื่นมือมาสิ” ผมยื่นมือไปให้เขาตามที่ขอ มาร์เกซพรมจูบหลังมือกันเชื่องช้าก่อนจะกอบกุมไว้มั่นแล้วพาผมเดินออกไปจากที่นี่

“อยากไปไหน”

“ไม่รู้สิ นายล่ะ”

“ชานเมืองไหม”

“อ๊ะ จริงสิ งั้นไปทะเลสาบข้างสนามแข่งตรงชานเมืองกัน ฉันไปนั่งเล่นที่นั่นบ่อยมาก”

บอกไปแบบนั้น คนขับจึงมุ่งตรงไปยังที่หมายอย่างรวดเร็ว แวะซื้อเบียร์และไวน์ที่ร้านๆหนึ่ง ก่อนท้ายที่สุดเราสองคนจะเดินลงจากรถมานั่งแหมะที่พื้นหญ้าแทน

“ที่มึงบอกว่ามาที่นี่บ่อยนี่คือบ่อยแค่ไหน”

“ก็เกือบทุกครั้งที่สนามนี้มีแข่ง ทำไมหรอ” ผมยกกระป๋องเบียร์ในมือขึ้นดื่มขณะถาม ทอดสายตามองผืนน้ำนิ่งสงัดตรงหน้า ลมเอื่อยพัดมาพาลให้ขนลุกเบาๆเพราะรู้สึกเย็นที่ผิวกาย

“เปล่า” หันมองคนที่พูดตัดจบประโยคอย่างสงสัย จ้องตากันอยู่เนิ่นนานก่อนผมจะพลิกตัวขึ้นนั่งตักแกร่งอย่างถือวิสาสะ

“ให้ฉันเดาไหม”

“เดาอะไร” ร่างหนาทำหน้าสงสัย

“นายเป็นเจ้าของสนามแข่งนี้ใช่หรือเปล่า”

“หึๆ ฉลาดดีหนิ”

“รู้ตัว” ผมเก่งใช่ไหมล่ะ เดาง่ายๆจากที่เขาเป็นนักแข่งรถ และดูชำนาญทางเป็นพิเศษตอนพาผมมาที่นี่เลย รวยมากกว่าที่ไว้เสียอีก

“นี่แทบจะเป็นบ้านหลังที่สองของฉันเลยนะ” มาบ่อยจนไม่รู้จะบ่อยยังไง มาร์เกซต้องภูมิใจแล้วล่ะที่มีลูกค้าประจำอย่างผม

“แต่ทำไมฉันไม่เคยเห็นนายลงแข่งที่นี่เลยล่ะ”

“สนามนี้กูคุมเฉยๆ ถ้าแข่งจะแข่งที่สนามใหญ่ของฟีนิกซ์” ฟังเขาอธิบายแล้วก็กระจ่างขึ้นมาทันที ถึงว่าล่ะมาตั้งหลายครั้งแต่ไม่เคยเห็นเขาเลยสักครั้ง

“ครั้งหน้าถ้าฉันอยากเจอนายฉันคงต้องไปที่สนามนั้นแทนใช่ไหม” พูดพลางเอียงคอมองเขา

“ไม่ต้องหรอก” มาร์เกซส่ายหน้าก่อนจะกระตุกยิ้มอ่านยาก

เขาฉกเบียร์ในมือผมไปดื่มอย่างรวดเร็ว ผมมองการกระทำนั้นด้วยความงุนงง ทว่าไม่ทันได้ตั้งตัวปากหนาก็ประกบลงมาเสียแนบแน่น

วินาทีต่อมาเมื่อตั้งหลักได้จึงจูบตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน

“อื้ม” ร้อนแรงใช้ได้เลยแฮะ

แรงดูดดุนหนักหน่วงตรงปลายลิ้นทำผมมวนท้องขึ้นมา เสียงหยาบโลนเฉอะแฉะดังจากปากของเราทั้งสอง

ผมออกแรงกัดริมฝีปากมาร์เกซเบาๆ ซึ่งเขาเองก็ดูจะชอบใจและกัดตอบกันอยู่สองสามครา คว้ามือหนาให้วางบนเอวของตัวเองก่อนจะบดเบียดกายเข้าหา

ความร้อนรุ่มคลอเคล้าจนขมับชื้นเหงื่อ ทั้งที่อากาศริมทะเลสาบตอนกลางคืนนั้นเย็นจนขนลุก

รสชาติเบียร์ที่พึ่งดื่มไปทำเรารู้สึกซาบซ่านและไม่อยากผละห่างออกจากกันมากไปกว่าเดิม

เอวเล็กถูกบีบคั้นจนตัวแทบลอย มาร์เกซกดจูบย้ำๆอีกสองสามรอบก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากไปยังใบหูแล้วเอ่ย

“...แค่บอกมาว่าอยากเจอ กูก็พร้อมจะไปหามึงถึงที่เลยเทียร่า” ขบเม้มติ่งหูทิ้งท้ายก่อนจะหันกลับมาจ้องตากันเหมือนเดิม ผมปรายยิ้มสวยไปให้เขาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ของวัน

“แลกเบอร์กันไว้ไหม”

“อืม” แล้วเราก็ยืนโทรศัพท์ให้กันและกันพร้อมพิมเบอร์ใครเบอร์มันลงไป กระทั่งเสร็จสรรพถึงได้เก็บเข้ากระเป๋าดังเดิม

“คืนนี้ไปค้างบ้านกูไหม”

“เร็วไปหรือเปล่าสุดหล่อ” ลูบสันกรามคมคร้ามพร้อมยกยิ้มยียวน

“วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์เลย โทษที” เปล่าแกล้งเขา แต่ผมไม่มีอารมณ์จริงๆ รู้สึกมึนๆจากเบียร์ที่พึ่งดื่มไปยังไงไม่รู้

“มาทำกูปั่นป่วนแล้วปฏิเสธง่ายๆเลยนะ” แรงบีบที่เอวหนักขึ้นกว่าเดิมราวจะลงโทษ ทำผมลอบขำอย่างกลั้นไม่อยู่

“ไว้หลังจากนี้แล้วกันเนอะ”

“อืม”

“ขอบคุณ” ไม่นึกว่าจะยอมกันง่ายขนาดนี้ ผมหยิบเบียร์กระป๋องใหม่มาเปิดให้เขาดื่มเพื่อดับความร้อนรุ่มในกายให้หมดไป

ทว่าก็ยังไม่ลุกออกจากตักแกร่ง ซึ่งอีกฝ่ายเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ซ้ำยังโอบเอวกันไว้หละหลวม

“นายเรียนที่ไหน”

“แบล็คฟลาว ปีสาม”

“รุ่นพี่ฉันปีเดียวเอง แต่ฉันเรียนที่เรดฟลาว”

“เรียกกูพี่สิ”

“ไว้ค่อยเรียกตอนอยู่บนเตียงแล้วกัน” แกล้งอ่อยเล่นๆพร้อมแลบลิ้นเลียลำคอหนาจนชื้นแฉะ ตาคมหลับลงรับสัมผัสพร้อมคลี่ยิ้มหล่อเหลา

“ถ้ามึงไม่มีอารมณ์ก็อย่าทำให้กูมีอารมณ์”

“ฉันเปล่าซะหน่อย” ปฏิเสธหน้าระรื่น บดเอวไปกับตักหนาอย่างนึกสนุกก่อนจะกรอกเบียร์เข้าปากจนหมดกระป๋องแล้วโยนลงที่ว่างข้างๆ

“เทียร่า” เรียกเสียงต่ำ สันกรามขบกันแนนจนขึ้นรอยเด่นชัด

“ว่าไงมาร์เกซ”

“Fuck...ถ้าไม่เห็นว่ามึงเป็นน้องแฟนเพื่อนกูนะ”

“นายจะทำอะไรหรอ” ถามอย่างใคร่รู้ ร่างหนาใช้มือข้างที่ว่างดันแผ่นหลังผมเข้าใกล้จนคางกระทบอกก่อนจะกล่าวเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว

“มึงจะโดนกูเอาตั้งแต่ที่เราจูบกันเมื่อกี๊เลยไงเทียร่า”

ฟังดูน่ากลัวดี...แต่โทษที พอดีผมไม่กลัว:)

“ถ้าวันนี้ฉันมีอารมณ์ทำเรื่องอย่างว่า ฉันเองก็คงไม่ต่างจากนายหรอก” แต่น่าเสียดายจริงๆที่วันนี้ผมไม่มีความรู้สึกที่จะทำมันสักนิด ถึงคนตรงหน้าจะหล่อและร้อนแรงเป็นบ้าก็ตามที

 

ทั้งผมและเขานั่งคุยกันไปเรื่อยๆแทบไม่ได้หยุดพัก ถ้าจะบอกว่าทำความรู้จักกันก็คงไม่ผิดนัก

เพราะคิดว่าในอนาคตคงได้เจอเขาอีกแน่ๆ ยังไงซะมาร์เกซก็เป็นเพื่อนแก๊งเดียวกันกับติณณ์ สนิทกันไว้ตอนนี้คงไม่เสียหายอะไร

 

กระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงตีสามเศษถึงได้พากันกลับมานั่งในรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน แน่นอนว่ามาร์เกซก็อาสามาส่ง

“ให้ฉันบอกทางไหม”

“ไม่เป็นไร กูเคยมาส่งเทียน่าอยู่ครั้งหนึ่ง” พยักหน้าตอบรับขณะคาดเข็มขัด

ไม่มีใครพูดอะไรตลอดระยะทาง จนเมื่อถึงที่หมายร่างหนาถึงได้กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง

“เราจะได้เจอกันอีกทีเมื่อไหร่”

“ลองเสนอวันมาสิ ช่วงนี้ฉันมีเรียนสัปดาห์ละไม่กี่คาบ น่าจะว่างอยู่”

“อาทิตย์หน้า”

“อยากเจอฉันเร็วขนาดนั้น? ”

“เออ” หืม? ไม่ปฏิเสธซะด้วย

“เอาสิ ว่าแต่ที่ไหน” ถามไปก็เปิดประตูรถเตรียมลงจากรถไปด้วย

“มีให้เลือกระหว่างสนามแข่งกูกับผับวันนี้”

“ยากชะมัด ไว้ฉันตัดสินใจได้แล้วจะโทรไปบอกละกัน”

“หึๆ อือ”

“ขอบคุณที่มาส่ง กลับบ้านดีๆนะสุดหล่อ” ปรายยิ้มสวยให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน

อาการมึนๆจากการดื่มเบียร์หลายต่อหลายกระป๋องทำผมส่ายหัวตัวเองไปมา รู้สึกกึ่มๆแต่ยังไม่ถึงขั้นเมา

จะว่าไปการไปดื่มต่อกับมาร์เกซวันนี้ก็ถือว่าไม่แย่เลยนะ ติดจะไปทางดีมากเลยด้วยซ้ำ

ดีอย่างแรกคือเขา ดีอย่างที่สองคือสถานที่ และดีอย่างที่สามคือตัวผมเอง

ฟังดูเวอร์แต่ประทับใจวันนี้จริงๆนะ

 

แกร๊ก...

 

“พี่เทียน...” เรียกเสียงตกใจเมื่อประตูบ้านถูกเปิดออกก่อนที่ผมจะเอื้อมมือเปิด

เทียน่ากอดอกพิงประตูพร้อมจ้องมองกันนิ่งงัน ทำเอารู้ได้ทันทีเลยว่าอีกไม่ช้าผมต้องโดนแฝดพี่ซักจนขาวแน่

“ฉันจำได้ว่ารถที่พึ่งมาส่งเธอคือรถมาร์เกซ”

“ใช่” ตอบเสียงแผ่ว อยากทำตัวลีบวิ่งหนีคนเป็นพี่แต่ก็ทำไม่ได้

“คืนนี้เธอได้เล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังยันเช้าแน่เทียร่า”

“...”

อา ใครก็ได้พาผมหนีพี่เทียนที

 

 

 

----------------

อ่านจบแล้วอย่าลืมเม้นให้กันด้วยนะคะ / ทำตาแป๋ว

ความชื่อเทียร่ากับเทียน่า ร.เรือ น.หนู บนแป้นอยู่ติดกันเลย เจอเราพิมผิดบอกกันได้นะคะ เดี๋ยวรีบแก้ให้เลยค่ะ

♡´・ᴗ・`♡