7 ตอน ตอนที่ 6 : unexpected
โดย สลีป
ตอนที่ 6
unexpected
หลังจากที่อาร์กัสพาเขาออกมาจากสถานการณ์เมื่อตะกี้ ตอนนี้เราทั้งคู่เพียงแค่เดินข้างกันเงียบ ๆ เพื่อที่จะกลับไปยังหอพักของตน
"..."
“เซน…อย่าไปอยู่ใกล้พี่เขามากล่ะ”
“ก็ไม่ได้จะไปยุ่งด้วยอยู่แล้ว”
“อืม ดีแล้ว…”
หลังจากที่บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบอยู่นาน อาร์กัสก็พูดขึ้นด้วยท่าทีเรียบเฉยต่างไปจากปกตินิดหน่อย
“...ขอโทษด้วยวันนี้คงไม่น่าได้ฝึกกล้ามเนื้อกันต่อแล้วล่ะ”
“อืม ไม่เป็นไร”
“พรุ่งนี้ฉันจะมาด้วยอีกนะ”
“… ไม่เป็นไรหรอก ฉันวิ่งคนเดียวดะ../แต่ฉันไม่อยากปล่อยนายไว้คนเดียวนี่!”
“…แล้วแต่นายเถอะ”
เซนมองเพื่อนของตนอย่างไม่เข้าใจ แต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้ใคร่ที่จะซักถามอะไรต่อให้มากความอีก เบือนหน้าของตนออกมา ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วเดินหน้าต่อไปทันที อยากจะทำอะไรก็ทำกันไปเถอะ อย่างไรก็ไม่เคยมีใครที่จะฟังความเห็นของเขาอยู่แล้ว
กึก!
“…เซน ขอโทษที่ขึ้นเสียงใส่นะ” อาร์กัสเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงหงอย รู้สึกผิดเต็มทีพร้อมกับดึงที่ชายแขนเสื้อของเขาเอาไว้ จนเซนต้องหยุดก้าวเดินของตนลง
“อืม...ไปเถอะ ตัองไปเตรียมตัวเข้าเรียนอีก”
“….”
เห็นอาร์กัสไม่พูดอะไรจึงเลือกที่จะออกเดินต่อไป พร้อมกับอาร์กัสที่เดินตามมาเงียบ ๆ
.
.
.
19.12 น.
วันนี้เป็นการเรียนทฤษฎีการจัดการ วิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งเป็นการบรรยายทั้งหมด แต่เซนกับไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไร เขายังคงตั้งใจเรียนอยู่เสมอ แม้จะมีเรื่องราวที่เข้ามารบกวนจิตใจก็ตาม เขาคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเอาเรื่องรอบตัวมากมายมาคิดให้ว้าวุ่นใจ ไม่งั้นทั้งชีวิตคงเป็นอันไม่ต้องทำอะไรกันพอดี เขาเรียน เรียน เรียน แล้วก็เรียน รู้ตัวอีกทีก็พลบค่ำเสียแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ในห้องพักของตนเอง ไม่ได้ไปเจอกับอาร์กัสตามปกติเหมือนเคย
ก๊อกๆๆ!!
“ขออนุญาตจ้า มีเรียกประชุมด่วน อีก 10 นาทีเจอกันที่โถงด้วยน๊าา!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูพร้อมกับประกาศเรียกประชุมด่วนที่โถงกลางของหอพัก มีอะไรกันนะ? เซนสงสัยพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียง แต่งตัวให้เรียบร้อย เตรียมออกไปตามที่นัดหมาย ก่อนจะนำตนเองออกจากห้องไป
“คุณเซนน!!”
เสียงของพารัมเรียกเขามาแต่ไกล เซนจึงหยุดแล้วหันมองไปยังต้นเสียง ก็เห็นพารัมที่อยู่ไกลออกจากเขาไปอีกประมาณ 7-8 ห้อง วิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาหาเขา
“ไปด้วยกันเถอะครับ!” พารัมเข้ามาคล้องแขนเซน พร้อมกับดึงเซนให้ออกเดินไปพร้อม ๆ กัน
“กินข้าวรึยังครับคุณเซน?”
"ฉ.../อาา คุณเซนว่าพี่เค้าจะนัดคุยอะไรกันเหรอครับ”
“คงจะนัดหมายอะไรแหละมั้ง?”
“อืมม หรือจะเป็นปาร์ตี้หรือเปล่าครับ ผมได้ยินเพื่อน ๆ พูดกันว่าจะมีปาร์ตี้ต้อนรับ”
“....ก็เป็นไปได้”
“เย้ ตื่นเต้นจังง”
พารัมเดินคล้องแขนเซน พร้อมกับชวนคุยอย่างอารมณ์ดี ใช้เวลาไม่นานเขาทั้งคู่ก็ลงมาถึงโถงกลางของหอพักภาคีสืบสวนเสียแล้ว
“เชิญค่ะน้อง ๆ ขอโทษที่เรียกฉุกเฉินนะ”
รุ่นพี่คนนึงกล่าวพร้อมกับเบนมือไปทางโต๊ะยาว เห็นมีสมาชิกปี 1 ในภาคีนั่งอยู่ก่อนแล้วบ้าง บางส่วน พารัมจึงจูงเซนให้มานั่งตรงกลางโต๊ะ ต่อจากสมาชิกคนอื่นที่มาก่อนพวกเขา เมื่ออีกไม่นานทั้งโต๊ะก็เต็มลงบ่งบอกถึงสมาชิกที่มาครบทุกคนแล้ว
“ต้องขออภัยด้วยที่จะต้องเรียกประชุมด่วนกัน พอดีว่ามีปัญหาขัดข้องนิดหน่อย” รุ่นพี่ซาซายะ ประธานภาคีสืบสวนคนปัจจุบัน เอ่ยขึ้น ด้วยเสียงราบเรียบ
“...ฉันอยากจะแจ้งเรื่องการเวรเฝ้าแต่ละจุดของสถาบัน ทางฝั่งสถาบันของเราจะดูแลทั้งหมด โดยแต่ละจุดจะมีสมาชิกแต่ละภาคีไปดูแลภาคีละ 1 คน ระบบของเรา คือ จะใช้วิธีการสุ่มจากแต่ละชั้นปีใส่เอา ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความโปร่งใส ทุกคนจะได้ทำเท่า ๆ กัน เพราะฉันจะเป็นคนดูแลเรื่องนี้เอง โดยรายชื่อจะประกาศสัปดาห์หน้า เรื่องที่สอง คือ ตอนนี้เราได้เริ่มต้นการเรียนไปได้สองวันแล้ว ทางศูนย์สั่งการจะมีการส่งภารกิจมาให้เพื่อให้เราได้ปฏิบัติทำการเก็บชั่วโมง ตามรายวิชา ทุกคนน่าจะรู้เรื่องนี้ดีกันอยู่แล้ว ในทุกวันพุธของทุกสัปดาห์จะมีการประกาศรายชื่อทีม และภารกิจทีเกิดขึ้น ขอให้ทุกคนช่วยมาดูที่บอร์ดในทุกพุธด้วย และเรื่องสุดท้าย คือ...ศุกร์นี้จะมีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้กับรุ่นน้องปี 1 ทุกคน ให้ไปเจอกันเวลา 19.30 น. ที่ลานเนรมิตด้วย มีใครมีคำถามไหม?”
“เราสามารถเลือกภารกิจเองได้ไหมครับ?” ชายคนหนึ่งยกมือเอ่ยถามขึ้น
“แล้วแต่กรณีอาจจะมีบางภารกิจที่ต้องการคนอาสา จะมีการติดเกณฑ์เอาไว้ ใครสนใจก็มาสมัครได้ โดยส่วนใหญ่จะไม่กำหนดบุคคลมา แต่ทางทีมบริหารจะจัดสรรคนให้ตามความเหมาะสม แต่ในบางกรณีก็จะมีการเจาะจงบุคคลเลย”
“แล้วเลือกจากอะไรเหรอครับรุ่นพี่?”
“ความเหมาะสม และสถานการณ์”
“จัดเลี้ยงแค่ภาคีเราเหรอคะ?”
“ใช่”
“แล้วอาหารล่ะครับ เลี้ยงอะไรครับ!?”
“รอดูเอานะ”
“การแต่งกายล่ะครับ?”
“ไปที่ไหนในสถาบันก็ต้องใส่ผ้าคลุมทั้งนั้นแหละ มีคำถามอีกไหม...ถ้าไม่มีก็แยกย้าย ขอบคุณครับ”
“ขอบคุณค่ะ/ขอบคุณครับ”
เมื่อรุ่นพี่ซาซายะกล่าวปิดการประชุม ทุก ๆ คนก็เอ่ยขอบคุณอย่างพร้อมเพรียง แล้วลุกขึ้นเพื่อแยกย้ายไปยังห้องพักของตนเอง
“เห็นมั้ยครับ ผมบอกแล้วว่ามีปาร์ตี้แน่นอน”
พารัมกล่าวอวดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“อืม”
“พรุ่งนี้ไม่มีเรียนเช้า คุณเซนจะไปไหนเหรอครับ?”
“อาจจะไปวิ่ง”
“อ๋าา ฝึกซ้อมสำหรับซ่อมสมรรถภาพเหรอครับ”
“อืม นายล่ะ”
“นอนแหละครับ ผมไม่ชอบตื่นเช้า ฮ่าฮ่า”
“อืม”
“โอเค งั้นไว้เจอกันครับคุณเซน ราตรีสวัสดิ์ครับ”
พารัมกล่าวอวยพรสำหรับการนอนของเขาพร้อมกับวิ่งไปที่ห้องของตนเองต่อไป เซนจึงค่อย ๆ เปิดประตูเข้าห้องไป ปิดล๊อกให้เรียบร้อย แล้วเดินไปนั่งยังโต๊ะอ่านหนังสือของเขา พลางหยิบหนังสือค่ำคืนของหญิง ณ กรุงโรม ที่วางนิ่งไว้ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ที่ห้องสมุด ความรู้สึกอยากอ่านของเขาได้หายไป เพราะรุ่นพี่คนนั้นเกือบทั้งหมด แต่เขาก็อยากจะรู้เนื้อหาตอนจบว่าจะเป็นไปเหมือนกับที่ถูกสปอยไว้ หรือไม่ จึงค่อย ๆ เปิดหาหน้าหนังสือที่อ่านค้างไว้เพื่ออ่านต่อให้จบเล่ม แล้วจะได้เอาไปคืนเสียที
.
.
.
07.00 น.
เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่นานวันนี้ก็เป็นวันศุกร์เสียแล้ว ตอนนี้เซนกำลังยืดกล้ามเนื้อเพื่อคลายกล้ามเนื้อจากการวิ่งที่พึ่งจบลงไป เขารู้สึกว่าตอนนี้เขาวิ่งได้อึด และนานขึ้นจากวันแรกมาก
“มานอนลง เดี๋ยวฉันจับขาให้”
อาร์กัสเอ่ยขึ้น พร้อมกับทำท่าเตรียมพร้อมจะช่วยเซนฝึกซิทอัพ ตั้งแต่วันที่เจอรุ่นพี่ที่หน้าลานฝึก ทั้งเขา และอาร์กัสก็ไม่ได้มีใครเจอรุ่นพี่คนนั้นอีกเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพวกเขาก็ได้ย้ายมาฝึกกล้ามเนื้อกันที่ลานหอคอยกลางแทนด้วยหรือเปล่า และวันนี้เขาก็ไม่เห็นทีท่าว่ารุ่นพี่คนนั้นจะปรากฏตัวขึ้นมาได้แต่อย่างใด...แต่ก็ดีแล้ว เพราะทุกครั้งที่พี่คนนั้นปรากฏตัวทีไร บรรยากาศรอบ ๆ ตัวของเขาก็พลันวุ่นวายตลอด
“วันนี้ทำได้ดีมาก”
อาร์กัสพูดชมเซน พร้อมกับยื่นมือของตนมาทางเซนเพื่อที่จะไฮไฟว์ เซนจึงเอื้อมมือแตะกับมือของอาร์กัสเบา ๆ ใบหน้าของเซนตอนนี้เจืออมยิ้มบาง ๆ ดีใจที่ตนเองมีพัฒนาการที่ดี อาร์กัสมองร่างบางตรงหน้าด้วยความรู้สึกอิ่มเอมตามไปด้วยเช่นกัน ตอนนี้พวกเขากำลังเดินหอยังหอพักเพื่อเตรียมตัวไปเข้าเรียนเช่นเดิม
“วันนี้เราเรียนด้วยกันนี่ ไปด้วยกันไหม?” อาร์กัสเอ่ยถามเซน พร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ
“อาร์กัส…”
“หืม??”
“พรุ่งนี้ไม่ต้องมาวิ่งเป็นเพื่อนฉันแล้วนะ”
“…ทำไมล่ะ?”
“ฉันรู้นะ ว่าตั้งแต่นายมาวิ่งกับฉัน นายขาดเรียนคาบเช้าตลอดน่ะ”
“ร รู้ได้ไง?”
“ฉันเดินผ่านห้องเรียนที่นายเรียนครั้งนึงก็ไม่เห็นนาย เมื่อวานก็ไม่เจอนายที่โรงอาหาร เลยถามเพื่อนนายมาเมื่อวาน”
เซนพูดอธิบายเรียบนิ่ง และจริงจัง เขารู้ว่าอาร์กัสคงเป็นห่วงที่เขาถูกเพ่งเล็งจากรองประธานภาคีจู่โจม...แต่เขาไม่ใช่เด็กแล้ว ที่จะแก้ปัญหาของตนเองไม่ได้ และเขาก็ไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนของตนมีปัญหาด้วย
“ข ขอโทษนะ” อาร์กัสกล่าวเสียงแผ่วเบา
“ฉันเข้าใจว่านายเป็นห่วง แต่มันไม่มีอะไรหรอก ฉันไม่เจอพี่เขามาหลายวันแล้ว นายมาวิ่งกับฉันทุกวัน ก็เห็นแล้วนี้ว่าเขาไม่ได้มายุ่งกับฉันแล้ว”
“แต่ว่า…”
“อาร์กัสนายไม่เชื่อฉันเหรอ”
“เชื่อ…”
“งั้นนายกลับไปวิ่งตอนเย็นเหมือนเดิม แล้วนอนพักผ่อนให้เต็มที่ โอเคไหม?ส่วนวันนี้นายทนเอาหน่อย...เดี๋ยวฉันจะมารับนายที่หน้าหอ"
“อ อืม”
“งั้นเจอกันหน้าหอของนายตอนแปดโมงครึ่งนะ คลาสนี้เริ่มเก้าโมง”
“โอเค”
“…”
เมื่อถึงหน้าหอภาคีสนับสนุน เซนก็เดินแยกออกมาจากอาร์กัสเพื่อกลับไปเตรียมตัวในการเรียนคาบเช้าเช่นกัน ชายหนุ่มผมทองได้แต่มองเพื่อนร่างเล็กของตนวิ่งออกไป ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปยังหอพักของตนเองเช่นกัน
.
.
.
เมื่อถึงเวลาที่นัดหมายเซนก็เดินไปรับอาร์กัสที่หน้าหอพักภาคีสนับสนุนตามที่สัญญาไว้ แล้วจึงพากันไปยังห้องเรียน วันนี้เป็นวิชาประวัติศาสตร์โลก เป็นชั้นเรียนรวมที่สมาชิกเหล่าปี 1 ทุกคนจะต้องเรียน จึงมีการจัดเป็นห้องเรียนรวม โดยทุก ๆ ภาคีจะมาเรียนร่วมกัน อาร์กัสพาเขาเข้ามานั่งตรงแถวที่สอง แถวกลางของห้องเรียน ตอนนี้คนในห้องเรียนยังน้อยอยู่ เพราะยังไม่ถึงเวลาเรียน ฃ
ห้องเรียนนี้เป็นห้องเรียนที่ค่อนข้างใหญ่เพราะต้องบรรจุนักเรียนเกือบ 100 คนเข้าไป ที่นั่งถูกจัดเป็นแนวตั้ง 6 แถว แนวนอน 5 แถว ที่นั่งละ 3 คน ซึ่งตำแหน่งที่พวกเขาเลือกนั่งเป็นตำแหน่งที่ดีมาก เพราะอยู่ใกล้หน้าห้องเรียน มองเห็นอาจารย์ผู้สอนก็ชัดเจนดี
“ไง!! อาร์กัสวันนี้มาได้ไงอะ?”
“ฮ่า ๆ ก็ปกติปะ”
“ดีละ หยุดคาบเช้าไปตั้งหลายวัน แล้วนั้นเพื่อนอ๋อ? เราอีวานนะ ปี 1 ภาคีสนับสนุน”
ชายหนุ่มผมสีม่วงมีหูแหลมยาว บ่งบอกความเป็นเผ่าเอลฟ์ กล่าวทักทายอาร์กัสอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับหันหน้ามาทักทายเซน
“อ่า อันนี้เซน ปี 1 ภาคีสืบสวน วันนี้ฉันนั่งกับเซนนะ”
“เออ ได้แต่ฉันไปนั่งข้างหลังนะ ข้างหน้าไม่ไหวว่ะ ฮ่าๆ”
เพื่อนของอาร์กัสก็พูดคุยกับอาร์กัสต่ออีกนิดหน่อย แล้วจึงเดินไปยังที่นั่งของตน เมื่ออีวานเดินจากไปไม่นานก็มีคนอีกมากมายมาทักทายอาร์กัสอยู่เรื่อย ๆ
“ป็อปปูล่าใช่ย่อยนะ”
เซนกล่าวแซวขึ้น พร้อมกับเหยียดเอนตัวนอนลงไปกับโต๊ะ แล้วหันหน้าของตนไปมองยังอาร์กัสคิ้วเล็กเลิกขึ้น รอยยิ้มล้อเลียนบาง ๆ ปรากฏขึ้น ส่งให้กับอาร์กัสอย่างตั้งใจจะล้อเลียน
“ก็ปกตินะ ฮ่ะฮ่ะ”
“เนอะ...ก็ปกติ / คุณเซน!! มาเช้าจังเลย ผมนั่งด้วยนะครับ สวัสดีครับ คุณ..อาร์กัส”
“สวัสดี พารัมใช่มั้ย?”
“ใช่ครับ สบายดีนะครับ”
“ฮ่าฮ่า สบายดี ไม่ต้องพูดสุภาพก็ได้นะ...ปีเดียวกัน”
“อ๋อครับ คุณอาร์กัสทานข้าวเช้าหรือยัง...ครับ โอ๊ยย”
"ฮ่า ๆๆ"
“…”
เซนนั่งฟังอาร์กัส และพารัมพูดคุยกันอย่างออกรส ออกชาติ ราวกับว่าพวกเขารู้จัก และสนิทกันมานานมากกว่าเขากับอาร์กัสเสียอีก เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรเซนจึงเลือกที่จะนอนฟุ่บหน้าลงไปที่โต๊ะ ปิดหู ปิดตาของตน รอเวลาที่อาจารย์จะเข้าคาบดีกว่า
“คุณเซนครับๆ อาจารย์มาแล้วนะครับ” เมื่อฟุ่บหน้าลงไปได้เกือบ 10 นาที พารัมก็เรียกเขาเบา ๆ เซนจึงลุกขึ้นนั่งเหมือนเดิม เพื่อตั้งใจเรียนกับบทเรียนที่กำลังจะเริ่มต้น
“สวัสดีเหล่าสมาชิกเครือข่ายภาคีหน้าใหม่ทุกคนค่ะ ดิฉัน มันเดอร์ลีน เป็นอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์โลกนะคะ เพื่อไม่ให้ชักช้าเดี๋ยวเราเข้าบทเรียนกันเลยนะคะ…”
จากนั้นอาจารย์มันเดอร์ลีนที่พึ่งแนะนำตนเองไปไม่นาน ก็เริ่มบรรเลงการสอนบรรยายตั้งแต่ความเป็นมาของโลกต่าง ๆ จนถึงเหตุการณ์ของโลกในปัจจุบัน เป็นเวลา 3 ชั่วโมงด้วยกันอย่างไม่มีการหยุดพักเบรคเลย ทำให้ในตอนนี้ที่พึ่งจะเลิกคาบไปไม่กี่นาที แต่ทุกคนในห้องมีท่าทีคล้ายจะหลับเต็มทีเสียแล้ว
“ง่วงมากเลยนะครับ ฮ่าฮ่า”
“แต่นายก็ตั้งใจเรียนอยู่นี่”
“ผมฝืนตัวเองมาก ๆ เลยนะครับ”
“ฉันก็เหมือนกัน ยิ่งคาบเช้าแบบนี้ฉันยิ่งไม่ไหว”
“คุณอาร์กัสไม่ชอบตื่นเช้าเหรอครับ?”
“มากก ฉันไม่ชอบตื่นเช้าแบบมาก ๆ”
“จริงเหรอครับ! ผมก็เหมือนกันเลย”
"บลาๆๆๆๆๆ”
บนทางเดินไปยังโรงอาหาร เซนเดินตามหลังของอาร์กัสกับพารัมที่เดินคุยกันอย่างสนุนสนาน เงียบ ๆ แต่หูก็ฟังบทสนทนาของทั้งคู่อยู่ตลอด เพียงแค่ไม่ได้เข้าแทรกในบทสนทนาใด ๆ การที่อาร์กัสได้สนิทกับเพื่อนในภาคีของเขาก็ถือเป็นเรื่องดีของอาร์กัส ที่จะได้รู้จักกับผู้คนต่าง ๆ มากมาย อาร์กัสนั้นเกิดมาพร้อมกับพรสำหรับการเป็นคนที่ถูกรัก และชื่นชมอยู่เสมอ
“ไปไหนกันเหรอ?”
“อ๊ะ!”
ฟึ่บ
ไอเย็นที่คุ้นเคย แต่หากไม่ได้สัมผัสมาหลายวัน สัมผัสขึ้นที่หลังคอของเซน พร้อมกับน้ำหนักที่หนักขึ้นจากแขนของรุ่นพี่แจซองวางพาดไว้บนไหล่ของเขา ซึ่งเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ เซนส่งเสียงเล็ก ๆ ออกมาด้วยความตกใจ แล้วมองหน้าของรุ่นพี่ ด้วยตาที่เบิกขึ้นเล็กน้อย แต่รุ่นพี่แจซองเพียงแค่หันมามองเขายิ้มๆ เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา
“ปล่อยนะครับ!”
“อะไร? ยังไม่หายโกรธเหรอ วันนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ”
“…”
เมื่อเห็นว่ารุ่นพี่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เซนก็เพียงหันหน้าหนีอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่ใช่เขายังไม่หายโกรธ แค่ไม่ได้เอาเรื่องนั้นมาใส่ใจแล้วเท่านั้นเอง...
“ว่าไงเด็กน้อย นายยังไม่หายโกรธฉันอีกเหรอ??”
"...."
เมื่อรุ่นพี่แจซองเห็นเซนเอาพยายามเบือนหน้าหนี ก็ขยับนำหน้าของตนเข้าไปใกล้ตามใบหน้าเล็กของอีกฝ่ายเรื่อย ๆ เซนพยายามมองไปด้านหน้าเพื่อขอความช่วยเหลือจากอาร์กัส แต่อาร์กัสที่มัวแต่คุยกับพารัม คงไม่ทันได้สังเกตว่าตัวเขาได้หายไปแล้ว จนเดินไปไกลเสียแล้ว หัวใจพลันเกิดความรู้สึกหน่วง ๆ อย่างบอกไม่ถูก แม้จะเป็นเหมือนเพียงตะกอนเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในจิตใจ แต่กลับสัมผัสความรู้สึกนั้นได้อย่างชัดเจน เมื่อเห็นเพื่อนของตนเดินออกห่างจากเขาไปเรื่อย ๆ
"...."
“น้องเซน!”
รุ่นพี่แจซองเรียกเขาเสียงดังขึ้น จนเขาหลุดออกจากห้วงความคิดหันไปมองหน้าของคนที่เรียกตน ขมวดคิ้ว ปากเริ่มเบะออกจนคนมองมา รู้ได้ทันทีผ่านทางการแสดงออกทางสีหน้านั้น อยากจะถามว่า ‘มีอะไร?’
“…”
แต่รุ่นพี่แจซองก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองยังเขาแล้วสลับกับมองไปทางอาร์กัสที่ค่อย ๆ เดินห่างออกไปเรื่อย ๆ ไปมา จากนั้นริมฝีปากหนาก็ยกเหยียดยิ้มขึ้น ทำท่าเหมือนคิดอะไรออก
“น้องเซนเคยไปกินร้านเฟรชแอนด์ฟริช หรือยัง?”
“ครับ?”
“พอดีพี่อยากจะขอโทษเรื่องวันก่อนน่ะ อยากอธิบายอะไรนิดหน่อยให้ฟังด้วย”
“ผมไม่ได้ติดใจอะไร เพราะฉะนั้น…”
“เอาหน่า~ไปด้วยกันหน่อยนะ”
รุ่นพี่ตรงหน้าทำหน้าเว้าวอน ถ้าหากคนตรงหน้ามีหาง และหู ตอนนี้คงดูเหมือนเจ้าหมาน้อยที่กำลังหางลู่ หูตกอ้อนขอให้เจ้านายพาไปเดินเล่นด้วยอย่างแน่นอน เซนเห็นภาพดังนั้นก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะตัดสินใจอย่างไรดี แต่หากได้พูดคุยปรับความเข้าใจกับรุ่นพี่ตรงหน้า จนทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น ปัญหาที่ความสัมพันธ์ที่ดูคลุมเครืออาจจะสามารถไขกระจ่างขึ้นได้ การเลือกที่จะไปกับรุ่นพี่ตรงหน้า คงไม่ใช่การเลือกที่แย่เท่าไหร่นัก
"...งั้นผมให้เวลาแค่ชั่วโมงครึ่งนะครับ”
“ได้เลย ไปกันเถอะ”
รุ่นพี่ตรงหน้าพูดอย่างกระตือรือร้นแล้วนำมือเย็นของตนเอง มาคว้าจับเข้าที่ข้อมือของเขาทันที
ฟึ่บ!
“…”
เซนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง พร้อมกับดึงข้อมือของตนออก รุ่นพี่แจซองหันกลับมามองเขาด้วยท่าทางประหลาดใจนิดหน่อย แต่เซนเพียงแค่มองหน้ารุ่นพี่ตรงหน้ากลับไปด้วยความนิ่งเฉย เมื่อรุ่นพี่แจซองไม่เห็นท่าทีใด ๆ จากเขา จึงเพียงเบะปากน้อย ๆ แล้วก็เดินนำต่อไป พรางหันมาเชคทางเขาเป็นระยะ ๆ ว่าไม่ได้หนีไปไหน
พวกเขาทั้งคู่พากันเดินมาตามทางอีกฝั่งของตึกเรียนไปยังอาคารหลบภัย ซึ่งเซนไม่เคยเดินมาทางนี้มาก่อน พวกเขาพากันเดินไปยังหลังของอาคารหลบภัย ไม่นานก็พบกับบ้านไม้หลังเล็ก ๆ หลังหนึ่ง ด้านหน้าถูกตกแต่งด้วยโคมไฟรูปร่างประหลาด หลากหลายแบบ มีป้ายไม้แกะสลักวางไว้ด้านหน้าเขียนว่า open เซนยืนมองด้วยท่าทางระมัดระวัง เขาไม่ยักจะรู้ว่ามีสถานที่แบบนี้ด้วย
“เจ้าหนู ฉันไม่พานายมาฆ่าหรอก ลองเข้าไปก่อน”
“…”
รุ่นพี่แจซองกล่าวพร้อมกับกวักมือเรียกให้เขาเดินตามต่อไป รุ่นพี่แจซองค่อย ๆ เปิดประตูร้านเข้าไป บรรยากาศด้านในมีลักษณะเหมือนร้านอาหารทั่วไป โดยถูกตกแต่งไปด้วยโคมไฟหลากสีสัน ที่ด้านในมีกระจกใหญ่อยู่หลายบานจนทำให้ภายในร้านดูปลอดโปร่ง แม้ในร้านจะมีคนนั่งรับประทานอาหารกันอยู่เยอะพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดใด ๆ รุ่นพี่พาเขาเดินเข้ามายังที่นั่งด้านในเกือบสุด ติดกับหน้าต่างใหญ่บานหนึ่ง ทำให้เห็นวิวทิวทัศน์ผืนหญ้าด้านนอกอย่างชัดเจน เมื่อนั่งลงแล้ว ก็มีหนังสือเมนูลอยมาอยู่ตรงหน้าของพวกเขาอย่างอัตโนมัติ พร้อมกับหน้าเมนูที่ถูกเปิดขึ้นทันที เมื่อเมนูถูกเปิดขึ้นออก ก็ปรากฏปลาตัวหนึ่งที่มีหนวดเหมือนกับคุณลุงมาสคอตร้านพิซซ่า ใส่เสื้อผูกโบว์ไทด์เรียบร้อย โผล่ขึ้นมากลางโต๊ะของพวกเขาอย่างน่าประหลาดใจ
“รับอะไรดีครับ?” ปลาตัวนั้นเอ่ยถามขึ้นอย่างสุภาพ และเป็นมืออาชีพ
“ฉันเอาเหมือนเดิม นายล่ะเซน”
“เอ่อ…เอา”
“เขามาเป็นครั้งแรก แนะนำเขาหน่อยสิ”
“ได้ครับ..มีอะไรที่ทานไม่ได้เป็นพิเศษไหมครับ?”
“ม ไม่ครับ”
“ทานเผ็ดได้ไหมครับ?”
“ได้”
“เนื้อ หมู ไก่ ปลา กุ้ง และปลาหมึก รู้สึกชอบใจอันไหนเป็นพิเศษครับ?”
“ปลา…”
เขากับปลาบ๋อยตรงหน้าจ้องมองกันด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่สักครู่หนึ่ง
“…สนใจเป็นฟิชแอนด์ชิป ซอสพริกบาโรน่า สูตรพิเศษของเราไหมครับ?”
“อา ครับ”
“รับทราบครับ แนงมยอน 1 ที่ ฟิชแอนด์ชิป ซอสพริกบาโรน่า 1 ที่ เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีครับ?”
“ของฉันเป็นโคล่า แล้วนายล่ะเซน?”
“น้ำเปล่าครับ”
“รับทราบครับ โต๊ะ 22 แนงมยอน 1 ที่ ฟิชแอนด์ชิปซอสพริกโบโรน่า โคล่า 1 แก้ว น้ำเปล่า 1 แก้ว รออาหารสักครู่ครับ”
ปลาบ๋อยพูดทวนอาหารอย่างรวดเร็ว และคล่องแคล่ว เมื่อพูดจบก็ค้อมตัวขอบคุณเล็กน้อย แล้วหายไปพร้อมกับที่หนังสือเมนูปิดลง และหนังสือเมนูก็ลอยกลับไปเช่นกัน
“เป็นไง?ตื่นเต้นดีใช่ไหมล่ะ”
รุ่นพี่แจซองเอ่ยถามเขาขึ้นด้วยน้ำเสียงติดตลก นั่งเท้าคาง และมองเขายิ้ม ๆ ซึ่งก็จริงตามที่รุ่นพี่ตรงหน้าว่า เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมากทั้งตำแหน่งที่ตั้ง การตกแต่ง วิธีการสั่งอาหาร และเมนูอาหาร ใครจะไปคิดว่าจะมีปลาที่ขายเพื่อนตัวเองให้คนอื่นกินอยู่บนโลกด้วย
“ครับ...”
เซนกล่าวตอบด้วยท่าทีเรียบนิ่งเช่นเดิน แต่แววตากลับซ่อนความตื่นเต้นไว้ได้ไม่ดีเสียเลย
“รู้จักแนงมยอน หรือเปล่า?”
“ไม่ครับ”
“มันคืออาหารบ้านเกิดฉันเอง บะหมี่เย็นน่ะ”
“…”
“เดี๋ยวฉันจะให้ชิมนะ”
“…”
“อ่าาา เจ้าหนู”
“…”
“นี้เจ้าหนู!”
“ผมชื่อเซนครับ เลิกเรียกผมด้วยสรรพนามอื่นสักที”
“อ่าา น้องเซน คือว่า เอ่อ…”
“พูดมาเถอะครับ”
“คือว่า อ่า จะพูดยังไงดีนะ อืมม..”
“รุ่นพี่..ทำไมถึงชอบเข้ามากลั่นแกล้งผมอยู่เรื่อยเลยล่ะครับ ผมได้ทำอะไรให้ไม่พอใจไปหรือเปล่าครับ?”
เมื่อเห็นรุ่นพี่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่ยอมพูดสักที เขาเลยเอ่ยถามก่อนเสียเลย เพราะต่างคนต่างรู้กันดีว่าสถานการณ์ระหว่างเขาทั้งสองคนเป็นอย่างไร
“ห้ะ?”
“…”
แต่เมื่อรุ่นพี่ตรงหน้าได้ยินคำถามที่เขาพึ่งถามไปก็ทำหน้าฉงนในทันที
"..."
“นายบอกว่าฉันแกล้งนายเหรอ?”
“ครับ หรือว่าพี่จะบอกว่ามันไม่ใช่การกลั่นแกล้งเหรอครับ?”
“ก็นายมาด่าฉันก่อนนี่”
"...ผมไม่คิดว่า การที่บอกให้เบาเสียงลงในที่สาธารณะ เพราะมันรบกวนผมที่อ่านหนังสืออยู่จะเป็นการด่าตรงไหนนะครับ”
“ไม่ใช่อันนี้สิ”
“ครับ?”
“ก็ที่เราเจอกันที่หน้าประตูภาคีที่หอคอยกลาง ตอนวันแรกเข้าไง"
“…”
“นายด่าฉันว่า ‘อย่าเสือก’ นี้!”
รุ่นพี่ตรงหน้าเริ่มพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้น พร้อมกับทำหน้าเหมือนสับสนอะไรบางอย่าง
“…อ๋อ รุ่นพี่คือพี่คนนั้นเองเหรอครับ”
“นายจำฉันไม่ได้เหรอ?”
“ผมไม่ได้เอามาใส่ใจครับ”
“ฮ่ะๆ”
รุ่นพี่แจซองพ่นเสียงหัวเราะออกมา พร้อมกับกลอกตา เบนหน้ามองไปทางอื่น เห็นรุ่นพี่กำลังเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มของตนจนข้างแก้มของคนตรงหน้านูนออกมา
“…”
“นายนี้สุดยอดเลยนะ”
“ครับ?”
“ภาคีสืบสวนเขาไม่ได้สอนเรื่องมารยาทเหรอ?”
“…”
คนตรงหน้าพูดเสียงเย็นขึ้น พร้อมกับหันหน้ากลับมาจ้องมองที่เขาดังเดิม แต่ท่าทีดูนิ่งเฉยมากขึ้น
“ผมไม่คิดว่ามันจะต้องลามปามถึงเรื่องการสั่งสอนจากเหล่ารุ่นพี่ในภาคีนะครับ”
“งั้นนาย…พ่อแม่ไม่สั่งสอนเหรอ?”
“…มันไม่ใช่เรื่องของรุ่นพี่นะครับ”
“งั้นเหรอ แต่วันนั้นฉันถามดี ๆ นะ ถึงรูปประโยคของนายจะไม่ได้พูดว่า ‘อย่าเสือก’ แต่ความหมายมันก็เหมือนกันนี่ นอกจากนั้นถ้านายแสดงความเสียใจบ้างฉันก็คงปล่อยผ่านได้อยู่หรอก แต่พอเห็นว่านายท่าทางอวดเก่งใช่ย่อย ก็เลยรู้สึกอยากเตือนสตินิดหน่อยน่ะ”
บรรยากาศตอนนี้ทะมึนลงอย่างเห็นได้ชัด เขารู้สึกได้ถึงความโกรธ และอารมณ์ที่คุกกรุ่นจากคนตรงหน้าที่ใบหน้ายังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม แต่เขามั่นใจว่าไม่ใช่ยิ้มในทางที่ดีในแน่นอน แต่ความโกรธของตัวเขาเองก็พุ่งขึ้นมาตั้งแต่ที่คนตรงหน้าลามปามถึงคนในภาคี และพ่อแม่แล้วเช่นกัน เซนไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เขาทำผิดตรงไหน มันไม่ใช่เรื่องที่คนตรงหน้าต้องมายุ่งจริง ๆ เขาไม่คิดว่าการที่เขาสื่อสารออกมาตามตรงจะผิดตรงไหน ถ้าจะผิดก็ผิดที่คนตรงหน้าเองนั้นแหละที่แปรเปลี่ยนคำของมันไปเอง จนกลายเป็นประโยคที่หยาบคาย
“เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องสนใจนี้ครับ ผมไม่ได้คิดว่ารุ่นพี่จะติดใจกับเรื่องตรงนี้ แต่ถ้าจะให้ขอโทษ ผมก็คงไม่ทำเพราะคนที่เปลี่ยนคำจนทำให้ประโยคมันดูหยาบคายก็คือตัวของรุ่นพี่เอง”
“…”
“พี่บอกว่าผมไม่มีมารยาท แล้วการเสียงดังในที่สาธารณะ ใช้คำหยาบคาย ไม่ให้เกียรติ ผลักคนอื่นออกจากหน้าต่าง กลั่นแกล้งดันหลังคนอื่นตอนยืดกล้ามเนื้อ และสร้างความอับอายแก่ผู้อื่นนี้เป็นสิ่งที่เขาเรียกว่ามีมารยาทเหรอครับ? ผมว่าคำว่าวุฒิภาวะรุ่นพี่ยังไม่มี..
ปึง!!
“อย่าให้มันมากนักนะเว้ย ไอเด็กเวร!”
รุ่นพี่ตรงหน้าเอามือตบโต๊ะเสียงดังปึง! พร้อมกับตะโกนต่อว่าเขาด้วยถ้อยคำหยาบคาย จนลูกค้าที่นั่งรับประทานอาหารอยู่รอบ ๆ ร้าน เริ่มหันมามองยังโต๊ะเขาเป็นตาเดียวกัน เสียงซุบซิบก็เริ่มดังขึ้นด้วยเช่นกัน เซนยังคงนั่งนิ่งเงียบ ไม่มีแสดงท่าทีของความโกรธใด ๆ นั่งกอดอกของตน หลี่ตามองคนตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา
“ฮ่า...ถ้างั้นผมก็ไม่มีอะไรให้คุยแล้วล่ะครับ”
เมื่อเซนเห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่น่าสามารถพูดคุยกันต่อได้อย่างรู้เรื่องแล้ว จึงกล่าวเตรียมตัวจะบอกลาด้วยท่าทีนิ่งเงียบเช่นเดิม พร้อมกับลุกขึ้น ก้าวขาของตนเดินออกไปเพื่อออกจากร้าน
หมับ!
“จะไปไหน ฉันยังพูดไม่จบ!”
“ปล่อยครับ”
รุ่นพี่แจซองเอื้อมมือเข้าคว้าที่ข้อมือของเซน แล้วบีบอย่างรุนแรงจนเซนขมวดคิ้วเล็กน้อย จากความปวดซ่านที่แผ่ขึ้นมา
“นั่งลง!”
“…”
รุ่นพี่แจซองมองหน้าขอบเขาเขม็งพร้อมกับออกคำสั่งให้เขานั่งลง เซนมองคนตรงหน้าด้วยหน้าตาเบื่อหน่ายเต็มที
ฟึ่บ!
“เหี้ย แม่งเอ้ย!”
เขาได้ยินเสียงรุ่นพี่ตะโกนตามหลังมา หลังจากที่เขาตัดสินใจแปลงเป็นพรายกระซิบเคลื่อนตัวออกมาอย่างรวดเร็ว เพื่อออกมาจากสถานการณ์อันตรายที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้รู้สึกโกรธจนตัวสั่นเหมือนตอนที่ถูกแกล้งให้หงายหลังในนห้องสมุด แต่ครั้งนี้กลับเต็มไปด้วยความผิดหวังเสียมากกว่า ไม่คิดว่าเหตุการณ์ที่เขาเลือกลงไปจะทำให้สถานการณ์ระหว่างเขากับรุ่นพี่จะแย่ลงไปมาก มากเสียจนแทบทะลุถึงจุดดิ่ง ถ้าเขาไม่ออกมาเมื่อกี้ อาจจะโดนรุ่นพี่ตรงหน้าหยิบมีดแทงเขาตรงนั้นแล้วก็ได้
เห้อ ไม่น่ามาเลย…
ติดตามตอนต่อไป…