4 ตอน ตอนที่ 3 : I TOMATO YOU
โดย สลีป
ตอนที่ 3
“I TOMATO YOU”
สรุปตลอดทั้งวันนี้แทบจะไม่มีอะไรที่เป็นดั่งใจเขาสักอย่าง ทุกสิ่งที่เขาทำมักถูกอุปสรรค หรือสิ่งรบกวนเล็ก ๆ น้อย ๆ ขัดขึ้นอยู่เสมอ เมื่อเซนกลายเป็นพรายกระซิบเพื่อหนีจากสถานการณ์นั้น เขาก็ต้องใช้เวลาเกือบ 20 นาที กว่าที่จะหาทางกลับหอพักได้ ในความเป็นจริงถ้าเขาตั้งสติดูดี ๆ ก็คงจะหาทางกลับได้อย่างไม่ยากเย็นนัก อาจเป็นผลมาจากโทสะที่แล่นอยู่ภายในร่างกาย ทำให้สมาธิของเขาแทบจะน้อยกว่า 30%
แต่จะให้มานั่งหงุดหงิดแบบนี้ก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนัก พรุ่งนี้เขายังคงมีสิ่งที่จะต้องทำอีกมากมาย การมาคิดวนไปมาก็รังแต่จะทำให้เขาหงุดหงิดเท่านั้น วิชาของวันพรุ่งนี้ไม่มีอะไรให้น่ากังวล การพลิกแพลงพลังและใช้สมองไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลย แต่สิ่งเดียวที่เขากังวล คือ เรื่องพลังกายภาพ เมื่อพบกับเหตุการณ์วันนี้ ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความอ่อนแอของเขา จากที่นอนคิดเรื่องราวต่าง ๆ อยู่บนเตียง ก็พลันลุกขึ้น แล้วนำกายของตนชันเข่าลงบนพื้นเรียบ วางเท้าให้ชิดติดกัน จากนั้นโน้มตัวไปด้านหน้า ดึงเข่าขึ้นพร้อมใช้ฝ่ามือวางบนพื้น วิดพื้นเพื่อฝึกฝนกำลังกล้ามเนื้อแขน
‘1’
‘2’
‘3’
‘4’
‘5’
.
‘6’
‘7’
.
.
‘8’
.
‘9’
‘10’
.
.
.
‘11’
………
วิดพื้นได้แค่เพียง 11 ครั้ง แขนของเซนก็สั่นราวกับว่าตอนนี้กำลังเกิดแผ่นดินไหวเสียอย่างนั้น เขาพลิกตัวแล้วนอนกางแขนขาแผ่ตัวบนพื้นห้องอย่างหมดอาลัย แต่อย่างไรการที่อยู่ภาคีสืบสวนก็ไม่ได้เน้นเรื่องพลังกายอยู่แล้ว สิ่งที่ต้องใช้มากที่สุด คือ สมองต่างหาก ฉะนั้นการที่เขามีพลังอันน้อยนิด จะไม่ส่งผลต่อการเรียน หรือภารกิจใด ๆ แน่นอน ถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเขาก็มั่นใจว่าสามารถหลบหนีออกมาได้ เมื่อลองพิจารณาถึงข้อเท็จจริงนั้นเรียบร้อย เซนก็ลุกขึ้นยืน นำเสื้อผ้าและของใช้ของตน เตรียมตัวไปอาบน้ำให้เรียบร้อย แล้วจะได้กลับมาอ่านหนังสือเตรียมเรียนบทเรียนในวันพรุ่งนี้
.
.
.
07.30 น.
“ศาสตร์การพรางตัว ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นศาสตร์ที่ไม่สามารถนิยามได้เลยว่า ทำแบบไหนจะถูกต้องที่สุด แต่สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ คือ การพลิกแพลง เราจำเป็นต้องรู้ถึงขอบเขตพลังของตนเอง และสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะสามารถล้วงข้อมูลต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด พลาดแค่ครั้งเดียวสามารถเท่ากับชีวิตได้เลยนะครับ การที่เราเป็นภาคีสืบสวน แน่นอนสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ แฝงตัวเข้าไปในฝ่ายของศัตรูเพื่อเก็บข้อมูลต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด ฉะนั้นขอนักเรียนทุกคนเข้าใจให้ตรงกันด้วย วิชานี้ผมจะฝึกฝนพวกคุณในการที่จะเข้าใจในพลังของตนเองให้มากขึ้น และนำพลังของแต่ละคนมาประยุกต์เข้ากับศาสตร์การพรางตัว วิชานี้ส่วนใหญ่จะเป็นการปฏิบัติ ฉะนั้นเตรียมตนเองให้พร้อมด้วย พวกที่มาสาย! ผมขอเตือนไว้เลยว่าในทุกคาบเรียนจะเปลี่ยนสถานที่เรียนทุกครั้ง และผมจะบอกก็ต่อเมื่อถึงเวลาเรียนในห้องนี้แล้วเท่านั้น ถ้าคุณไม่อยากมีปัญหากับวิชาของผม กรุณานำสิ่งที่ผมกล่าวบันทึกลงในความจำของพวกคุณกันด้วยนะครับ…วันนี้เป็นวันแรก ขอให้ทุกคนเขียนอธิบายพลัง และข้อด้อยของตนเองใส่ลงกระดาษที่ผมจะแจกให้ต่อจากนี้ แล้วคาบหน้าเราจะเริ่มฝึกฝนกันจริง ๆ ใครเขียนเสร็จแล้วก็นำมาส่งที่โต๊ะ แล้วเลิกคาบได้ เชิญครับ…”
กระดาษแต่ละใบค่อย ๆ เคลื่อนไหวจากโต๊ะของอาจารย์ แล้ววางลงตรงหน้าของนักเรียนในห้องทุก ๆ คน เซนใช้สายตาสำรวจกระดาษที่วางตรงหน้า แล้วจึงค่อยหยิบปากกาขนนกเขียนบรรยายพลังของตนตามที่อาจารย์ได้สั่ง
‘ชื่อ : เซน
ชั้นปีที่ : 1
ภาคี : สืบสวน
พลัง : พรายเสียงกระซิบ
ความสามารถ :
1.สามารถแปลงกายเป็นพรายเสียงกระซิบ แล้วเคลื่อนตัวไปตามตัวกลางต่าง ๆ ความเร็วจะขึ้นอยู่กับตัวกลางใช้ในการเคลื่อนที่
2.หากสัมผัสที่หลังคอของใครแล้ว สามารถเคลื่อนตัวเข้าไปยึดครองจิตใจของคนนั้นได้ และยังสัมผัสความทรงจำของบุคคลนั้น แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความทรงจำใด ๆ ได้
3.สามารถส่งเสียงกระซิบของตนไปยังเป้าหมายที่ต้องการได้
ข้อด้อย : พลังกาย และต่อสู้ระยะประชิด’
เมื่อเขียนเสร็จ เขาก็เดินไปส่งกระดาษที่โต๊ะของอาจารย์ อาจารย์ปรายมองที่เขาเล็กน้อย ๆ แต่ไม่ได้มีท่าทีใดเป็นพิเศษ เมื่อเห็นดังนั้นเซนก็ผงกหัวลงเล็กเป็นการทำความเคารพ แล้วเดินออกจากห้องไป เขาค่อย ๆ เดินไปตามทางเดิน ผ่านห้องต่าง ๆ นานา บางห้องก็ดูเหมือนว่ากำลังเรียนกันอย่างเข้มข้น บางห้องก็ไม่ได้ถูกใช้งาน
“เข้าที่…ไป!”
เซนหยุดการเดินของตนลง มองไปยังที่มาของเสียง ผ่านหน้าต่างตรงหน้า เมื่อเห็นว่าที่มาของเสียง คือ การทดสอบสมรรถภาพของภาคีสนับสนุน จึงใช้สายตาสำรวจเพื่อหาอาร์กัสเพื่อนของตน จากบานหน้าต่างของตึกชั้น 5 และไม่นานก็เจออาร์กัสได้อย่างง่ายดาย เซนจึงเท้าคางแล้วมองลงไปยังสนามเพื่อเชยชมการทดสอบสมรรถภาพที่เกิดขึ้น เห็นนักเรียนชั้นปีที่ 1 ของภาคีสนับสนุน กำลังวิ่งจากจุดเริ่มต้น โดยไม่มีการใช้พลังของตน คงเพื่อวัดพลังกายที่แท้จริงของคนเหล่านั้น แต่พอไม่ได้ใช้พลังบางคนก็มีท่าทีกระหย็องกระแหยง ราวกับไม่เคยมีขามาซะอย่างนั้น เขามั่นใจว่าบุคคลเหล่านี้ต้องเป็นพวกที่มีพลังในการเทเลพอร์ตอย่างแน่นอน เขาก็อยากจะเห็นอาร์กัสในมุมนั้นเช่นกัน มันคงจะเป็นภาพที่สร้างความพึงพอใจให้เขาได้ไม่น้อย แต่น่าเสียดายที่อาร์กัสไม่ใช่หนึ่งในคนเหล่านั้น อาร์กัสออกวิ่งอย่างรวดเร็ว ถ้าให้บรรยายความสามารถของเพื่อนหัวทอง เขาก็บอกได้เลยว่า ระดับ A+ ในทุกด้าน อาร์กัสมีพลังเทเลพอร์ต และสามารถย้อนเวลาสิ่งของต่าง ๆ ในระยะ 24 ชั่วโมงได้อีกด้วย อาร์กัสตัดสินใจเข้าภาคีสนับสนุน เพื่อใช้พลังของตนในการฮีลลิ่ง ส่วนใหญ่คนที่อยู่ภาคีสนับสนุนจะมีพลังเวทมนตร์ที่เกี่ยวข้องกับการฮีลลิ่ง เคลื่อนย้ายมิติ หรือพลังที่สามารถอำนวยความสะดวกในกองกำลังในการปฏิบัติภารกิจให้ได้มากที่สุด อย่างเช่น รุ่นพี่คู่ฝาแฝดชิโระ คุโระ รุ่นพี่ในภาคีสนับสนุน ที่เป็นผู้ขนย้ายเหล่าน้องใหม่จากภาคีสู่หอคอยกลางในวันธรรมเนียมแรกเข้า เซนจ้องมองเพื่อนหัวทองของเขาอยู่ไกล ๆ พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ผลัก!!
ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ทันใดนั้นเอง! เซนก็สัมผัสได้ถึงแรงผลัก จากด้านหลังอย่างรุนแรง ร่างกายของเขาเคลื่อนไปตามแรงผลักอย่างรวดเร็ว ส่วนบนของร่างกายถลาออกจากหน้าต่างไป พร้อมกับร่างกายส่วนล่างไถลตามออกมาเช่นกัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมากจนเขาแทบจะตั้งสติไม่ทัน แต่ก่อนที่ตัวเขาจะหล่นออกจากหน้าต่างแล้วล่วงลงสู่พื้น ก็ถูกกระชากกลับอย่างรุนแรง ร่างบางของเขาไหลไปตามแรงที่ถูกดึง เขาสัมผัสได้ถึงไอเย็น
...อีกแล้ว
ตุ่บ!
เขาตกลงสู่อ้อมแขนของใครคนหนึ่ง ภาพใบหน้าคุ้นเคย ร่างสูงที่เป็นเจ้าของเส้นผมสีขาวสลับกับสีฟ้าอ่อนแซมไปมา ดวงตากลมโตสีฟ้าอ่อน ริมฝีปากยกยิ้ม จุดไฝเม็ดเล็กที่แต้มอยู่ด้านล่างริมฝีปาก คิ้วยกขึ้น หน้าตายียวน ก็ปรากฏในสายตาของเขาทันที เมื่อเซนตั้งสติได้จึงใช้สมองประมวลเหตุการณ์อย่างรวดเร็ว สองคิ้วขมวดมุ่นมองหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์
“ขอโทษที พอดีมือมันลื่นน่ะ”
“…”
เมื่อเซนได้ยินดังนั้น ก็วิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนทันที แสดงว่าเมื่อกี้ที่เขาถูกผลักจนแทบจะร่วงลงจากตึก และถูกช่วยชีวิตด้วยการกระชากกลับจนมาตกที่แขนของคนตรงหน้า เกิดขึ้นมาจากคนคนเดียวกันไม่ผิดแน่
“ทำแบบนี้ทำไมครับ?”
เซนเอ่ยถามพร้อมกับพยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนของรุ่นพี่ตรงหน้าแต่ไร้ประโยชน์ เพราะถูกรุ่นพี่ตรงหน้าเพิ่มแรงที่รัดตนเองมากขึ้นไปอีก จนเขาแทบหายใจไม่ออก
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันแค่แกล้งหยอกเล่นเอง”
รุ่นพี่เอ่ยอย่างอารมณ์ดี แล้วนำนิ้วชี้มาจิ้มที่ระหว่างคิ้วของเขา
“ปล่อยครับ”
เซนเอ่ยเสียงแข็ง แต่ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนใด ๆ อีก เพราะป่วยการที่จะต้องสู้กับแรงที่เขาไม่มีทางสู้ได้
“ฉันชื่อแจซองนะ จอง แจซอง…”
พรึ่บ!
“อ่าวเฮ้ย! อีกแล้วเหรอวะ!”
ไม่รอให้รุ่นพี่ตรงหน้าพูดจบ เขาก็กลายร่างเป็นพรายเสียงกระซิบ แล้วหนีออกจากตรงนั้นทันทีเคลื่อนไหวห่างออกมาจนคิดว่าไม่มีทางที่รุ่นพี่'แจซอง' จะตามมาได้แล้ว จึงแปลงกลับเป็นร่างเดิม ‘เป็นบ้าหรือเปล่านะ น่ารำคาญจริง ๆ เลย’ เซนคิดในใจอย่างหัวเสีย เขาพยายามคิดว่าอะไรเป็นต้นเหตุที่ทำให้รุ่นพี่คนนั้นต้องเข้ามาปั่นประสาทตนทุกครั้งที่พบเจอ เรื่องที่เขาบอกให้เงียบที่สระน้ำงั้นเหรอ? อันนั้นเขามั่นใจว่าการกระทำของตนไม่ได้ผิดเลยสักนิด ฉะนั้นถ้าจะให้กล่าวขอโทษคงไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน ช่างเถอะ หลังจากนี้ก็ค่อย ๆ พยายามหลบหน้า คงเป็นหนทางที่ทำได้ง่าย และเป็นไปได้มากที่สุด อย่างน้อยก็รู้ชื่อของอีกฝ่ายบ้างแล้ว ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมงกว่าวิชาเรียนของเขาจะเริ่ม เขาควรหาที่นั่งอ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลา ตัดสินใจได้ดังนั้น ร่างบางจึงค่อย ๆ ก้าวเท้าไปยังห้องสมุด
-ห้องสมุด-
เซนเปิดประตูห้องสมุด พร้อมกับเดินไปยังที่นั่งริมหน้าต่าง ด้านในสุดของห้องสมุดทันที เพราะจากประสบการณ์ตรงนี้เป็นที่ที่เงียบสงบมากที่สุด เขาวางสัมภาระของตนลง แล้วเดินไปเลือกหนังสือโซนวรรณกรรมสืบสวนทันที หลังจากที่สอบเข้าภาคีสอบสวนได้ เขาก็มักจะอ่านวรรณกรรมสอบสวน เพื่อนำเอาการวิเคราะห์จากตัวละครในหนังสือ ไปปรับใช้ในเวลาปฏิบัติงาน สายตาเรียวใช้สายตาไล่มองหนังสือไปทีละเล่ม เพื่อหาเล่มที่น่าสนใจ ‘ค่ำคืนของหญิงสาว ณ กรุงโรม’ เขาอ่านชื่อหนังสือซ้ำอีกรอบ ก่อนจะคิดว่าทำไมหนังสือที่มีชื่อเรื่องแบบนี้ ถึงมาอยู่ในหมวดวรรณกรรมสืบสวนได้ เมื่อลองพินิจพิเคราะห์ไปมาก็อยากจะรู้ถึงเนื้อหาภายในเล่มว่าจะแน่สักแค่ไหน จึงหยิบเอาหนังสือเล่มนั้นออกมา แล้วเดินกลับมายังที่นั่งที่เดิมของตน มือเล็กค่อย ๆ เปิดหนังสือออกทีละหน้า ไล่อ่านตั้งแต่คำนำ ต่อด้วยสารบัญ อ่านตัวหนังสือที่ไล่เลียงต่อกันเป็นเรื่องราว เขาค่อย ๆ ตกเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการของผู้เขียน และเริ่มเพลิดเพลินมากขึ้นเรื่อย ๆ
.
.
.
“ฉันชอบนายนะ ชอบมาตั้งแต่ปี 1 แล้ว”
“อ๋า งั้นเหรอ”
“งั้นเหรอ? นายหมายความว่ายังไง”
“ฉันไม่เคยสนใจเธอเลยน่ะ”
“ห๊ะ?”
“ก็แค่คุยตามปกติ อะไรทำนองนั้น”
“ฉันรู้…แต่เราค่อยเริ่มต้นหลังจากนี้ก็ได้ นายก็ไม่ได้มีใครอยู่นี้”
“…”
เขาก็ไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องของชาวบ้านสักเท่าไหร่หรอก แต่เขาลืมไปที่นั่งด้านในสุดนอกจากจะเป็นส่วนตัว และเงียบสงบ เหมาะที่จะนั่งอ่านหนังสืออย่างเพลิดเพลิน แต่ว่ามันก็จะมีอีกจำพวกหนึ่งที่แสวงหาผลประโยชน์จากความลับตาคนนั้น ทำเรื่องอะไรทำนองนี้อยู่บ่อย ๆ
10.15 น.
เซนเงยหน้าจากหนังสือ แล้วมองไปยังนาฬิกาเพื่อดูเวลา อีก 30 นาทีถึงจะเข้าคาบเรียน ความจริงก็พอเหมาะที่เขาควรออกจากที่นี่ แล้วเตรียมตัวเข้าเรียนคาบต่อไปพอดี เซนจึงเก็บสัมภาระของตน แล้วหยิบหนังสือค่ำคืนของหญิงสาว ณ กรุงโรม ติดตัวไปด้วยเพื่อทำเรื่องในการขอยืมหนังสือ เขาค่อย ๆ เดินไปยังโต๊ะบรรณารักษ์ ก็พบกับสิ่งที่ไม่น่าเชื่อจนอยากจะกระอักเลือดตายเสียตรงนั้น เขาเตรียมพร้อมที่จะหันหลังกลับไปวางหนังสือไว้ที่ชั้นเหมือนเดิม
“เจ้าหนูยืมหนังสือเหรอ?”
ยังไม่ทันได้แม้แต่จะหันหลังกลับ เสียงของรุ่นพี่แจซองที่ดูแล้วกำลังทำหน้าที่เป็นบรรณารักษ์ เอ่ยถามขึ้น…ทำไมเขาไม่ยักจะเห็นรุ่นพี่คนนี้ตอนเข้ามา ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้...ก็ต้องเผชิญหน้าเท่านั้น
“ครับ”
เซนตอบเสียงราบเรียบ ท่าทีนิ่งเสียจนเดาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรในหัว
“อ๋อ เขียนชื่อ ภาคีกับชั้นปีตรงนี้ แล้วก็ด้านหลังของหนังสือได้เลยนะ”
รุ่นพี่ตรงหน้าไม่มีท่าทีคุกคามใด ๆ เพียงแค่บอกถึงสิ่งที่ต้องทำในการยืมหนังสือเท่านั้น เห็นดังนั้นเซนก็บรรจงคัดชื่อของตนลงไปตามที่รุ่นพี่ได้บอกไว้ก่อนแล้ว
“ขอหนังสือด้วยครับผม”
เซนยื่นหนังสือเล่มนั้นให้รุ่นพี่ตรงหน้า พี่เขาแค่ปรายตามองชื่อหนังสือ พร้อมกับหยิบตราปั๊มบางอย่าง ปั๊มลงตามด้านหลังชื่อที่เขาเขียนไว้ จากนั้นก็เซ็นชื่อของรุ่นพี่ลงในช่องผู้ให้ยืม
“สำหรับหมวดวรรณกรรม นายจะต้องเอามาคืนภายใน 1 สัปดาห์นะ”
เมื่อทำตามระบบเรียบร้อย รุ่นพี่ก็ยื่นหนังสือคืนให้เขาอย่างง่ายดาย เซนเอื้อมมือเพื่อรับหนังสือตรงหน้า
กึก!
แต่ไม่มีท่าทีว่าหนังสือขยับออกจากมือของรุ่นพี่สักนิด เซนเงยหน้ามามองคนตรงหน้าด้วยหน้าตาสับสน แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงหน้าตายียวน คิ้วน้อยขมวดยุ่งอีกครั้ง เมื่อต่อให้เพิ่มแรงเพื่อดึงแย่งหนังสือออกจากคนตรงหน้าแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นเดิม
“ตอนจบน่ะ ตัวเอกเป็นตัวร้ายซะเองนะครับ…น้องเซน”
ฟึ่บ ตุบ!
“อ๊ะ!”
เมื่อรุ่นพี่พูดจบก็ปล่อยหนังสืออย่างฉับพลัน จนทำให้แรงที่เขาใช้ในการดึงแย่งหนังสือ ถูกสะท้อนกลับมาอย่างรวดเร็วจนเสียศูนย์ และล้มหงายหลังลงไปในที่สุด เมื่อรุ่นพี่ตรงหน้าเห็นเขาหงายหลังล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น หน้าก็เปลี่ยนสีทันที
“เจ้าหนู ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
รุ่นพี่เอ่ยขอโทษ ทำท่าทีลุกลี้ลุกลน พร้อมกับรีบวิ่งออกมาจากโต๊ะบรรณารักษ์
“ไม่ต้องมายุ่งครับ”
เซนรีบลุกขึ้นพร้อมกับหยิบข้าวของทุกอย่างของตน และเดินออกจากห้องสมุดไปในทันที ไม่รู้ว่าสิ่งที่รุ่นพี่พูดตามหลังมา คืออะไรบ้าง เพราะตอนนี้ใบหน้าของเขาขึ้นขึ้นสีแดงจนลามไปถึงใบหู ความโมโหที่ถูกสปอยตอนจบของเรื่อง ถูกแย่งหนังสือจนตนล้ม ถูกผลักเมื่อเช้าจนเกือบตกตึก มันคือการกลั่นแกล้งเล็ก ๆ สำหรับเขามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ใด ๆ เลย แต่เมื่อเรื่องราวเล็กๆ ต่างเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะต่อยหน้าใครสักคนได้เลย
.
.
.
“อาร์กัส…”
“หืม?”
เซนเอ่ยเรียกอาร์กัส ขณะที่อาร์กัสกำลังยืนรดน้ำเหล่าต้นไม้ภายในสวนอยู่
“นายรู้จักรุ่นพี่ในภาคีจู่โจมบ้างไหม”
“อืมม ใครล่ะ? นายลองบอกชื่อมาสิ”
“…”
“ว่าไงล่ะ”
อาร์กัสหันมาถามเซน เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปในขณะที่ตนยังรดน้ำอยู่
“จอง…”
“จอง แจซองเหรอ?”
“นายรู้ได้ไง”
เซนถึงกับตาโต เมื่ออาร์กัสพูดชื่อของรุ่นพี่คนนั้น ราวกับอ่านใจเขาได้
“นี้เซน…นายไปพิธีวันแรกเข้าจริงดิ?”
“อะไรเล่า”
“ก็เขาเป็นรองประธานภาคีจู่โจมไง นายไม่รู้จักได้ยังไง เขาดังมากเลยนะ”
“ดังเหรอ?”
“อืม เพื่อนในภาคีฉันพูดถึงเขากันไม่หยุดเลย ตอนวันพิธีแรกเข้าน่ะ”
‘ฉันว่าพี่ประธานจู่โจมเค้าดูดีมากเลยเนอะ ตอนที่เค้ากล่าวอุดมการณ์ฉันนี้เขินแทบบ้าอยู่แล้ว’
‘จริงเหรอ ฉันชอบพี่รองประธานภาคีจู่โจมมากกว่านะ ดูดีมากเลย ตอนพี่เค้าวิ่งไปปักธง ฉันนี้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย’
“อ๋อ”
ทันใดนั้นเองความทรงจำ เรื่องราวที่กลุ่มผู้หญิงที่เดินอยู่ด้านหลังของเขาพูดคุยก็เด้งแวบขึ้นมา เขากลอกตาขึ้น พร้อมกับก้มหน้าฟุ่บลงกับโต๊ะอย่างเบื่อหน่าย นี้เขากำลังโดนกลั่นแกล้งจากรุ่นพี่ตัวท๊อปอย่างนั้นเหรอ
“มีอะไรหรือเปล่า เล่าให้ฉันฟังได้นะ”
อาร์กัสกล่าวขึ้นอย่างเป็นห่วงพร้อมเดินมายังโต๊ะในสวนที่เซนนั่งอยู่ มือของอาร์กัสค่อย ๆ ลูบเบา ๆ ที่เส้นผมสีชมพูอมส้มของเซนอย่างอ่อนโยน แล้วใช้นิ้วชี้ม้วนเส้นผมของเซนไปมา
“เปล่า…” เซนไม่ได้มีท่าทีขัดขืนกับการกระทำของอาร์กัสแต่อย่างใด แต่ก็ยังคงฟุ่บหน้าลงกับโต๊ะเหมือนเดิม
“แน่ใจนะ?”
“อืม ไว้มั่นใจแล้วจะเล่าให้ฟัง”
“โอเค”
อาร์กัสว่า พร้อมกับใช้มือตบที่ผมของเซนเบาๆ ก่อนจะเดินไปดูแลต้นไม้เช่นเดิม
แถมค่ะ555