3 ตอน ตอนที่ 2 : So bad to meet you.
โดย สลีป
ตอนที่ 2
“So bad to meet you”
หลังจากที่เขาแปลงเป็นพรายเสียงกระซิบเคลื่อนที่ไปตามสายลม ไม่นานเขาก็มาโผล่ที่ทางเข้าหอพักเสียแล้ว
"..."
“นี่! ทำไมถึงแปลงกายล่ะ”
“ก็พิธีมันเสร็จแล้ว นายเถอะไปไหนมา ทำไมฉันหาไม่เจอตอนอยู่ในแถว”
เซนถามอาร์กัส เมื่ออยู่ดี ๆ อาร์กัสก็โผล่ขึ้น เมื่อเขาแปลงกลับเป็นร่างเดิมแล้ว
“ฮ่าฮ่า ฉันตื่นสายอีกแล้วอะสิ”
อาร์กัสตอบกลับ แล้วหัวเราะแห้ง ๆ ราวกับว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นจนพวกเขาชินชาไปเสียแล้ว
“ฉันก็ว่ามีไม่กี่เหตุผลหรอก”
“แต่ยังไงก็วาปไปทันก่อนพิธีจบละกัน พอเห็นนายรีบวับ ๆ แวบ ๆ ออกมา ถึงได้ตามมานี้แหละ”
“อ๋อ อืม”
“ได้เพื่อนใหม่ หรือยัง?”
“…”
“โถ่ เซนนายจะอยู่บนโลกคนเดียวไม่ได้นะ มนุษย์น่ะถูกออกแบบมาให้เป็นสัตว์สัง…”
“ฉันไม่ใช่มนุษย์”
“ก็มีเชื้อมนุษย์ตั้งครึ่งหนึ่งไม่ใช่เหรอ”
“…พอเถอะ ฉันจัดการเองได้ หิวแล้วไปกินข้าวกันก่อนเถอะ ฉันอยากไปอ่านหนังสือริมสระที่ไปเจอกันเมื่อวาน”
เซนเปลี่ยนเรื่อง แล้วเอ่ยชวนเพื่อนคนเดียวของตนไปกินข้าวที่โรงอาหาร ก่อนที่จะไปนั่งอ่านหนังสือที่ริมสระ แน่สิ ก็เขาไม่ใช่มนุษย์ร้อยเปอร์เซ็นต์สักหน่อย เขาเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งพรายต่างหาก ฉะนั้นความรู้สึกที่อยากจะเข้าสังคมน่ะมันแทบจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินเลยก็ว่าได้
“ไปสิ”
อาร์กัสก็ไม่ได้สาวความต่อให้ยืดยาว เพราะรู้จักเพื่อนของตนเองเป็นอย่างดี แค่ตอบตกลงแล้วทั้งสองคนจึงออกเดินไปยังโรงอาหาร
.
.
.
14.30 น.
ริมสระน้ำสีฟ้าใสกว้างใหญ่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้หลากหลาย นานาพรรณผุดขึ้นเต็มไปทั่วบริเวณ บ่งบอกถึงความตั้งใจของผู้ดูแลที่นี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักเรียนที่มีความสนใจในเรื่องของพฤกษศาสตร์ สลับสับเปลี่ยนกันมาดูแล และอีกไม่นานอาร์กัสเองก็คงจะเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นเช่นกัน
วันนี้เป็นวันที่อากาศดีมากวันหนึ่งเลยก็ว่าได้ แสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องผ่านต้นไม้ เห็นเป็นลำแสงบาง ๆ สลับไปมากับเงาที่ถูกบดบังด้วยต้นหลิวสูงใหญ่ สายลมพัดผ่านมาเป็นบางช่วง เพิ่มความเย็นสบายให้กับผู้ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นหลิวแห่งนี้ ร่างบางสวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลการ์เนตบ่งบอกถึงภาคีที่ตนอยู่ กำลังอ่านหนังสือวรรณกรรมอะไรสักอย่างที่น้อยคนจะอ่านในเวลาว่างยามบ่ายเช่นนี้ แต่สีหน้าของร่างบางไม่ได้ดูมีความเบื่อหน่ายสักนิด
ส่วนอาร์กัสที่ติดสอยห้อยตามกันมาตั้งแต่จบพิธี ตอนนี้กำลังไปยังโดมพฤกษาเพื่อสมัครเป็นสมาชิกตามที่ตั้งใจไว้ ทำให้ตอนนี้ตัวเขานั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว
“เห้ยๆๆๆ!!! แจซองอย่ารีบดิวะ ว๊ากกกก”
“ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆ”
“กรี๊ดดดด นายอย่าดันฉันสิ โถ่เอ้ย จะล้มอยู่แล้ว”
“พวกแกขอให้ทำเองนะเว้ย!!! เร็ว ๆ ดิ ฮ่าฮ่าฮ่า”
“แม่งเอ้ยยย!!!! หยุดก่อนดิ้ๆ”
“หู้ววววว!!!! ฮ่าๆๆๆ”
แต่ความเงียบสงบที่เขาปรารถนากลับถูกทำลายลง ด้วยเสียงโหวกเหวก โวยวายของคนกลุ่มหนึ่งที่น่าจะมีประมาณสัก 5-6 คน เมื่อเซนหันไปมองก็พบกับกลุ่มคนที่สวมผ้าคลุมสีเงิน ภาคีจู่โจมสินะ โดยที่มีลานน้ำแข็งอยู่ใต้เท้าของพวกเขา อาจจะเป็นเพราะเวทมนตร์ของสักคนหนึ่งในกลุ่มนั้น และจากการสันนิษฐานด้วยลักษณะรูปร่างภายนอกของคนทั้งหมด น่าจะมาจากชายตัวสูงแข็งแรงที่มีผมสีขาวสลับกับสีฟ้าอ่อนแซมไปมา ดวงตากลมโตสีฟ้าอ่อน ผิวขาวมากจนเมื่อสะท้อนกับแสงแดดทำให้ยิ่งเหมือนจะใสราวน้ำแข็ง เมื่อเขาดูท่าทีของคนกลุ่มนั้น และประเมินเรียบร้อยแล้ว ก็คิดว่าคงไม่ต้องสนใจอะไรมากมาย เพราะคนเหล่านี้ก็คงดำเนินไถการละเล่นกันไปเรื่อย ๆ และอีกไม่นานความสงบสุขก็คงจะกลับมาดังเดิม ตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องรอคอยเท่านั้น
“แจซอง ไอบ้าจะวนกลับไปกลับมาทำเหี้ยไรวะ ไอเชี่ยยย!!!”
“แหวะ จะอ้วก!!!”
“ฮ่าๆๆ เมื่อกี้ยังบอกว่ากระจอกอยู่เลยนี่!!”
รอ…. เซนนอนลงกับพื้นหญ้าแล้วนำเอาหนังสือของตนกางปิดบังใบหน้า เพื่อนอนรอเวลาที่ความสงบสุขจะกลับคืนมาสู่เขาอีกครั้ง
“กรี๊ดดดด!!!!”
“ฉันขอโทษๆ!!”
รอ….
“อย่าทำอะไรบ้า ๆ ถ้าพวกฉันตกลงมาคอหักตายล่ะ!”
“เรื่องของแกสิ”
“ว๊ากกกกกก/กรี๊ดดด!!!”
รอ….
“เห้ย!!! ถึงสระน้ำพอดีเลย อยากลองดูหน่อยไหม?!”
“ไม่เอาาา!!!”
โถ่เว้ย! ไม่ไปกันสักที เหมือนขีดจำกัดของเซนได้หมดลง เขายันตัวขึ้นมานั่ง พร้อมกับมองไปทางกลุ่มต้นเหตุที่ทำลายความสงบสุขของเขา คิ้วเล็ก ๆ ขมวดจนแทบจะเป็นปม ดูแล้วน่าจะเป็นพวกรุ่นพี่แน่นอน เหอะ!
‘พี่ครับช่วยเงียบหน่อยครับ มันรบกวนผม’
เซนใช้พลังของตนอีกเป็นครั้งที่ 3 แล้วภายในวันนี้ โดยการส่งเสียงกระซิบไปยังคนที่คิดว่าเป็นหัวโจกน้ำแข็งตรงหน้าเขา ซึ่งทันทีที่เขาทำแบบนั้น รุ่นพี่คนนั้นก็หยุดกึกพร้อมกับสะดุ้งตัวโหยงอย่างตกใจทันที หันซ้ายหันขวาอย่างลุกลี้ลุกลน เมื่อไม่เห็นอะไรจึงมองไปรอบ ๆ ด้วยท่าทีหวาดกลัว เซนจ้องมองรุ่นพี่คนนั้นอย่างหัวเสีย คิ้วขมวด และใบหน้าบูดบึ้ง ภาวนาในใจว่าจะรู้ตัวแล้วรีบพาคนของตนออกไปจากตรงนี้ได้แล้ว
อยู่ ๆ รุ่นพี่คนนั้นก็หันมาทางที่เขานั่งอยู่ จนสองตาของทั้งคู่ประสานกัน เซนที่จ้องมองก่อนด้วยอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่ารุ่นพี่คนนั้นน่าจะรู้แล้วว่าเสียงกระซิบนั้นมาจากเขา ก็ผงกหัวลงเล็ก ๆ เป็นการบอกว่า ‘ถ้ารู้แล้วก็รีบหุบปาก พาเพื่อนของคุณไปเล่นตรงอื่นได้แล้ว’ จากนั้นก็เบนสายตากลับมาจดจ่อกับหนังสือวรรณกรรมตรงหน้าดังเดิม ไม่นานเสียงที่เคยรบกวนเขาตอนนี้ก็ค่อย ๆ เบาลงจนเงียบหายไปในที่สุด
คงจะรับรู้ถึงการกระทำที่รบกวนคนอื่นของตนเองแล้ว ถึงได้ยอมถอยโดยไม่ได้แสดงความโมโห หรือใด ๆ ออกมา เมื่อความสงบสุขวิ่งกลับมาหาเขาอีกครั้ง เขาก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือตรงหน้า อย่างสนอกสนใจเหมือนกับค่อย ๆ ตกเข้าไปในภวังค์แห่งความสงบดังเดิม
เวลาผ่านไปอีกสักพักใหญ่ อาร์กัสถึงกลับมา เล่าเรื่องราวของตนตอนไปขอเป็นสมาชิกของโดมพฤกษาซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่ที่หายเป็นเวลานาน เพราะรุ่นพี่ที่นั่นพาเดินชม แนะนำสวน พร้อมกับทดสอบความรู้เบื้องต้นเรื่องศาสตร์พฤกษา อาร์กัสบอกไม่รู้ว่าทำไม แต่พรุ่งนี้เขาสามารถเข้าไปดูแลเหล่าต้นไม้ ดอกไม้ และสมุนไพรต่าง ๆ ได้เลย ซึ่งเซนก็ไม่ค่อยจะแปลกใจเท่าไหร่ เพราะเพื่อนของเขาถือได้ว่า ถ้าเป็นเรื่องต้นไม้ใบหญ้าก็คุยได้ทั้งวัน เพราะที่บ้านอาร์กัสทำธุรกิจส่งออกสมุนไพรหายาก ไม่แปลกที่ความรู้และความชอบของผู้เป็นพ่อแม่ จะส่งต่อให้กับลูกอย่างเข้มข้น
“พรุ่งนี้เรียนวิชาอะไรคาบแรกเหรอ”
อาร์กัสเอ่ยถาม
“วิชาพรางตัวสำหรับการสืบสวน...นายล่ะ”
“ของฉันเขาทดสอบสมรรถภาพก่อนอะ แล้วนายทดสอบสมรรถภาพตอนไหน”
“เห็นว่าเป็นมะรืนนี้”
“ทำไมเขาถึงถัดไปล่ะ ปกติน่าจะทดสอบตั้งแต่วันแรกนี้”
“ฉันได้ยินมาว่า อาจารย์ที่เป็นผู้รับผิดชอบไปทำภารกิจจะกลับมามะรืนนี้ เลยเลื่อนออกไปก่อน”
“ได้ยินมาจากไหนล่ะ”
“คนที่เดินข้างหน้าเมื่อเช้า”
“อุ๊ปส์! ฮ่าฮ่าฮ่า สมกับเป็นนายจริง ๆ”
“อะไร ก็ดีกว่าไปสายละกัน”
“ฉันไม่เป็นไรหรอกหน่า ยังไงก็วาปไปนู่นนี้ได้อยู่แล้ว ลองดูหน่อยไหมล่ะ”
อาร์กัสเอ่ยถาม พร้อมกับนำมือของตนจับที่ไหล่ของเซน แล้วใช้พลังเทเลพอร์ตทันที
ฟึ่บ
เพียงแวบเดียวทั้งคู่ก็มาโผล่ที่หน้าหอพักภาคีสืบสวนแล้ว
“ถ้าอยากจะกลับแล้วก็บอกกันดี ๆ ก็ได้มั้ง”
เซนที่ไม่ได้มีท่าทีตื่นตกใจแต่อย่างใด เพราะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ อาร์กัสมีพลังในการเทเลพอร์ต พลังของเขาต่างจากของอาร์กัสนิดหน่อยตรงที่พลังของเขาไม่ใช่การวาปไปมา หรือโผล่ไปอีกที่นึงในพริบตาเดียว แต่เป็นการเปลี่ยนร่างกายของตนเป็นพรายกระซิบแล้วเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปตามตัวกลางต่าง ๆ ที่มี
“ฮ่าฮ่า เปล่า ๆ ฉันก็อยากอยู่กับนายต่อนั่นแหละ แต่ว่ารุ่นพี่ที่ภาคีเรียกคุยน่ะ ไม่อยากทิ้งนายไว้คนเดียวเลยพากลับมาด้วยกันนี้แหละ”
“เหอะ ขอบคุณละกัน นายไปเถอะ ฉันจะกลับห้องแล้ว”
เซนกล่าวพร้อมกับออกเดินเข้าไปในหอพักภาคีของตน อาร์กัสเห็นดังนั้น ก็ใช้พลังเทเลพอร์ตอีกครั้งเพื่อกลับไปยังหอพักภาคีสนับสนุนของตนเช่นกัน
“ไม่ถามอีกแล้ว…”
เมื่อเซนเห็นอาร์กัสกลับไปแล้ว ก็เดินออกมาจากหอพักของตนเองอีกครั้ง เขาไม่ใช่เด็กที่จะไปไหนมาไหนคนเดียวไม่ได้อยู่แล้ว อีกอย่างเขายังอยากจะเดินเล่นอีกสักนิดหน่อย เลยตัดสินใจให้อาร์กัสกลับไปก่อน แล้วถึงค่อยออกไปเดินเล่นอีกครั้ง ครั้งนี้เขาเลือกที่จะไปเดินเล่นที่สวนพักผ่อนสักหน่อย เพราะถ้าไปที่สระหน้าเช่นเดิม โอกาสที่จะเจออาร์กัสก็มีมากกว่า 40% แล้วเขาก็ยังไม่เคยได้ลองเดินไปดูที่สวนนั้นสักครั้งเดียว ได้ชื่อว่า 'สวนพักผ่อน'ทั้งที น่าจะทำให้เขาพึงพอใจได้อยู่บ้างแหละ
ตัดสินใจได้ดังนั้น จึงออกเดินไปตามเส้นทางทันที ตัวเขาชอบที่สุด เวลาที่ได้ค่อย ๆ เดินรับลมเอื่อย ๆ ชมวัฏจักรรอบข้าง ความอัศจรรย์ของสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิตต่าง ๆ ที่ถูกแต่งแต้มไปทั่วบนโลกใบนี้ ขาบางทั้งสองข้างก้าวขาสลับกันไปมาอย่างต่อเนื่อง เขาเลือกที่จะเดินอ้อมหลังตึกหอพักของภาคีจู่โจม เพราะถ้าไปทางด้านหน้าจะต้องผ่านหอพักสนับสนุนด้วยเช่นกัน
เขาค่อย ๆ เดินไปต่อไปอย่างไม่รีบร้อน แต่เมื่อเดินไปได้ไม่นานก็เห็นเงาของตะครุ่ม ๆ จากคนสองคนอยู่ที่หลังหอพักภาคี แถวนี้ค่อนข้างจะเปลี่ยว เพราะมันเป็นทางที่ไม่ค่อยมีใครมาใช้ แต่เขาก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนค่อย ๆ เข้าใกล้สองเงานั้นมากขึ้น
กึก
“เด็กน้อยฉันว่านายควรไปใช้เส้นทางอื่นก่อนดีกว่านะ จะไปไหนล่ะ? นายไม่ใช่ภาคีจู่โจมด้วยนี้”
อยู่ ๆ การมองเห็นของเซนก็หายไป เนื่องจากมีมือเย็นมาปิดที่ตาของเขาไว้ ส่วนแขนอีกข้างก็ล๊อกตัวไม่ให้เขาเดินต่อไป เซนไม่ได้ลุกลี้ลุกลนใด ๆ เพียงแค่สะดุ้งน้อย ๆ เพราะความเย็นที่สัมผัสกับเปลือกตาของตน
“ผมแค่จะไปสวนพักผ่อน”
“อ๋อ งั้นไปทางนี้นะ”
บุคคลด้านหลังบังคับให้เขาหันหลังกลับไปอีกทางพร้อมกับดันให้เขาเดินไปข้างหน้า
“ปล่อยนะครับ”
เมื่อถูกใครไม่รู้มาบังคับให้เปลี่ยนเส้นทาง เซนจึงขัดขืน พร้อมกับพยายามดึงมือเย็นที่ปิดตาของเขาออก แต่ไม่มีอะไรขยับเขยื้อนเลย และยังถูกบังคับให้เดินตรงไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
“คุณเป็นใครน่ะ ปล่อยผมนะ”
เซนพยายามขืนตัว และดิ้นหนี แต่ด้วยความที่พลังกายภาพของเขาเข้าขั้นน้อยกว่าคนปกตินิดหน่อย จึงทำให้สิ่งที่ลงแรงทำไปเสียเปล่า ‘โถ่เว้ย วันนี้จะต้องใช้พลังอีกแล้วงั้นเหรอ' เซนคิดสบถในใจ แล้วเตรียมพร้อมที่จะใช้พลัง
ฟึ่บ
ทันใดนั้นเองการมองเห็นของเขาก็ค่อย ๆ กลับมาดังเดิม เมื่อเซนเห็นดังนั้นจึงรีบหันไปมองตัวปัญหา ที่อยู่ ๆ ก็มาปิดตา และบังคับให้เดินจนมาโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่เมื่อหันหลังกลับไป หน้าตาที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในสายตา
“…”
“อันยอง เด็กน้อย นายคือคนที่มากระซิบบอกให้ฉันเงียบที่สระน้ำใช่มั้ย พลังของนายเหรอ ทำได้ไงน่ะ”
รุ่นพี่พลังน้ำแข็งที่ทำให้การพักผ่อนยามบ่ายของเขาพังทลายลงพูดขึ้นรัว ๆ
“…”
เซนไม่ได้ตอบอะไรกลับ เพียงแค่มองรุ่นพี่ตรงหน้าด้วยท่าเรียบเฉย
“เป็นใบ้เหรอเจ้าหนู?”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณนะครับ”
เซนถึงกับชะงักกับประโยคหาเรื่องของคนตรงหน้า ก่อนจะกล่าวตอบด้วยท่าทีรำคาญเต็มทน แล้วหันหลังมองสำรวจรอบ ๆ เพื่อไปสู่เป้าหมายของตนเองอีกครั้ง
“ถ้านายจะไปที่สวน นายเดินแยกออกไปทางนี้ ตรงไปเรื่อย ๆ จะเห็นประตูหลังของสวน แต่มันเข้าไม่ได้นะ นายต้องอ้อมไปตรงทางสนามฝึก มันจะมีตรอกเล็ก ๆ ทางเข้าอยู่ซ้ายมือ เข้าใจรึเปล่า?”
รุ่นพี่คนนั้นกล่าวขึ้น พร้อมกับค่อย ๆ ย่างเท้าเข้ามาใกล้ด้านหลังมากขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะชิดใบหูเล็กแหลมของเขา ใกล้พอจนสามารถสัมผัสได้ถึงไอเย็นจากตัวของคนด้านหลัง
“ขอบคุณครับ”
เซนไม่ได้หันไปมอง หรือตอบโต้กลับใด ๆ แต่ย่างเท้าออกไปตามที่รุ่นพี่บอกพร้อมกับกล่าวขอบคุณ
“นี้เจ้าหนูรู้รึเปล่า ว่าทำไมฉันถึงพานายออกมาทางนี้?”
“…”
เมื่อได้ยินดังนั้นเซนก็รีบหันหลังกลับไปมองด้วยความสงสัยทันที เห็นรุ่นพี่คนนั้นยิ้มที่มุมปากด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์พิกล
รุ่นพี่คนตรงหน้ากำมือข้างหนึ่งของตนไว้ แล้วทำท่าดันเข้าไปในปาก พร้อมกันยังใช้ลิ้นดันที่กระพุ้งแก้มของด้านตรงข้ามกับมือจนเป็นรอยนูนออกมา เซนทำหน้าสงสัย ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่รุ่นพี่ตรงหน้าจะอยากจะสื่อ
“เขาอม*วยกันอยู่น่ะ”
เซนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจอย่างรุนแรงกับถ้อยคำที่ตรงไปตรงมา จนคนฟังรู้สึกกระดากแทน ทั่วทั้งใบหน้าค่อย ๆ ปรากฏสีแดงขึ้นเหมือนเส้นผมของเขาไม่มีผิดเพี๊ยน
“ฮ่ะๆ”
เมื่อรุ่นพี่เห็นปฏิกิริยาจากรุ่นน้องร่างเล็กตรงหน้าก็ถึงกับตาโต แล้วยกยิ้มขึ้นราวกับว่าถูกใจของตรงหน้าเสียแล้ว เซนเห็นดังนั้นก็ยิ่งเหมือนถูกสุมกองเพลิงแล้วราดด้วยน้ำมันซ้ำ เหมือนความหงุดหงิดที่สั่งสมมาตลอดทั้งวัน แทบจะทะลัก ระเบิดออกมาให้ได้เสียอย่างนั้น ซึ่งสาเหตุของความวุ่นวายก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากชายตรงหน้า ถึงสองครั้งสองคราด้วยกัน
ฟึ่บ!
เซนจึงตัดสินใจใช้พลังของตนแปลงเป็นพรายเสียงกระซิบอีกครั้ง แล้วเคลื่อนไหวไปตามสายลม อย่างรวดเร็ว เพื่อออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ‘ไอรุ่นพี่เฮงซวยเอ้ย’ เขาสบถในใจพร้อมกับหาเส้นทางที่จะกลับไปยังหอพักของตนเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมแค่จะหาที่สงบ ๆ เพื่อพักผ่อนมันถึงได้ยุ่งยาก และวุ่นวายได้ขนาดนี้
ติดตามตอนต่อไป...