2 ตอน ตอนที่ 1 : Starting Day
โดย สลีป
ตอนที่ 1
“Starting Day”
10.30 น.
สายลมบาง ๆ พัดผ่านหน้าของเด็กหนุ่มร่างบางคนหนึ่ง ที่เดินขนสัมภาระของตนเองไว้เต็มไม้เต็มมือทั้งสองข้าง ผมสีแดงอมส้มพลิ้วไหวไปตามสายลมเอื่อย ๆ ดวงตากลมสีเดียวกันกับเส้นผม แววตาบ่งบอกชัดเจนถึงความล้า และอยากจะพักผ่อนเต็มที เมื่อถึงจุดที่ชายหนุ่มรู้สึกทนไม่ไหวกับการแบกสัมภาระเหล่านี้อีกต่อไป เขาก็หยุดเดิน แต่ไม่ได้วางสัมภาระใด ๆ ลง พลางมองตรงไปด้านหน้าเหมือนคนสูญสิ้นสติไปเรียบร้อยแล้ว
ปึก
“โอ๊ะ!”
เนื่องจากอยู่ ๆ ก็หยุดเดินทำให้ชายที่เดินตามด้านหลังไม่ทันมอง และชนกับเขาเข้าเต็มเปา แต่โชคดีที่ไม่อะไรหล่น หรือเสียหาย
“เฮ้ย! หยุดทำไมเล่า เดินต่อไปสิ มันหนักนะเห็นมั้ย!”
ชายที่ตามหลังต่อว่าด้วยความหัวเสีย พร้อมกับชิงเดินแซงหน้าไป ชายหนุ่มไม่ได้กล่าวขอโทษ หรือมีท่าทีสนใจใด ๆ แต่เหมือนสติถูกดึงกลับมา จึงได้ออกเดินต่ออีกครั้ง
“น้อง ๆ ชั้นปีที่ 1 ภาคีสนับสนุน เดินไปตามทางขวามือเลยนะครับ อย่าไปทางซ้ายนะครับบ!!!”
“เด็กภาคีจู่โจม!! ซ้ายมือครับ ๆ รีบหน่อย วิ่ง!!!”
“สำหรับนักเรียนภาคีสืบสวนเดินไปตามทางได้เลย ของเราอยู่ลึกที่สุดเลยนะคะ ที่หอพักมีแค่ชั้นเดียวน่ะค่ะ!”
ผู้คนที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นเหล่ารุ่นพี่ของสถาบันแห่งนี้ กำลังตะโกนบอกเส้นทางให้กับรุ่นน้องที่คิดว่าเป็นภาคีของตนเองกันอย่างแข่งขัน
“เห้อ~”
เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ที่เขาตัดสินใจเข้าเรียนที่นี่ ก็เพราะทางครอบครัวได้กล่าวกับเขาอย่างมั่นใจว่า
'ความสามารถอย่างแก ไม่ตั้งใจเรียนยังหางานดี ๆ ทำได้เลยมั้ง'
เขาจึงมาเลือกมาเรียนที่สถาบันแห่งนี้ตามที่ครอบครัวแนะนำ ยังไงก็ต้องตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเขามาจนโตได้ขนาดนี้ ก็นะ ความกตัญญูย่อมเป็นความคิดที่ดีที่สุดเสมอ ซึ่งเขาก็ไม่ได้คิดจะขัดขืนอะไรอยู่แล้ว
สองขาเรียวค่อย ๆ เดินต่อไปตามเส้นทางที่เขาได้ยินจากรุ่นพี่ที่ตะโกนข้ามหัวกันไปข้ามหัวกันมา จนมาถึงหน้าหอพักชั้นเดียว ที่มีสภาพดูดีกว่าหอพักทั่วไปเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังมีขนาดที่ใหญ่มาก จนสามารถใส่คนเป็นร้อย ๆ คนเข้าไปอาศัยได้อย่างเหลือเฟือ ถึงแม้เขาจะไม่ได้เรื่องมากเรื่องสภาพของที่นอนสักเท่าไหร่ แต่เห็นแบบนี้ก็แอบรู้สึกใจฟูนิด ๆ แฮะ มีหอพักสะดวกสบายก็คงดีกว่าอยู่แล้วนั่นแหละ
“เซน!! นี้นายยังไม่เข้าไปอีกเหรอ ฉันก็อุตส่าห์รีบเก็บของแล้วลงมาเนี่ย”
ยังไม่ทันที่ชายผู้ถูกเรียกว่าเซนจะก้าวขาเข้าไป ก็ถูกเสียงของชายผมทองสว่างที่มีเปียเส้นเล็ก ๆ ถักไว้ด้านหน้าข้างขวา ขัดไว้เสียก่อน
“อือ”
เซนตอบด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน และเพลียเต็มที ชายหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีทองเห็นดังนั้น ก็ทำท่าทีช่วยไม่ได้
“งั้นฉันจะรอตรงนี้แหละ นายรีบ ๆ ขึ้นไปเลย”
“โอเค”
เซนตอบอย่างรีบร้อนมากขึ้น พร้อมกับเดินขนสัมภาระของตนเองขึ้นไปเก็บไว้ที่หอพักภาคีสืบสวนให้เรียบร้อย จนเวลาผ่านไปประมาณเกือบ 20 นาที ถึงได้วิ่งเหยาะ ๆ กลับมาหาชายหัวทองอีกครั้ง
“อาร์กัส…”
“โอ้ ห้าววว นานมาก ๆๆๆ”
อาร์กัสกล่าวขึ้น อ้าปากหาวหวอด ๆ บิดขี้เกียจ และเดินเข้าไปหา “เซน” เพื่อนของตน
“โทษที มันอยู่ชั้น 3 แล้วพี่เค้าอธิบายข้อมูลอีก”
“อ๋าาา ใช่ ๆ ของนายคงจะนัดประชุมค่ำนี้เหมือนของฉันแน่ แต่ก็นะ…พรุ่งนี้เราก็ต้องเข้าธรรมเนียมแรกเข้าอีก แล้วก็ต้องเริ่มทดสอบสมรรถภาพ แล้วก็…”
“แค่รับเสื้อคลุม กับตรา ทำไมต้องทำให้เป็นพิธีใหญ่โตด้วยก็ไม่รู้”
เซนขัดขึ้น พวกเขาค่อย ๆ เดินกันไปยังโรงอาหารที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหอพักภาคี ตามที่ตกลงกันไว้ในตอนแรกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน
“ฮ่าฮ่า นายพูดแบบนี้ทางคนจัดเสียใจแย่ เอาหน่า มันก็เป็นธรรมเนียมนี้นะ”
“ก็เพราะงั้น...ถึงได้จะไปไง”
“โอเค แต่เราอาจจะไม่ค่อยได้เจอกันเหมือนเมื่อก่อนแล้วเนาะ เพราะอยู่กันคนละภาคี นายอยู่สืบสวน ส่วนฉันสนับสนุน แต่เดี๋ยวฉันจะมาอยู่เป็นเพื่อนนายเองตอนเรียนเสร็จอะนะ”
“เกินไปรึเปล่า” เซนพูดพร้อมกับขมวดคิ้วมองไปยังเพื่อนของตน
“หืม ทำไมล่ะ นายจะหาเพื่อนใหม่เหรอ?”
“ของแบบนั้นจำเป็น?”
“เห็นไหมล่ะ ไม่เป็นไรนะเซน ไม่ต้องเศร้าไป ไม่ใช่เพราะนายนิสัยไม่ดีหรอก ฮ่าฮ่า”
“พอเถอะ ขอร้อง” เซนมองหน้าอาร์กัสพร้อมทำหน้าขอร้องจริงจัง แต่ก็ไม่ได้แสดงถึงความเศร้าสักนิด
“โอเค ๆ แล้วแผนของนายวันนี้ล่ะ อ่านหนังสือ?”
“เปล่า ตั้งใจจะไปเดินเล่น จัดห้อง เตรียมของให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเริ่มอ่านพรุ่งนี้”
“งั้นไปด้วยกันเถอะ ฉันก็อยากเดินสำรวจรอบ ๆ เหมือนกัน”
“ตามใจเถอะ”
.
.
.
“เห้อ~”
ในที่สุดวันนี้ก็ใกล้จบลงเสียที จากการประชุมวันนี้พวกรุ่นพี่ก็แค่เพียงกล่าวต้อนรับเล็ก ๆ และแจ้งกำหนดการที่เกี่ยวข้องกับวันพรุ่งนี้ นัดแนะวิธีการเข้าพิธีต่าง ๆ จากนั้นก็บอกกฎของการอยู่ในภาคี ตัวเขาไม่ได้มีปัญหากับกฎพวกนี้อยู่แล้ว เพราะตามความเป็นจริงมันก็คือ มารยาทพื้นฐานในการดำรงตนในสังคมทั่วไป เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนทั่วไปบนโลกใบนี้ ถึงพยายามที่จะแหกกฎเกณฑ์ต่าง ๆ กันนัก
ในตอนนี้เขาจัดห้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว เตรียมของที่ต้องใช้สำหรับพรุ่งนี้ก็เรียบร้อยแล้วเช่นกัน จากวันนี้ที่เดินสำรวจดูรอบ ๆ เขาก็พอจะหาที่เหมาะสำหรับการอ่านหนังสือได้บ้าง และยังโชคดีที่แถวนั้นมีห้องพฤกษศาสตร์ ที่อาร์กัสตั้งใจแต่แรกว่าจะต้องเข้าไปดูแลพวกต้นไม้ในห้องนั้นให้ได้ เหอะ หาเรื่องใส่ตัวทั้งนั้น…
สำหรับห้องพักของเขาก็ถือว่าสะดวกสบายมาก อากาศก็เย็นต่างกับที่เขาคิดไว้ในตอนแรก เพราะว่าห้องพักของเขาที่ว่าอยู่ชั้น 3 นั้นไม่ใช่อยู่ด้านบน แต่อยู่ลงมาด้านล่างใต้ดินต่างหาก ห้องพักก็ไม่ต้องแชร์ร่วมกับใคร มีเตียง โต๊ะ ตู้เสื้อผ้า และของอำนวยความสะดวกพร้อม ส่วนห้องน้ำก็เป็นห้องน้ำรวม โดยแต่ละชั้นก็มีทั้งหมด 8 ห้อง แบ่งออกเป็นฝั่งละ 4 ห้อง แยกสุขากับห้องอาบน้ำอย่างเป็นสัดส่วน สภาพสะอาดสะอ้าน ซึ่งก็ถือว่าดีมาก ๆ แล้วถ้าเทียบกับหอพักทั่วไป
23.53 น.
ร่างเล็กหยุดความคิดทุกอย่างในหัวลง แล้วมองไปยังนาฬิกาที่ถูกตั้งไว้บนโต๊ะ เวลาที่ปรากฎบ่งบอกว่าอีกไม่นานก็กำลังจะเริ่มวันใหม่ เขาควรเข้านอนได้แล้ว คิดได้ดังนั้น เขาจึงจัดการเช็กของทุกอย่างที่จะต้องใช้ในวันพรุ่งนี้ เพื่อป้องกันความผิดพลาดใด ๆ อีกครั้ง เมื่อคิดว่าทุกอย่างเรียบร้อย ขนาดที่แม้ว่าจะตื่นสายก็คงลงไปรวมตัวกับคนอื่นทันอยู่ดี แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรโอกาสที่จะเกิดเรื่องอะไรแบบนี้คงแทบจะน้อยกว่า 2% ด้วยซ้ำ เซนจึงเดินไปปิดไฟ แล้วเข้านอนทันที อาจเป็นเพราะผลของความเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวัน ไม่นานร่างเล็กจึงผล็อยหลับเข้าสู่ห้วงนิทราไป
.
.
.
05.30 น.
“น้อง ๆ ทุกคนครับ มีใครมีปัญหา ลืมของอะไรอีกไหมครับ เราจะออกไปที่หอคอยกลางกันแล้วนะครับ”
เป็นเวลาเช้าตรู่ที่น้องใหม่ของในทุก ๆ ภาคี จะต้องเข้าร่วม"พิธีธรรมเนียมแรกเข้า"ของทางสถาบันอิโอเนียแห่งนี้ ภายในพิธีจะมีการตั้งขบวนเข้าสู่หอคอยกลางเพื่อปฏิญาณตนจงรักภักดีต่ออุดมการณ์ รับเสื้อคลุม และตราสัญลักษณ์ประจำภาคี
โดยในแต่ละภาคีก็จะมีสีผ้าคลุมที่แตกต่างกันไปตามสีประจำภาคี ภาคีของเขา ภาคีสืบสวนผ้าคลุมจะเป็นสีของน้ำตาลการ์เนต เชื่อกันว่าเป็นสีแห่งเครื่องรางแห่งการป้องกัน ต้านทานต่อทุกสิ่งที่เป็นลบ ภาคีสนันสนุนเป็นสีเขียวมะกอก สีแห่งความสงบสุข และภาคีจู่โจมจะได้รับเป็นผ้าคลุมสีเงินไทเทเนียม สีแห่งความแข็งแกร่ง และทนทาน
“โอเค พร้อมกันแล้วนะครับน้อง ๆ ให้เรายืนกันให้เป็นแถวตามที่จัดไว้ อย่าขยับ แล้วหลับตาครับผม หลับตาครับ! คุโระ ชิโระ พร้อมแล้ว!”
รุ่นพี่คนหนึ่งสั่งขึ้น น้องใหม่ทุกคนหลับตาลงพร้อมกับยืนนิ่งแข็งทื่อตามที่รุ่นพี่สั่งกันอย่างรวดเร็ว
“ได้เลยครับผม น้อง ๆ ไม่ต้องกลัวน๊าา อาจจะรู้โหวง ๆ จะอ้วก แต่ถ้าน้องยืนแข็ง ๆ แบบที่เป็นอยู่ยังไงปลอดภัยครับผม พร้อมนะคุโระ!!”
“อือ รีบเถอะ ยังเหลือภาคีจู่โจมอีก”
“โอเค!! สาม สอง หนึ่ง”
วงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่สีเหลืองทองคำอำพันปรากฏเต็มพื้นที่ใต้เท้าของพวกเขาทุกคน พร้อมกับเกิดหลุมดำขนาดใหญ่ขึ้น แล้วทุกคนตรงนั้นหายไปพร้อมกันทั้งหมด
“ยินดีต้อนรับน้องใหม่ทุกคนนะครับ! แล้วเจอกันครับ!” เสียงขี้เล่นของชายคนหนึ่ง และเสียงราบเรียบธรรมดาของอีกคนหนึ่ง กล่าวขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก แต่รู้สึกเหมือนกับถูกกระชากลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถูกทำให้ถูกห้อยหัว จนรู้สึกมวนท้องไปหมด รู้ตัวอีกทีปลายเท้าก็สัมผัสกับพื้นดินเสียแล้ว
ฟึ่บ!!
“สวัสดีค่ะน้อง ๆ ทุกคน ลืมตามได้แล้วนะ แล้วยืนตั้งแถวให้รีบร้อยค่ะ อีก 15 นาที พิธีจะเริ่มแล้วนะคะ”
เซนค่อย ๆ เปิดเปลือกตาบางขึ้นพร้อมกับมองสำรวจไปรอบ ๆ แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าหน้าจะมืด จนต้องเอามือขึ้นกุมหน้าตนเองไว้ก่อน พอรู้สึกดีขึ้นแล้ว จึงมองสำรวจคนอื่น ๆ ไปรอบ ๆ ก็พบว่าแต่ละคนคงอาการไม่ได้ต่างมากนัก ที่ที่พวกเขายืนอยู่นั้น ตรงหน้ามีประตูบานใหญ่ที่อีกฝั่งด้านในคงเป็นหอคอยกลางอย่างแน่นอน
“โอ๊ย จะอ้วกนายมีถุงไหม อุ๊ป!”
ก่อนที่จะความคิดจะไปไกลกว่านี้ ชายที่อยู่ข้าง ๆ เซน ก็เอื้อมมาแตะไหล่ของเขา เอามือปิดปาก พร้อมกับร้องขอความช่วยเหลือก่อนที่ของไม่พึงประสงค์จะออกมาจากปาก
ฟึ่บ!
“พี่ครับ คนนี้เขาไม่ไหวแล้ว ต้องการถุงเดี๋ยวนี้ครับ!”
เห็นดังนั้นเซนจึงเปล่งเสียงขอความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ที่อยู่ใกล้เขาที่สุด พร้อมกับปัดมือของชายที่เกาะไหล่ของเขาออก
“อุ้ยๆๆ เรียกฝ่ายพยาบาลมาคนนึงเร็ว! น้องคะ ออกมานี้ก่อนค่ะ”
รุ่นพี่ที่ได้ยินเขาเสียงเขาขอความช่วยเหลือก็รีบเข้ามาพยุง และดึงชายคนนั้นออกจากแถวไปอย่างรวดเร็ว จากก็นั้นมีรุ่นพี่อีก 2-3 คนตามออกไป
“มีใครเป็นอะไรอีกไหมคะ น้อง ๆ แจ้งรุ่นพี่ได้เลยนะคะ เพราะอีกแค่ 10 กว่านาทีเราจะเข้าไปสู่พิธีสำคัญแล้ว อย่าลืมที่พี่บอกนะ เดินแถวให้ตรง พร้อมกับเดินตามพี่เท่านั้นนะคะ!!"
รุ่นพี่หญิงสาวที่ยืนอยู่หัวแถวด้านหน้าสุด คาดว่าน่าจะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำขบวนของเหล่าเด็กใหม่ภาคีสืบสวนกล่าวขึ้นอย่างมั่นใจ และชัดถ้อยชัดคำ
ตอนนี้เขาไม่ได้มีอาการตื่นเต้นใด ๆ เพียงอยากเห็นว่าพิธีการธรรมเนียมที่ได้รับการขนานนามว่าสำคัญนักหนาจะเป็นอย่างไร 'หูจะแตกมั้ยนะ' เซนคิดในใจ
.
.
.
06:06 น.
หวูดดดดดดดดด!!!!
“โอเคค่ะน้อง ๆ เตรียมพร้อมนะคะ!”
เสียงดังของเขาสัตว์ดังก้องกังวานขึ้น
หวูดดดดดดดดด!!!!
หวูดดดดดดดดด!!!!
ปึง!!!
เสียงเขาสัตว์เป่ายาว ๆ ดังขึ้นอีกสองครั้ง จากนั้นประตูไม้ใหญ่แกะสลักลวดลายดอกไม้โบราณเต็มไปทั่วทั้งประตู ตรงกลางถูกแกะเป็นตราสัญลักษณ์ของภาคีสืบสวน ขอบเลื่อมด้วยแร่การ์เนตสีน้ำตาลเปล่งประกายต้องกับแสงจากดวงอาทิตย์จนส่องระยิบระยับ
เมื่อประตูด้านหน้าเปิดออก ภาพด้านในหอคอยก็ปรากฏขึ้นชัดเจน ด้านในเป็นลานกว้างคล้ายกับสนามสังเวียนของชาวกรีกที่พื้นถูกปูด้วยหินอ่อน ถูกล้อมรอบด้วยที่นั่งของผู้รับชม ซึ่งถูกจัดให้นั่งตามตำแหน่งของแต่ละภาคี ได้แก่ ทิศใต้-ภาคีจู่โจม ทิศตะวันออก-ภาคีสืบสวน ทิศตะวันตก-ภาคีสนับสนุน คาดว่าทิศเหนือคงจะเป็นของเหล่าผู้ปฏิบัติงาน และเหล่าชนชั้นสูงขององค์แห่งนี้ ด้านบนเป็นโดมเปิดกว้างรับสายลม และแสงแดด ตรงด้านหน้าลานมีถ้วยรูปร่างคล้ายคล้ายอัญมณีสีม่วงประกายตั้งอยู่ไว้
“เฮ้!!!!!! วี๊ดด วิ้วว”
เสียงของผู้ชมบนอัฒจันทร์ คือ รุ่นพี่ชั้นปีอื่น ตะโกนโห่ร้องดังกึกก้องไปทั่ว เมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปในแต่ละภาคีก็มีป้ายเชียร์ อุปกรณ์ที่แต่ละภาคีเตรียมไว้โบกไปมา พลัดพริ้ว เชียร์เหล่ารุ่นน้องที่กำลังจะเป็นส่วนหนึ่งกับพวกตน แต่ละภาคีต่างตะโกนแหกปากกันอย่างไม่มีใครยอมใคร พร้อมกับเสียงของเขาสัตว์ และเครื่องดนตรีอื่น ๆ ดังขึ้นอีกครั้ง บรรเลงเป็นทำนองรวดเร็ว จังหวะหนัก คล้ายกลับกำลังจะแสดงความดีใจ ยินดีต้อนรับเหล่ารุ่นน้องหน้าใหม่
จากนั้นรุ่นพี่ผู้หญิงด้านหน้าก็ปรบมือ ดัง ๆ สองครั้ง และยังได้ยินเสียงปรบมือจังหวะเดียวกันจากมุมอื่นของสนามอย่างพร้อมเพรียง และหนักแน่น รุ่นพี่คนนั้นก้าวเท้าเดินนำเข้าสู่สนาม ทำให้ขบวนออกเคลื่อนไหวในทันที พร้อมกับเห็นขบวนเหล่าเด็กใหม่ของแต่ละภาคีค่อย ๆ เดินออกมาจากมุมของสนามเช่นเดียวกัน ซึ่งทุกคนในขบวนต่างมีสีหน้าตื่นเต้น คลี่ยิ้มกันอย่างสดใส พร้อมกลับมองไปรอบ ๆ อย่างตื่นตา ตื่นใจ แม้เซนยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเดิม แต่แววตานั้นบ่งบอกได้ถึงความสนใจ จนคอของเซนแทบจะหันไปหันมาอยู่ตลอด รุ่นพี่ที่นำขบวนของแต่ละขบวนค่อย ๆ เดินนำน้อง ๆ ทุกคนเดินไปตามเส้นทาง ซึ่งมีลักษณะวงกลมวนรอบลาน เหมือนกับโชว์ตัวเหล่ารุ่นน้องหน้าใหม่อย่างเป็นทางการ ให้ทุก ๆ ภาคีได้เห็น เมื่อขบวนเดินผ่านภาคีใดก็จะมีของขวัญเล็ก ๆ จากแต่ละภาคีโปรยลงมาเป็นการแสดงความต้อนรับ
-ภาคีจู่โจม-
“ยินดีต้อนรับ เฮ!!!! ยินดีต้อนรับนะค่าาา น้อง ๆ มองพี่หน่อย ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า!!”
เมื่อเดินผ่านภาคีจู่โจมก็ถูกทักทายด้วยเหล่าริบบิ้นสีขาว ที่มีข้อความเขียนปักไว้ว่า “φιλότιμο” (fi-lo-tee-mo = ความเสียสละ) โปรยลงมา เมื่อเงยหน้าขึ้นไปยังบนอัฒจันทร์ ก็มองเห็นกลุ่มคนสองสามคนที่น่าจะมีพลังเกี่ยวกับธาตุลมค่อย ๆ บังคับลมให้กระจายริบบิ้นให้เหล่ารุ่นน้องได้รับริบบิ้นกันอย่างทั่วถึง มีริบบิ้นอันหนึ่งตกลงที่หัวของเซนอย่างพอดิบพอดี จึงหยิบขึ้นมาสำรวจด้วยความสนใจ เมื่อสำรวจจนพึงพอใจแล้วก็พับเก็บไว้ในกระเป๋าอย่างเรียบร้อย จากนั้นขบวนก็ค่อย ๆ เดินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงที่นั่งของภาคีสนับสนุน
-ภาคีสนับสนุน-
“ขอให้โชคดีนะคะ/นะครับ ยินดีต้อนรับค่า เฮ!!!!”
พี่ ๆ ในภาคีสนับสนุนกล่าวขึ้นอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นกลีบดอกไม้ก็ค่อย ๆ พัดปลิวไสวเต็มไปทั่วบริเวณ เหล่ารุ่นพี่ต่างพากันโปรยกลีบดอกไม้ให้กับขบวนรุ่นน้องที่เดินผ่านมา จากนั้นก็มีกลิ่นหอมฟุ้ง ลอยคลุ้งเต็มไปทั่วในบรรยากาศ เขาคิดว่าน่าจะเป็นกลิ่นของดอกลาเวนเดอร์ที่ทางภาคีสนับสนุนได้จัดเตรียมไว้ ทุกคนในขบวนมีท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความประทับใจ จากนั้นค่อย ๆ จากนั้นจึงพากันเดินต่อไปจนถึงยังที่นั่งของเหล่าชนชั้นสูง
“ภาคีสืบสวน เคารพ!”
เสียงรุ่นพี่นำขบวนดังขึ้นพร้อมกับที่ทั้งขบวนหันหน้าเข้าหาอัฒจันทร์ แสดงทำความเคารพโดยการก้มลง มือขนาบข้างลำตัวอย่างพร้อมเพรียง ตามที่ได้นัดแนะกันไว้ เมื่อทำความเคารพแก่ฝ่ายปฏิบัติงาน และชนชั้นสูงเรียบร้อย จึงได้ยินเสียงปรบมือจากบุคคลเหล่านั้นเป็นการแสดงความต้อนรับ พร้อมกันนั้นรุ่นพี่ก็ออกเดินไปยังภาคีต่อไป ซึ่งก็คือ ภาคีประจำตัวของทุกคนในขบวนนี้นั้นเอง ขบวนค่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ จนถึงภาคีสืบสวน
-ภาคีสืบสวน-
ฟั่บ ฟั่บ ฟึ่บ!!!
เมื่อทันทีที่มาถึงภาคีสืบสวน ทันใดนั้นเอง มีรุ่นพี่สองคน บินขึ้นสู่ท้องฟ้า บินวนไปมาเหนือห้วของพวกเขาราวกับกำลังแสดงโชว์กายกรรม พร้อมกับค่อย ๆ ปล่อยกระดาษยาวในมือ ปรากฏข้อความที่เขียนไว้ว่า “ยินดีต้อนรับสู่ภาคีสืบสวน :) ”
“เฮๆๆๆ เห้ กรี๊ดด โบกมือเร็วๆๆๆ สวัสดีๆ!"
รุ่นพี่บนอัฒจันทร์ต่างปรบมือ โบกไม้โบกมือ โบกสะบัดเหล่าของเชียร์ที่เตรียมไว้ไปมา ทักทาย และแสดงความต้อนรับอย่างจริงใจให้กับเหล่ารุ่นน้องของพวกเขา รุ่นน้องบางคนเห็นดังนั้นจึงพากันโบกไม้โบกมือกันกลับไปให้พี่ ๆ ด้วยเช่นกัน ตอนนี้ทุกคนในขบวนดูสนุกสนานที่สุด แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรแตะที่คอ เมื่อมองลงมาก็พบกับสร้อยคอที่ห้อยด้วยตราสัญลักษณ์ของภาคีสืบสวนไว้เรียบร้อย ทุกคนต่างตกใจ และพากันสำรวจว่าเกิดอะไรขึ้น
“แปะ แปะ”
เสียงปรบมือสองครั้งดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง และหนักแน่นดังขึ้นจากบนอัฒจันทร์ เรียกร้องความสนใจของเหล่าน้องใหม่ในขบวนให้หันไปมอง เมื่อมองขึ้นไปก็พบว่ารุ่นพี่ทุกคนกำลังลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียง มือสองขนาบข้างลำตัวพร้อมกันหมดทุกภาคี
“ขอให้จงยึดมั่นในอุดมการณ์ ยินดีต้อนรับ!!!!!”
รุ่นพี่ทุกคนบนอัฒจันทร์กล่าวขึ้นพร้อมกันอย่างหนักแน่น ประสานเสียงกันดังกึกก้อง ก้มหัวลง แสดงความเคารพแก่รุ่นน้องของตนอย่างไม่มีท่าทีอิดออด รุ่นน้องหลายคนเห็นดังนั้น ถึงกับตื้นตันใจจนน้ำตาไหลอาบทั้งสองข้างแก้ม พร้อมกับคำนับรุ่นพี่กลับไป ทั่วทั้งสนามต่างพากันปรบมือต้อนรับเหล่ารุ่นใหม่ที่กำลังจะเข้ามาสานต่ออุดมการณ์ต่อไป
จากนั้นรุ่นพี่ก็ได้ออกเดินนำขบวนเข้าไปยังสนามจริง ๆ เสียที ตอนนี้ทุกขบวนทั้งสามภาคีได้มายืนเรียงกันอย่างเรียบร้อย โดยภาคีสืบสวนอยู่ขวามือสุด ภาคีจู่โจม และภาคีสนับสนุนตามลำดับ เซนมองไปที่ภาคีสนับสนุนเพื่อมองหาเพื่อนของเขา แต่หาเท่าไหร่กลับหาไม่เจอ
ตุบ ตุบ ตุบๆๆๆๆๆๆ
เสียงรัวกลองดังขึ้นเป็นจังหวะถี่รัว เรียกความสนใจของเซนให้กลับไปมองที่ด้านหน้าพร้อมกับที่มีอีกหนึ่งขบวนเดินออกมาประตูด้านหน้า โดยที่ปรากฏเป็นรุ่นพี่ที่ใส่ชุดพิธีการอย่างเต็มยศ ยืนแถวเรียงกันเป็นรูปสามเหลี่ยม 3 แถว แถวละ 3 คน คนหน้าสุดที่เป็นหัวของสามเหลี่ยม ถือถ้วยทรงสูงสีทองโดยมีอะไรบางอย่างบรรจุไว้ด้านใน สองคนที่ตามหลังนั้น คนขวาถือธงประจำภาคี ส่วนคนซ้ายถือตราสัญลักษณ์ประจำภาคี
“นั้นทีมบริหารแต่ละภาคีนี้” ไม่ต้องหาคำตอบเซนก็ได้ยินคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาพูดขึ้น
ทั้ง 9 คน เดินออกมาอย่างหนักแน่น มั่นคงบ่งบอกได้ถึงภาวะความเป็นผู้นำของเหล่าทีมบริหารที่ต้องคอยดูแลนักเรียนทั้งหมดภายในภาคี นอกจากนั้นก็ดูเหมือนว่าทุกคนในสนามแห่งนี้ก็ได้ให้ความเคารพ และชื่นชมเหล่าทีมบริหารของพวกตนเป็นอย่างมาก เห็นได้จากท่าทีของทุกคนที่สนอกสนใจ และอยู่ในความสงบเสงี่ยม ทีมบริหารของแต่ละภาคี ค่อย ๆ เดินออกมาตามลำดับเริ่มจากภาคีสนับสนุนเดินนำมา ต่อด้วยภาคีจู่โจม และภาคีสืบสวน
ทีมบริหารแต่ละภาคีก็เดินไปยืนอยู่ตรงหน้าเหล่าขบวนภาคีของตนเอง เมื่อทุกคนประจำตำแหน่งของตนเองเรียบร้อยแล้ว ทั้งสนามก็เงียบกริบ เสียงที่เคยดังจนพาใจเต้นดังตุบ ๆ เงียบเสียงลงพร้อมกับรุ่นพี่ที่ยืนข้างขวา ของประธานภาคี ค่อย ๆ วิ่งนำธงของตนไปปักไว้ด้านหลังของถ้วยแท่นอัญมณี แล้วจึงกลับมายืน ยังตำแหน่งเดิม ทันใดนั้นเองทั่วทั้งโดมจากที่เคยมีแสงสว่างเจิดจ้า ก็มืดลง พร้อมกับมีภาพฉายขึ้นมาด้านหน้าของพวกเขาทุกคน
“ยินดีต้อนรับเหล่านักเรียนใหม่เข้าสู่สถาบันอิโอเนีย ขอแสดงความยินดีกับเหล่าพันธมิตรเครือข่ายภาคีหน้าใหม่ทุกคน เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเธอทุกคน จะยึดมั่นในอุดมการณ์ของตนเอง และองค์กร ขอโชคดีและสันติสุขจงสถิตอยู่ที่พวกเราทุกคนที่นี่”
ภาพชายวัยกลางคนปรากฏขึ้น คาดว่าเป็นหนึ่งบุคคลชั้นสูงของสถาบันแห่งนี้ พร้อมกับที่ทุก ๆ คนก้มหัว ทำความเคารพลงพร้อมกัน เมื่อคนในภาพฉายกล่าวจบ ภายในโดมก็พลันมืดลงอีกครั้ง
วี้ดดดด
เสียงเสียดสีของอะไรบางอย่างดังขึ้น เบา ๆ พร้อมกับที่มีแสงจาง สว่างขึ้นเป็นจุด ๆ เพิ่มการมองเห็น
“เอื้อนเอ่ยภาคีเครือข่าย อุดมการณ์คงไว้ สามใจเป็นหนึ่งเดียว~”
เสียงของรุ่นพี่ทุกคนร้องเพลงกองพลแห่งทัพภาคี เพลงประจำสถาบัน พร้อมกับยื่นแขนซ้ายออกไปด้านหน้า มือขวาไขว้หลัง น้อง ๆ ในขบวนเห็นดังนั้นจึงพากันทำตาม แม้จะร้องไม่ได้แต่ก็ยืนอยู่ในท่าทีเคารพ…
“ผองเราร่วมใจ ปราศจากพ่ายใด มิห่างไกลหลักชัย~”
เสียงร้องเงียบลง บ่งบอกท่อนจบของบทเพลง ทุกคนผงกหัวก้มลงเล็กน้อยแล้วเก็บมือ พากันนั่งลงดังเดิม
จากนั้นรุ่นพี่ที่อยู่ข้างซ้ายมือของประธานแต่ละภาคีค่อย ๆ วิ่งนำตราสัญลักษณ์แต่ละภาคีใส่เข้าไปในถ้วยอัญมณี เมื่อใส่ตราสัญลักษณ์ครบทุกภาคีก็ปรากฏแสงสีม่วงอำพันวาบขึ้น รุ่นพี่ที่อยู่หัวสุดของขบวน หรือผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานของแต่ละภาคี ก็ถือถ้วยสีทองที่ด้านในไม่รู้ว่าถูกบรรจุไว้ด้วยอะไรเดินอ้อมไปยืนที่ด้านหลังของถ้วยอัญมนี พร้อมกับประธานภาคีจู่โจม ก้าวออกมาข้างหน้า
“พละกำลังจะนำเหล่าพันธมิตรสู่หลักชัย”
ประธานภาคีจู่โจมตะโกนก้องพร้อมกับค่อย ๆ เท ของเหลวสีเงินลงในถ้วยอัญมณี
“อย่าทอดทิ้งปัญญา แล้วปัญญาจะระแวดระวังเจ้า”
ประธานภาคีสืบสวนกล่าวขึ้น และเทของเหลวสีน้ำแดงคล้ายเลือดลงในถ้วยอัญมนีด้วยเช่นกัน
“จงสนใจในวิถี แล้ววิถีจะไม่พรากสิ่งใดไป”
ประธานสนับสนุนกล่าวขึ้น แล้วเทของเหลวสีเขียวมะกอกลงไปในถ้วยอัญมณี
ฉับพลันนั้นเองก็เกิดเปลวไฟสีม่วงบนถ้วยอัญมณีขึ้น พร้อมกับเกิดลำแสงที่ม่วงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วจึงระเบิดขึ้นราวกับดอกไม้ไฟ เกร็ดประกายไฟที่เกิดจากการระเบิดนั้นค่อย ๆ กลายเป็นผงละอองระยิบระยับกระจายไปทั่ว แล้วค่อย ๆ ตกลงสู่พื้นดิน พลันรอบข้างก็ค่อย ๆ สว่างขึ้น จนกลับมาสว่างดังเดิม เสียงปรบมือจากรอบข้างก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“พละกำลังจะนำเหล่าพันธมิตรสู่หลักชัย อย่าทอดทิ้งปัญญา แล้วปัญญาจะระแวดระวังเจ้า จงสนใจในวิถี แล้ววิถีจะไม่พรากสิ่งใดไป สามรวมเป็นหนึ่งเดียว!”
รุ่นพี่รอบ ๆ อัฒจันทร์ลุกขึ้นตะโกนกล่าวอุดมการณ์ของสถาบันขึ้นเสียงดังพร้อมกัน เมื่อกล่าวจบก็นั่งลงเหมือนเดิม
“สวัสดีนักเรียนใหม่ทุก ๆ คนนะครับ พี่ชื่อว่า เอิล ชั้นปีที่ 2 ประธานของภาคีจู่โจม ในปีนี้เป็นคราวของทางภาคีจู่โจมที่จะกล่าวต้อนรับนะครับ พี่จะไม่พูดอะไรให้มากความ ขอแค่ให้ดำเนินตนตามที่อุดมการณ์ตามภาคีของตน เสียสละ และตั้งใจศึกษาพัฒนาตน พี่เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถในทางของตนเอง…ตอนนี้พิธีธรรมเนียมแรกเข้าก็ได้จบลงเรียบร้อย สำหรับผ้าคลุมเมื่อน้องผ่านทางประตูกลับไปจะมีเสื้อคลุมโผล่ออกมาเองนะครับ แยกย้ายได้ครับ”
เมื่อรุ่นพี่ที่ชื่อเอิล กล่าวจบ เหล่าทีมบริหารก็หายออกไปพร้อมกันทั้งหมดทันที คาดว่าคงเป็นผลจากเวทย์เคลื่อนย้ายเช่นเดิม เหล่ารุ่นพี่บนอัฒจันทร์ก็ปรบมือขึ้นอีกครั้ง แต่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเพื่อรอน้อง ๆ กลับออกไปทั้งหมดแล้วจึงค่อยแยกย้าย
“น้อง ๆ คะตามพี่มาได้เลยนะคะ วันนี้ขอให้น้อง ๆ ทุกคนแยกย้ายกันพักผ่อนนะคะ ให้ผ่านประตูบานเดิมที่เข้ามา แล้วผ้าคลุมจะสวมให้เราเอง เชิญทางนี้ค่ะ”
รุ่นพี่สาวคนเดิมกล่าวพร้อมกับเดินนำกลับไปยังทางเดิมที่ผ่านมา ทุกคนต่างเดิน พูดคุย เสียงดังจอแจ ผลัดกันเล่าเรื่องราวที่ตนเองประทับใจ กับพิธีแรกเข้าที่เกิดขึ้นและพึ่งจบลงยังไม่ถึง 10 นาที
“ฉันว่าพี่ประธานจู่โจมเค้าดูดีมากเลยเนอะ ตอนที่เค้ากล่าวอุดมการณ์ฉันนี้เขินแทบบ้าอยู่แล้ว”
“จริงเหรอ ฉันชอบพี่รองประธานภาคีจู่โจมมากกว่านะ ดูดีมากเลย ตอนพี่เค้าวิ่งไปปักธง ฉันนี้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย”
“แต่ฉันชอบประธานสนับสนุนอ่าา ผู้หญิงอะไรเท่ชะมัดเลย”
กลุ่มผู้หญิงที่เดินตามหลังเขาต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันไปมาอย่างออกรส ถ้าเกิดถามความเห็นของเขา สิ่งที่เขาประทับใจที่สุดคงเป็นตอนที่เหล่ารุ่นพี่ก้มหัวทำความเคารพรุ่นน้องอย่างพวกเขาละมั้ง แสดงให้เห็นถึงการที่ไม่มีระบบวางอำนาจ ฉันรุ่นพี่ นายรุ่นน้อง ซึ่งเขารู้สึกประทับใจมาก ๆ เพราะถ้าเกิดธรรมเนียมของสถาบันนี้มีการแบ่งชนชั้นกันขึ้น เขาคงอยู่ที่นี่อย่างไม่ค่อยสงบแล้วล่ะ
“นาย…เป็นไง รู้สึกฮึกเหิมดีเนาะ”
หญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาเดินข้าง ๆ เขาพร้อมกับชวนคุยถึงเหตุการณ์ในวันนี้
“อือ ฮึกเหิมดีมั้ง”
เขาตอบกลับด้วยท่าทางนิ่งเฉย
“อ่าา จริงด้วย นายชื่ออะไรเหรอ ฉันวิเวียน ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“อ่อ ฉันเซน…ยินดีที่ได้รู้จัก”
“….. เอ่อ งั้นเอาไว้เจอกันนะ”
เธอกล่าวอย่างอ้ำอึ้งแล้วจากไป คงจะเพราะท่าทีของเขาที่ไม่หือ ไม่อือ และไม่มีท่าทีที่อยากจะรู้จักใครใหม่เลย หญิงสาวจึงได้ทำท่าไปต่อไม่ถูก และจากไปในที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร ค่อย ๆ เดินไปตามทาง เพื่อรับผ้าคลุม จะได้กลับห้องพักสักที ตอนนี้ก็เริ่มหิวแล้วด้วย เมื่อไหร่จะเดินถึงสักที
“บลาาๆๆๆๆ บลาๆๆๆๆ เฮ้ย เฮ!!!!!”
“เห้อ~”
ฟึ่บ
เนื่องจากทนไม่ไหวกับความอึกทึก และวุ่นวายของหอคอยกลาง เขาจึงตัดสินใจที่ใช้พลังของตนเป็นครั้งแรกตั้งแต่ย้ายเข้ามาเรียนที่สถาบันแห่งนี้ เขาแปลงเป็นพรายเสียงกระซิบแล้วเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็วตามลม ที่เป็นตัวกลางให้เขาได้เคลื่อนไหว จนไปถึงประตูที่เข้ามา ก็แปลงกลับร่างดังเดิม เมื่อตัวเขาเดินผ่านประตูไป ผ้าคลุมสีน้ำตาลก็ปรากฏที่บ่าของเขา ตรงชายขอบของผ้าคลุมปักเลื่อมด้วยทองเหลือง เมื่อเห็นว่าตนได้รับผ้าคลุมเรียบร้อย คงแจกตอนสุดท้าย เพราะกันพวกอู้ไม่ยอมเข้าพิธีล่ะมั้ง จากนั้นเขาก็พร้อมจะใช้พลังของตนอีกครั้งเพื่อเคลื่อนย้ายตนกลับไปยังห้องพัก
กึก!
“เจ้าหนู จะรีบไปไหนล่ะ?”
รุ่นพี่คนหนึ่งทักขึ้น สัมผัสได้ถึงไอเย็นบาง ๆ จากตัวของผู้ที่เอ่ยถาม ไม่รู้มายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เขารู้สึกคุ้นหน้ารุ่นพี่คนนี้อย่างบอกไม่ถูก คงเป็นใครสักคนที่อยู่ในพิธีเมื่อกี้นั่นแหละ
“มันไม่ใช่เรื่องของพี่นะครับ”
“ห๊ะ?!”
ไม่รอให้รุ่นพี่คนดังกล่าวพูดอะไรต่อ เซนกลายเป็นพรายเสียงกระซิบอีกครั้ง แล้วเคลื่อนตัวหายไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงความงุนงงไว้ให้กับรุ่นพี่คนนั้น…
ติดตามตอนต่อไป...