'คนทรยศ!'

'ฆาตกร!'

'พวกเราไม่ต้อนรับแก!'

เคยะยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่เขาจดจำใบหน้าของใครไม่ได้เลย เสียงสาปส่งประณามหลอกหลอนเขาอยู่ในความทรงจำ กระหึ่มภายในหูเฉกเช่นเสียงกรีดร้องโหยหวน

เขาทำอะไรอยู่กัน?

ชายหนุ่มออกเดินไปอย่างไร้จุดหมาย เคยะไม่รู้ว่าเขามาทำอะไรที่นี่ เขาไม่รู้ว่าผู้คนมากมายไม่สิ้นสุดพวกนี้คือใคร เพียงเบียดตัวเองเข้าไประหว่างกลุ่มคนแน่นหนาที่กำลังส่งเสียงตะโกนร้องโดยหวังว่าจะเจออะไรสักอย่างเท่านั้น

และอะไรสักอย่างนั้น เขาก็ได้เจอ

ตรงกลางมีใครบางคนยืนอยู่ คนเดียวที่เขาสามารถแยกออกจากคนอื่นได้ ดวงตาทุกคู่จับจ้องไปที่เขา แต่กลับไม่มีใครกล้าเฉียดเข้าไปใกล้ ร่างที่คุ้นเคยนั้นยืนอยู่เพียงลำพัง คอยฟังทุกอย่างที่พุ่งเป้ามาที่เขา

เคยะรู้สึกเหมือนตัวเองจะหยุดหายใจ

ก่อนที่เขาจะทันก้าวเท้าลง ชายตรงหน้าก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา

"นี่เป็นแผนของนายมาตลอดเลยหรือเปล่า เคยะ?" ด้วยความเบาบาง เสียงนั้นบอก เงียบเฉียบเสียจนถูกบดบังด้วยเสียงของผู้คนมากมายให้ไม่มีใครได้ยิน

แต่ถึงอย่างนั้น เคยะก็ได้ยินเขาอย่างชัดเจน สายตาเย็นยะเยือกเช่นคนตายหันมามองทางเขาในขณะที่สีซีดหายไปจากใบหน้าของเคยะ เส้นผมสีแดงดั่งดวงไฟปลิวไสวตามการเคลื่อนที่ เขารู้จักคนตรงหน้าดีกว่าใคร

"ไม่ ไม่ นี่มันไม่ใช่–" ริมฝีปากสั่นเทาเปล่งเสียงออกไปเร็วกว่าสมองทันคิดในขณะที่กำลังหาคำกล่าวอ้างแต่มันก็จุกอยู่ในลำคอทั้งสิ้น ศีรษะหมุนวิงเวียนจนพูดอะไรไม่ออก

สุดท้ายแล้ว เขาก็ยืนนิ่งแข็งอยู่ตรงนั้นเหมือนกับคนขี้ขลาด ปล่อยให้คนตรงหน้าได้ตัดสินเขาตามใจชอบ

"ยินดีด้วยนะ" ชายผมสีแดงแสยะยิ้ม น้ำเสียงแทรกความขมขื่นเอาไว้ในขณะที่คำพวกนั้นทิ่มแทงลงไปในหัวใจของเคยะจนมันจมลงสู่ก้นสมุทร "สำหรับมอนด์สตัดท์ที่ไม่มีผมอยู่"

"ไม่! ฉันไม่ได้ตั้งใจจะ– ไม่ ไม่ใช่ มันไม่ใช่–"

ราวกับว่าไม่ได้ยินที่เขาพูด เจ้าของเรือนผมสีแดงก้าวเดินออกไป ไกลจากเขาไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งร่างนั้นกลายเป็นขี้เถ้าและหายไปในความมืดมิดที่สายตาของเคยะไม่อาจมองเห็น

ความรู้สึกมากมายเข้าจู่โจม และเมื่อรู้ตัวอีกที เขาก็เริ่มวิ่งออกตามอีกฝ่ายไปโดยไร้ทิศทางหรือจุดหมาย แม้ว่าจะมองไม่เห็นเขาอีกแล้วก็ตาม

"กลับมาก่อน–"

จนกระทั่งอยู่ ๆ เขาก็หยุดลง

ร่างกายขยับไม่ได้ เขาพยายามดิ้นขัดขืน เขาพยายามมากแล้ว แต่ก็กลับก้าวต่อไปไม่ได้อีกแม้กระทั่งก้าวเดียว

บางอย่างหยุดเขาเอาไว้

"..."

เคยะค่อย ๆ หันหลังกลับไป

มือหนึ่งกำลังบีบกุมไหล่ของเขาแน่น

"ไม่ ปล่อยฉัน ฉันต้อง–" ดวงตาของเขาเบิกโพลงขณะที่พยายามดิ้นรนเป็นอิสระ แต่ฝูงชนที่เคยร้องตะโกนอยู่เมื่อครู่กลับกลายเป็นเงียบเฉียบจนน่าขนลุก ดวงตาทุกคู่จับจ้องมาทางเขา ได้ยินกระทั่งเสียงหัวใจของตัวเอง ทุกอย่างหนักอึ้งจนรุ้สึกเหมือนกำลังถูกบดขยี้ให้ตาย

นี่เป็นสิ่งที่เขารู้สึกในตอนนั้นหรือเปล่า?

เคยะไม่รู้ และเขาหวังว่าตัวเองจะได้อยู่กับความไม่รู้นั้นไปตลอดกาล เม็ดเหงื่อที่ไหลหยดจากหน้าผากไม่เคยทำให้รู้สึกหวาดหวั่นเช่นนี้มาก่อน ยิ่งเขาพยายามเท่าไหร่ มือมากมายก็ยิ่งจับและดึงเขาเข้าไปในความมืดมิด

ในขณะที่เสียงของเขากำลังจะจางหาย เขายื่นมือออกไป ชื่อของคนคนนั้นติดอยู่ที่ปลายลิ้น

เรียกเขาสิ เคยะคิด

เรียกหาเขา

 


 

"ดิลุค!"

กัปตันกองพลทหารม้าสะดุ้งพรวดขึ้นมาจากเตียงนอน มือกุมผ้าห่มแน่นพร้อมสูดลมหายใจสั่นเทาเข้าปอด จากนั้นจึงดึงเสื้อขึ้นเช็ดเหงื่อไหลจากหน้าผากทั้งที่เป็นคืนที่ค่อนข้างอากาศเย็น

ดวงตาเบิกโพลงปรับสภาพเข้ากับความมืดในขณะที่ตัวเคยะงอเข้า ทั้งร่างยังคงสั่นไม่หยุด ฝันร้ายเมื่อครู่ยังคงหลอกหลอนและแล่นดังอยู่ราวกับว่าเขาไม่เคยตื่นขึ้นจากมัน

"แม่งเอ๊ย..." เขาพึมพำหอบเหมือนกับขาดอากาศ พยายามควบคุมจังหวะชีพจรที่คล้ายจะระเบิดออกมา

"ฝันแบบนี้อีกแล้ว..." เคยะถอนหายใจอ่อน

เคยะรู้มาตลอดว่ามันเป็นความผิดของเขา ทั้งหมดนี่เกิดจากเขา

นี่ก็ผ่านมาห้าปีแล้วตั้งแต่ที่ดิลุคออกจากมอนด์สตัดท์เป็นครั้งที่สอง แต่ว่าในครั้งนี้ ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรอยู่ โชคชะตาจะพาเขาไปเจอกับอะไร ดิลุคอาจจะพบจุดจบของเขาอยู่ข้างนอกนั่นโดยที่ไม่มีใครสนใจ และเขาก็เป็นคนผิด

เคยะมั่นใจเกินไป เขาเชื่อใจในตัวเองเพราะแผนมันเคยได้ผลมาก่อน และสุดท้ายแล้ว ดิลุคก็ได้รับโทษทั้งหมดโดยที่เขาได้เดินกลับออกมาโดยไม่ได้รับผลอะไรเลย

เหมือนกับแผนของเขา เขานั้นเป็นความผิดพลาดที่ทรยศพี่ชายตัวเองซ้ำสอง

มันเป็นแผนที่สมบูรณ์แบบ และความสมบูรณ์แบบนั้นก็เป็นสาเหตุที่มันล้มเหลว สมบูรณ์แบบจนดิลุคเอ่ยคำแก้ตัวไม่ได้

เขาถูกเรียกว่าเป็นความอับอายของวงศ์ตระกูล และเคยะทำให้ชื่อของเขาแปดเปื้อนจนไม่มีทางหันหลังกลับ

ในช่วงเวลาห้าปีที่ผ่านมา เขาฝันแบบนี้ซ้ำ ๆ จนเหนื่อยล้ากับมัน ความฝันที่ทุกคนหันหลังให้กับดิลุค ตัดสินนายท่านหนุ่มแห่ง Dawn Winery ที่พวกเขาเคยนับถืออย่างไร้ความปรานี ความฝันที่เขาไม่สามารถคว้าตัวพี่ชายร่วมสาบานเอาไว้ได้และถูกความมืดกลืนกินจนกระทั่งไม่เหลืออะไรเลย

เคยะส่งเสียงถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วปิดตาลง เขามีงานสำคัญรออยู่ และเขาก็หวังว่าจะได้นอนเพิ่มอีกสักนิดก่อนที่พรุ่งนี้จะมาถึง

 


 

"พวกเรากองอัศวินฟาโวนิอุสรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากฟาทุยทั้งสองท่าน"

เสียงเจ้าคารมเอ่ยพร้อมรอยยิ้มประดับตกแต่งบนใบหน้า รถมาที่รองรับผู้บริหารทั้งสองเปิดออก

"ท่านทาร์ทาเลียและ—" เขาพูดต่อไปยามที่แขกคนแรกก้าวลงมา

ในตอนนั้น เสียงของเคยะถึงได้เริ่มหายไป

"ท่าน... เชียทรูโล่..."

เขาสูดหายใจลึกด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง เรือนผมสีแดงสดที่อยากเห็นอีกครั้งเหลือเกินอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่ไม่ใช่แบบที่เขาเคยคิด

อัศวินใหม่บางคนที่นี่ยังไม่เคยเห็นเขาตัวเป็น ๆ ด้วยซ้ำ หรือเคยเห็นกัปตันกองทหารม้าของตนสติแตกแบบนี้มาก่อน บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกตีกันมั่วซั่ว ทั้งตกใจ หวาดกลัว รู้สึกผิด โล่งใจ ทุกอย่างรวมเข้ากันเมื่อเขาพยายามยื่นมือออกไปหา

"...ดิลุค?"

และเหมือนกับในฝันร้ายนั่น เคยะไม่สามารถไขว่คว้าเขาเอาไว้ได้ ดิลุคเดินผ่านไป เมินเฉยถึงการมีตัวตนอยู่ของเขาอยู่สิ้นเชิง

บางสิ่งในใจเขาบอกว่าเขาสมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนี้แล้ว

คนเขลาเช่นนี้ไม่มีสิทธิ์มองดวงอาทิตย์ที่เขาเป็นคนดับแสงลงด้วยตัวเอง

"ไม่เห็นต้องใจดำขนาดนั้นเลยนี่คู่หู อุตส่าห์กลับมาเยี่ยมบ้านเก่าทั้งที" ผู้บริหารอายุน้อยหัวเราะ ดิลุคเพียงเดาะลิ้นด้วยความรำคาญเมื่อแขนข้างหนึ่งถูกยกพาดไหล่เขาโดยที่ตัวเขาทำอะไรไม่ได้

"นี่ไม่ใช่บ้านของผม" เขาเถียงเสียงกร้าว ดังพอที่จะให้เคยะได้ยินจากระยะห่างเท่านั้นในขณะที่เขานิ่งไปคล้ายตัวเองลืมถึงหน้าที่ในฐานะอัศวิน

และเขาพูดถูก

ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเขาอีกแล้ว แม้ว่าเขาจะจากไป ดวงอาทิตย์ก็ยังคงขึ้นและตกเหมือนเดิมทุกวัน ทุกคนใช้ชีวิตต่อไปตามปกติ ธุรกิจของเขาสะพรั่งได้โดยไม่ต้องมีอดีตนายท่านเมื่ออยู่ในมือของคนที่ทำงานเป็น ที่ที่ต่อให้เขาจะอยู่หรือไปก็ไม่มีอะไรแตกต่าง นั่นไม่ใช่บ้าน

เมื่อรู้ตัว เคยะจึงได้เข้าใจแจ่มแจ้ง

ที่ที่ปฏิเสธเขานั้นไม่สมควรได้รับโอกาสจะมีรุ่งอรุณอีกเป็นครั้งที่สอง

 


 

เป็นเอยูต๋าลุคแท้ ๆ แต่ไม่รู้ทำไมพคย.ถึงโดนลูกหลงไปด้วยเนอะคะ