1 ตอน chapter 01 Siam City
โดย swaggirlleb
“เมื่อยามที่กาลเวลาแทรกผ่านกำแพงแห่งห้วงมิติที่แบ่งแยกอดีตและปัจจุบันออกจากกัน มันนำไปสู่โลกอนาคตที่รออยู่เบื้องหน้ากาลเวลาอีกยาวไกลซึ่งยังมาไม่ถึงนั้น แต่บัดนี้ กาลเวลานั้นได้ปรากฏขึ้นแล้ว และได้ทิ้งอดีตให้กลายเป็นเพียงเศษซากประวัติศาสตร์ไปในชั่วพริบตา…..”
ประเทศไทย ในปี 3030 มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากและมันไปในทิศทางที่ดี เป็นยุคที่ประชาชนมีอิสรภาพมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริงและที่สำคัญเรามีประธานาธิบดีมาแล้วถึงสิบสองคน หลายๆอย่างถูกแปลเปลี่ยน "กรุงเทพ" เมืองหลวงที่มีคนเคยบอกว่าเป็นเมืองเทพสร้างนั้น ก็กลายมาเป็น "สยามซิตี้" เมืองที่ประชาชนร่วมกันสร้าง เมืองที่เพียบพร้อมไปด้วยทุกสิ่ง โดยไม่เอ่ยเกินความจริงดังแต่ก่อน
เมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ประโยคนี้มันเป็นจริงแล้วถึงจะนานเสียหน่อย แต่มันก็มีวันนี้ได้ หลายคนร่วมต่อสู้จนมีวันนี้ กระทั่งการกระทำเช่นนั้นก็ได้นำประเทศมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่และพัฒนามาไกลเทียบเท่ากับประเทศอื่น ก้าวขึ้นมาเป็นเสือตัวที่หนึ่งของเอเชีย ประเทศเราในยามนี้ เป็นโลกอนาคตที่วิทยาการ "พัฒนา" ไปไกลแล้ว ไม่ใช่ประเทศที่กำลังพัฒนาแต่อย่างใด เมืองหลวงของเรามีความก้าวล้ำเป็นอย่างมาก จากการพัฒนานวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์และเทคโนโลยีไซเบอร์ต่างๆหลายแขนง มีการนำหุ่นแอนดรอยด์เข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างกลมกลืน นี่ถ้าไม่มีการปฏิวัติในครั้งนั้นก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าประเทศเรามันจะถอยหลังลงคลองไปจนถึงขั้นไหนแล้ว นับเป็นโชคดีและน่าสดุดีให้แก่ผู้กล้าในตอนนั้น
เสียงสัญญาณฉุกเฉินและวิทยุของตำรวจดังไปทั่วเมืองอยู่ตลอดเวลา แสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นคอยสอดส่ายความปลอดภัยให้แก่ประชาชนอยู่เสมอ
"แจ้งเจ้าหน้าที่ภาคพื้นอากาศที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ มีเหตุอาชญากรรมไซเบอร์ที่ถนนสีลม ขอให้เจ้าหน้าที่ไปที่จุดเกิดเหตุด่วน ขอย้ำไปโดยด่วน ทราบแล้วเปลี่ยน"
สยามซิตี้ยังคงขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล เป็นเมืองที่ส่องสว่างสวยงามในยามค่ำคืน เป็นจุดหมายปลายทางที่คุ้มค่าและน่าสนใจของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นคนในประเทศหรือนอกประเทศก็ตาม สยามซิตี้มีศูนย์กลางที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว วัด ศูนย์การค้า ร้านอาหารและการเดินทางที่สะดวกสบาย สามารถเข้าถึงสถานที่ต่างๆได้อย่างครบถ้วนทั่วทั้งเมือง
"ทางด้านขวามือของทุกท่านคือวัดพระแก้วที่มีอายุมากว่าเจ็ดร้อยปีแล้วนะคะทุกคน เราจะลงไหว้พระขอพรกันที่นี่เพื่อเป็นสิริมงคล เพื่อความราบรื่นของทริปนี้กันนะคะ" ที่หน้าวัดมีโฮโลแกรมของรูปพระขนาดใหญ่ฉายอยู่เหมือนเป็นการต้อนรับ พร้อมหุ่นยนต์สามเณรน้อยที่ยืนต้อนรับอยู่ที่ทางเข้าด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดนี้พ่วงมาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งนั้น มีรถที่ใช้พลังงานจากรังสีความร้อนของดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดเป็นพลังงานสะอาด แถมยังดูดซับรังสีความร้อนที่แผ่มายังโลกได้ดีอีกด้วย แถมมันยังบินได้อีกด้วยนะ บินแข่งอยู่กับโดรนบนท้องฟ้าเลย
"และนี่คือหุ่นยนต์เอบีสี่ร้อยรุ่นล่าสุดของบริษัทไลท์ไซเบอร์ที่จะทำให้งานบ้านงานสวนของท่านเป็นเรื่องง่าย ฟังก์ชั่นการทำงานนั้นก็หลากหลายใช้ประโยชน์ได้มากมายเลยทีเดียว และเพียงแค่โทรมาในสิบนาทีนี้ ท่านจะได้รับส่วนลดไปเลยถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์" โฆษณามากมายปรากฏขึ้นทุกที่เป็นทางเลือกให้ประชาชนได้เลือกความสะดวกสบาย ถึงแม้หุ่นยนต์จะมีมูลค่าสูงถึงตัวละไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนบาทก็ยังคงเป็นที่ต้องการอยู่ดี
"รถประจำทางสายแปดเชิญทางนี้ค่ะ รถจะออกในอีกห้านาที และขอความร่วมมือหากท่านผู้ใดมากับหุ่นยนต์รับใช้ ขอให้หุ่นยนต์ของท่านอยู่ในพื้นที่ของตนเองหลังเส้นแบ่ง ขอบคุณค่ะ ป้ายต่อไปคืออโศก รถจะออกเดินทางในอีกสามนาที เน็คบัสสเตชั่น.."
ทุกอย่างในเมืองแทบจะสั่งการด้วยระบบไซเบอร์ทั้งนั้นและมันเข้ากันได้ดีกับความเป็นไทยได้อย่างน่าประหลาดใจ ทั้งเมืองมองไปทางใดนอกจากเราจะเห็นเทคโนโลยีก้าวล้ำแล้ว เรายังพบเห็นศิลปวัฒนธรรมไทยผสมผสานอยู่ในนั้นเสมอ ศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ในยามก่อนถูกอนุรักษ์และนำมาผสมผสานได้เป็นอย่างดีกับความก้าวล้ำ สยามซิตี้งดงามทันสมัยอีกทั้งยังรุ่งเรืองไปด้วยความมั่งคั่งของทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต สยามซิตี้ของเรามีทั้งความก้าวล้ำและความวินเทจที่ไม่เหมือนใครเลยล่ะ
“ศิลปะ” ไม่เพียงแต่จะมีหน้าที่จรรโลงโลกและสร้างสุนทรียศาสตร์ แต่ยังเปรียบเสมือนกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนถึงเรื่องราวทางวัฒนธรรม และสภาพความเป็นไปของสังคมในแต่ละยุคแต่ละสมัย เป็นเรื่องดีในยุคที่ก้าวล้ำเช่นนี้สยามซิตี้ก็ไม่เคยละทิ้ง ซ้ำยังส่งเสริมหยิบยกขึ้นมาให้ได้เห็นมากกว่าแต่ก่อนเสียอีก ศิลปะจะเติบโตได้ก็ต่อเมื่อไร้พวกเผด็จการ ประโยคนี้จริงเสียยิ่งกว่าจริง งานศิลปะทุกแขนงถูกให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม การพิมพ์ภาพ วรรณกรรม บทประพันธ์ ดนตรี นาฏศิลป และภาพยนตร์
"โปรแกรมฉายหนังเด่นประจำวันนี้ที่เราห้ามพลาดมาจากฝีมือผู้กำกับชื่อดังอย่างยูจีน ผู้กำกับอิสระที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี โรงหนังทุกโรงทุกรอบเต็มทุกที่นั่ง นี่ถือเป็นอีกปรากฏการสำคัญที่น่าจดจำเลยทีเดียวสำหรับวงการภาพยนตร์ของไทย แถมคืนนี้ผู้กำกับยูจีนยังมีชื่อเข้าชิงในสาขากำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่งานประกาศรางวัลสยามมูฟวี่อีกด้วยนะครับ มาเอาใจช่วยเขากันนะครับทุกคน" ภาพโฮโลแกรมขนาดใหญ่มหึมาปรากฏเป็นโปสเตอร์ภาพยนตร์และตัวละครในเรื่องลอยเด่นอยู่กลางอากาศหน้าตึกใจกลางเมือง ให้ผู้คนที่ผ่านไปมาได้มองเห็นชัดเจน
แทบทุกที่ของเมืองเต็มไปด้วยงานศิปะ มีสถานที่ให้ประชาชนได้โชว์ฝีมือทั้งศิลปินน้อยใหญ่ต่างก็มีพื้นที่เท่ากัน ยิ่งวงการภาพยนตร์ยิ่งเฟื่องฟูมาก เรื่องนี้ต้องขอชมรัฐบาลเลยทีเดียว แต่กระนั้นในเรื่องดีแน่นอนว่าต้องมีเรื่องไม่ดีอยู่ ในวงการหนังผู้ใหญ่หรือที่เราเรียกกันว่าหนังโป๊นั้น มันพึ่งจะถูกพลิกให้ขึ้นมาอยู่บนดินได้เพียงห้าปีมานี้เอง
และมันเป็นฝีมือของ "วาคีณ" ชายที่ตอนนี้อายุสามสิบปี เขาได้เป็นคนพลิกวงการนี้ขึ้นมาทำให้ถูกกฎหมาย ด้วยความคิดที่ว่า หนังโป๊ไม่ใช่สื่อหรือสิ่งลามกอนาจาร แต่เป็นสื่อและสิ่งของบันเทิงทางเพศ เป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งเช่นเดียวกับภาพยนตร์ทั่วๆไปที่เราสามารถดูได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เขาต่อสู้อยู่ถึงสองปี ตอนนั้นเขาพึ่งจะอายุได้เพียงยี่สิบสามปีเท่านั้นแต่ก็มีอุดมการณ์แรงกล้าใช่เล่น ด้วยความที่เขาเรียนภาพยนตร์มา เขาก็ยึดมั่นจะทำหนังในแบบที่เขาอยากทำ เขาจึงฮึดสู้ซึ่งมันได้ผล และผลพลอยได้ที่ดีมากมายก็คือ การประกอบอาชีพ sex worker, sex content creator หรือ pornstar ก็ถูกทำให้ถูกกฎหมายขึ้นมาด้วย อุปกรณ์สร้างความสุขทางเพศทุกชนิดก็เช่นกัน วาคีณและเพื่อนๆดำรงเส้นทางของหนังผู้ใหญ่มาถึงห้าปี โดยทำหนังโป๊ไปแล้วเป็นพันเรื่อง เขาเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงมากในหมู่วงการหนังผู้ใหญ่ เขาได้รางวัลมากมาย มีบริษัทใหญ่โต จนเขาเองก็แปลกใจที่จุดเริ่มต้นที่สาหัสในวันนั้นพาเขามาถึงจุดหมายในทุกวันนี้ได้
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ร่างกายกำยำที่มีผิวสีน้ำผึ้งสมกับอยู่ในเมืองร้อนและมีดวงตาที่เรียวคม คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางและมีเรือนผมสีนิลขลับยาวจนถึงต้นคอพร้อมตัดสไลด์และมัดไว้ครึ่งหัวให้ลุคผู้ชายเซอร์ๆ เขากำลังนั่งตรวจวิดิโออยู่ในห้องทำงานด้วยสมาธิที่ค่อนข้างจะกระเจิดกระเจิง เหตุเพราะตัวเอกของเรื่องมันถูกใจถูกสเป็คเขาเสียเหลือเกิน
ชายสองคนที่อยู่ในจอโฮโลแกรมกำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะพลางเสียงร้องกระเส่าก็ดังลั่นห้องทำงานของวาคีณให้ใจเตลิดเปิดเปิงแต่เช้า เขากำลังคิดว่าเขาคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกนักแสดงเองกับมือ แถมเขามันยังกำกับได้ดีเยี่ยมเลย ขนาดอยู่ในเหตุการณ์มาแล้วกลับมาดูอีกทีแบบนี้เขายังหืดหาดขึ้นมาเลย แบบนี้ยอดขายพุ่งกระฉูดแน่ๆ เม็ดเงินเป็นกอบเป็นกำถึงจะเสียภาษีแพงหูฉี่ก็ตามวาคีณก็ยังคิดว่าคุ้มอยู่ดี
"วาคีณ ยูจีนจะขึ้นไปหาว่างมั้ย" เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาพร้อมจอโฮโลแกรมที่ปรากฏเป็นใบหน้าสาวสุดเฉี่ยวหมวยอินเตอร์ "สุดที่รัก" เธอคือผู้ช่วยมือหนึ่งที่พ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทของวาคีณเอง
"ผู้ช่วยเขาพูดกับเจ้านายแบบนี้เหรอ" วาคีณเย้า
"กูไม่ด่ามึงก็บุญแล้วมั้ย ตรวจเทปอยู่เหรอเบาเสียงหน่อย แล้วจะให้มันขึ้นไปมั้ย" อาเจ้ทรงโหดวีนขึ้นมาทำเอาวาคีณต้องหยุดวิดิโอเอาไว้ก่อนเพราะนอกจากสุดที่รักจะเป็นผู้ช่วย เป็นเพื่อนแล้วบางทียังเป็นแม่อีก แม่คนที่สองที่ไม่ได้คลอดวาคีณออกมาแต่จัดแจงทุกอย่างให้และบ่นวาคีณได้ทุกอย่างยิ่งกว่าแม่อีก
"พ่อขุนรามต้องรักมึงมากแน่ๆเลยที่รัก นี่ปีสามพันสามสิบแล้วยังไม่เลิกใช้ภาษาเขา"
"มึงก็พูดมั้ยแล้วขอเป็นครั้งสุดท้ายอย่าย่อชื่อกูเหลือแค่ที่รัก กูจะอ้วกไอ้เวร" วาคีณหลุดขำออกมา เขาก็เรียกสุดที่รักแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ให้มาเปลี่ยนคงไม่ได้
"ไม่ต้องมาขำ งั้นให้ยูจีนเข้าไปนะ" เสียงเล็กเอ่ยจบก็ตัดสัญญาณไปเลยไม่รอคำตอบ เห็นไหม วาคีณแทบไม่ต้องตัดสินใจอะไรเอง ผู้ช่วยคนนี้จัดแจงให้เรียบร้อย และไม่นานก็มีผู้มาเยือน ณ ห้องผู้กำกับหนังผู้ใหญ่ชั้นที่สามสิบบนตึกสูงระฟ้า วาคีณลุกขึ้นไปหาเพื่อนก่อนจะสวมกอดเพื่อนอย่างแสดงความยินดีที่เมื่อคืนพึ่งได้รับรางวัลสาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไป "ยูจีน" ก็คือเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาอีกคน แต่รายนี้เขาเดินสายทำหนังรักหนังชีวิตมันคนละแนววาคีณ
"โทษทีเมื่อคืนไม่ได้ไปร่วมงาน กูติดถ่าย" ชายหนุ่มผิวแทนเอ่ยกับเพื่อนที่ผิวขาวสว่างเป็นหลอดไฟ วาคีณมักจะเหน็บแนมเพื่อนบ่อยๆว่าไม่น่ามาเกิดที่นี่แต่ก็นะ ลูกครึ่งก็แบบนี้แหละ ยูจีนเป็นชายหนุ่มที่สูงนะแต่ก็ไม่เท่าวาคีณใบหน้าก็ไม่ได้คมคายออกจะเป็นหนุ่มหน้าหวานทว่าก็มีความเท่ซ่อนอยู่ เรียกว่าเป็นหนุ่มตี๋หล่อแล้วกันแต่ตี๋ลูกครึ่งเกาหลีนะไม่ใช่จีน
"ไม่เป็นไร กูเข้าใจ" ทั้งสองตบหลังกันปุๆก่อนผละออกจากกัน
"มึงนั่งก่อน เดี๋ยวกูสั่งเครื่องดื่มให้ กาแฟใช่มั้ย" วาคีณกลับไปนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งแล้วผายมือให้เพื่อนนั่งที่ตรงข้าม
"มึงก็รู้กูเป็นโรคนอนไม่หลับ"
"แต่มึงก็ชอบแดกกาแฟอยู่ดีไง" วาคีณจิ้มนิ้วลงที่โต๊ะทำงานแล้วเลือกเครื่องดื่มให้เสร็จสรรพเขารู้ใจเพื่อนคนนี้ดี รู้ไปจนถึงว่ายูจีนต้องมีเรื่องสำคัญถึงได้ถ่อมาหาเขาถึงที่ทำงาน ทั้งที่ตอนนี้ควรเตรียมตัวไปงานเทศกาลภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นแล้ว
"มึงมีไรพูดมาเลยดีกว่า" วาคีณนั่งพิงเก้าอี้ผู้บริหารท่าทีสบายขึ้น พร้อมประสานมือไว้ที่หน้าตักรอฟัง
"กูดูออกง่ายขนาดนั้นเลย" วาคีณส่ายหัว ดูไม่ง่ายหรอกแต่คบกันมาเป็นสิบปีแล้วมันก็เดาไม่ยากน่ะสิ
"คืองี้มึง กูไปถ่ายหนังที่ญี่ปุ่นมา ทีนี้ตอนปิดกล้องกูก็ไปเลี้ยงปิดที่คลับหนึ่ง"
"มึงเอาแต่เนื้อได้มั้ยไอ้ยู กูไม่เอาน้ำงานกูเยอะ"
"มึงก็ใจร้อนจริงๆ เออ ทีนี้กูบังเอิญไปรู้จักคนหนึ่งเข้า เขาเป็นเจ้าของบริษัทเกี่ยวกับเซ็กส์ครบวงจรอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ชื่อบริษัทไซเบอร์ฮ็อตตี้" ยูจีนหยุดมองเพื่อนเล็กน้อยก่อนจะเข้าคำถามเพราะรู้ว่าคำตอบของวาคีณคืออะไรแต่เขาจะพยายามให้คำตอบเปลี่ยนไป
"คุยกันไปกันมา เขาก็อยากให้กูทำหนังโฆษณาให้เขา เพื่อโปรโมทให้คนมาใช้หุ่นยนต์เซ็กส์แอนดรอยด์"
"เดี๋ยวก่อน หุ่นยนต์เซ็กส์แอนดรอยด์คืออะไร" วาคีณรู้แต่อยากแน่ใจว่าคิดไม่ผิด
"ก็หุ่นยนต์ขายบริการไง ที่ญี่ปุ่นเขากำลังพัฒนาอยู่กำลังเป็นที่นิยม"
"ไอ้ยู แต่ที่สยามซิตี้ ของพวกนี้พึ่งถูกกฎหมายมาได้ห้าปีเองนะมึง แล้วอาชีพขายบริการก็มีคนทำอยู่แล้วด้วย มึงว่ารัฐบาลจะยอมให้คนมาเอากับหุ่นยนต์มั้ย ถึงประเทศเราจะพัฒนาไปไกลแค่ไหนนะมึง แต่ไอ้คำว่าเมืองพุทธแม่งไม่เคยตายห่าไปเลยมึงรู้ปะ จะทำเหี้ยไร ก็จะมีคนส่วนหนึ่งใช้ศาสนามาอ้างเพื่อสนองความใคร่ในการเป็นคนดี มึงเข้าใจที่กูพูดใช่มั้ย" เสียงทุ้มเข้มติดจะดุของวาคีณเอ่ยด้วยเหตุและผลเพราะรู้เลยว่ายูจีนจะให้เขาทำอะไร
"กูรู้เว้ยแต่กูรู้ว่ามึงทำได้ มึงเป็นคนทำให้สิ่งเหล่านี้ขึ้นมาอยู่บนดินนะเว้ย แค่เรื่องนี้มันก็ไม่ยากหรอก"
"มึงก็ทำ มึงก็ช่วยกูเพราะงั้นมึงก็ทำงานนี้ได้" วาคีณเอ่ยขึ้นกลางปล้อง
"เออ แต่มึงนำไง ไม่มีมึงคนไทยไม่ได้ดูหนังโป๊ถูกกฎหมายหรอก แล้วถึงกูจะทำได้ก็ไม่เท่ามึงทำ สายหนังมึงกับสายหนังกูมันคนละทาง ไอ้คีณรสนิยมทางเพศมันหลากหลายนะมึง คนเราไม่ได้อยากมีเซ็กส์กับคนเสมอไปหรือกลัวติดโรคมันล้านแปดเหตุผลอะ ดีกว่าตุ๊กตายางนะมึงหุ่นยนต์อะ กูว่า" ยูจีนพยายามโน้มน้าวเขารู้ว่าวาคีณเป็นคนที่รักในงานของตัวเองมาก เขามาทำหนังผู้ใหญ่เขาไม่ได้ชอบเรื่องเซ็กส์เท่านั้นแต่เขาอยากสร้างผลงานดีๆผลงานที่แปลกใหม่ออกไปให้ผู้คนได้ดู อยากทำให้ผู้คนมีความสุขในงานของเขา ศิลปินส่วนใหญ่ผู้มีอุดมการณ์มักจะมีแนวคิดนี้ทั้งนั้นและวาคีณเป็น
"หุ่นยนต์มันจะไปสู้คนได้ไง ที่กูกังวลจริงๆมันคือเรื่องนี้ มึงก็รู้ว่ากูทำงานยังไง แล้วกูให้ความสำคัญกับนักแสดงแค่ไหน" พูดได้เลยว่านักแสดงหนังผู้ใหญ่ของวาคีณทุกคนวาคีณเลือกมาเองกับมือ แล้วไม่ได้แค่เลือกด้วยตานะ คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าเลือกยังไง
"นี่ไง กูถึงนัดเขามาให้มึงคุยเอง ดูงานเอง กูบอกเขาหมดแล้วว่าสเป็คนายเอกนางเอกหนังมึงเป็นไง" สองคนมองหน้ากันนิ่ง อีกคนยิ้มอย่างมีความหวังอีกคนหน้านิ่วคิ้วขมวดใช้ความคิด และทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกอย่างถือวิสาสะ หญิงสาวที่สูงเกือบร้อยเจ็ดสิบกับสัดส่วนโค้งเว้าน่ามองเดินตรงเข้ามาหาทั้งคู่ก่อนจะวางแก้วกาแฟลงแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนโต๊ะของผู้กำกับใหญ่ก่อนจะสยายผมยาวดำขลับราวกับอยู่ในโฆษณาแชมพูชื่อดัง
"กูฟังอยู่นานแล้ว เอาไงไอ้คีณ กูว่าไม่เสียหายเขาให้ทำแค่หนังโฆษณานี่ความยามไม่กี่นาที วันเดียวก็ถ่ายเสร็จ เงินดีด้วยนะมึง" เธอเอ่ยพร้อมหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ไฟแช็กสีเงินลายมังกรเงาวับถูกวางลงบนโต๊ะหรูเสียงดังจากนั้นตาเฉี่ยวก็ตวัดมองเพื่อนทั้งสองสลับกัน
"สรุปมึงจะยกงานนี้ให้กูทำ" ยูจีนพยักหน้าพลางยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ในใจยิ้มย่องแล้วเพราะวาคีณกำลังจะตกลงเขารู้
"มึงจะไม่ผิดหวังเว้ย กูเห็นมาแล้วหุ่นยนต์เหมือนคนมากงานดี"
"มึงลองแล้ว?"
"ก็เหี้ยเหอะ กูพึ่งแต่งงาน" ยูจีนรีบปฏิเสธเขาไม่นอกกายแฟนตัวเองเด็ดขาด และท่าทีน่าหมั่นไส้ก็ทำเอาวาคีณมองยูจีนอย่างสุดจะทนรู้ว่ารักแฟนมากแต่ท่าทางมันอดหมั่นไส้ไม่ได้เลย
"หุ่นยนต์แม่บ้านยังเหมือนคนเลยไอ้ยู เรื่องนี้กูไม่ห่วงสมัยนี้รูปร่างภายนอกมันไม่ต้องห่วงอยู่แล้วทุกวันนี้เดินไปตามถนนกูยังแยกไม่ออกเลยว่าใครคนใครหุ่นยนต์ กูห่วงเรื่องอารมณ์นักแสดง ไอ้เหี้ยมึงก็ผู้กำกับก็น่าจะเข้าใจ ถ้ามานอนแข็งถื่อทำไง" นี่แหละวาคีณคิดวางแผนไปไกลถึงการถ่ายทำแล้ว เขากลัวแค่เรื่องนี้ ไอ้เรื่องรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนคนไม่ห่วงเพราะเหมือนอยู่แล้ว ส่วนเรื่องท้าทายอำนาจมืดเขาไม่กลัวหรอกสมัยนั้นที่เรียกร้องเอาหนังโป๊ขึ้นมาบนดินเขาติดคุกเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว คุกคือบ้านหลังที่สองเผลอๆนอนบ่อยกว่าบ้านหลังแรกอีก
"นัดเลยไอ้ยู พรุ่งนี้ไอ้คีณมันว่างกูจดตารางละ สิบโมงมาพร้อมหุ่นยนต์ชายสามตัวหญิงสามตัว มาให้ไอ้คีณมันเลือก จบดีล" วาคีณนั่งมองเพื่อนทั้งสองคนตาปริบๆ สองคนนั้นคุยรายละเอียดกันเหมือนกับว่าวาคีณไม่ได้อยู่ตรงนี้ สุดท้ายทุกอย่างมันก็เป็นไปตามที่สุดที่รักวางแผนไว้ให้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเป็นวันรุ่งขึ้น เหมือนวาคีณยังไม่ได้ออกไปจากห้องทำงานเลยตั้งแต่เมื่อวาน ภาพมันซ้ำทับซ้อนมาจากตอนที่คุยกับยูจีน นั่นหมายความว่าเขาหมกมุ่นคิดเรื่องนี้มาทั้งคืน เขานั่งพิจารณาหุ่นยนต์ตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉยผิดกับในหัวที่เครียดจะบ้าตายอยู่แล้ว ยอมรับว่าเหมือนคนมากและดูดีมีเสน่ห์อย่างไร้ที่ติเลย ถ้าไม่บอกว่าหุ่นยนต์คงคิดว่าเป็นคนจริงๆ แม้กระทั่งดวงตายังทำได้เหมือน ไม่สิสวยกว่าของมนุษย์อีกด้วยซ้ำ สมบูรณ์แบบไปหมด สมบูรณ์แบบเกินมนุษย์
วาคีณลุกขึ้นไปดูจริงจังมากขึ้น เขาไล่สายตามองหุ่นยนต์แต่ละตัวช้าๆหนึ่งในนั้นมีไซบ็อกอยู่ด้วย ซึ่งเป็นมนุษย์ที่มีร่างกายทำงานร่วมกับกลไกอิเล็กทรอนิกส์แต่คนนี้ไม่ถูกใจวาคีณ เขามองข้ามไปที่อีกคนที่สะดุดตาเขาตั้งแต่เดินเข้ามา ชายร่างเล็กที่มีใบหน้าหวานคล้ายผู้หญิง รูปคิ้วเป็นทรงสวย ตาสองชั้นดวงตากลมโตแพขนตายาวน่ามอง จมูกโด่งสโลปสวย ริมฝีปากอวบอิ่ม ดูรวมๆแล้วปรากฏเป็นใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มตาหวาน แต่พอไล่มองลงมายังร่างกายนั้นไม่ใช่เล่น ทรวดทรงถูกใจวาคีณใช่น้อย ไหล่แคบ เอวคอด สะโพกผาย ขาเรียวและผิวก็ขาวใสอมชมพูออร่าทิ่มตา
"ชื่ออะไร" เสียงเข้มถามชายร่างเล็กตรงหน้า นี่ถ้าไม่ใช่หุ่นยนต์ก็คงกลัววาคีณหัวหดไปแล้วเพราะนอกจากลุคภายนอกจะดูน่ากลัวเสียงยังทุ้มต่ำมาก
"อิชิอิ ฮารุกิครับ เรียกฮารุก็ได้" สายตายั่วยวนปราดมองช้อนขึ้นไปหาคนตัวสูงเดี๋ยวนั้นพร้อมยิ้มหวานละลายใจไร้ความเขินอาย แต่วาคีณไม่หลงกลง่ายๆเขาเจอมาเยอะ แต่ถือว่าผ่านนะหุ่นยนต์ตัวนี้ผ่านเกณฑ์ของเขา
"สักชั่วโมงค่อยเข้ามากันได้มั้ยครับ ขอผมคุยกับเขาหน่อย" วาคีณพูดโดยไม่มองฝ่ายขายของบริษัทไซเบอร์ฮ็อตตี้เลยด้วยซ้ำ
"อ่า เชิญคุณแฮงก์ไปกับดิฉันที่อีกห้องนะคะ ผู้กำกับต้องการทดสอบว่าจะสามารถเป็นนักแสดงได้มั้ยน่ะค่ะ เขาเคร่งเรื่องนี้มากอย่างที่ดิฉันแจ้งไป" แฮงก์หนุ่มไทยที่ทำงานฝ่ายขายในบริษัทไซเบอร์ฮ็อตตี้สาขาประเทศไทยรีบตกลงเดินตามสุดที่รักผู้ช่วยของวาคีณไปอีกห้องอย่างยินดีพร้อมรอยยิ้มเพราะหุ่นยนต์ตัวที่วาคีณเลือกไปนั้นเป็นหุ่นยนต์ที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุดในทุกรุ่นที่ผลิตออกมาเลย
เมื่อทั้งห้องเหลือเพียงทั้งสอง วาคีณก็ทำการพิจารณาหุ่นยนต์ตรงหน้าอย่างถี่ถ้วนมากขึ้น เดินสำรวจหุ่นยนต์ร่างเล็กด้วยสีหน้านิ่งขรึมตามนิสัยของเขา หลากหลายความคิดอยู่ในหัวร่างกายภายนอกถือว่าผ่านเลยเหมือนคนมากแต่จะตัดสินทั้งที่มีเสื้อผ้าบดบังอยู่แบบนี้มันก็ไม่ได้หรอกถูกไหม
"ถอดเสื้อผ้าสิ" เสียงทุ้มออกคำสั่งและหุ่นยนต์ผู้เชื่อฟังก็ทำตาม มือบางเรียวเล็กค่อยๆปลดเปลื้องเสื้อผ้าบนเรือนร่างออกทีละชิ้น และทุกอย่างอยู่ในสายตาของวาคีณ กระทั่งเสื้อผ้าทุกชิ้นก็ร่วงลงสู่พื้นให้หุ่นยนต์ตัวนี้ไร้สิ่งปกปิดร่างกาย คนตัวสูงยืนมองร่างที่โป๊เปลือยอย่างไร้อารมณ์พลางในใจก็ตกตะลึง หุ่นยนต์ตัวนี้สมบูรณ์แบบมาก และที่สะดุดตามากๆก็คงไม่พ้นรอยสักรูปนกฟีนิกส์ที่บั้นเอว นกตัวนั้นสยายปีกงดงามไปจนเกือบถึงกลางหลังมันทำให้หุ่นยนต์ตรงหน้าเซ็กซี่ขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว
"ทำอะไรได้บ้าง" วาคีณถามก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เผชิญหน้าเพื่อมองใบหน้าสวยให้ชัดเจนขึ้น มือหนาของเขาค่อยๆไล้ไปตามกรอบหน้าสวยช้าๆ
"ทุกอย่างที่คุณต้องการ ผมทำได้ทั้งหมด" ฮารุกิจ้องมองอีกฝ่ายไม่ลดละเช่นกันไม่ว่าวาคีณจะจับไปที่ส่วนไหนของร่างกาย เขาก็ยินยอม มือใหญ่ใช้นิ้วโป้งคลึงที่ริมฝีปากอวบอิ่มก็พบว่านุ่มยุ่น สัมผัสนั้นก็เหมือนผิวหนังมนุษย์ วาคีณเห็นหุ่นยนต์มานักต่อนักที่บ้านก็มีอยู่หลายตัวแต่ก็ไม่เคยไปสัมผัสร่างกาย ถึงไม่รู้ว่ามันไม่ได้เป็นเนื้อพลาสติกเลย
"ก็แน่สิถูกโปรแกรมมา" วาคีณขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นแล้วโน้วตัวลงไปดอมดมที่ซ็อกคอขาวที่คิดว่าน่าจะไร้กลิ่น ทว่าผิดคาด
"มีกลิ่นด้วย"
"ผมถูกสร้างมาให้เหมือนมนุษย์ทุกประการ ผมตอบสนองคุณได้ ผมรับสัมผัสของคุณได้และคุณก็รับสัมผัสของผมได้" จากดอมดมวาคีณก็เริ่มซุกไซร้ เขากดจูบที่ซ็อกคอหอมเชื่องช้าเพื่อทดลองรับสัมผัส ลองฝากฝังรอยสีกุหลาบลงไปแต่งแต้มที่เนื้อขาวเนียน
"รู้สึกอะไรมั้ย" วาคีณถามในขณะที่ยังไม่เลิกกระทำการชวนให้หวามไหว
"รู้สึกครับ อื้ม" ฮารุกิเปล่งเสียงหวานออกมาเล็กน้อยยามที่มือไม้ของวาคีณกำลังซุกซนไปทั่วกับร่างกายของเขาพร้อมกับปากที่พรมจูบไม่ลดละ วาคีณเขาผละออกจากซ้ายก็ย้ายไปขวาโดยที่ไม่ลืมแวะที่หน้าอกบางฝากฝังรอยจูบ
"รู้สึกจริงๆเหรอ" วาคีณไม่อยากเชื่อ
"อื้ม จริงๆครับ อื้อ" ริมฝีปากอวบอิ่มถูกปิดเอาไว้ด้วยอวัยวะเดียวกันก่อนเรียวลิ้นหนาจะสอดเข้าไปทันทีแล้วรุกจูบแลกลิ้นอย่างใจร้อน รสจูบดุเดือดดำเนินไปพร้อมๆกับการที่วาคีณพาฮารุกิไปที่โซฟาตัวใหญ่กลางห้องทำงาน ทั้งที่ยังไม่ผละจูบออกจากกัน น่าแปลกใจที่หุ่นยนต์ทำให้วาคีณอารมณ์พลุ่งพล่านได้ขนาดนี้
"รู้สึกยังไงอธิบาย" วาคีณผละออกจากจูบรสหวานพร้อมสายใยสีใส ในหัวก็คิดว่าเทคโนโลยีมันทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ น้ำลายก็ทำได้รสชาตินี้ก็ได้ด้วย
"อ๊ะ คุณวาคีณ อื้อ!" ฮารุกิครางเสียงหลงหลับตาแน่น เมื่อวาคีณสอดนิ้วเข้าไปในร่างกายโดยไม่บอกกล่าว
"เจ็บ?" วาคีณขมวดคิ้วถาม
"ครับ หรือถ้าคุณไม่อยากให้ผมเจ็บก็ทำได้นะ อื้อ นิ้วของคุณมัน อ๊า" ใบหน้าหวานเหยเกจากอารมณ์ที่ตีตื้นเมื่อยามที่ก้านนิ้วยาวขยับเข้าออกภายใน วาคีณแปลกใจแต่ว่าเขาก็ต้องทำต่อไปเพื่อทดลองใช้งาน
"ไม่ต้องปรับแต่งอะไร ฉันอยากเห็นการทำงานของนาย" ฮารุกิพยักหน้ารับราวกับคนกำลังเสียสติในตอนที่วาคีณนำเครื่องเพศออกมารูดรั้งเตรียมใช้งานและไม่นานเลยที่มันพร้อมใช้ เขาค่อยๆกดแทรกเข้าไปในช่องทางที่ปิดไม่สนิทนักเพราะการใช้นิ้วของเขาเอง
"อ๊ะ อื้อ คะ คุณ" ฮารุกิบีบลำแขนแกร่งที่กักขังร่างของตัวเองไว้แน่นเพื่อข่มอารมณ์ความเสียวซ่านปนความเจ็บระคน มันเป็นความรู้สึกที่ฮารุกิไม่เคยพบเจอมาก่อนเลย มันรู้สึกดีรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยได้ทว่าก็อึดอัดทรมานแต่เป็นความทรมานที่น่าลิ้มลอง
"ค่อยๆผ่อนคลาย" ไม่รู้อะไรดลใจให้วาคีณพูดไปแบบนั้นพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบศีรษะอีกฝ่ายและไม่นานเกินรอความยาวทั้งหมดก็ถูกใส่เข้าไปจนสุดและสัมผัสที่ได้ก็คือความอุ่นนุ่มราวกับภายในร่างกายของมนุษย์
"ขยับสิครับ อื้อ ขยับเถอะ อ๊ะ ผมต้องการ" ฮารุกิเอ่ยขอร้องทั้งน้ำตาคลอ นี่มันเหมือนมนุษย์เกินไปนะวาคีณกำลังทึ่งกับนวัตกรรมนี้แต่มันก็แค่ชั่ววูบเพราะความปรารถนามันฉุดรั้งเขาลงไปเสียก่อน
"รู้สึกยังไงบอกสิ" วาคีณตั้งสติขบกรามแน่นเพื่ออดทนเอาไว้ไม่ขยับร่างกายเพราะอยากจะเห็นสีหน้าของฮารุกิที่กำลังมีอารมณ์
"มันอึดอัด มันเสียว อยากให้ขยับ อ๊า นั่นแหละครับ อื้อออ" วาคีณขยับสะโพกสอบเป็นจังหวะสม่ำเสมอพลางจ้องมองสีหน้าเร้าอารมณ์ของคนใต้ร่างไม่วางตา ฮารุกิเองก็ส่งเสียงหวานครางโหยหวยรับทุกจังหวะ สร้างรสชาติให้การเสพสมดีขึ้นมากเป็นเท่าตัว วาคีณเจอมาเยอะต้องยอมรับว่าเสียงฮารุกินี่แหละตรงใจเขาสุดๆ
"อื้ม ให้ตายสิแน่นดีจริงๆ อ่า โคตรดี" วาคีณเอ่ยชมพลางเร่งสะโพกให้ถี่รัวมากขึ้นเพราะอารมณ์มันพุ่งสูงมากขึ้นเรื่อยๆยิ่งร่างกายเสียดสีกัน ยิ่งเสียงหวานครางรับทุกแรงกระแทก ความร้อนมันยิ่งเคลื่อนไหวโลดเร่าไปทั่วร่างกาย อารมณ์ดิบยิ่งทวีคูณ ยิ่งมองใบหน้าเย้ายวนวาคีณยิ่งควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ทั้งที่ตั้งใจจะสังเกตจับผิดข้อบกพร่องแท้ๆแต่มันกลับดีจนโฟกัสจุดประสงค์ไม่ได้ ร่างหนาโน้มกายเข้าไปหาแหวกเรียวขาสวยออกกว้างให้สัมผัสได้ลึกซึ้งมากขึ้น และนั่นทำให้ร่างกายของฮารุกิดิ้นพล่านเสียวซ่านไปตั้งแต่หัวไปจนถึงปลายเท้า จิกเกร็งจนควบคุมไม่ได้ วาคีณเห็นเช่นนั้นและได้ยินเสียงครางหวานที่หวีดหวิวเขาก็ก้มลงไปซอนไซ้ซอกคอหอมกรุ่นเพื่อปรนเปรอให้อีกฝ่ายถึงขีดสุดในขณะที่มือก็รูดรั้งเครื่องเพศให้คนใต้ร่างไปด้วย
"อื้อ อื้อ ไม่ต้องครับ อ๊ะ ขยี้ตรงนี้ อ๊า ผมชอบ" เสียงหวานเอ่ยกระท่อนกระแท่นแล้วจับมือหนาที่รูดรั้งให้ตนเองอยู่มาวางไว้ที่หน้าอกของตัวเองแทน วาคีณลงมือใช้นิ้วขยำขยี้ยอดอกให้อย่างใจดี ปกติเขาทรีตคู่นอนดีอยู่แล้วเรื่องแค่นี้เขาไม่มีปัญหาหรอก จะมีปัญหาก็ตรงที่มันเหมือนมนุษย์เกินไปนี่แหละแต่ความคิดนี้ก็เข้ามาเพียงชั่วครู่เพราะมันถูกแทนด้วยความเสียวซ่านทันใด วาคีณหลงระเริงไปกับหุ่นยนต์ตัวนี้แบบที่ถอนตัวไม่ขึ้นเลย
"นุ่มไปหมด หอมไปหมด แน่นด้วย อื้ม" วาคีณหายใจแรงมากขึ้น กระหืดกระหอบกระหายอยากเต็มไปด้วยความปรารถนา เหมือนไฟที่ถูกสุมฟืนจนเต็มที่ เขาจำใจผละออกเหยียดตัวขึ้นไปถอดเสื้อที่เกะกะอยู่ทิ้ง เผยให้เห็นกล้ามมัดที่เขาเฝ้าออกกำลังกายรักษามาเป็นปีๆ กล้ามเนื้อเป็นลอนสวยชัดเจนกับผิวสีน้ำผึ้งสวย ฮารุกิเหมือนโดนไวรัสเข้าจู่โจมอย่างไรอย่างนั้น ในหัวมีแต่คำว่าดูดี อยากจับ อยากสัมผัสให้มากกว่านี้ นั่นแหละมันปลุกความปรารถนาขึ้นมาจนถึงขีดสุดเช่นกัน ร่างเล็กผลักคนตัวโตกว่านอนลงที่โซฟาบ้างก่อนจะพาตัวเองขึ้นไปเป็นฝ่ายนำเกมกาม
สะโพกอวบควบขยับแท่นอุ่นร้อนอย่างรู้งาน ขึ้นสุดลงสุดครางรับทุกแรงกระทำให้วาคีณสติแตกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เอวคอดส่ายเป็นวงกลมจากนั้นยกร่างตัวเองขึ้นสูงและกระแทกลงจนเนื้อที่กระทบกันนั้นดังลั่นห้อง
"ลึก อ๊า รู้สึกดีมั้ยครับ ผมรู้สึกดีมาก อ๊ะ" ฮารุกิเอ่ยกระท่อนกระแท่นพลางเชิดหน้าปล่อยอารมณ์ให้เป็นไป ตอนนี้เขากำลังได้สัมผัสกับสิ่งแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยเป็นเลยล่ะ และมันมีแต่ความกระหายอยากไม่มีลดละเลย
"อื้ม ดี ซี๊ด ดีมาก" วาคีณตอบเสียงแหบพร่าส่วนมากความพึงพอใจจะออกมาจากลำคอ เขาคำรามเหมือนเสือที่พอใจกับเหยื่ออันโอชะ กระทั่งไฟในกายมันลุกโชนขึ้นมาอีกสองร่างโผเข้าหากันกอดรัดแนบแน่นสะโพกสอบขยับเขยื่อนเข้าหา สะโพกอวบเองก็พยามที่จะขยับขึ้นลงเพื่อปรนเปรอ ทุกอย่างมันพุ่งสูงเรื่อยๆเสียงครางทุ้มและหวานดังเคล้าสลับกันลั่นห้อง เกมระเริงรักที่เร่าร้อนดำเนินต่อไปเรื่อยๆและดุเดือดขึ้นทุกนาที ร่างกายเสียดสีกันรุนแรงเสียงครางดังลั่นไม่หยุดหย่อนเหมือนจะแข่งกัน ความรู้สึกมันมากมายจนกลั้นเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
สุดท้ายความสุขสมก็ล้นทะลัก ร่างกายเล็กสั่นระริกหอบแฮกในอ้อมกอดใหญ่โต จากนั้นวาคีณก็ทิ้งตัวนอนลงกับโซฟาโดยที่มีฮารุกินอนทับอยู่ด้านบน คราบน้ำสีขาวขุ่นล้นทะลักออกมามากมายจากร่างกายจนฮารุกิรู้สึกได้และมันรู้สึกดีโดยที่โปรแกรมที่ตั้งมาก็หาเหตุผลไม่เจอ
"แฮ่ก แฮ่ก เหนื่อยจังครับ" แก้มนุ่มนิ่มถูไถไปกับอกแกร่งอย่างออดอ้อนน่ารักน่าเอ็นดูพร้อมรอยยิ้มจาง
"เหนื่อยได้ด้วยเหรอ" เสียงทุ้มดังอยู่เหนือหัวฮารุกิ
"ครับ แต่ก็ต่อได้นะครับ ถ้าคุณอยากอีก แล้วนี่ผมผ่านงานมั้ย คุณจะถ่ายโฆษณาให้บริษัทเรามั้ยครับ" มือเรียวเล็กลูบไล้ที่แผงอกแผ่วเบา แต่วาคีณกำลังคิดว่าหุ่นยนต์มีเหงื่อด้วยเหรอ มีการหายใจด้วย วาคีณเริ่มสำรวจอีกครั้งเขาค่อยๆใช้มือเลื่อนผ่านแผ่นหลังเนียนเลื่อนไปจนถึงสะโพกงอนกลมกลึงแล้วบีบขยำเล่น จากนั้นอารมณ์ดิบมันก็กลับมาไวทันใจเสียเหลือเกิน สิ่งนั้นกำลังพองขึ้นมาอีกหนอยู่ในตัวของฮารุกิ
"อื้อ คุณวาคีณตอบผมก่อน อ๊ะ คุณ อื้อออ"
"อื้ม ขอทดลองอีกสักรอบสองรอบถึงจะตอบได้ ไหนทำอะไรได้อีกบ้าง ทำให้ดูหน่อยคราวนี้ฉันจะอยู่เฉยๆ เอาอุปกรณ์มั้ยฉันมี"
"อันนี้ต้องถามคุณมากกว่า อื้อ อ๊ะ คุณอยากใช้มันกับผมมั้ย"
และแล้วเวลาหนึ่งชั่วโมงที่วาคีณขอไปมันก็ไม่เพียงพอ กว่าผู้กำกับผู้เคร่งขรึมจะปล่อยหุ่นยนต์ตัวนี้กลับไปได้ก็กินเวลาไปนานอยู่เหมือนกัน แต่วาคีณก็ยังไม่ได้ให้คำตอบอะไรกับทางบริษัทไซเบอร์ฮ็อตตี้นะ เขาต้องคิดให้ถี่ถ้วนอีกทีเพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่สยามซิตี้จะยอมรับเรื่องนี้ มันไม่ง่ายเลย
.
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป
สกรีมแท็ก #ณที่นี่เรารักกัน
พี่วาคีณเขาจะตอบตกลงมั้ยน้าาาแต่ก็ดูถูกใจฮารุอยู่นะเนี่ยยยังไงๆ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆเลยนะคะเราไม่รู้ว่าเราทำได้ดีพอมั้ย
เพราะมันก็ไซไฟในแบบที่ไม่ค่อยได้เขียนไม่ค่อยถนัดแต่ก็อยากจะลองดู
ใดๆแล้วนิยายเรื่องนี้เป็นอะไรที่โป๊มากคงไม่ได้มีปมอะไรมากมายนะฮะฮ่าๆ
จะขายโป๊ครับผมอิอิ ยังไงช่วยติดตามกันไว้ด้วยนะคะแง ตั้งใจสุดๆ
อาจจะมาลงช้าบ้างเพราะรับสองจ็อบเขียนฟิคด้วยเขียนนินายด้วย
แต่ยังไงก็จะพยายามมาต่อไวๆเลยนะคะ กำลังใจดีก็มาต่อเร็วครับ^3^
Comments (0)