“ขอบคุณที่เรียกมารับก็มา” ทันทีที่เข้ามานั่งภายในรถ แบมก็หันไปกล่าวขอบคุณเพื่อนสนิทที่แม้ว่าจะรบกวนในยามดึก แต่แอร์ก็ยังเป็นคนที่พึ่งพาได้อยู่เสมอ

“ขอบคุณอีกสิ เรียกมากะทันหันต้องขอบคุณสองเท่า”

“ขอบคุณค่า ขอบคุณมาก แล้วมาดื่มกับลอฟต์สองคนเหรอ คุณแลมป์ไปไหน” ได้ยินคำถามที่พาดพิงไปถึงชายหนุ่มผู้มีสถานะเป็นสามี คนทำหน้าที่ขับรถอยู่ในขณะนี้ก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

“ไปงานเลี้ยงอะไรของเขานั่นแหละ” ไม่ได้ถามรายละเอียดเลยด้วยซ้ำ เธอไม่เคยใส่ใจว่าเขาจะไปไหนหรือไปกับใคร จะกลับเมื่อไรก็ไม่ได้เฝ้ารอ แอร์ไม่เข้าใจนักว่าเหตุใดแลมป์ถึงสามารถอดทนใช้ชีวิตร่วมกับภรรยาที่เฉยชาต่อตนเองได้นานเป็นปี

“ภรรยาไม่ต้องไปด้วยเหรอ”

“ไม่ค่อยชอบงานแบบนั้น”

“ไม่ชอบเลยไม่ไปก็ได้?” พอเข้าใจในความไม่โปรดปรานการโปรยยิ้มการค้าให้กับผู้คนมากมาย แต่แบมคิดว่าด้วยสถานะของเพื่อนสนิท การต้องทำเช่นนั้นน่าจะถูกจัดเป็นอีกหนึ่งในหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ

“ไม่เห็นเขาว่าไง” ไม่ใช่แค่เรื่องออกงาน แต่แอร์ไม่เคยถูกบังคับไม่ว่าเรื่องไหน รวมไปถึงกิจกรรมระหว่างคนเป็นสามีภรรยาอย่างการร่วมรักก็ด้วย เธอและแลมป์นอนเตียงเดียวกันแต่คนละฟากฝั่ง เขาไม่เคยรุ่มร่ามอีกทั้งยังให้เกียรติเธออยู่เสมอ และเนื่องจากอีกฝ่ายแสดงออกเช่นนั้นตลอดมา ทุกครั้งที่จะทำหรือพูดจาหักหาญน้ำใจ คนตัวเล็กจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ ถ้าเขาเลวร้ายกว่านี้สักนิด อะไร ๆ คงจะง่ายขึ้น

“เข้าใจแหละ ตามอกตามใจขนาดนั้น แค่บอกไม่ชอบก็คงไม่บังคับ”

“อือ”

“มีความสุขไหมแอร์” คำถามง่าย ๆ แต่คนต้องตอบกลับนึกอยากหัวเราะเย้ยหยันตัวเองเสียจริง ทุกวันนี้เธอใช้ชีวิตห่างไกลจากคำนั้นมากมายเหลือเกิน ตั้งแต่เลิกกับเพียว แอร์ก็ไม่เคยสัมผัสกับความสุขอีกเลย

“ถามอะไรแบบนั้นล่ะ ฉันแต่งงานกับผู้ชายแสนดีแสนรวยเลยนะ” แบมได้ยินก็เข้าใจทันทีว่าแอร์เพียงแค่ประชดประชันชีวิตของตัวเอง เจ้าตัวไม่ได้ยินดีอย่างที่ปากบอกหรอก

“แสนรักเหมือนน้องเพียวไหมล่ะ”

“ไม่มีใครเหมือนเพียว” แอร์ส่ายศีรษะไปมาด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยจนแบมรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ

“ปวดหัวกับเรื่องเธอสองคนมาก แล้วเป็นไงบ้างคนนั้นน่ะ”

“เพียวก็อยู่ของเพียว สบายดี เจอกันบ้างบางครั้ง”

“บางครั้งนี่บ่อยไหม"

“ไม่บ่อยหรอก เพิ่งเจอวันนี้ก่อนหน้าจะมารับเธอนี่แหละ น้องฝากทักทายด้วย” ไม่บ่อยในความหมายของแอร์ก็คือประมาณเดือนละหนึ่งครั้ง หรือไม่ก็สองอาทิตย์ครั้งหากความคิดถึงมันหนักหนาเกินจะทนไหว แต่การเจอกันของทั้งสองคนไม่เคยเกิดเรื่องราวในทางไม่ดี เธอแค่อยากเห็นหน้า อยากเห็นเพียวอยู่ในสายตา ต่อให้ไม่สามารถสัมผัสได้ก็ยังอยากไปเพื่อจดจ้องคนสวยคนนั้น สำหรับคนที่มีรักแต่ไม่สามารถเดินร่วมทางได้ การเฝ้ามองคงเหมาะสมมากที่สุดแล้ว

“ลอฟต์ เพียวและเธอเลยเหรอ”

“อืม”

“โอ้ น้องสามีกับแฟนเก่า ก็กล้าให้มาเจอกันเนอะ” แบมแสดงสีหน้าหวาดหวั่น ตรงกันข้ามกับเพื่อนสาวที่ไม่แม้แต่จะเปิดเผยความกังวลใด ๆ ออกมา ไม่ใช่มั่นใจว่าตัวเองสามารถเก็บความลับเก่ง แต่ด้วยความที่รู้จักลอฟต์ดีในระดับหนึ่งจึงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัว

“ถึงลอฟต์จะรู้อะไร น้องก็ไม่ยุ่งหรอกแบม นิสัยเขาเป็นแบบนั้น ฉันเห็นมาตั้งแต่เด็กน้อย”

“กับเพียวนี่เจอกันได้เป็นปกติเลยเหรอ เก่งกันจังเลยนะสองคนนี้”

“เจอได้”

“รักอยู่เนอะ”

“รักมาตลอด” แทบไม่ต้องหยุดคิด แอร์สามารถตอบคำถามนั้นของแบมได้ในทันที ถ้าหากเป็นเพียว สำหรับเธอแล้วไม่เคยมีคำอื่นใดในหัวใจเลยนอกจากรัก

“เขาจะรอหรือเปล่า” แอร์กลืนน้ำลายลงคอแล้วแน่นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะได้ขยับปากเอื้อนเอ่ยสิ่งที่เคยพูดคุยกับเพียวเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว

“ไม่ได้จะให้รอ น้องไม่ได้จะรอด้วย” เธอบอกเองว่าไม่ต้องรอ เพียวก็ตอบรับและบอกว่าจะไม่รอ แต่ทั้งสองคนก็เหมือนยังวนเวียนอยู่ใกล้กันไม่ยอมไปไหน

“จะปล่อยให้เป็นแบบนี้จริงเหรอ”

“ทำอะไรได้บ้างล่ะ มันคงดีที่สุดแล้วมั้ง”

“ดีกับทุกคน ยกเว้นเธอสองคน”

“ไม่มีใครสนใจหรอก เขาสนแค่ลูกสาวลูกชายเพื่อนได้แต่งงานกัน เป็นทองแผ่นเดียวกัน กิจการไปได้สวย” การแต่งงานมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งประกอบไปด้วยพ่อ แม่และลูก คือสิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องการให้แอร์ทำ ด้วยอายุที่ถึงวัยอันเหมาะสมในสายตาพวกเขา ประจวบเหมาะกับมีชายหนุ่มที่เพียบพร้อมไปเสียทุกด้าน คงไม่มีอะไรลงตัวไปมากกว่าการจับเธอแต่งงานกับแลมป์อีกแล้ว

“จะหย่าเมื่อไร”

“ไม่รู้เลย แลมป์ไม่ได้อยากหย่า มันเลยยากไปหมด” คิดมาถึงตรงนี้แล้วเธอนึกอยากเอาศีรษะโขกของแข็งเสียให้ได้ ชายหนุ่มคนนั้นไม่แม้แต่จะแสดงออกว่าเบื่อหน่ายกัน อีกทั้งยังคงยิ้มให้อยู่เสมอราวกับมีความสุขเสียมากมายที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย

“แน่สิ เขารักเธอ”

“รักอะไรฉันวะ”

“อยากหย่าจะแย่เลยสิ กลัวเพียวมีคนอื่นเหรอ”

“ถึงจะบอกเองว่าไม่ต้องรอ แต่ก็หวังตลอดว่าจะกลับไปหาเขาทันเวลา” แอร์ไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถจัดการพันธะของตัวเองได้เมื่อไร แล้วถ้าถึงวันที่ทุกอย่างจบสิ้น เพียวจะมีใครอื่นไปแล้วหรือไม่ ระหว่างเธอทั้งคู่ไม่มีอะไรแน่นอนเลยสักอย่าง นอกจากภาวนาขอให้ตนเองกลับไปทันเวลา แอร์ก็ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้อีกแล้ว

“อาจจะทัน ที่ผ่านมาเพียวก็ดูไม่อะไรกับใคร ไม่รู้นะเรื่องพวกนั้นเจ้าตัวจัดการยังไง แต่เธอคงไม่ถือสาหรอกใช่ไหม” แบมหมายถึงความสัมพันธ์ทางกาย และแอร์เองก็เข้าใจสิ่งที่เพื่อนต้องการจะสื่อเป็นอย่างดี

“ไม่ถือหรอก ก็ฉันทำแบบนั้นกับน้องไม่ได้”

“น่าสงสารทั้งหมด ฉันสงสารคุณแลมป์ด้วย”

“สำหรับแลมป์ ฉันให้ได้แค่ความสงสารเหมือนกัน”

 

บ้านหลังใหญ่โตปกคลุมไปด้วยความเงียบสงบเหมือนทุกวัน ร่างเล็กของแอร์ก้าวเดินเข้าไปภายในยังไม่ทันได้ผ่านเลยไปไหน ชายหนุ่มตัวสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก็ลุกจากโซฟาพร้อมกับกล่าวทักเธอด้วยน้ำเสียงแสนสุภาพตามนิสัย

“กลับมาแล้วเหรอครับ” แลมป์ก้าวขายาว ๆ ของตัวเองเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าภรรยาสาวที่เขารักหนักหนา ริมฝีปากของเจ้าตัวยกยิ้มอวดฟันขาวที่เรียงตัวสวย และสายตาที่ทอดมองมาก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน หากแต่สิ่งเหล่านั้นไม่สามารถหลอมละลายหัวใจของใครอีกคนได้เลยแม้เพียงสักครั้ง

“เธอกลับมานานแล้วเหรอ”

“กลับก่อนแอร์แป๊บเดียว ไปดื่มกับลอฟต์มาเหรอ”

“อ้อ ใช่ค่ะ พอดีแบมกลับจากต่างประเทศเราเลยไปรับ ลอฟต์กลับไปกับ...เพื่อน” จากเคยพูดจาฉะฉานก็ได้มีจังหวะสะดุดเล็กน้อยเมื่อต้องพาดพิงถึงใครบางคน

“ขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ไปไหนไหมครับ”

“คุณพ่อคุณแม่ชวนทานข้าวเหรอ” การร่วมโต๊ะอาหารกับพ่อแม่ของสามี กลายเป็นอีกหน้าที่หนึ่งของภรรยาอย่างเธอไปเสียแล้ว แม้ว่าในวันนั้น ๆ แอร์ไม่ต้องการอยากพบเจอใคร แต่ถ้าผู้ใหญ่เรียกหา คนตัวเล็กก็ไม่อาจปฏิเสธได้

“เปล่าหรอก เราต่างหากที่จะชวน”

“เย็นได้ไหม กลางวันเราจะเข้าไปคุยงานที่บริษัท”

“ได้หมดเลย” ท่าทีดีอกดีใจถูกแสดงออกอย่างเปิดเผย และภาพการฉีกยิ้มกว้างของเขานั้นได้ทำให้แอร์แอบลอบถอนหายใจด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง

“โอเคค่ะ”

แลมป์ยืนมองตามร่างบอบบางของภรรยาที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้านตาละห้อย ลมหายใจร้อน ๆ ถูกพ่นออกมาอย่างสิ้นหวัง ไหล่กว้างที่เคยตั้งเริ่มตกลงมองดูไม่สง่าผ่าเผยดังเดิม หากจะมีใครสักคนทำให้เขาผู้ที่เพียบพร้อมไปหมดทุกอย่างเกิดความรู้สึกด้อยค่า เห็นทีคงมีเพียงผู้หญิงตัวเล็กคนนั้น รู้ทั้งรู้ว่าเธอไม่รักแต่ก็ยังดันทุรังโดยอ้างว่าทำตามความต้องการของผู้ใหญ่ เข้าใจว่ามันเป็นการกระทำของคนขี้แพ้ แต่เขารักแอร์และแอบหวังว่าสักวัน เธอจะหันกลับมามองกันบ้าง

“วันนี้คุณพ่อถามถึงเรื่องลูก” มือเรียวที่เคยวุ่นอยู่กับการเช็ดผมยาวสลวยได้หยุดชะงักหลังจากเสียงทุ้มของแลมป์ บอกกล่าวถึงสิ่งที่ผู้ใหญ่ถาม ซึ่งแอร์รู้ดีว่านั่นคือการกดดันวิธีหนึ่ง

“บอกท่านว่ายังไงคะ”

“แอร์ยังไม่พร้อม” ชายหนุ่มที่ยังอยู่ในชุดกางเกงสีเทา เสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสองเม็ดและพับแขนถึงข้อศอกลุกเดินมาหยุดยืนตรงหน้าคนตัวเล็กพร้อมกับตอบสิ่งที่เธอถาม

“เราไม่อยากมีลูก” คำตอบเพียงหนึ่งเดียวในใจของเธอมีอยู่แค่นั้น

“เราเข้าใจ แต่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจ”

“จะทนอยู่แบบนี้จริง ๆ เหรอคะ” เป็นการถามที่อ่อนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา แอร์สิ้นหวังและไม่มีทางออกให้กับสถานการณ์ดังกล่าว ตั้งแต่แต่งงานเธอถูกพ่อแม่ของชายหนุ่มและครอบครัวของตนเองกดดันอยู่เป็นระยะ ทุกครั้งที่มีโอกาสได้พบเจอ คำถามแรกที่มีให้ไม่เคยมีอะไรนอกจากเมื่อไรจะมีลูก

“เรารักเธอ”

“แต่เธอก็รู้ว่าเราคิดยังไง”

“ไม่มีสักเศษเสี้ยวเลยเหรอ ไม่มีสักนิดเลยเหรอที่แอร์จะรู้สึกกับเราบ้าง” น้ำเสียงอ่อนแรงมาพร้อมกับสายตาเว้าวอน แอร์เห็นแล้วต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนเลวร้าย ตรงกันข้ามเขายังแสนดีในแบบที่ใครอีกหลายคนพร้อมจะมอบหัวใจให้ เพียงแต่ใครที่ว่าไม่ใช่เธอก็เท่านั้น

“เธอเป็นคนดี แต่ถ้าเราเลือกรักใครเพราะเขาดี เรารักเธอไปตั้งนานแล้วแลมป์”