“ขอโทษที่รบกวนนะคะเพียว” คนเพิ่งถูกเพื่อนสนิทเรียกไปรับที่สนามบินกะทันหัน กล่าวขอโทษหลังจากฝากฝังให้เพียวไปส่งลอฟต์ที่บ้าน สีหน้าของพี่สาวตัวเล็กเจือไปด้วยความรู้สึกผิด แอร์ไม่ได้อยากหยิบยื่นความวุ่นวายให้อดีตคนรักเลยสักนิด แต่เธอก็เป็นห่วงลอฟต์เกินกว่าจะปล่อยให้เดินทางกลับเอง

แบมเพิ่งเดินทางมาจากต่างประเทศ ตามแผนที่วางเอาไว้คือเจ้าตัวจะนั่งแท็กซี่กลับในเวลาที่ไม่ดึกดื่นมาก แต่เนื่องจากมีเหตุให้เครื่องดีเลย์จนทุกอย่างบิดเบี้ยวไปหมด กว่าจะถึงจุดหมายก็ข้ามวันใหม่ไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว การเรียกใช้บริการแท็กซี่จึงกลายเป็นเรื่องน่ากังวลไปโดยปริยาย ท้ายที่สุดแบมจำต้องขอให้เพื่อนสนิทมารับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“ลอฟต์กลับเองได้นะพี่แอร์” เห็นว่าต้องลำบากคนอื่น ลอฟต์จึงเสนอขึ้นมาอีกครั้งว่าเธอสามารถนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองได้แม้จะดึกแล้วก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นพี่สะใภ้คนสวยก็ไม่ยินยอม แอร์ส่ายศีรษะปฏิเสธไปมาและในขณะเดียวกัน ผู้รับบทเพื่อนรุ่นน้องก็ยืนยันหนักแน่นว่าจะไปส่ง

“เดี๋ยวพี่ไปส่งค่ะ พี่แอร์ห่วงน้องสาว”

“อ่า งั้นพี่เพียวรอแป๊บหนึ่งนะคะ ขอเข้าห้องน้ำก่อน” ตลอดระยะเวลาที่ลอฟต์นั่งอยู่ท่ามกลางคนสองคนที่ส่งสายตาแสนพิเศษมองกันอยู่นั้น เธอพอจะเดาสถานการณ์ออกอยู่บ้างว่า เพียวไม่น่าจะเป็นแค่เพื่อนรุ่นน้องอย่างที่พี่สะใภ้แนะนำ และในขณะนี้ทั้งคู่ดูมีเรื่องมีราวอยากสนทนากันตามลำพัง คนรู้หน้าที่จึงขอปลีกตัวเพื่อเอื้อให้ได้พูดคุยสะดวก

“โอเค ออกมารอหน้าร้านเลยนะ เดี๋ยวพี่ขับรถมารับ”

“ค่ะ พี่แอร์ขับรถดี ๆ นะคะ”

“ค่ะ”

คนตั้งใจเปิดทางเดินห่างมาจากตำแหน่งที่หญิงสาวขนาดตัวไล่เลี่ยกันยืนอยู่ เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่าทั้งคู่กำลังเดินควงแขนอย่างสนิทสนมออกจากร้าน เธอจดจ้องจนลับสายตาก่อนจะตัดสินใจเดินตรงไปเข้าห้องน้ำอย่างที่เคยบอกเอาไว้ แม้ว่าความจริงจะไม่ได้รู้สึกต้องการอยากใช้บริการเลยก็ตาม

จากการสังเกตร่วมหนึ่งชั่วโมงที่นั่งอยู่ด้วยกัน ลอฟต์สามารถรับรู้ถึงความอาลัยอาวรณ์ผ่านน้ำเสียงและสายตาของเพียวอยู่บ่อยครั้ง หญิงสาวใบหน้าสวยจัดคนนั้นเก็บความรู้สึกไม่เก่งเอาเสียเลย ต่างจากพี่สะใภ้ของเธอที่ซุกซ่อนทุกอย่างเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน ท่าทีผ่อนคลายไร้ความกังวลของแอร์ มองอย่างไรก็ไม่สามารถจับพิรุธได้ จดจ้องเพียงผิวเผินคงไม่มีทางรู้ว่าทั้งคู่ไม่ได้มีสถานะตามที่แนะนำ

ลอฟต์ไม่แน่ใจว่าพี่ชายรู้เรื่องที่ภรรยาของตัวเองพบเจอกับคนรักเก่าอยู่บ่อยครั้งหรือไม่ และถ้าหากเขาไม่เคยระแคะระคาย เธอก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปยุ่งวุ่นวายแต่อย่างใด ซึ่งแอร์คงรับรู้นิสัยตรงส่วนนี้ของน้องสามีดี เจ้าตัวจึงไม่ได้แสดงออกว่าเป็นกังวลแม้เพียงเสี้ยววินาที

“ปล่อยน้องสามีมาใกล้ขนาดนี้ไม่กลัวเหรอคะ” ขณะกำลังเดินไปยังลานจอดรถ เพียวได้เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย อย่างไรเสียลอฟต์ก็คือครอบครัวของเขา มันคงจะดีกับแอร์มากกว่าหากไม่พาอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ แม้ว่าเจ้าตัวจะเก็บความลับเก่งขนาดไหนก็ตาม

“พี่ไม่ได้ทำอะไรนี่คะ”

“เมื่อไรจะหย่า” เจอกันทีไร เพียวจำต้องถามคำถามนี้เสียทุกครั้ง แม้คำตอบที่ได้จะไม่น่าพึงพอใจแต่เธอก็ยังพยายามอย่างไม่ยอมลดละ

“ไม่งอแงนะ” แอร์ไม่สามารถตอบอะไรได้มากกว่านี้ เพราะเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าคำตอบคือเมื่อไร

“พี่ไม่ได้ขอให้คุณรอ รู้ค่ะว่าจะพูดอะไรต่อ”

“เด็กขี้หงุดหงิด” เพียวไหวไหล่เล็กน้อยและทั้งคู่ก็เดินเคียงข้างกันจนมาถึงลานจอดรถของร้าน ก่อนจะได้แยกย้ายไปยังตำแหน่งที่รถจอดอยู่ คนเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งก็หยุดเดินเพื่อกล่าวร่ำลากันเสียก่อน

“ขับรถดี ๆ ค่ะ”

“คุณก็เหมือนกัน แล้วก็อย่าอ่อยน้องสาวพี่ล่ะ” แอร์ยังคงย้ำเตือนประโยคดังกล่าวอีกครั้ง แม้ว่าการพบเจอกันของลอฟต์และเพียวจะดูไม่มีความเป็นไปได้ในทางนั้นเลยก็ตาม

“ย้ำจัง กลัวเหรอคะ”

“คุณน่ากลัว”

“ไม่เลย เพียวน่ารัก” เพียวส่ายศีรษะและชมตัวเองด้วยท่าทีไม่จริงจัง ซึ่งแอร์เองก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงในส่วนนั้นได้ เธอจึงทำเพียงพยักหน้าและครางรับในลำคอเบา ๆ

“อือ”

“เห็นไหมล่ะ”

“ไปได้แล้วค่ะ ขอโทษที่รบกวนจริง ๆ แบมไม่มีคนไปรับ”

“อืม ฝากทักทายพี่แบมด้วย”

“ค่ะ จะบอกว่าน้องเพียวคิดถึง”

“ไว้เจอกันอีกทีตอนสามีเผลอนะคะ”

“ดูพูดจา” ค้อนมองเด็กช่างพูดแล้วเธอก็โบกมือไล่ให้อีกฝ่ายไปเสียที ป่านนี้ลอฟต์คงออกมารอหน้าร้านแล้ว ส่วนตัวเองก็จะได้ไปรับเพื่อนสนิทที่สนามบินเช่นกัน

เพียวทำหน้าที่ขับรถมาส่งน้องสามีของอดีตคนรักถึงที่บ้าน ระหว่างทางเธอและลอฟต์พูดคุยกันด้วยเรื่องทั่ว ๆ ไปไม่มีประเด็นไหนเข้มข้นเป็นพิเศษ เด็กสาวที่อายุน้อยกว่าหลายปีเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา น้ำเสียงใสเจื้อยแจ้วสร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้คู่สนทนาได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเจ้าตัวยังระมัดระวังคำพูดของตัวเองอยู่เสมอ ไม่พยายามลุกล้ำความเป็นส่วนตัว ในบางครั้งหากไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ถามมันละลาบละล้วงเกินไปหรือไม่ เด็กตัวสูงก็จะเกริ่นในเชิงขออนุญาตเสียก่อน

“ลอฟต์ถามได้ไหมคะว่าพี่เพียวมีแฟนหรือเปล่า”

“ถามได้ค่ะ แต่พี่ไม่ตอบ” เพียวว่าอย่างนั้นพร้อมกับขับรถราคาแพงมาจอดเทียบบริเวณหน้าบ้าน หลังที่ลอฟต์บอกว่าคือที่พักอาศัยของตนเอง

“ไม่ตอบก็ไม่ตอบ”

“คงไม่ได้จะไปถามจากคนอื่นหรอกใช่ไหม อยากรู้เรื่องพี่ก็ต้องถามจากพี่นะ” คนโตกว่ารีบดักทางเอาไว้ก่อน แม้ว่าเรื่องที่ตนมีคนรักหรือไม่มีจะไม่ใช่ความลับอะไร แต่เพียวแค่อยากแกล้งแหย่คนอยากรู้เพียงเท่านั้น หากลอฟต์จะไปถามข้อมูลดังกล่าวจากพี่สะใภ้ของตัวเองจริง ๆ เธอก็ไม่รู้สึกโกรธเคืองแต่อย่างใด

“ก็พี่เพียวไม่ตอบนี่”

“แล้วยังไงคะน้องสามีพี่แอร์”

“พี่แอร์แต่งงานแล้ว พี่เพียวควรหาคนใหม่นะ”

“.....” เพียวชะงักทุกการกระทำและคำพูดในทันทีที่ได้ยินคนเด็กกว่าพูดประโยคนั้นออกมา เธอคิดว่าอีกฝ่ายจะดูไม่ออกเนื่องจากสีหน้าและแววตาของลอฟต์ ดูไม่มีท่าทีสงสัยใคร่รู้ใด ๆ เลย

“ดูออกหรอก”

“จะบอกพี่ชายหรือเปล่าล่ะ”

“ลอฟต์ไม่ใช่คนขี้ฟ้อง”

“รู้แล้วจะถามทำไมอีกว่าพี่มีแฟนไหม” ทั้งที่ก็มองขาดตั้งแต่แรกว่าเธอยังคงรู้สึกอย่างไรกับแอร์และเคยมีสถานะใดกับผู้หญิงตัวเล็กคนนั้น แต่เด็กช่างพูดก็ยังคงเลือกจะถามออกมา ซึ่งเพียวไม่เข้าใจตรงส่วนนี้เสียเท่าไร

“เผื่อมีคนในใจหลายคน”

“ไม่มี”

“นอกจากพี่แอร์ก็ไม่มีใครเลยเหรอ”

“ไม่มีค่ะ” เพียวตอบตามความจริง ตั้งแต่เลิกรากันไปเธอไม่เคยมองใครอื่น ไม่มีแม้สักคนที่จะเข้ามาทำให้รู้สึกอยากเริ่มต้นใหม่

“ไม่ตัดใจเหรอ”

“พี่มาก่อน”

“อื้อ โอเค” ลอฟต์พยักหน้าพลางหัวเราะเสียงใส เห็นสายตาแข็งกร้าวและน้ำเสียงที่ใช้บอกกล่าวการมาก่อนของพี่สาวคนสวยแล้วเธอนึกเอ็นดูระคนเห็นใจขึ้นมา

“หัวเราะอะไร อารมณ์ดีจังนะเรา”

“พี่เพียวสวย”

“เกี่ยวอะไร”

“เห็นคนสวยแล้วอารมณ์ดี” เด็กร่างสูงเลือกตอบความจริงอีกหนึ่งข้อ แต่มันไม่ใช่สาเหตุของการหัวเราะอย่างแท้จริง

“จะจีบเหรอ” เพราะได้ยินการหยอดคำหวานจากลอฟต์อยู่บ่อยครั้ง เพียวจึงตัดสินใจเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา เธอสามารถพูดคุยในเรื่องนี้ได้อย่างเปิดเผย ถ้าหากเด็กช่างพูดตั้งใจจีบจริง ๆ จะได้บอกปัดตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลา แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้เพียวหัวเราะออกมาในที่สุด

“ไม่หรอก มีคนในใจใครจะไปสู้ แล้วคนในใจก็ไม่ใช่ใคร” เด็กคนข้าง ๆ เป็นคนคุยง่าย เพียวรู้สึกเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อไหน การสนทนาของเธอทั้งสองคนก็ดำเนินไปอย่างไหลลื่น แม้แต่เรื่องความรู้สึกที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน อีกฝ่ายยังสามารถพูดพลางอมยิ้มได้อยู่เลย

“รู้จักพี่แอร์นานแล้วเหรอ”

“นานแล้วค่ะ พ่อกับแม่เป็นเพื่อนกัน”

“อ่อ” ผู้ใหญ่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ลูกสาวลูกชายจึงถูกจับแต่งงาน เหตุการณ์นั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เลยสักนิด บางทีอาจจะเป็นเรื่องปกติของคนที่มีฐานะมั่งคั่งเสียด้วยซ้ำ

“พี่เพียวจะรอเหรอคะ” ดวงตาใสแป๋วจดจ้องมองมายังเพียวในขณะที่กำลังรอคำตอบ สำหรับลอฟต์แล้วหากพี่สาวคนสวยต้องการจะรอมันก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย การแต่งงานของแอร์และพี่ชายของเธอมันซับซ้อนมากจนบางที ความซับซ้อนเหล่านั้นอาจจะทำให้ทุกอย่างจบลงได้ในวันหนึ่ง และเธอคิดว่าคนรออาจจะยังพอมีหวังอยู่บ้าง

“ไม่ได้รอ”

“ขอให้เจอคนใหม่นะ”

“ทำไม กลัวพี่ชายเสียใจเหรอ” การอวยพรอาจจะฟังดูเหมือนหวังดี แต่เพียวกลับคิดอีกแบบจึงถามไปเช่นนั้นโดยที่ใบหน้ายังคงแย้มยิ้มอยู่

“กลัวตัวเองเสียใจต่างหาก ถ้าพี่เพียวไม่เปิดใจ ลอฟต์ก็ไม่มีสิทธิ์จีบสิ”

“เมื่อกี้บอกไม่จีบอยู่เลย แล้วอีกอย่าง พี่เป็นแฟนเก่าพี่สะใภ้เธอนะ” กะล่อนและลื่นเป็นปลาไหล เธอคิดว่าลอฟต์มีนิสัยแบบนั้น บางทีแยกไม่ออกแล้วเรื่องไหนพูดจริง เรื่องไหนพูดเล่น จับไม่ได้ไล่ไม่ทันกันเลยทีเดียว

“จะจีบพี่เพียว ต้องไปขออนุญาตพี่แอร์หรือเปล่า”

“จะจีบใครก็ขอคนนั้นสิคะ”

“พี่เพียวไม่ให้จีบ” แสร้งทำเป็นบ่นด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ และใบหน้าสวยที่เคยประดับด้วยรอยยิ้มก็ทำทีเป็นหมองหม่นลงอย่างจงใจ มองเพียงครู่ก็ดูออกว่าลอฟต์แกล้งเย้าแหย่เล่น

“ต้องทำยังไงต่อคะ”

“ต้องลงจากรถพี่เพียวแล้วไปอาบน้ำนอนค่ะ”

“นั่นแหละค่ะ เข้าบ้านได้แล้ว อาบน้ำนอน”

“จะได้เจอกันอีกไหม” ปลดเข็มขัดนิรภัยเสร็จสิ้น ลอฟต์ก็ยังไม่ยอมลงจากรถ เธอหันกลับมาแล้วถามถึงโอกาสของการพบเจอกันในครั้งหน้าด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังมากกว่าทุกที

“อยากเจอก็ให้พี่สะใภ้นัด”

“ไม่เอาหรอก อยากเจอกันก็ไปนัดเอง อย่าใช้ลอฟต์เป็นเครื่องมือ”

“งั้นก็ไม่ได้เจอแล้วนะ”

“รอบังเอิญก็ได้”

“ตามใจ” เพียวพยักหน้าและกล่าวพลางอมยิ้มอารมณ์ดี ส่วนคนถูกขัดใจได้แต่ย่นจมูกใส่พี่สาวคนสวยเพียงเท่านั้น ลอฟต์ไม่ชวนคุยอะไรต่ออีกเนื่องจากเห็นว่าเวลานี้มันดึกมากแล้ว เธอควรยุติบทสนทนาแม้ว่าจะรู้สึกชื่นชอบการได้พูดคุยกับอีกฝ่ายมากแค่ไหนก็ตาม

“พี่เพียวฝันดีนะคะ ขอบคุณที่มาส่ง”

“ฝันดีค่ะ” ลอฟต์ฉีกยิ้มก่อนจะก้าวลงจากรถไปยืนอยู่ด้านนอก เธอโบกมือให้สองสามครั้งแล้วหมุนตัวเดินไปเปิดประตูรั้วของบ้านหลังใหญ่ พร้อมกับหายเข้าไปในอาณาบริเวณกว้างขวางนั้น เพียวมองตามจนลับสายตาแล้วจึงหันกลับมามองภาพถนนด้านหน้า ในหัวก็คิดไปถึงบทสนทนาระหว่างเธอกับเด็กช่างพูด ก่อนจะได้หลุดหัวเราะให้กับวิธีการต่อปากต่อคำของอีกฝ่ายในที่สุด