10 ตอน CHAPTER 09 :: Call it anything but love |Re-write|
โดย โชวาเฮ (showahae)
09
Call it anything but love
“ฟู่ว...”
ควันสีขาวถูกพ่นออกมาจากปากสีเรื่ออมคล้ำ ร่างสูงโปร่งมีเพียงเสื้อกล้ามสีขาวกับบ็อกเซอร์บรีฟสีดำตัวเก่งติดกาย โชว์รอยสักดิบเถื่อนตรงหลังคอและหัวไหล่
เลียมกำลังยืนสูบบุหรี่ท้าลมหนาวอยู่ริมระเบียงเพื่อใช้ความคิด และตัวช่วยที่ทำให้สมองโล่งจนคิดอะไรได้แล่นฉิว นั่นคือบุหรี่ยี่ห้อโปรดที่พกติดตัวเสมอ ดาวิดอฟกลิ่นเมนทอล
ความเย็นสดชื่นของมันช่วยให้คลายความกังวลที่มีลงไปได้เยอะ
ตอนนี้เลียมยังอยู่ที่บ้านของเจย์เดน สายตาทอดมองผ่านความมืดไปยังสนามหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตาหลังพุ่มไม้คล้ายป่ารกชัฏ ภาพสัตว์อันตรายพลันลอยเข้ามาในหัว
คนอันตรายเลี้ยงสัตว์อันตราย ก็ดูเข้ากันดี...
“ทำไมไม่ทำอะไรผมล่ะ” เพราะรู้ตัวว่าถูกจับจ้องมานานแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถามเจ้าของร่างที่กำลังเร้นกายอยู่ในเงามืด
นอกจากการบังคับให้เต้นรูดเสาแบบทุเรศๆ นั่นแล้ว เจย์เดนก็ไม่ได้ทำอะไรเขาอีก กลับกันยังไล่ให้เขาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียอย่างนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะสงสัย และอีกหนึ่งความรู้สึกคือ ‘ระแวง’
“ฉันไม่ใช่ไอ้โรคจิตติดเซ็กส์ที่ต้องการจนเหมือนติดสัดตลอดเวลา”
หากไม่มีอะไรไปกระตุ้นสัญชาตญาณเบื้องลึก ก็ยากนักที่คนอย่างเขาจะถูกจุดติด
ที่ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงในห้องน้ำ ก็เพื่อกลั่นแกล้งให้เลียมวิตกกังวลจนทรมาน แต่ก็มีบ้างที่เขาเผลอไผลไปตามอารมณ์ชั่ววูบ รอยสักลวดลายโดดเด่นบนผิวสองสีกับสีหน้าเย้ายั่ว คงแปลกถ้าเขาไม่เตลิด ทว่าจุดเด่นของอาร์มันโด้คือความอดทน อารมณ์และความรู้สึกจึงไม่เคยอยู่เหนือการตัดสินใจ เขาควบคุมมันได้ดีตลอดมา
“แล้วทำไมผมถึงกลับบ้านไม่ได้วะ?”
ฆ่าก็ไม่ฆ่า ปล้ำก็ไม่ปล้ำ ทำอะไรก็ไม่ทำสักอย่าง เลียมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเจย์เดนจะให้เขาอยู่เพื่ออะไร
“สนุก แค่เห็นหน้าเธอหงุดหงิดฉันก็สนุกแล้ว”
คนตัวสูงในชุดเสื้อคลุมผ้าลื่นสีดำก้าวออกมาจากเงามืด ท่อนล่างสวมกางเกงขายาวทรงกระบอกพลิ้วไหวสีทึบตัดรับกับสีผิว แสงสว่างจากจันทร์สีนวลอาบชโลมเรือนกายขาวดุจน้ำนม แผงอกลามไปถึงหน้าท้องเป็นลอนถูกเปิดเปลือยท้าอากาศ เส้นผมสีเงินยิ่งโดดเด่นขึ้นไปอีกเมื่ออยู่ท่ามกลางสีแห่งรัตติกาล นัยน์ตาสีฟ้าเข้มจัดเป็นประกายวิบวับแม้ว่าบนใบหน้าจะไร้ซึ่งความรู้สึก
หรือไร้แม้กระทั่งรอยยิ้ม ทว่าดวงตาสามารถทำให้เลียมเข้าใจได้
ว่าเจย์เดนกำลังสนุกอยู่จริงๆ
ที่ผ่านมาชีวิตเขาไร้ซึ่งสีสัน ความสนุกซึ่งนานๆ ทีจะได้พานพบทำให้อดไม่ได้ที่จะทำเสมือนกำลังดื่มด่ำกับอาหารรสเลิศ กินทีละนิดๆ ทีละน้อยๆ สั่งสมความอร่อยเอาไว้ทุกคำทุกหยาดหยด มันหอมหวานเกินกว่าจะตัดใจกินแบบตะกละตะกลามทีเดียวหมด
ไม่เคยเจอ...เจย์เดนยังไม่เคยเจอคนที่ล่วงรู้ถึงตัวตนอีกด้านหนึ่งของเขาภายใต้หน้ากากที่สวมไว้ นอกจากคนภายในตระกูลอาร์มันโด้แล้ว เขาก็ไม่เคยเจออีกเลย จนกระทั่งมาพบเข้ากับเลียม
ไม่ว่าจะด้วยความบังเอิญหรือด้วยโชคชะตา แต่เขาจะขอน้อมรับมันไว้ด้วยความยินดี
มีคนนอกมารู้จักตัวตนนี้ของเขา มันก็ไม่เลว
“ไอ้ย่นเอ๊ย...แล้วผมต้องนอนไหน โซฟาห้องรับแขก?” ประโยคแรกเลียมพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว
“หรืออยากนอนกับฉัน” ขณะถามสองเท้าก็สืบเข้าใกล้คนยืนหันหลังให้ในระยะประชิด
“บ้าหรือไงวะ...!”
ในจังหวะที่เลียมจะหันมาต่อปากต่อคำ ปลายจมูกของเขาชนเข้ากับปลายจมูกของคนที่โน้มหน้าเข้ามาใกล้จนน่าหวาดเสียว ความตกใจทำให้ร่างกายเตรียมจะถอยผงะ แต่ความไวของอีกฝ่ายมีมากกว่า มือใหญ่ยื่นมาคว้าต้นคอเขาไว้แน่น บังคับให้มันตรึงอยู่กับที่เป็นเชิงห้ามถอยหนี ประจวบเหมาะกับไอบุหรี่ที่เขาสูบไปก่อนหน้านี้กำลังถูกปล่อยออกมาตามลมหายใจ ควันสีขาวลอยพุ่งฟุ้งไปตามอากาศ
และที่บ้ามากกว่านั้น คือคนตรงหน้าเขากำลังสูดมันเข้าปอดเหมือนคนโรคจิต ความหอมสดชื่นของเมนทอลเจือมากับกลิ่นไอความขมปร่าของรสบุหรี่ได้อย่างลงตัว
มันหอม...หอมเสียจนเจย์เดนอยากจะรู้
ว่าหากเขาชิมกลิ่นนี้ด้วยปากของคนสูบ มันจะเป็นอย่างไร
“เฮ้ย ปล่อย” ก่อนจะได้ทำตามใจคิด คนโดนคุกคามกลับผลักเขาออกได้ทันท่วงที เลียมตวัดตามองอย่างเอาเรื่อง “เมื่อไหร่คุณจะเลิกยุ่งกับเอซ ผมรู้ว่าคุณไม่ได้จริงจังแล้วก็ไม่ได้จริงใจกับมัน มีจุดประสงค์อะไรอ่ะดิ”
“เชื่อใจเพื่อนมาก?”
“แล้วมีเหตุผลอะไรให้ต้องไม่เชื่อ”
คนดื้อตาใสสวนตอบทันควัน สีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจทำให้เจย์เดนนึกอยากทำให้มันแตกสลาย
และเขาจะได้เห็นมัน ในวันที่ตัวตนของเอซถูกเปิดโปง
“รู้ว่าฉันสวมหน้ากาก แต่ดันไม่รู้ว่าเพื่อนตัวเองเป็นยังไง”
“อย่ามาพูดมั่วๆ ผมจะไปนอนแล้ว คุยด้วยแล้วอารมณ์เสียชะมัด”
พูดจบก็จัดการขยี้ก้นบุหรี่เข้ากับราวระเบียงเพื่อดับไฟ ก่อนจะปล่อยมันทิ้งลงพื้นเรี่ยราดโดยไม่เกรงใจเจ้าของบ้านซึ่งกำลังยืนมองอยู่เลยสักนิด
โดยปกติแล้วเลียมไม่ใช่คนมารยาทแย่ แต่เขาต้องการกวนประสาทอีกฝ่ายเพื่อเป็นการเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ โดยหารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังสร้างเรื่องครั้งใหญ่
ดูผิวเผินอาจไม่รู้ว่าเจย์เดนเป็นคนเนี้ยบเจ้าระเบียบ แต่หากสังเกตดีๆ จะรู้ได้จากเสื้อผ้าที่สวมใส่ ทุกตัวทุกชิ้นล้วนไร้ซึ่งรอยยับรอยเปื้อน
รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน ทุกชิ้นล้วนถูกจัดเป็นส่วนสัดสวยงาม ทุกตารางนิ้วไม่มีแม้แต่ไรฝุ่น เขาเป็นคนรักความสะอาด หวงของ ยิ่งเป็นของของตัวเองเขายิ่งหวง และไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาทำระยำให้บ้านหรือของของเขาแปดเปื้อน
พลั่ก!
ยังไม่ทันที่เลียมจะได้เดินลอยหน้าลอยตากลับเข้าไปในตัวบ้าน เขากลับถูกคนตัวใหญ่กว่าพุ่งเข้าใส่ สองมือกำยำคว้าเข้าที่ไหล่พลางบีบอย่างไม่ผ่อนแรง ผลักดันให้เขาเซถอยหลังชนเข้ากับราวระเบียงซึ่งทำจากเหล็กเนื้อดี
“เด็กเวรอย่างเธอต้องได้รับการสั่งสอนเสียใหม่”
“ไอ้เหี้ย! จะทำอะไร...ไอ้สัด!”
ถ้อยคำผรุสวาทถูกพ่นใส่คนกระทำการคุกคาม เลียมทำท่าจะปัดป้องขัดขืน ทว่ายังไม่ทันจะได้วาดขายกขึ้นถีบอีกฝ่ายได้สมใจหมาย ตัวเขากลับถูกจับยกจนลอยขึ้นกลางอากาศ แผ่นหลังถูกดันให้เอนทับราวระเบียงจนความเย็นชืดแผ่ซ่านผ่านเนื้อผ้าซึมลึกถึงเนื้อใน สองขาถูกแยกออกกว้างให้อ้ารับเอวสอบซึ่งแทรกเข้าไปด้วยความเร็วสูง
เมื่อทั้งตัวทำท่าจะไถลตกลงสู่เบื้องล่าง มือพลันยกขึ้นคว้าจับสาบเสื้อคลุมทั้งสองข้างของคนตรงหน้าไว้แน่น เนื้อผ้ามันตึงเสียจนเลียมวิตกว่ามันจะขาด
แม้จะอยู่ชั้นสอง แต่ความสูงของมันทำให้การตกลงไปไม่ใช่เรื่องตลก
ถึงไม่ตาย แต่คงมีเดี้ยงกันบ้าง
“เป็นบ้าเหรอวะ!? เอาผมลงเดี๋ยวนี้!” น้ำหนักทั้งตัวถูกถ่ายโอนไปที่แผ่นหลังมันจึงร้าวระบมเป็นพิเศษ ราวระเบียงเป็นซี่เล็ก มีความกว้างไม่ถึงสิบเซนฯ เลยด้วยซ้ำ มันแทบจะเป็นท่อนเหล็กให้เลียมเอนทับ
“เธอจะทำตัวต่ำทรามที่ไหนก็ได้ ยกเว้นในบ้านของฉัน เลียม”
สุ้มเสียงเย็นชาเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เช่นเคย ทว่าดวงตากำลังทอประกายวาวโรจน์คุกรุ่นที่เห็นการกระทำไร้มารยาท สองมือซึ่งกำลังจับรวบต้นขาแข็งแรงไว้มั่นกำลังส่งแรงผลักดันให้เจ้าของมันไถลตัวไปไกลมากกว่าเดิม อีกทั้งยังจงใจเน้นสัมผัสเสียดสีตรงกลางกายเป็นพิเศษจนเด็กดื้อตาลีตาเหลือก
ก้อนเนื้ออุ่นร้อนซึ่งกำลังบดเบียดกับของสงวนเขาอยู่นั้น...ถึงไม่บอกเลียมก็รู้ว่ามันคืออะไร!
“เฮ้ยๆๆ ปล่อยผมลงก่อน จะทำเรื่องวิตถารอะไรก็เลือกที่เลือกสถานการณ์บ้างดิคุณ!”
ตอนนี้เลียมเลือกที่จะกลืนคำหยาบคายลงคอ พลางผ่อนรับผ่อนสู้พูดกับเจย์เดนด้วยสีหน้าอ่อนลง สองแขนเขาจับสาบเสื้อคลุมไว้มั่น น้ำหนักตัวที่ถูกเอนลงไปจนร่างกายท่อนบนแทบจะห้อยโหนลงไปด้านล่างทำให้แขนเขาทำงานหนัก เส้นเลือดห้อเกร็งปูดขึ้นเด่นชัดจนน่าหวาดหวั่น ขายาวทั้งสองข้างตวัดรัดรอบเอวหนาไว้แน่นโดยไม่ต้องบังคับ ความรักตัวกลัวตายมีมากกว่าจะมาสนใจเรื่องหยุมหยิม เขาจึงลืมคิดไปว่านั่นเป็นการกระทำที่ผิดมหันต์
เพราะมันส่งผลให้ส่วนอ่อนไหวของพวกเขาทั้งคู่แนบชิดกันยิ่งกว่าเดิม แม้อากาศก็ลอดผ่านไปไม่ได้แน่!
“ชอบแบบนี้?” คนได้ทีถือไพ่เหนือกว่ายกยิ้มเย็นเป็นเชิงเย้ยหยัน
เขาปล่อยมือออกจากต้นขาแน่นพลางยกขึ้นกอดอก กดสายตามองดูเหยื่อของเขาดิ้นทุรนทุรายหาทางรอด
ตอนนี้เจย์เดนไม่จำเป็นต้องบังคับฝืนจับขาเลียมอีกต่อไป ในเมื่อรายนั้นเป็นฝ่ายยอมยื่นขามาเกี่ยวเอวเขาเองแต่โดยดี
เพราะมันคือที่ยึดเหนี่ยวสุดท้าย หากเลียมไม่ทำ ก็เป็นเขาเองที่ต้องตกลงไปด้านล่าง
“เล่นแบบนี้เลยเหรอวะ แม่ง”
แม้จะหวาดหวั่นสุดใจ แต่เลียมก็ยังแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง ใจจริงเขานั้นกลัวแทบตาย กลัวตกก็กลัว กลัวตายก็กลัว แต่ความกลัวว่าจะถูกกระทำอย่างอื่นจากคนเบื้องหน้ากลับมีมากกว่าเสียอย่างนั้น!
ยังไม่ทันสิ้นความคิด ปลายนิ้วเย็นชืดพลันเคลื่อนมาเกลี่ยไล้บนแผงอกแข็ง มันวนเวียนอยู่รอบจุดๆ หนึ่งซึ่งกำลังนูนเด่นดันเนื้อผ้าบางเบาออกมาเล็กน้อย ความวาบหวามพุ่งเข้าโจมตีจนขนอ่อนทั้งกายพร้อมใจกันลุกฮือ
มันปัดป่ายเฉียดไล้จนตุ่มไตที่เคยอ่อนนิ่มเริ่มแข็งสู้ชูชัน เลียมกัดฟันอย่างพยายามข่มอารมณ์เบื้องลึกซึ่งกำลังถูกปลุกปั่น เรือนกายเบื้องล่างเองก็ถูกรุกเร้า สัมผัสร้อนผ่าวแนบชิดบดเบียดกำลังถูไถจนความอ่อนตัวเริ่มแข็งขัน
บ้าจริง เขาจะเตลิดไม่ได้!
“ยะ อย่าทำนะเว้ย แบบนี้ไม่ได้ ผมจะตกแล้ว”
สองแขนอ่อนล้าจนเริ่มรู้สึกว่าจะจับไม่อยู่ เนื้อผ้าเรียบลื่นของเสื้อคลุมกำลังทำพิษ มันค่อยๆ เลื่อนหลุดออกจากมือเขาไปเรื่อยๆ
หมับ
“ไอ้...อึก!”
เสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่มันจะหลุดออกจากมือเขาเข้าจริงๆ คนร้ายกาจก็ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ เจย์เดนกระชากคอเสื้อกล้ามของคนที่กำลังห้อยโหนจนแทบจะตกลงไปให้ถลาเข้าสู่อ้อมอกแข็งแกร่ง
เลียมตื่นตระหนกจนร่างกายผวาเฮือกกอดรัดรอบคอของอีกฝ่ายไว้เต็มรัก สองแขนแข็งแรงซึ่งกำลังโอบอุ้มเป็นฐานรองรับบั้นท้ายหนั่นแน่นเอาไว้ ใบหน้าเขาอยู่สูงเหนือเจย์เดนเล็กน้อย เหมือนเขากำลังนั่งอยู่บนแขนของอีกฝ่ายอย่างไรอย่างนั้น
กลายเป็นว่าเลียมอยู่ในอ้อมกอดของเจย์เดนโดยสมบูรณ์ และสถานการณ์ในตอนนี้เขาก็กำลังเสียเปรียบเห็นๆ ท่วงท่าลามกน่าอายทำให้เลือดสูบฉีดขึ้นหน้าจนร้อนผ่าว
แต่ยังไม่ทันที่คนใจร้อนจะได้อ้าปากโวยวาย กลีบปากสีคล้ำถูกประกบจูบดูดดื่มรุนแรงไม่มีผ่อนปรน ความดุดันที่มีมาตั้งแต่แรกเริ่มทำให้หัวหมุนคว้าง ลืมสิ้นซึ่งความตั้งใจที่จะผละหนี ความเหนือชั้นของประสบการณ์กำลังปลุกปั่นสัญชาตญาณดิบในตัวจนเผลอไผลนัวเนียกับเรือนกายสูงใหญ่
ลืมแม้กระทั่งว่าตอนนี้ตนกำลังตกอยู่ในสภาพไหน...
ริมระเบียงยามดึกท่ามกลางกระแสลมหนาวเหน็บของมหานครนิวยอร์ก มิได้ทำให้ร่างสองร่างที่กำลังแลกเปลี่ยนลมหายใจซึ่งกันและกันรู้สึกถึงความหนาวเย็นของมันแม้เพียงนิด สองขาเรียวเกาะเกี่ยวรัดเอวหนาแนบแน่น สองมือเริ่มเคลื่อนไหว จากโอบรอบคอกำลังแปรเปลี่ยนเป็นขยุ้มกลุ่มผมสีเงินจนยุ่งเหยิง
ฝ่ามือใหญ่เคลื่อนไปกอบกุมสองก้อนเนื้อกลมกลึงทั้งๆ ที่ยังรับน้ำหนักตัวของคนบนร่างเอาไว้ บีบขยำหนักหน่วงตามแรงอารมณ์ที่โหมกระพือ
เรียวลิ้นชื้นขยับไล่ต้อนเด็กอ่อนประสบการณ์กว่าอย่างรุกเร้ารุนแรงแทบไม่ให้พัก ลมหายใจกลิ่นเมนทอลผสมรสขมปร่าของบุหรี่ซึมซาบสู่ปลายลิ้น มันยิ่งเสริมความต้องการให้ต้องกวาดลิ้นไล้ชิมรสชาติถูกใจอย่างเร่าร้อน ขบกัดดูดเม้มจนกลีบปากบางห้อเลือด ความรุนแรงที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มปลุกให้เลียมรู้สึกตัว
บุรุษเพศ ยามถูกปลุกเร้าด้วยลีลาชั้นยอดก็ยากนักที่จะต่อต้าน
“อึก...แฮ่ก หยุด!”
จากเหนี่ยวรั้งกลายเป็นผลักไส เลียมทั้งจิกทั้งดึงทึ้งเส้นผมของเจย์เดนสุดแรง จนฝ่ายนั้นยอมผละละความสนใจออกมาจากปากเขา ทว่ามันกลับเปลี่ยนเป้าหมายเป็นยอดอกที่กำลังอยู่ระดับเดียวกันกับสายตาคม
ลมหายใจร้อนเป่ารินรดความนูนเด่นดันเนื้อผ้า ปลายจมูกโด่งขยับสะกิดเกลี่ยราวกับจะหยอกเย้าให้เจ้าของมันต้องทนทรมาน เลียมอยากถอยหนี ถอยไปให้ไกลจากร่างกายร้อนเร่าซึ่งกำลังบดเบียดแนบชิดจนแทบไม่เหลือช่องว่างระหว่างกัน ส่วนกลางกลายเริ่มฉ่ำน้ำถูกบดถูไถเข้ากับหน้าท้องแข็ง ซึ่งมันเริ่มเปียกชื้นตามสิ่งที่อยู่ภายใต้บ็อกเซอร์บรีฟของเขาเสียแล้ว
“จะ เจย์เดน...ปล่อยผม..”
ความอับอายที่กำลังพลุ่งพล่านทำให้เด็กดื้อยอมจำนน เล็บสั้นจิกเข้าที่หลังคอของเจย์เดนจนเข้าเนื้อ แต่คนโดนกระทำกลับไม่ยี่หระ ราวกับร่างกายไร้ซึ่งต่อมความรู้สึก
ไม้แข็งใช้ไม่ได้ เลียมจึงใช้ไม้อ่อนเข้าช่วย ซึ่งเขาไม่ได้คาดหวังหรือคาดคิดว่ามันจะไร้ประโยชน์ไม่ต่างกัน
“สายไปแล้ว”
นัยน์ตาสีฟ้าเข้มเงยมองสบตากับอีกคนที่อยู่สูงกว่า มันฉายแววท้าทายขณะกำลังก้มลงใช้ฟันกัดยอดอกชูชันแรงๆ ตาก็ยังคงมองปฏิกิริยาสั่นสะท้านของเลียมด้วยความพอใจ
ริอาจมาหือกับเขา มันก็ต้องโดนแบบนี้
“ไอ้เหี้ยย่น! เจ็บนะเว้ย!”
ความเจ็บจี๊ดแล่นมาตามเส้นประสาท จนเผลอลงมือทุบตีไหล่แข็งไปหลายที ร่างกายพลันดีดดิ้นถีบขาอยู่กลางอากาศอย่างต้องการจะลงจากตัวของเจย์เดน ทว่ามือใหญ่มีพละกำลังมหาศาล มันจับยึดบั้นท้ายเขาเอาไว้แน่นหนึบไม่ยอมปล่อย ไม่ว่าจะทุบตีหยิกดึง อีกฝ่ายก็ไม่สะท้านสะเทือน!
“ปากดี” ดวงตาคมเข้มวาวโรจน์เมื่อได้ยินวาจาแสลงหู
“อะ อ๊ะ...อึก..”
เลียมกัดปากตัวเองแน่นเพื่อสกัดกลั้นเสียงครางหยาบโลน ความเสียวซ่านรุกเร่าเข้าโจมตี ริมฝีปากร้อนระอุครอบครองยอดอกผ่านเนื้อผ้า ดูดดุนหนักสลับเบาจนทั้งร่างเหยียดเกร็ง ปลายเท้าจิกงอเพราะความรู้สึกวาบหวามจนยากที่จะกักเก็บ
ยิ่งปลายลิ้นตวัดเลียมันถี่ๆ จนเนื้อผ้าบริเวณนั้นชื้นไปด้วยน้ำลาย เขายิ่งหอบหายใจกระเส่าหนักมากขึ้นเท่านั้น โดยไม่ทันได้รู้ตัวว่ามีบางสิ่งบางอย่างถูกสอดแทรกผ่านบ็อกเซอร์บรีฟเข้ามาแนบผิวเนื้อ สัมผัสนุ่มหยุ่นลื่นฉ่ำไถลเสียดกับรอยจีบปิดสนิททำเขาสะดุ้งโหยง
สิ่งนั้นร้อนผ่าวราวแท่งเหล็กเผาไฟ ขนาดใหญ่โตของมันทำให้เลียมกลืนน้ำลายอย่างนึกหวั่นวิตก
“อะ เอาออกไปเลยสัด!”
เพราะเคยแต่รุกไม่เคยรับ จึงอดไม่ได้ที่จะกลัว ความเจ็บที่ยังไม่เคยได้พานพบยิ่งทำให้เขาเตลิด จินตนาการถึงสิ่งเลวร้ายไปต่างๆ นานา กิตติศัพท์ความเจ็บของฝ่ายรับเลื่องลือกระบือไกลแค่ไหนทำไมเขาจะไม่รู้
ครั้งก่อนที่เกือบเสียประตูหลังนั่นก็เพราะฤทธิ์ยา ทว่าครั้งนี้มันแตกต่างออกไป ลำพังแค่อารมณ์พาไปอย่างเดียวมันคงไม่พอ
มันไม่สามารถช่วยให้เขาก้าวข้ามความเจ็บไปได้โดยง่ายแน่
“เรียกพี่เจย์ แล้วฉันจะไม่ใส่เข้าไป”
คนดุดันยื่นข้อเสนอ แท้จริงแล้วเขาแค่ต้องการดัดนิสัยของคนดื้อรั้นก็เท่านั้น ความดื้อด้านดึงดันที่เลียมมีมันขัดตาเขาอย่างบอกไม่ถูก
“ฝันไปเถอะว่ะ ถุด!”
แต่นอกจากเลียมจะไม่ทำตามแล้ว ฝ่ายนั้นยังต่อต้านหนักกว่าเก่า ดวงตาแข็งขึ้งมองสบอย่างไม่ยอมแพ้ อีกทั้งยังถุยน้ำลายลงบนพื้นระเบียงเขาหน้าตาเฉย ก่อนหน้านี้ก็บุหรี่ มาตอนนี้ก็น้ำลาย...
ดูเหมือนว่าเขาจะใจเย็นกับเลียมมากเกินไปจริงๆ
“จะพาผมไปไหนวะ ปล่อยผมลงสักทีดิ๊!”
คิ้วเข้มกระตุกเมื่อโทสะที่กักกลั้นเริ่มดำเนินมาถึงขีดสุด สองขาก้าวเดินดุ่มๆ เข้าไปในตัวบ้านทั้งๆ ที่ยังยกเลียมไว้ เขาไม่สนใจคำทักท้วงกับการดิ้นรนขัดขืน มือซึ่งกำลังจับก้นกลมก็ออกแรงบีบจนเจ้าของมันต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บ ความเป็นชายซึ่งยังอยู่ที่เดิมขยับเสียดสีก้นนิ่มทุกครั้งที่ย่างเท้า
เขาเดินทะลุออกทางประตูกระจกตรงไปยังสระน้ำสีฟ้าใสแจ๋ว ก่อนจะตัดสินใจทำบางอย่างที่เลียมไม่ได้คาดคิด ไม่ทันได้ตั้งตัว
ตู้ม!
ร่างกายถูกโยนลงสู่สระน้ำเบื้องหน้า ผืนน้ำปะทะเข้ากับหน้าท้องสร้างความจุกเสียดจนขยับตัวแทบไม่ได้ สองขาตะเกียกตะกายถีบดันตัวเองให้โผล่พ้นผิวน้ำ
“เฮือก! แค่กๆๆ!”
เลียมสำลักน้ำเข้าปอดจนหูตาแดงเถือก ความแสบลามไล้ไปตามหลอดลมถึงโพรงจมูก มันแสบสันเสียจนแม้แต่หายใจเข้าเขายังทรมาน
ขณะนั้นเขายังไม่รู้สึกถึงเงามัจจุราชที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ เจย์เดนค่อยๆ ก้าวลงบันไดริมสระด้วยความเงียบเชียบ ทุกการเคลื่อนไหวนั้นไร้เสียง มีเพียงความกระเพื่อมไหวของน้ำในสระเท่านั้นที่ทำให้รับรู้ได้ว่าเขากำลังหย่อนตัวเองลงไป ชายเสื้อคลุมสีดำลอยระขึ้นสู่ผิวน้ำตามแรงดัน
เขากระชากหัวไหล่ของคนที่กำลังไอตัวคดตัวงอให้หันมาเผชิญหน้า เพียงเท่านั้นเลียมก็ผวาเฮือก ร่างกายสั่นรุนแรงอย่างมิอาจควบคุม ความเย็นจัดของน้ำกับอากาศหนาวเหน็บกำลังเล่นงานเขาเข้าแล้ว ลมหายใจอุ่นซึ่งถูกพ่นออกมาจากปากกลายเป็นไอสีขาว บ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้อุณหภูมิรอบกายต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดไหน
“เล่นบ้าอะไร หนาวจะตายห่าอยู่แล้...!”
ถ้อยคำก่นด่าถูกกลืนหาย มือหนาคว้าเข้าที่หลังคอขาวแล้วออกแรงกดจนหน้าเขาจมหายไปใต้น้ำอีกครั้ง สองมือปัดป่ายหมายจะประทุษร้ายให้คนกดหัวเขาปล่อยมือ แต่มันกลับไม่เป็นผล ลมหายใจถูกพ่นออกด้วยความตื่นตระหนกจนเกิดฟองอากาศขึ้นมาระลอกใหญ่ มันตรึงแน่นเสียจนแรงเขาสู้ไม่ไหว
จนกระทั่งร่างกายอ่อนแรงลง ทุกการเคลื่อนไหวจึงเชื่องช้า ขณะที่อากาศภายในปอดกำลังจะหมด เลียมก็ถูกดึงขึ้นมาให้หายใจอีกครั้ง
“เฮือก!!!”
เพียงแค่เสี้ยววินาทีก็ถูกกดลงไปใหม่ ทำซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่าจนเขารู้สึกเหนื่อยจวนเจียนจะตาย สำลักน้ำเข้าปอดเข้าท้องนับครั้งไม่ถ้วน ใบหน้าซีดขาวแทบไร้สีเลือด ริมฝีปากเองก็ไม่ต่าง จากที่เคยชุ่มชื้นตอนนี้มันกลับแห้งผากดูน่าเวทนา
ทว่าคนเลือดเย็นที่กำลังทรมานเขาอยู่กลับไม่มีแม้แต่สีหน้ายินดียินร้าย
ราวกับไม่มีความรู้สึกใดๆ อยู่เลย แม้จะกำลังฆ่าเขาทั้งเป็นอยู่ก็ตาม
“พี่เจย์ พูดสิ”
เลียมหอบหายใจรวยริน เขาถูกมือใหญ่จิกกระชากกลุ่มผมให้เงยหน้าเข้าไปใกล้ น้ำเสียงเย็นยะเยือกฟังดูหนาวเย็นยิ่งกว่าอากาศในตอนนี้กระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู
“พะ พี่..พี่เจย์...”
ในที่สุดชัยชนะก็เป็นของเจย์เดน เลียมยอมจำนนให้อย่างไม่มีข้อแม้ เขากัดฟันกลั้นใจพูดอย่างไม่มีทางเลือก ตอนนี้แม้แต่แรงจะยืนยังแทบไม่มี หากไม่ใช่เพราะเอนแผ่นหลังอิงแอบแนบแผงอกเปลือยของคนด้านหลังเอาไว้ เขาอาจจะทิ้งตัวลงไปจมน้ำตายแล้วก็ได้
“จำไว้ หากทำกิริยาเสื่อมทรามอีก เธอจะเจอหนักกว่านี้”
ขณะพูดริมฝีปากนิ่มก็คลอเคล้าคลอเคลียอยู่บริเวณหัวไหล่มนที่เต็มไปด้วยรอยสักหลากสี
เบื้องล่างที่ถูกทำให้ตื่นยังไม่หลับใหล และเขายังต้องการที่จะปลดปล่อย กลีบปากไล่ดูดดึงทำรอยบนลาดไหล่เนียนจนขึ้นสีช้ำ ฟันคมบรรจงฝากฝังรอยเขี้ยวจนเลือดซิบ ก่อนใช้ปลายลิ้นเลียไล้เพิ่มความแสบสันอีกเท่าตัว
“ยะ อย่าทำนะ..”
กลัว...เลียมกลัวสุดใจขาดดิ้น เขาไม่คิดว่าร่างกายจะรับความเจ็บปวดมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
ทว่าคนใจเหี้ยมกลับไม่ยอมหยุด ฝ่ามือเคลื่อนลงไปใต้น้ำ บีบคลำลูบไล้ส่วนอ่อนไหวของคนอ่อนระทวยเพื่อปลุกเร้า ขยับเคลื่อนไหวปลุกปั้นอารมณ์ให้โหมกระหน่ำอีกระลอก เขาแทรกสอดความใหญ่โตเข้าสู่หว่างขาของคนด้านหน้าจนมันสัมผัสเสียดสีกับกลางกายของเลียมเข้าอย่างจัง
“หนีบขา”
ร่างอ่อนแรงถูกผลักดันให้ไปเกาะเข้าที่ขอบสระ สองขาก็ขยับเบียดเข้าหากันแน่นตามคำสั่งอย่างไม่มีอิดออด เลียมยอมทำตามโดยง่าย คิดว่ามันก็ยังดีกว่าให้อีกฝ่ายใส่สิ่งนั้นเข้ามาในตัวเขาจริงๆ
“ฉันไม่เคยขืนใจใคร ทุกคนล้วนอ้าขาให้ฉันด้วยความยินดี”
สะโพกสอบเริ่มขยับสอดแทรก เพราะแรงเสียดสีของกันและกันทำให้เลียมอดไม่ได้ที่จะหวามไหว ร่างทั้งร่างโยกคลอนตามแรงกระทั้นที่ทวีคูณความหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ หูแสร้งทวนลมทำเป็นไม่ได้ยินที่อีกฝ่ายจงใจพูดใส่เขาด้วยความมั่นใจ
“เลียม เธอคือคนแรก...ที่ทำให้ฉันรู้สึกอยากขยี้ให้แหลกคามือโดยไม่สนว่าจะเต็มใจหรือไม่”
___________________
อะ อิพี่ อยากกินน้องก็บอกมาดีๆ น้องช้ำหมดแล้วได้โปรดเบามือด้วย ;__; สงสารน้อน
TBC.
PS.รีไรท์ตอนนี้เรียบร้อยแล้วนะคะ?
Comments (0)