1 ตอน CHAPTER 00 :: Don't touch shatter glass |Re-write|
โดย โชวาเฮ (showahae)
00
Don’t touch shattered glass
ณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“ฮัลโหล กูมารอนานแล้วนะเว้ย เมื่อไหร่จะมาวะ”
[เออๆ แปปนึง ใกล้ถึงแล้วขออีกห้านาที!]
“เออ ถ้ายังไม่มากูกลับจริงๆ ละ”
ติ๊ด!
‘เลียม มาตินเนส’ โยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะไม้อย่างเซ็งๆ ก่อนจะดูดกาแฟที่เหลือแค่ก้นแก้วจนมันเกิดเสียงดังฟืดๆ เขามานั่งรอเพื่อนรักตามนัดร่วมชั่วโมงกว่า ทว่าคนนัดยังไม่โผล่หัวมาให้เห็นสักนิด
มันน่าหงุดหงิดไหมเล่า! ชีวิตเขาก็ไม่ได้ว่างมานั่งรอมันทั้งวันเสียด้วย
ทว่าสายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนดังที่เขารู้จักดีเดินเข้ามาในร้าน มาหยุดนั่งลงตรงโต๊ะติดกัน แต่ฝ่ายนั้นนั่งหันหลังให้เขา
‘เจย์เดน วอล์คเกอร์’ ออแกไนเซอร์ที่ใครๆ ต่างก็อยากได้ตัวไปจัดงานให้ แต่ชายคนนี้กลับเรื่องมาก เขารับเฉพาะงานที่อยากทำเท่านั้น ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาใช้อะไรเป็นตัวตัดสิน
อีกทั้งยังได้รับฉายาเจ้าพ่อแฟชั่นแห่งวงการบันเทิงมาครอบครอง
“มันจะดีเหรอครับ”
เสียงคุ้นหูที่เคยได้ยินอยู่บ่อยครั้งเอ่ยเหมือนไม่อยากทำในสิ่งที่ไม่เต็มใจ เลียมเป็นนายแบบโนเนม ไม่ได้เข้าวงการจริงจัง ซึ่งก็เคยร่วมงานกับเจย์เดนอยู่บ้าง
“ไม่เป็นไรน่า พี่จะไม่เปิดเผยว่าใครเป็นคนให้ข่าวมา”
“แต่ว่า...”
“ช่วยพี่หน่อยนะเจย์ นะ”
คนที่นั่งด้วยกันกับเจ้าพ่อแฟชั่นคือนักข่าวปาปารัซซี่ ซึ่งคอยสืบเสาะเฟ้นหาเรื่องคาวๆ ของดาราเพื่อทำข่าวเรียกกระแส และเลียมคิดว่าพวกเขาคงกำลังคุยเกี่ยวกับเรื่องฉาวของใครสักคนแน่ๆ
“ก็ได้ครับ แต่พี่ก็ห้ามใส่บทความที่มันเกินจริงและทำร้ายแซฟมากเกินไปเลยนะ”
แซฟ นายแบบในวงการที่เลียมเคยได้ยินว่ามีเรื่องกับเจย์เดนอยู่ช่วงหนึ่ง
เด็กหนุ่มนิ่งคิด หรือว่าฝ่ายนั้นคิดจะแก้เผ็ดแซฟ แต่หากจะแก้เผ็ดแซฟจริงแล้วจะทำท่าเหมือนลำบากใจทำไม?
ทว่าอะไรก็ไม่แน่นอน คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ถ้าไม่มีชนวนก็ไม่มีเหตุ นักข่าวจะรู้ได้อย่างไรว่าแซฟทำเรื่องเสียหาย ถ้าเจย์เดนไม่ได้เป็นคนบอก
“ขอบใจมาก เดี๋ยวพี่ออกไปก่อน อีกสักพักเจย์ค่อยออกไปจะได้ไม่มีใครสังเกต”
“โอเคครับ”
นักข่าวคนนั้นออกไปแล้ว เลียมนั่งมองแผ่นหลังของเจ้าพ่อแฟชั่นขณะครุ่นคิด ภาพลักษณ์ของชายคนนี้คือคนที่ดูร่าเริงนิสัย ริมฝีปากแย้มยิ้มอยู่เสมอ หนำซ้ำยังเป็นคนนำเทรนด์แฟชั่นให้วัยรุ่นชายอเมริกันสมัยนี้เลยก็ว่าได้ การแต่งตัวของเจย์เดนดูดียิ่งกว่านายแบบอย่างเลียมเสียอีก และยังไม่เคยมีเพื่อนร่วมงานคนไหนบอกว่าเจย์เดนนิสัยแย่สักคน
“หึ พวกโง่”
!!!
ความคิดเลียมสะดุดทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงเรียบนิ่งชวนให้รู้สึกเย็นวาบไปถึงไขสันหลัง ก่อนที่เจ้าของประโยคแสบสันจะลุกเดินออกไปนอกร้าน
คนคนนี้...จริงๆ แล้วร้ายใช่เล่น!
“แฮ่กๆ เลียม! รอนานป่ะวะ” เพื่อนที่เลียมกำลังรอเดินกระหืดกระหอบสวนกับเจย์เดนเข้ามาในร้าน เลียมคิดว่าเพื่อนเขาคงไม่ทันสังเกตว่าตัวเองกำลังเดินสวนกับคนดังแน่ๆ
“นานดิ มึงดูกาแฟกู หมดแก้วละสัด เลี้ยงกูด้วยอีกแก้ว”
เลียมจัดการมัดมือชก ‘เอซ คลาร์ก’ เพื่อนข้างบ้านที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยวัยเยาว์ ความจริงเอซมีอายุมากกว่าเขาถึงสองปี ทว่าตอนเด็กไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็เล่นหัวเล่นหางกันมา พอรู้อีกทีก็เรียกพี่เรียกน้องกันไม่ลงเสียแล้ว
ตอนนี้เลียมเรียนมหาวิทยาลัยปีสาม แต่เอซเรียนจบทำงานแล้ว
“เออๆ สั่งเลยพวก รถกูแม่งมีปัญหาระหว่างทางนิดหน่อยว่ะ”
“ว่าแต่มึงนัดกูออกมามีไร”
เลียมเข้าประเด็นเพราะไม่อยากเสียเวลา ด้วยต้องเผื่อเวลาไปทำงานพาร์ตไทม์ ฐานะทางบ้านเขาไม่ได้จน ออกจะมีกินมีใช้ด้วยซ้ำ ทว่าของที่อยากได้มันมีมูลค่ามหาศาลเกินกว่าที่จะกล้ารบกวนทางบ้าน ซึ่งมันคือบิ๊กไบค์ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่นวัลแคนเอส
เลียมคลั่งไคล้ซูเปอร์ไบค์เร็วแรงดีไซน์โฉบเฉี่ยวเป็นชีวิตจิตใจ หากเป็นไปได้เขาก็อยากสะสมทุกยี่ห้อทุกรุ่นเลยด้วยซ้ำ
นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาเริ่มก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง เคยมีคนมาทาบทามให้ไปเล่นหนังรักวัยรุ่นอยู่หลายครั้งหลายครา แต่ยังไม่ทันได้เสนอบทให้ดู เลียมก็บอกปฏิเสธพร้อมชิ่งหนีเร็วไว
เขาไม่เก่งด้านการแสดง ติดจะไม่ชอบเสียด้วยซ้ำ จึงเลือกสายงานอย่างการเป็นนายแบบมากกว่า
“มีงานถ่ายแบบขึ้นปก xx สนใจป่ะวะ หลักหมื่น”
เอซคอยเอางานมาป้อนให้เพื่อนรักคนนี้เสมอ เพราะเขาทำงานเป็นฝ่ายคอสตูมอยู่ในวงการ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าหนุ่มแว่นหนาเตอะลุคเนิร์ดอย่างเขาจะถนัดเรื่องพวกนี้
เลียมเม้มริมฝีปากขณะชั่งใจคิด หากรับงานนี้เขาจะบิ๊กไบค์ได้ด้วยเงินสดไม่ต้องผ่อน และเงินเขาขาดอีกแค่หมื่นกว่า...
“ถ่ายแบบแนวไหน” เขาถามรายละเอียด
“แนวเซ็กซี่แฝงความเท่ ต้องเปลือยท่อนบน ท่อนล่างใส่ยีนโหลดต่ำ จุดประสงค์คือโฆษณากางเกง มีนายแบบสามคน รวมมึงด้วยถ้าเอา”
“แล้วรอยสักกูล่ะ” เลียมถามถึงปัญหาหลักที่คอยกวนและเป็นอุปสรรคสำหรับเขาเสมอเมื่อรับงานหน้ากล้อง
ท่อนบนเขาน่ะรอยสักเต็มไปหมด ทั้งต้นแขนทั้งสองข้าง ไหนจะหน้าอกด้านขวา อีกทั้งยังเป็นรอยสักสี หลังมือมีรูปหัวกะโหลกไขว้สีดำ นิตยาสารบางเล่มก็ไม่ให้เขาถ่ายเพราะรอยสักเหล่านี้นี่แหละ
“ได้ เขาต้องการแบบดิบๆ มึงนี่แหละใช่เลย กูแนะนำมึงไป แล้วเขาบอกว่าถ้ามึงโอเคก็ให้ไปถ่าย”
“วันไหน” บิ๊กไบค์ลูกพ่อ รอพ่อก่อนนะ...
“มะรืน กูไปละต้องคิดคอนเซปต์ชุดให้ลูกค้าอีก”
“เออๆ ขอบใจมากเว้ย”
เลียมนั่งกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่เดียวเหมือนคนบ้า เดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวกลั้นยิ้ม คืนนี้เขาคงนอนฝันหวานถึงเจ้าบิ๊กไบค์คันแรกในชีวิตที่กำลังจะได้มาครอบครองในอีกไม่กี่วันข้างหน้า!
วันถ่ายแบบ
เลียมเดินเข้ามาในสตูดิโอท่ามกลางความวุ่นวายของเหล่าสตาฟฟ์ สีหน้าเคร่งเครียดของทุกคนทำให้เขาพอจะรับรู้ได้ว่าอาจมีปัญหาอะไรสักอย่างเกิดขึ้น
และเขาต้องถามผู้รู้...ไอ้เอซ!
“เฮ้ย มีเรื่องไรกันวะ” เมื่อเจอเป้าหมายก็รัวคำถามใส่โดยไม่สนใจสีหน้าหงุดหงิดของอีกฝ่ายเลยสักนิด
“เมื่อเช้ามึงไม่ได้ดูข่าวมา?”
“โหย กูไม่ชอบดูทีวี ไม่นิยมเสพสื่อไร้สาระมึงก็รู้”
“แซฟโดนถอดกลางอากาศ ยืนเศร้าอยู่นั่นน่ะ แต่ที่ยุ่งกว่าคือพวกกูไม่รู้จะหานายแบบที่ไหนมาได้ทัน เดดไลน์คือพรุ่งนี้เที่ยง เอาง่ายๆ คือยังไงวันนี้ก็ต้องได้ถ่าย”
เลียมหันมองไปตามทิศทางที่หนุ่มแว่นพยักเพยิด แซฟยืนอยู่ตรงนั้นตาแดงก่ำ ทำเขาฉงนเล็กน้อย มันข่าวอะไรถึงทำให้ผู้ชายโตเต็มวัยคนหนึ่งร้องไห้ออกมากลางกองถ่าย ซึ่งคนที่กำลังยืนปลอบแซฟอยู่คือเจย์เดน
ความทรงจำในร้านกาแฟผุดขึ้นมาในหัวของเลียมทันที
สีหน้าเห็นอกเห็นใจนั่นคืออะไร?
เลียมได้แต่สบถกับตัวเองอยู่ในใจเมื่อรู้เช่นเห็นชาติเจ้าพ่อแฟชั่นแสนดีจอมปลอม
คือเจย์เดนแม่งตอแหลสัดๆ !
เป็นคนให้ข่าวกับปาปารัซซี่แท้ๆ แต่กลับกำลังยืนสองหน้าพูดปลอบประโลมคนที่ตัวเองลอบแทงข้างหลังได้หน้าตาเฉย
เลียมรีบหยิบมือถือมาเสิร์ชดูข่าวในเน็ตทันที ก่อนจะต้องตกใจจนแทบอ้าปากค้างเมื่อกดคลิปเข้าไปดู มันเป็นคลิปที่แซฟกำลังมีอะไรกับผู้ชาย หนำซ้ำยังเป็นฝ่ายรับ ท่วงท่าดูยั่วยวนผิดจากบุคลิกภายนอกลิบลับ เจย์เดนเล่นแรงมากจริงๆ
‘หึ พวกโง่’
ประโยคเชือดเฉือนแต่น้ำเสียงนิ่งเนิบดังก้องอยู่ในหัวเลียมซ้ำไปซ้ำมา เจย์เดนเป็นคนร้ายกาจ ร้ายลึก คงต้องแย็บๆ ให้เอซระวังตัวบ้างแล้ว อยู่สายงานเดียวกันต้องร่วมงานกันบ่อยครั้ง หากเกิดถูกฝ่ายนั้นหมายหัวขึ้นมา เพื่อนเขานี่แหละที่จะแย่!
เลียมมองเจย์เดนที่แสร้งทำเป็นลูบหลังแซฟไปมา ปากก็พร่ำพูดปลอบใจ สีหน้าที่ฉายแววห่วงใยออกมาทำให้เขาแทบอยากอ้วก ได้แต่เหยียดยิ้มอย่างสมเพชกับการแสดงของเจย์เดน แต่ก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตากับเขาเข้าอย่างจัง อีกทั้งยังขมวดคิ้วแน่นราวกับสงสัยว่าเขายิ้มทำไม
ซึ่งเด็กหนุ่มไม่สนใจ เขาเดินกลับไปหาเอซอย่างไม่อยากจะมองให้เสียสายตา ขณะที่สตาฟฟ์พากันถอดใจเพราะไม่สามารถติดต่อนายแบบที่ไหนได้เนื่องจากเรื่องเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป จู่ๆ เจ้าพ่อแฟชั่นก็เป็นฝ่ายเสนอตัว
“เดี๋ยวผมเป็นนายแบบให้เอง ดีไหมครับ”
ชายหนุ่มส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับเหล่าสตาฟฟ์ที่พากันโล่งอกโล่งใจ ต่างพูดขอบคุณเขาเสียยกใหญ่ เดิมทีเจย์เดนไม่เคยรับงานเดินแบบหรือถ่ายแบบ โดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นเพียงออแกไนเซอร์เท่านั้น
ทว่าวันนี้เขากลับยินดีและเต็มใจที่จะถ่ายแบบ หากแต่นัยน์ตาสีฟ้าเข้มจัดกลับมองมาที่เลียมอย่างจงใจ แวบหนึ่งที่เลียมรู้สึกขนลุกเพราะสายตานั้น แต่ก็เพียงครู่เดียว เจย์เดนขยิบตาพร้อมทั้งส่งยิ้มหวานให้เขา ท่าทางดูซุกซนขี้เล่น
เดี๋ยวนะ...คือไร วอท เดอะ ฟัค!?
เจย์เดนแสร้งทำเป็นยืนปลอบแซฟอยู่นานจนเริ่มเบื่อ สายตาก็หันมองไปรอบๆ เพื่อจะได้เลี่ยงออกไปจากที่นี่โดยไม่มีใครผิดสังเกต ทว่ากลับปะทะเข้ากับสายตาคู่หนึ่งที่มองมายังเขา มันแฝงไว้ด้วยความเย้ยหยันพร้อมทั้งแค่นยิ้มราวกับรู้อะไรบางอย่าง
คนๆ นั้นเจย์เดนรู้จัก นายแบบโนเนม ‘เลียม’
เจย์เดนนึกแคลงใจ ว่าเด็กคนนั้นรู้อะไรกันแน่
“เดี๋ยวผมเป็นนายแบบให้เอง ดีไหมครับ”
เจย์เดนบอกสตาฟฟ์ที่ทำท่าจะเก็บข้าวของเพราะไม่สามารถติดต่อนายแบบที่ไหนได้ ซึ่งเจย์เดนรู้มาว่าคอนเซ็ปต์นี้ต้องการนายแบบสามคน ทว่าตอนนี้แซฟโดนถอดกลางอากาศจึงเหลือเพียงสอง
ทุกคนต่างพากันขอบคุณแต่เขาไม่สนใจ เพราะที่เขาสนใจน่ะมีคนเดียว...เลียม เป้าหมายของเจย์เดนหันมามองเขาด้วยความงุนงงและมีท่าทีไม่ไว้ใจ เจย์เดนไม่เคยรับงานเดินแบบหรือถ่ายแบบ แม้จะมีคนติดต่อเข้ามามากมาย ด้วยหน้าตาและหุ่นของเขามันเหมาะเหม็งที่จะเดินทางสายนี้ แต่ใครเล่าจะรู้ เหตุผลที่เขาเลือกทำงานด้านนี้ไม่ใช่เพราะความชอบ แต่เป็น ‘ภาระหน้าที่’ ต่างหาก
เจย์เดนลืมตัวเผลอทำแววตานิ่งสนิทใส่อีกฝ่าย เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูจะตกใจก็ทำให้เขาได้สติ จึงรีบขยิบตาทำทีเป็นทะเล้นใส่เลียมทันที
เจย์เดนคิดว่าถึงเลียมจะรู้อะไรมาแต่คงไม่รู้ถึง ‘เรื่องนั้น’ หรอก
นายแบบคนแรกคือแน็คซึ่งแต่งตัวแต่งหน้าเรียบร้อยแล้ว จึงเหลือเพียงเจย์เดนกับเลียมในห้องแต่งตัวโล่งกว้าง เพราะเป็นผู้ชายทั้งคู่จึงไม่ต้องเข้าไปเปลี่ยนในห้องส่วนตัวแคบๆ เหมือนอย่างผู้หญิง
เลียมรู้สึกเหมือนแผ่นหลังเขาโดนจ้องมองอยู่ตลอด แต่เมื่อหันไปก็ไม่ยักเห็นว่าเจย์เดนจะมองมาที่เขาเลยสักนิด
“มาครับ เดี๋ยวผมเช็คความเรียบร้อยให้” เอซเดินเข้ามาทำลายบรรยากาศน่าอึดอัด แต่เลียมกลับทำในสิ่งที่ทำให้เจย์เดนสงสัยเขามากกว่าเดิม
“เอซๆ ! กระดุมกางเกงกูมันเป็นอะไรไม่รู้ว่ะ มาดูให้หน่อย!”
“เดี๋ยวก่อน ดูให้เจย์เดนแปป”
“ไม่ได้! มาดูให้กูก่อน เดี๋ยวนี้เลย เจย์เดนเขาเป็นคนดี รอได้อยู่แล้ว...ใช่ไหมครับ”
เลียมหันไปสบตาเจย์เดนอย่างมีเลศนัย และเน้นเสียงคำว่าคนดีจนเจย์เดนคิ้วกระตุก แต่ก็พยักหน้าเออออไป เอซจึงเบนความสนใจไปหาเลียมทันที
“กระดุมก็ติดได้แล้วเนี่ย อะไรของมึง”
“เดี๋ยวกูดูชุดให้เจย์เดนเอง มึงออกไปเลยๆ” เลียมกระซิบกระซาบกับเพื่อนรัก พยายามกันหนุ่มแว่นให้ออกห่างจากคนที่เขาคิดว่าอันตราย
“ทำไมวะ”
“เอาน่า! เชื่อกู”
“เออๆ”
สายตาคมกริบภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มที่คอยเฝ้ามองการกระทำของเลียมเป็นระยะๆ ไม่ได้ทำให้เลียมรู้สึกตัวเลยสักนิด หารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังก้าวเท้าเข้าสู่ประตูนรกด้วยตัวเองแท้ๆ
“อยู่กับผมน่ะ เป็นตัวของตัวเองก็ได้นะครับ”
หลังจากเอซออกจากห้องไปเลียมก็เริ่มสงครามประสาททันที เขาเดินไปทำทีตรวจเช็คกางเกงยีนของอีกฝ่าย ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ใส่ยีนโหลดต่ำจนเห็นขอบชั้นในแบรนด์หรู เปลือยท่อนบนตามคอนเซ็ปต์รูป ทว่าท่อนบนของเจย์เดนนั้นล่ำแน่นจนเห็นซิกซ์แพ็กเป็นลอนสวย ผิวขาวเนียนอมชมพูดูสุขภาพดี
ผิดกับเลียมลิบลับ
เลียมตัวเตี้ยกว่าเจย์เดน ความจริงต้องบอกว่าเจย์เดนสูงเกินไปถึงจะถูก ท่อนบนเลียมมีแต่รอยสักเต็มไปหมด กล้ามหน้าท้องก็มีเล็กน้อยตามประสาวัยรุ่นที่ไม่ได้หมั่นออกกำลังกายจริงจัง
ถ้าให้เปรียบเทียบสองคนนี้ เลียมคงเหมือนพวกยากูซ่าเกรียนๆ ส่วนเจย์เดนคงเป็นเจ้าชายรูปหล่อสะอาดเนี้ยบทุกระเบียดนิ้ว
“ยังไงครับ” เจย์เดนแสร้งยิ้มกว้างทำทีเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ทำให้เลียมยกยิ้มมุมปากอย่างนึกสมเพช
“เลิกตอแหลเหอะว่ะคุณ เตือนจากใจ”
“...”
“อ้อ ผมไม่กลัวคุณหรอกนะบอกเลย เพราะผมเป็นนายแบบโนเนม ไม่มีชื่อเสียงให้คุณได้ใช้มาทำลายผมอยู่แล้ว”
ตอนนี้พวกเขาสบตากันอย่างไม่มีใครลดราวาศอก เหมือนเหยี่ยวกับงู ที่หากสู้กันในแต่ละครั้งก็ไม่รู้เลยว่าฝ่ายไหนจะชนะ
แต่เจย์เดนไม่แพ้แน่ เพราะทั้งชีวิตเขาไม่เคยแพ้
“ออกมาแสตนด์บายหน้ากล้องเลยค่ะ” สตาฟฟ์สาวเดินเข้ามาตามถูกจังหวะ ทำลายสงครามขนาดย่อยให้จบลงในพริบตา เลียมจึงทำแค่ตบบ่ากว้างของอีกฝ่ายเบาๆ แล้วเดินผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดี
“ไอ้เด็กเวร”
กร้อบ!
กระป๋องน้ำอัดลมในมือใหญ่ถูกบีบจนบุบบี้ ซึ่งตอนแรกคิดจะหยิบมาดื่ม บัดนี้มันกลายเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาไปเสียแล้ว แววตากรุ่นโกรธคุกรุ่นราวกับมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ในนั้น ซึ่งมันไม่เข้ากับใบหน้านิ่งสนิทในตอนนี้เลยสักนิด
เจย์เดนใช้ความพยายามอย่างมากในการยืนสงบสติอารมณ์ไม่ให้พลั้งเผลอลงมือกับเลียม ยิ่งเลียมทำแบบนี้มันยิ่งกระตุ้นให้เจย์เดนต้องการรู้
ว่าเด็กนั่นรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาบ้าง!
“เจย์ยืนเท้าพนักพิงโซฟาไว้ นั่น อย่างนั้น”
แชะ! แชะ!
“แน็คพาดขาไปทับตักเลียมได้เลย ส่วนเลียมเอนหลังพิงไปเลย มือวางพาดบนพนักพิงโซฟาทั้งสองข้างด้วย”
แชะ!
“เปลี่ยนฉาก ไปหน้าฉากสีขาว ยืนเรียงหน้ากระดาน เลียมอยู่ตรงกลาง เจย์กับแน็คเข้าประกบข้างเลย”
“ซับเมคอัพแล้วฉีดน้ำเพิ่มความฉ่ำของผิวด้วย”
หลังจากจัดการทำทุกอย่างตามที่ช่างภาพมืออาชีพสั่งเรียบร้อย นายแบบทั้งสามคนก็กลับเข้าฉากอีกครั้ง เจย์เดนกับแน็คยืนประกบเลียมคนละข้าง ฝ่ามือร้อนผ่าวของเจย์เดนถือวิสาสะวางลงบนศีรษะของเลียม
คนอื่นไม่คิดอะไร แต่คนโดนกระทำนั้นคิด ด้วยความที่ไม่ไว้ใจในตัวเจย์เดนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเขายิ่งไม่ชอบ
“ขอแบบเซ็กซี่ยั่วสาวเลย แบบสาวเห็นแล้วกรี๊ด”
เลียมแสร้งเอนหัวไปซบไหล่แน็คแล้วกัดปากให้กล้องเพื่อหลบเลี่ยงฝ่ามือใหญ่ แต่ร่างสูงก็ไม่ยอมแพ้ อาศัยโจทย์เซ็กซี่ที่ช่างภาพเป็นคนสั่งทำบางอย่างที่ทุกคนในสตูดิโอต่างไม่คาดฝัน
เจย์เดนดึงมือคนข้างกายมาเกี่ยวขอบกางเกงยีนของเขาให้มันร่นลงไปจนหมิ่นเหม่ เห็นเชิงกรานเป็นวีไลน์สวย และอีกแค่นิดเดียวก็เกือบจะเห็นส่วนนั้นของบุรุษเพศ
“รูปนี้ดีมาก!”
“สมแล้วที่เป็นเจ้าพ่อแฟชั่น”
“แค่คิดท่าโพสต์ก็ล้ำแล้วอ่ะแก”
เสียงชมมากมายเอ่ยให้ได้ยินดังระงมจนเลียมหงุดหงิด อยากชักมือกลับแต่ก็ทำไม่ได้เมื่อช่างภาพยังเก็บรูปอยู่ เขาจึงแก้เกมด้วยการใช้มืออีกข้างไปเกี่ยวขอบกางเกงแน็คลงบ้าง อีกฝ่ายจับมือเลียมไว้แน่นด้วยความตกใจ กลายเป็นว่าภาพที่ออกมาเหมือนเลียมกำลังจะดึงกางเกงของผู้ชายทั้งสองคนลง
เมื่อเห็นว่าช่างภาพเก็บรูปจนพอใจแล้ว จึงดึงมือออกมาเพื่อเปลี่ยนท่าบ้าง รู้สึกอึดอัดกับสายตาคมที่มองเขาอย่างจาบจ้วง เลียมไม่เคยรู้สึกขนลุกเพราะสายตาของผู้ชายด้วยกันมาก่อน ทว่าแววตาของเจย์เดนในตอนนี้มันเหมือนปีศาจร้ายกระหายเลือด เขาจ้องมองเลียมราวกับจะกลืนกินไปทั้งตัว
โดยเฉพาะตอนนี้ที่เลียมกำลังหันหลังให้อีกฝ่าย เขารู้สึกวูบวาบแถวต้นคอด้านหลังอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งเลียมกำลังโพสต์ท่าหันหลังแต่เอี้ยวหน้าเข้าหากล้องอย่างทะเล้นๆ เพื่อโชว์รอยสักเป็นตัวอักษรสีดำที่หลังคอขาว
‘Just fun with my body’
(มาเล่นสนุกกับเรือนร่างของฉันสิ)
หารู้ไม่ว่ารอยสักทุกรอยล้วนเป็นตัวปลุกปั่นอารมณ์ให้เจย์เดนทั้งสิ้น!
“โอเค! เสร็จแล้วเลิกกองได้”
“ขอบคุณที่ตั้งใจทำงานนะครับ/นะคะ”
การถ่ายแบบต่อเนื่องสามชั่วโมงจบลงแล้ว เลียมปรี่เข้าห้องแต่งตัวทันที ด้วยแทบอดใจรอไปถอยบิ๊กไบค์ในฝันมาไว้ในอ้อมอกไม่ไหว โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังจะเจอเข้ากับอะไร
“แน็ค ไปใช้ห้องแต่งตัวอีกฟากเถอะครับ ห้องนี้ลูกบิดเสียเข้าไม่ได้”
“เหรอครับ ขอบคุณนะครับที่บอก”
เจย์เดนกระตุกยิ้มเมื่อหลอกแน็คได้สำเร็จ เขาเหลือบมองบานประตูปิดสนิทซึ่งมีเป้าหมายของเขาอยู่ในนั้นด้วยแววตาไม่บ่งบอกความคิด
เสียงกดล็อคประตูดังขึ้น ทว่าเลียมซึ่งกำลังผิวปากกลับไม่ได้ยิน ตอนนี้เขาเหลือเพียงบ็อกเซอร์บรีฟตัวบางติดกายขณะรื้อเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า เจย์เดนเดินเข้าไปประชิดตัวซ้อนด้านหลังเรือนร่างสูงโปร่ง ก่อนจะทำในสิ่งที่คนด้านหน้าถึงกับสะดุ้งโหยง
แผล่บ!
“เฮ้ย! อะไรวะ!?”
เจย์เดนแลบลิ้นเลียรอยสักตัวอักษรบนหลังคอของเลียมอย่างไม่บอกไม่กล่าว การกระทำเหล่านั้นมันช่างดูโรคจิตสิ้นดี
“รู้อะไร บอกมาให้หมด”
เจย์เดนได้ทีอาศัยจังหวะที่คนตัวเล็กกว่าผงะถอยทิ้งตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา ตามไปใช้แขนกักกันอีกฝ่ายให้อยู่ใต้อาณัติ โน้มใบหน้าลงไปกระซิบข้างหูขาวด้วยระยะห่างที่น่าหวาดเสียว
“เพราะถ้าไม่บอก...จะจับถอดให้หมด”
_________________________
TBC. จุดเริ่มต้นของความวายป่วงคือน้องเลียมเราไม่รู้จักเก็บอาการนั่นเองค่ะ หนูรู้กกกก
PS.ตอนนี้ได้ทำการรีไรท์เรียบร้อยแล้วนะคะ
Comments (0)