9 ตอน CHAPTER 08 :: Dirt cleans off a lot easier than blood |Re-write|
โดย โชวาเฮ (showahae)
08
Dirt cleans off a lot easier than blood
หัวใวเต้นถี่รัวแรงถึงขนาดที่หากมันเด้งออกมานอกอกได้มันคงเด้งออกมาแล้ว เลียมใช้มือจับหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองด้วยกลัวว่าจะหัวใจวายตายเสียก่อน!
แต่แล้วเงาของเอซก็หยุดลง พร้อมๆ กันกับที่เจย์เดนยกตัวเขาขึ้นอีกครั้งขณะลุกขึ้นยืน ก่อนจะวางเขาให้นั่งลงบนชักโครก
“เราไปสนุกกันต่อดีกว่าครับ”
เด็กหนุ่มเตรียมใจเต็มที่ว่าจะต้องถูกเจย์เดนใส่ร้ายต่อหน้าเพื่อนรัก ทว่าประโยคที่ได้ยินถัดมากลับทำให้เขาฉงน เปลือกตาปิดแน่นในคราแรกค่อยๆ ปรือเปิดด้วยความลุ้นระทึก ประตูห้องน้ำปิดสนิทดังเดิม ทว่าไร้ซึ่งวี่แววของเจย์เดน รวมถึงเสียงโวยวายของเอซที่เลียมคาดการณ์ไว้ว่าอาจเกิดขึ้น
“เฮ้ออออ”
รอดตัวไปที...เขารู้สึกเหมือนอายุสั้นขึ้นสิบปี ถอนหายใจยาวเหยียดด้วยความโล่งอก เจย์เดนไม่ได้ทำในสิ่งที่เขากลัว พลันหน้าจอมือถือสว่างวาบ มีข้อความหนึ่งถูกส่งถึงเขา
Jayden
‘ไปรอฉันที่ล็อบบี้’
โธ่เว้ย! หายใจคล่องคอได้ไม่ทันไร บ่วงใหม่ก็ตามมารัดคอแล้ว!
เลียมรีบสวมเสื้อโค้ทปิดบังชุดหนังรัดรูปของตัวเองเพื่อทำตามคำสั่งเจย์เดนทันที แม้เขาไม่รู้ว่าปลายทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ต้องทำตามน้ำไปก่อน เพราะรู้ชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วว่าเจย์เดนไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยได้ง่ายๆ เลียมต้องหาจุดอ่อนของเจย์เดนให้เจอ ก่อนจะต้องตกอยู่ในอันตรายเข้าจริงๆ
เลียมชะโงกดูด้านนอกเพื่อสำรวจด้วยความระมัดระวัง หากเจอเข้ากับเอซเขาต้องตอบไม่ถูกแน่ๆ ว่าตนมางานนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเอซไม่ได้ชวนเขา และเลียมเองก็ไม่ได้รู้จักคนดังอะไรมากมาย ออกแนวไม่ใส่ใจโลกหรือเรื่องแบบนี้เลยก็ว่าได้ มือจับกระชับหน้ากากของตัวเองเพื่อรวบรวมความมั่นใจ แทรกตัวเบียดไปกับเหล่าผู้คนที่กำลังเต้นสนุกกันอย่างเมามัน ตรงรี่ไปยังประตูทางออก
ปั้ก!
“เฮ้ย ขอโทษครับ” อีกแค่ไม่กี่ก้าวก็จะถึงทางออกแล้วแท้ๆ แต่ด้วยความรีบร้อนทำให้เดินชนเข้ากับชายคนหนึ่ง
“ไม่เป็นไร”
เจ้าของร่างกายสูงกำยำในชุดเจ้าชายอังกฤษเอ่ยบอกอย่างไม่ใส่ใจนัก และทำท่าจะเดินจากไป แต่เลียมกลับคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้เสียก่อน
“ไหนคุณบอกให้ผมไปรอที่ล็อบบี้ไง” ไม่พูดเปล่า ยังออกแรงลากชายที่ว่าให้เดินตามตนออกมา “แล้วนี่พกมาหลายชุดไง้? ตอนแรกยังเป็นเจ้าชายอาละดินอยู่เลยเหอะ”
“หืม” ชายหนุ่มขืนตัวไว้ไม่ให้ร่างกายเดินไปตามแรงดึง เลียมจึงหันไปโวยวายใส่ด้วยกลัวว่าเอซจะผ่านมาเจอเข้า
“นี่เจย์เดน คุณลืมไปแล้วหรือไงว่าไอ้บทตอแหลตีหน้าเซ่อเนี่ยมันใช้ไม่ได้กับผม แล้วการที่คุณใส่ไอ้หน้ากากโง่ๆ นี่ก็ใช่ว่าจะทำให้ผมจำคุณไม่ได้”
เลียมกระชากหน้ากากหนังสีดำสุดแสนจะราบเรียบออกมาจากใบหน้าเจย์เดน เผยให้เห็นใบหน้าขาวจนแทบจะกลืนไปกับเรือนผมสีเงิน ดวงตาสีฟ้าเข้มมองจ้องมายังเลียม แฝงไว้ซึ่งความวาวโรจน์อยู่ในที ทว่ามุมปากกลับยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเป็นฝ่ายคว้าแขนเล็กมาเกาะกุมเอาไว้เสียเอง
“ผมเจ็บนะเว้ย”
จู่ๆ ท่าทีของอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไป เจย์เดนฉุดกระชากลากถูเขาออกมาจนถึงล็อบบี้ของโรงแรม เมื่อมาถึงที่หมายก็กลายเป็นเลียมเองที่ต้องอึ้งทึ่งจนพูดไม่ออก
ตรงนั้นมีชายคนหนึ่งยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาสวมใส่ชุดเจ้าชายอาละดิน มีผ้าโพกหัวตามแบบฉบับเจ้าชายอินเดีย หน้ากากถูกถอดออกไปแล้วจึงเผยให้เห็นใบหน้าอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
คนๆ นั้นคือเจย์เดน! ใบหน้าที่เหมือนกันราวกับแกะ เลียมรีบสลัดมือที่เกาะกุมเขาออกทันทีด้วยความสับสน
“แกจะทำอะไร” น้ำเสียงเย็นเยียบเอ่ยขึ้น สีหน้าและแววตาเรียบนิ่งกำลังมองจ้องชายที่มาพร้อมเลียมตาเขม็ง
“หึ แกมาขัดแบบนี้ฉันก็หมดสนุกน่ะสิเจย์”
เลียมถอยห่างออกมาจากพวกเขาทั้งคู่ ซึ่งกำลังยืนประจันหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ตอนนี้เขาคิดออกได้อย่างเดียวว่าเจย์เดนมีฝาแฝด และพวกเขาเหมือนกันทุกระเบียดนิ้ว คิ้ว ตา จมูก ปาก รูปร่าง หรือแม้กระทั่งสีผม!
หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เจย์เดนใส่ชุดเจ้าชายอาละดิน เลียมคงดูไม่ออกว่าคนไหนคือเจย์เดนตัวจริง
“จำไม่เห็นได้ว่าเชิญแกมาปาร์ตี้”
เจย์เดนที่เลียมคาดว่าเป็นตัวจริงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งยังกระชากแขนเขาซึ่งกำลังยืนมึนให้ไปหลบหลังตัวเอง
“ก็ไม่รู้สิ นั่นเด็กแกหรือไง มันรนหาที่เองนี่ อยู่ดีๆ ก็มาลากฉันให้เดินตาม ก็เลยกะว่าจะเล่นด้วยสักหน่อย”
อีกฝ่ายว่าพลางเล่นหูเล่นตาใส่เลียมอย่างไม่เกรงใจเจย์เดนสักนิด แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินชื่อจริงที่น้องชายฝาแฝดใช้เรียกเขาเฉพาะเวลาจริงจังเท่านั้น
“จอร์แดน กลับไปซะ ก่อนที่ฉันจะโมโห”
“แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉันล่ะ ลืมไปแล้วหรือไง ฉันแก่กว่าแกตั้ง 47 วินาทีเชียวนะ”
“กลับ-ไป”
เจย์เดนพูดเน้นทีละคำเสียงดังฟังชัด แต่จอร์แดนก็ไม่มีทีท่าหวั่นเกรงแม้แต่น้อย ผิดกับเลียมลิบลับ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นฝ่ายถูกเจย์เดนคุกคามอย่างเช่นจอร์แดน แต่เขากลับขนลุกชันไปทั่วร่างเมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตกดดันที่ร่างสูงตรงหน้าแผ่ออกมา ไม่อยากจะคิด ว่าหากเขาโดนแบบนี้เข้าโดยตรง คงต้องทรุดลงไปนั่งกับพื้นด้วยความกลัวเป็นแน่
คนที่พร้อมจะฆ่าคนอื่นได้ทุกเมื่อโดยไม่รู้สึกอะไรเลยมันน่ากลัวจริงๆ
“หึ แล้วเจอกันเมื่อป๊าต้องการ”
แววตาเจ้าเล่ห์ขยับมามองเลียมเล็กน้อยก่อนจะเป็นฝ่ายเดินจากไป มันแฝงไว้ซึ่งความน่ากลัวบางที่เขาเองก็อย่างบอกไม่ถูก
“ฉันให้เวลาสิบห้านาที ไปเจอกันที่บ้านฉัน” เจย์เดนหันมาบอกเลียมด้วยแววตาไม่สบอารมณ์นัก
“วันนี้ไม่ใช่วันเสาร์!” เด็กหนุ่มตะโกนไล่หลังเจย์เดนไป ทำให้ขายาวๆ ที่กำลังก้าวเดินชะงักกึก เขาก้าวถอยหลังมาอย่างช้าๆ ทีละก้าว จนกลับมายังตำแหน่งเดิม
“ฉันสั่ง เธอก็ต้องไป”
เลียมกำมือกันแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อขาว นั่นก็เพื่อระงับความกลัวที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพียงแค่เจย์เดนใช้สายตาและน้ำเสียงกดดัน เขารู้สึกราวกับถูกสิ่งหนักอึ้งที่มองไม่เห็นทาบทับอยู่บนตัวจนขยับแทบไม่ได้
นัยน์ตาสีฟ้าเข้มจัดดูว่างเปล่าและเลื่อนลอยมากกว่าทุกที แต่มันกลับสื่อบางสิ่งที่เลียมสามารถรู้สึกเป็นคำพูดได้อย่างน่าแปลก ตอนนี้เจย์เดนพร้อมฆ่าเขาทุกเมื่อหากยังดื้อดึง เหมือนกับว่าเขากำลังอ่านใจ อ่านความคิดเจย์เดนได้ ทั้งๆ ที่ปกติแทบไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อครู่กลับคิดว่ากำลังเข้าใจเจย์เดนมากกว่าทุกที
“เพราะสบตาใกล้กันรึเปล่าวะ”
เลียมพูดกับตัวเองเสียงแผ่วด้วยความงุนงง ก่อนจะตั้งสติได้เมื่ออีกฝ่ายเดินจากไปไกลแล้ว เขาเองก็ต้องรีบซิ่งบิ๊กไบค์ลูกรักไปบ้านคนเผด็จการให้ทันก่อนสิบห้านาที ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้เลยว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรหากไปถึงไม่ทันเวลา!!
เขาบิดคันเร่งทะยานเข้าสู่ท้องถนนประหนึ่งคนไม่กลัวตาย สุดท้ายก็มาถึงที่หมาย แม้ว่าจะสายไปห้านาทีก็ตาม บิ๊กไบค์จอดสนิทอยู่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่ กำแพงสูงจนมองด้านในไม่เห็นชวนให้รู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อย
หากเกิดอะไรขึ้นคงไม่มีโอกาสได้ร้องขอความช่วยเหลือจากใครเลยจริงๆ
ล็อกประตูถูกปลดจนมันเด้งออกมาเล็กน้อย ราวกับกำลังเชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนได้ก้าวเข้าไปในนั้น ตอนนี้ฟ้ามืดจนไร้แสงสว่าง มีเพียงโคมไฟที่ถูกปักฝังบนพื้นเป็นตัวนำทาง เขาเห็นแสงไฟในบ้านที่ทำจากกระจกแทบทั้งหลังอยู่ไม่ไกล
หากแต่จังหวะที่กำลังจะก้าวขากลับสะดุดของแข็งขนาดใหญ่จนหน้าคะมำ มือก็แปะเข้ากับอะไรบางอย่างที่ให้ความรู้สึกตะปุ่มตะป่ำขรุขระ ความแข็งและความสากของมันทำให้เลียมต้องลูบคลำอย่างนึกสงสัย
เพราะที่นี่มืดเกินไปเขาจึงมองเห็นไม่ชัดนัก เห็นเป็นเพียงรูปร่างของก้อนอะไรบางอย่างขนาดใหญ่ก็เท่านั้น
“เฮ้ย!”
จู่ๆ ของแข็งปริศนาก็ขยับ ทำเอาเลียมผงะถอยกรูดออกมาแทบไม่ทัน ความกลัวพุ่งขึ้นสูงเมื่อสบตาเข้ากับสิ่งมีชีวิตตรงหน้า ดวงตาสีเหลืองชวนน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงกระพริบถี่เหลือบมองมาทางเขานิ่งงัน
เมื่อสายตาถูกปรับให้เข้ากับความมืด จนสามารถมองเห็นว่าสิ่งมีชีวิตปริศนาตรงหน้าคืออะไร หัวใจแทบหยุดเต้น รู้สึกได้เลยว่าร่างกายกำลังอ่อนแรงด้วยความกลัวสุดขั้วหัวใจ ขาทั้งสองข้างสั่นงันงกอย่างควบคุมไม่อยู่
เลียมไม่เข้าใจ เขาก็แค่กำลังเดินเข้าบ้านของเจย์เดน บ้านของมนุษย์คนหนึ่ง...
แต่ทำไมถึงมาเจอเข้ากับจระเข้ตัวใหญ่ยักษ์ได้ เขาไม่เข้าใจ!!!
“ชะ ช่วยด้วย!!! ว้ากกกกก!!!”
คนขวัญหนีดีฝ่อร้องลั่นอย่างรักตัวกลัวตาย เพราะความเงียบงันยามค่ำคืนทำให้เสียงของเขาดังก้องไปมา และดูเหมือนว่าเสียงนี้จะทำให้สัตว์ร้ายตรงหน้าเริ่มเคลื่อนไหว
“โรเซ่ กลับเข้ามา” ยังไม่ทันที่มันจะได้เคลื่อนกายใหญ่โตเข้าใกล้คนขลาดกลัว น้ำเสียงทุ้มลึกที่เอ่ยปากออกคำสั่งทำให้มันหยุดชะงัก
จระเข้น้ำเค็มตัวเขื่องความยาวประมาณสามถึงสี่เมตรยอมล่าถอยออกไปแต่โดยดี เลียมมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
จระเข้น้ำเค็มขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ดุร้าย สามารถโจมตีได้ทุกสิ่งแม้ไม่ใช่อาหาร ยกตัวอย่างเช่นมนุษย์ จนมันได้ฉายาว่า ‘Man Eater’ ทว่าตอนนี้กลับมีเรื่องน่าเหลือเชื่อเกิดขึ้น นอกจากมันจะไม่โจมตีมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าแล้ว มันกลับฟังคำสั่งของมนุษย์
มนุษย์ที่มีนามว่าเจย์เดน!
“อะ อะ อะไรวะเนี่ย...” เท่านั้นไม่พอ มันยังคลานต้วมเตี้ยมไปหาร่างสูงที่กำลังยืนกอดอกกดสายตามองเด็กหนุ่ม พลางใช้หางแข็งๆ ตวัดถูไถน่องขาของผู้เป็นนายราวกับกำลังออดอ้อน
“กลับเข้าไปก่อนนะคะเด็กดี”
มือใหญ่ยื่นไปลูบหัวมันเหมือนเอ็นดูนักหนา ปากก็พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอย่างที่เลียมไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ออกมาจากปากเจย์เดน ตอนแรกช็อกเพราะความหวาดกลัวต่อจระเข้ตัวใหญ่ยักษ์ แต่เวลานี้เลียมกลับช็อคที่ได้มาเห็นอะไรที่ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะได้เห็นจนลืมสิ้นซึ่งความกลัวในคราแรก
และดูเหมือนว่าเจ้าสัตว์ร้ายจะฟังคำสั่งของนายมันรู้เรื่องเสียด้วย มันพาร่างกายอวบอ้วนหายลับเข้าไปในพงป่าหญ้าที่เลียมเคยเห็นในวันนั้น วันที่เขาหนีออกจากที่นี่หัวซุกหัวซุน
“ตามมา” สุ้มเสียงเย็นชาเอ่ยสั่ง ผิดจากตอนที่พูดกับสัตว์เลี้ยงพิสดารลิบลับ เขาเดินนำลิ่วเข้าตัวบ้านจนแทบไม่เห็นแม้กระทั่งแผ่นหลัง
“ฮึ่ย!”
เลียมได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างนึกเจ็บใจ ทำท่าทางกระฟัดกระเฟียดตีอกชกลมอยู่ลับหลังเจย์เดนเหมือนลิงหลอกเจ้า เพราะไม่กล้าพอที่จะทำต่อหน้า ทีกับสัตว์พูดจาเยี่ยงคนรัก ทีกับเขานี่ทำเหมือนเป็นตัวอะไรไม่รู้ที่น่ารำคาญ ทั้งๆ ที่เป็นคนบังคับให้เขามาแท้ๆ
“ให้ผมมาที่นี่ทำไม”
คนใจร้อนเปิดปากถามทันทีเมื่อได้หย่อนก้นลงนั่งบนโซฟานุ่ม ตาก็มองจ้องชายอันตรายที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันไม่วางตา เลียมไม่ไว้ใจเขา ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นเมื่อต้องอยู่ในที่แห่งนี้
“ยังคิดไม่ออก”
“หา!? นี่จะกวนตีนกันใช่ไหมวะ?”
คำตอบเหนือความคาดหมายทำเอาเลียมอยู่นิ่งไม่ได้ ทว่าสีหน้าตายด้านกับแววตาไร้อารมณ์นั่นบ่งบอกว่าเจย์เดนพูดในสิ่งที่คิดจริงๆ
“งั้นผมกลับล่ะ คิดได้เมื่อไหร่ค่อยว่ากัน”
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอย่างพยายามระงับสติ ถึงจะไม่พอใจที่เจย์เดนทำเหมือนเขาเป็นคนใต้บังคับบัญชา คิดจะสั่งให้มาหรือไปเมื่อไรก็ได้ แต่อีกใจหนึ่งเขาก็โล่งอกไม่น้อย
เจย์เดนไม่ได้ให้เขามาที่นี่เพราะเรื่องอย่างว่า...
เลียมยอมรับ ว่าก่อนหน้านี้เขาค่อนข้างวิตกกังวลกับเรื่องนี้มาก แอบคิดไว้ในใจ ว่าหากเกิดเรื่องนั้นจริงๆ เขาจะหาทางรับมือกับมันอย่างไร แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดไม่ออก มองไม่เห็นทางรอดเสียด้วยซ้ำ ถ้าคนอย่างเจย์เดนเอาจริง อย่างเขาจะไปทำอะไรได้ ซึ่งตอนนี้ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องนั้นแล้ว
เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการเขาในเรื่องแบบนั้น
“ใครให้กลับ”
ยังไม่ทันจะได้ลุกไปไหน น้ำเสียงทรงพลังแฝงไว้ซึ่งความเหี้ยมเกรียมทำให้เลียมชะงักนิ่ง แม้จะรู้สึกต่อต้านในใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงกิริยาท่าทางอะไรออกไปอีก เจย์เดนในตอนนี้เปรียบเสมือนน้ำนิ่งไหลลึก เลียมไม่รู้เลยว่าเมื่อไรน้ำนั่นจะกลายเป็นเกลียวคลื่นแล้วโถมซัดเข้าใส่เขา แค่อีกฝ่ายไร้ปฏิกิริยาโต้ตอบตอนที่เขาโวยวายนั่นก็ถือว่าบุญคุ้มกะลาหัวแล้ว
“แล้วจะให้ผมอยู่ทำอะไร”
“อยากนั่งไปเฉยๆ แบบมีลมหายใจหรือไม่มี”
เลียมนิ่งเงียบ เริ่มรับรู้ได้ถึงอารมณ์ขุ่นมัวของเจย์เดนที่ถูกส่งผ่านประโยคข่มขู่ และเขารู้ดี ว่ามันไม่ใช่แค่การขู่ คนพูดจริงทำจริงอย่างเจย์เดนนั้นหมายความตามที่พูดทุกคำ
หากบอกให้เขานั่งเฉยๆ เขาก็ต้องนั่ง เพราะอย่างนั้นคนขี้เบื่อจึงไม่มีทางเลือกอื่น เครื่องมือสื่อสารไร้สายถูกล้วงออกมาควงเล่น เด็กหนุ่มอย่างเขาก็มีสิ่งให้ทำแก้เบื่อเพียงเท่านี้ เล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กดูข่าวสารไร้สาระไปเรื่อย
“เต้นให้ฉันดูหน่อยเป็นไง”
เจย์เดนประกาศความต้องการอย่างเอาแต่ใจ เขายึดมือถือของเลียมมาไว้กับตัว อีกทั้งยังกดเข้าแอพพลิเคชั่นเพลงแล้วเลื่อนเลือก เฟ้นหาเพลงที่เลียมจะสามารถเต้นได้อย่างเต็มที่
“เฮ้ย ใครบอกวะว่าผมจะเต้น” คนถูกแย่งมือถือไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเริ่มโต้แย้ง มือก็ปัดป้องการรุกรานของคนหน้าตายซากที่กำลังดึงทึ้งเสื้อโค้ทเขาออก
“ฉันไง”
ผิวเนื้อปะทะเข้ากับความเย็นของอากาศภายในห้องรับแขกกะทันหัน โค้ทตัวใหญ่หลุดติดมือเจย์เดนไปแล้ว ชุดวาบหวิวบัดสีบัดเถลิงปรากฎสู่สายตาคม มันกวาดมองทุกอณูรูขุมขนจนเจ้าของร่างกายรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ชุดหนังสีดำรัดรูปที่ความยาวช่วงล่างมันกินไปถึงข้อเท้ากลับดูไร้ประโยชน์เมื่อต้องมาตกอยู่ใต้แววตาคมกริบ ต้นแขนเปิดเปลือยเพราะชุดเป็นสายเสื้อกล้ามทำให้เลียมกอดอกเข้าหากันอย่างต้องการจะปกปิดเรือนกายด้วยความอับอายแปลกๆ
อันที่จริงแล้วเลียมไม่ใช่คนที่ซีเรียสกับเรื่องแบบนี้เลย แต่เพราะคนๆ นั้นคือเจย์เดน คนที่เคยพยายามจะปลุกปล้ำกระทำชำเราเขามาแล้วถึงหลายครั้งหลายหน มันช่วยไม่ได้ถ้าจะรู้สึกหวาดหวั่น
เป๊าะ!
สิ้นเสียงดีดนิ้วเหล่าเมดสาวก็กรูกันเข้ามายืนเป็นแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง ศีรษะก้มมองต่ำแสดงถึงความนอบน้อมและเคารพต่อนายเหนือหัว
“คุณชายมีอะไรให้ดิฉันรับใช้หรือคะ”
“ไปหาเสาเหล็กมาให้ฉันหนึ่งอัน” เจย์เดนออกคำสั่งด้วยสีหน้าตายด้าน ทว่าแววตากลับเป็นประกายอย่างนึกสนุก
“ทราบค่ะ ดิฉันจะจัดหามาให้ภายในสิบนาที”
หุ่นยนต์มนุษย์ในคราบสาวใช้พากันถอยหลังเดินออกไปเมื่อได้รับคำสั่ง พวกเธอกำลังไปจัดหาสิ่งที่คุณชายต้องการ เลียมได้แต่มองภาพเหล่านั้นด้วยความอึ้งกิมกี่ ไม่คิดว่าจะได้เห็นฉากที่เหมือนหลุดออกมาจากละครในชีวิตจริง ใบหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึกของเหล่าเมดสาวทำให้เขารู้สึกขนลุก
อาร์มันโด้...คำๆ นี้ยังติดอยู่ในใจ แม้จะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เลียมคิดว่ามันต้องสำคัญ
“เพลงนี้เป็นไง”
เสียงทำนองเพลงเนิบช้าดังทะลุออกมาจากรูลำโพง แค่เนื้อเพลงตอนต้นก็ชวนให้หูแดงก่ำ เลียมรู้จักเพลงนี้ มันเป็นเพลงแนวเซ็กซี่อีโรติก แฝงไว้ด้วยความลุ่มหลงที่มีต่ออีกฝ่ายอย่างลึกล้ำจนยากจะควบคุม
“คุณจะให้ผมเต้นเพลงนี้จริงดิ เพลงช้าเนี่ยนะ”
ยังไม่ทันจะได้ทักท้วงหาข้ออ้าง เมดสาวที่หายไปร่วมสิบนาทีก็กลับมาอีกครั้ง และคราวนี้พวกเธอมาพร้อมกับเสาแสตนเลสขนาดสูงกว่าตัว ความแวววาวของมันสะท้อนกับแสงไฟจนเข้าตาคนมอง เงาวับเอี่ยมอ่องราวกับถูกขัดถูมาด้วยความประณีตพิถีพิถัน แม้กระทั่งตอนยกมันมาพวกเธอก็ยังไม่ลืมที่จะสวมถุงมือผ้าเพื่อป้องกันปัญหารอยนิ้วมือ
เรียกได้ว่าละเอียดอ่อนไม่มีใครเกินจริงๆ ...
“ฉันไม่ได้จะให้เธอเต้นแบบใจขาดดิ้น เต้นเซ็กซี่ยั่วยวนหน่อย ถ้าเป็นเพลงนี้ต้องทำได้แน่”
“แล้วทำไมผมต้องเต้นวะ ไม่เต้น เต้นไม่เป็น”
แน่นอนว่าเลียมรู้ เจย์เดนให้สาวใช้จัดหาเสา มันต้องถูกใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก อีกฝ่ายคิดจะให้เขาเต้นรูดเสาแน่ๆ !
หากพูดกันตามจริง เพลงแนวบัลลาดผสมกลิ่นอายของป๊อปและอิเล็กโทรนิคสามารถเต้นได้ ทว่าท่าเต้นก็ต้องพลิ้วไหว ร่างกายต้องโอนอ่อนไปตามดนตรีและมีอารมณ์ร่วมไปกับเพลง ส่วนมากเพลงแนวนี้จะนิยมใช้ในการแสดงบนเวที แต่เขาไม่มีความสามารถในการเต้นเลยสักนิด หรือถ้าเขามี เจย์เดนก็ไม่มีสิทธิ์มาชี้นิ้วสั่งเขาสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างนี้อยู่ดี มันไม่ถูกต้อง
“เต้น”
เสียงเหี้ยมมาพร้อมสายตากดดัน เลียมได้แต่กัดปากตัวเองจนเจ็บไปหมด อึดอัดคับใจ แต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง สุดท้ายก็จำต้องลุกไปยืนข้างเสานั้นแต่โดยดี
นัยน์ตาสีฟ้าเข้มมองตรงมายังเขา มันฉาบไว้ซึ่งความพึงพอใจและคาดหวัง เมื่อรู้ว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาก็เริ่มประหม่า ที่บอกไปว่าเต้นไม่เป็นมันจริงทุกคำไม่มีเท็จ หูเริ่มจับจังหวะทำนองเชื่องช้าสลับบีทหนักเร็วที่แทรกเข้ามาเป็นช่วง เอวตรงดิ่งไร้ซึ่งความโค้งเว้าขยับโยกซ้ายทีขวาทีอย่างเก้ๆ กังๆ พลันภาพสาวในบาร์ที่เคยพบเห็นก็แวบเข้ามาในหัว เลียมไม่รอช้าที่จะทำเลียนแบบภาพในจินตนาการ เขาขยับก้นให้งอนโด่งชิดกับเสา ก่อนจะค่อยๆ รูดลงเป็นจังหวะเนิบช้า
ติ๊ด!
ทว่ายังไม่ทันจะได้แอ่นก้นรูดขึ้น เพลงกลับถูกปิดลงกะทันหัน พร้อมกันกับมือถือที่ถูกเขวี้ยงทิ้งมาทางเขาอย่างไม่ใยดี แม้มันจะไม่แรงมากแต่ก็ทำให้เลียมชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ไม่ต้องหันไปมองหน้าของคนกระทำก็รับรู้ได้ ความอับอายทำให้เลือดสูบฉีดขึ้นหน้าจนร้อนผ่าว
“เชื่อแล้วว่าเต้นไม่เป็น เลิกเถอะ ทุเรศลูกตา”
เลียมเชื่อว่าเขาได้ยินเสียงหน้าตัวเองระเบิดดังก้องอยู่ในหัว เขาอับอายจนไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวขึ้น เพิ่งรู้ก็ตอนที่เห็นปฏิกิริยาจากเจย์เดน ว่าสิ่งที่เขาทำมันอุจาดตาแค่ไหน
ผู้ชายโตเต็มวัยคนหนึ่ง มีรอยสักตามต้นแขนซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้าม ใส่ชุดหนังรัดรูปสีดำ มีจุกหางกระต่ายกลมๆ ตรงก้น และจุกนั่นก็ถูไถกับเสาขณะที่เขาแอ่นมันรูดขึ้นลง เลียมได้แต่กรีดร้องอย่างไร้เสียงอยู่ในใจ
แล้วสั่งให้เขาเต้นทำไมเล่า!
_____________________________
อิพี่มันแกงน้องหม้อใหญ่มากแงง55555 ถามว่าสงสารไหม สงสารนะแต่ก็ขำ มัมหมาขอโทษนะลูกเลียมม แต่หยุดขำไม่ได้จริงๆ555555
TBC.
PS.รีไรท์ตอนนี้เรียบร้อยแล้วนะคะ
Comments (0)