06

How do you feel?

 

 

ชายหนุ่มปัดเศษขนมปังออกจากมืออย่างใจเย็น ปากก็เคี้ยวแซนวิชที่กัดเข้าไปตุ้ยๆ อย่างไม่รู้สึกรู้สากับภาพน่าสะอิดสะเอียนตรงหน้าเลยสักนิด

“เป็นลมไปซะแล้ว”

เขาจัดการลากศพที่ฆ่าไปก่อนหน้านี้แขวนไว้กับเชือกบนคาน ยืนเล็งทำมุมว่าหากเปิดประตูมาจากข้างนอกจะเห็นภาพนี้สวยงามเพียงใด

เจย์เดนจงใจพาเลียมมาที่นี่ก็เพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของเขา แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไรกับเลียมดี

ฆ่าทิ้งมันก็น่าเบื่อเกินไป บางทีอาจจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นเร้าใจเกิดขึ้นหากปล่อยให้เลียมมีชีวิตอยู่ต่อ

“ตามนั้น ฉันจะเก็บเธอไว้สักระยะ”

คิดเองเออเองคนเดียวเสร็จสรรพก็จัดการแก้เชือกที่มัดเลียมออก รวมทั้งกรีดเทปกาวที่พันรอบขาของอีกฝ่ายออกด้วย เขาจับร่างไร้สติแบกขึ้นบ่าด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับยกหมอนสักใบอย่างไรอย่างนั้น

“คุณชายคะ ผู้ชายคนนี้ยังหายใจอยู่ค่ะ”

แต่เมื่อเปิดประตูออกไปก็พบเข้ากับหญิงคนสนิทยืนขวางทางอยู่ เธอตรวจชีพจรของเลียมซึ่งอยู่บนบ่าแข็งและพูดต่อประหนึ่งหุ่นยนต์ถูกตั้งโปรแกรม

“จะให้คนที่เห็นเหตุการณ์และเห็นหน้าคุณชายเล็ดรอดไปไม่ได้ค่ะ”

“ฉันจัดการเองได้ รับรองว่าไม่มีปัญหา” เจย์เดนผลักหญิงสาวให้พ้นทาง แต่เธอก็ยังวิ่งตามมาขวางทางไว้ดังเดิม

“หากนายใหญ่รู้...”

“ถ้าเธอไม่พูด เขาจะรู้ได้ยังไง”

เจย์เดนพูดเสียงเหี้ยมจนเธอต้องใช้นิ้วดันแว่นสายตาเพื่อลดความประหม่า ความน่าสะพรึงกลัวและความน่าเกรงขามของชายตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกขนลุกทั้งๆ ที่ควรจะไร้ซึ่งความรู้สึก สองขาจึงค่อยๆ ก้าวหลีกทางให้ผู้เป็นนายอย่างไม่มีทางเลือก

“ฝากจัดการที่เหลือด้วย”

“ทราบค่ะ”

เมื่อสั่งการเสร็จเจย์เดนก็สาวเท้าไปยังซูเปอร์คาร์คันโปรดของตัวเองทันที เขายัดร่างที่ยังมีคราบเลือดแห้งติดเกรอะกรังของเลียมเข้าไปในนั้น ก่อนจะตามขึ้นไปและเป็นฝ่ายขับมุ่งไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งนั่นคือบ้านของเขา

บ้านที่แท้จริง!

 

 

ณ บ้านแถบชานเมือง

“วิคกี้ เอากล่องนี้ไปเก็บที่โรงรถเก่าท้ายสวนหน่อยสิลูก”

“หนูอีกและ ทำไมพ่อไม่ขายที่ตรงนั้นทิ้งไปเลยล่ะคะ ทำเป็นห้องเก็บของทำไม ทั้งเก่าทั้งไกล”

เด็กสาววัยขบเผาะซึ่งกำลังเริ่มโตเป็นสาวเต็มตัวเอ่ยบ่นกระปอดกระแปด แต่ก็ยอมถือกล่องนั้นเพื่อนำไปเก็บที่โรงรถท้ายสวนแต่โดยดี

“ฮ่าๆ ถือว่าเป็นการออกกำลังกายน่าลูก”

“ค่า!”

เด็กสาวฉีกยิ้มกว้างก่อนจะรีบวิ่งไปยังที่หมาย ทว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปเธอก็พบเข้ากับสิ่งที่น่าสยดสยองเกินกว่าจะรับได้ ศพสองศพห้อยต่องแต่งอยู่บนเพดาน โดยมีบาดแผลเหวอะหวะซึ่งยังคงมีเลือดไหลหยดอยู่เล็กน้อย เด็กสาวมือไม้อ่อนแรงขึ้นมากะทันหันจนกล่องในมือร่วงหล่น

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!”

 

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

“ผมเฮนรี่ครับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก NYPD [1]

ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดนอกเครื่องแบบชูป้ายแสดงตัวตนบอกเจ้าหน้าที่ที่ยืนเฝ้าอยู่ ณ สถานที่เกิดเหตุ เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ร่างสูงก็ก้าวข้ามเส้นกั้นสีเหลืองซึ่งกั้นบริเวณที่เกิดเหตุเอาไว้เพื่อเข้าไปตรวจสอบภายใน

ศพถูกนำส่งให้ทีมชันสูตรเรียบร้อยแล้ว ด้านในจึงเหลือเพียงร่องรอยของสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเท่านั้น เฮนรี่เดินตามรอยเลือดที่เริ่มมีตั้งแต่หน้าประตูเข้ามายันด้านใน รองเท้าหนังมันวาวหยุดลงเมื่อกำลังจะเหยียบบางอย่างที่ตกอยู่บนพื้น เฮนรี่สวมถุงมือยางก่อนจะหยิบมันขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์ดู

ผ้าเช็ดหน้าสีดำ มีดอกกุหลาบปักด้วยด้ายแดงอยู่ตรงมุมผ้า ซึ่งมันอยู่ในคดีที่เขาดูแลอยู่ และสรุปว่าเป็นการฆาตกรรมโดยฆาตกรต่อเนื่อง

“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้อีกแล้ว”

มือใหญ่กำผ้าผืนนั้นไว้แน่นด้วยความเจ็บใจ ไม่ว่าเขาจะพยายามสืบหาเบาะแสเท่าไรก็ไม่พบอะไรเลย นอกเสียจากผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ เหยื่อทุกรายก็ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกันพอจะให้เป็นเหตุจูงใจฆ่าได้เลยสักนิด

“ฉันต้องหาตัวแกให้เจอ ต่อให้ใช้เวลาทั้งชาติฉันก็จะทำ!”

 

 

 

ซ่า! ซ่า!

หนาว...ทำไมมันหนาวอย่างนี้

“เฮือก!”

เลียมสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังเปียกปอน สายฝนโหมกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ลมพัดแรงจนตัวสั่นด้วยความหนาวเหน็บ ตอนนี้ร่างกายเขาเปลือยล่อนจ้อน และกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวที่มีไว้สำหรับนอนอาบแดดข้างริมสระน้ำ

น้ำฝนไหลอาบรดผ่านตัว สีแดงของเลือดไหลปนอยู่จางๆ นั่นทำให้เขานึกขึ้นได้

ความทรงจำสุดท้ายคือเขานอนอยู่กับศพ และอยู่กับเจย์เดน!

เมื่อนึกได้เลียมก็เอื้อมมือไปถูแผ่นหลังอย่างเอาเป็นเอาตาย มือไม้สั่นระริกยามคิดไปว่าเลือดของศพพวกนั้นกำลังติดตัวเขาอยู่ พลันสายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็นเงาดำทะมึนหลังประตูกระจกบานใส

เลียมรีบกวาดสายตามองรอบตัวทันทีว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาตัวสั่นเพราะความหนาว หรือเพราะความหวาดผวาต่อเหตุการณ์สุดสยองซึ่งยังจำได้ติดตากันแน่ เขาแยกแยะไม่ได้เลย

ทว่ามองไปทางไหนก็พบเจอแต่ทางตัน บริเวณโดยรอบโดนล้อมด้วยกำแพงสูง ซึ่งคะเนดูแล้วเขาคงปีนข้ามไปไม่ได้ อีกทั้งยังไร้ซึ่งประตูทางออกราวกับถูกปิดตาย หากอยากออกไปจากที่นี่ก็มีเพียงต้องเดินเข้าตัวบ้านเท่านั้น

เจย์เดนไม่ต้องอาศัยกรงเหล็กอะไรมาขัง ด้วยร่างกายล่อนจ้อนนี้ก็เป็นโซ่ตรวนชั้นดีแล้ว สายฝนเย็นเฉียบยังตกลงมารินรดคนตัวสั่นโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะเดินเข้าไปหาคนอันตรายอย่างเจย์เดนด้วยตัวเอง

ก๊อกๆ

คนในความคิดเคาะกระจกเรียกความสนใจ กวักมือเป็นเชิงให้เข้าไปหา แต่เลียมส่ายหัวพรืดเป็นคำตอบ ซึ่งฝ่ายนั้นก็ทำเพียงแค่ยักไหล่พลางหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มต่อหน้าต่อตา

ควันสีขาวที่พวยพุ่งขึ้นเหนือปากแก้วนั่น เพียงแค่จินตนาการเลียมก็รับรู้ได้ถึงความอุ่นร้อนของมัน พลันร่างเปลือยซีดสั่นก็รีบลุกเข้าไปหาคนด้านในอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป

แม้การเข้าไปหาเจย์เดนจะอันตราย แต่การที่เขาต้องมานั่งตากฝนในสภาพอากาศแบบนี้มันก็ตายได้เหมือนกัน!

ทันทีที่เลียมเลื่อนเปิดบานกระจกและก้าวเท้าเข้าไปด้านใน เจย์เดนก็โยนผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาคลุมหัวเขาไว้ มือสั่นจึงรีบรูดมันลงมาห่อคลุมทั้งตัวโดยพลัน

อุ่น...ในนี้เปิดฮีทเตอร์ ทำให้อากาศต่างจากภายนอกลิบลับ เลียมทรุดตัวลงนั่งบนโซฟานิ่ม ระหว่างพวกเขานั้นมีแต่ความเงียบงัน เนิ่นนานหลายนาทีจนเป็นเลียมเองที่ทนไม่ไหว เจย์เดนเดินไปทำอะไรบางอย่างบริเวณบาร์ในครัว ก่อนจะเดินออกมาพร้อมแก้วกาแฟหอมกรุ่น เขายื่นมันให้คนหนาวสั่นโดยปราศจากคำพูด สีหน้าไม่มีอารมณ์ใดๆ เลียมจึงไม่อาจรับรู้ว่าเขากำลังรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่

เด็กหนุ่มยื่นมือออกไปรับมันไว้เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท

“ขอเปิดอกคุยกันเลยได้ไหม”

เจย์เดนเดินมาทรุดตัวนั่งฝั่งตรงข้าม ใบหน้านิ่งเฉยพยักรับน้อยๆ เชิงตกลง

ซึ่งตอนนี้เลียมรู้ซึ้งถึงทรวง ว่าเจย์เดนไม่ใช่คนที่จะเล่นด้วยได้ มือซีดกำแก้วกาแฟแน่น ความร้อนของมันไม่ได้ช่วยบรรเทาความกังวลได้เลย

“ผมจะบอกคุณตามจริง สัญญาว่าจะไม่กวนตีนใส่เลยแม้แต่นิดเดียว จะบอกทุกอย่างที่รู้”

“ว่ามา” เลียมเริ่มเห็นความหวัง เมื่ออีกฝ่ายให้การตอบรับที่ดี

“ผมรู้ว่าคุณเป็นคนฆ่าเอเนล เพราะผ้าเช็ดหน้า คุณคงรู้นะว่าผืนไหน”

“อืม” เมื่อเห็นว่าเจย์เดนไม่ขัดอะไรเขาจึงเริ่มพูดต่อ

“ส่วนคำว่าอาร์มันโด้...” เลียมเว้นระยะก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อผ่อนคลาย เริ่มเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายเมื่อเขาพูดคำนี้ออกมา “ผมเห็นมันสลักบนมีดสั้นของคุณ ก็แค่นั้น”

เจย์เดนยังคงนั่งจิบกาแฟต่อไปด้วยท่าทีสบายๆ เลียมจึงทำใจกล้าถามคำถามที่มันยังค้างคาใจเขาอยู่

“ตอนที่คุณฆ่าคนน่ะ...คุณรู้สึกยังไง”

เลียมคิดไม่ตกจริงๆ ภาพที่เขาเห็นเจย์เดนกัดแซนวิชเข้าปากยังตราตรึง ชายคนนี้มีความน่าสะพรึงกลัวมากแค่ไหน เลียมอยากรู้ให้ถึงที่สุด

“ไม่”

“ไม่บอก?” เด็กหนุ่มทวนถามซ้ำเมื่อไม่เข้าใจในสิ่งที่เจย์เดนต้องการจะสื่อ สายตาคมจึงหันมามองสบขณะพูดตอบกลับมาอีกครั้ง

“ไม่รู้สึกอะไรเลย”

เลียมตัวแข็งทื่อราวกับถูกสตัฟฟ์เอาไว้อย่างไรอย่างนั้น สายตาเย็นชาดุจธารน้ำแข็งกับประโยคไร้ความเป็นมนุษย์ทำให้เขาไปต่อไม่ถูก ซึ่งแววตาแข็งกล้าที่กำลังสบอยู่มันปราศจากซึ่งเค้าลางของการโกหกหรือพูดจาพกลม เจย์เดนทำเพียงแค่จิบกาแฟในมือต่อไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่ต้องกระแอมไอแห้งๆ แก้เก้อเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศกระอักกระอ่วน

อันตราย...อันตรายมาก!

“เธอรู้ไหมว่าทำไมตัวเองถึงยังไม่ตาย”

คราวนี้คนน่ากลัวเป็นฝ่ายเปิดปากถามบ้าง สายตาคมกริบเสมองออกไปนอกหน้าต่าง ซึ่งนั่นทำให้คนโดนถามหายใจคล่องขึ้นเป็นกอง!

“ไม่รู้”

กูก็กำลังสงสัยอยู่!

เพียงแค่ชั่วพริบตา เจย์เดนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็พุ่งตัวเข้าหาเลียม เขาใช้มือเท้าพนักพิงโซฟาเพื่อให้วงแขนแกร่งกักกันร่างใต้อาณัติเอาไว้ แก้วกาแฟในมือถูกปล่อยทิ้งลงพื้นขณะพุ่งตัวเข้าหาเหยื่ออันโอชะ มันหล่นกระทบพื้นแตกเป็นเศษเสี่ยง เขาเคลื่อนใบหน้าเข้าคลอเคลียแถวใบหูเย็นเฉียบแล้วกระซิบเสียงแผ่ว

“มีเซ็กส์กับเพื่อนของแฟนมันคงสนุกพิลึก...” เจย์เดนเว้นจังหวะ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงยียวนขัดกับใบหน้าตายด้านอย่างสิ้นเชิง “อยากจะรู้ ว่าเด็กเนิร์ดหรือเด็กเวรใครจะร้อนแรงถึงใจมากกว่ากัน”

ประหนึ่งเส้นอดทนของเลียมขาดผึงทันทีที่ได้ยินประโยคสั่วๆ พ่นออกมาจากคนปากร้าย เลียมลืมสิ้นซึ่งความกลัว ความโกรธเข้าครอบงำจิตใจเมื่ออีกฝ่ายพูดจาล้ำเส้นทั้งกับเขาและเพื่อนรัก

“มึงนี่มันเลวจริงๆ เพื่อนกูไม่น่าหลวมตัวไปชอบไอ้บ้าโรคจิตแบบมึงเลยว่ะ”

หมัดลุ่นๆ ถูกอัดเข้าปากคนตรงหน้าโดยอาศัยทีเผลอ ก่อนที่คนกระทำการอุกอาจจะรีบลุกขึ้นยืนตั้งท่าเตรียมรับมือกับของจริงที่กำลังจะเริ่ม เลียมทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาจะเปลี่ยนความกลัวให้เป็นความกล้า ต่อให้ต้องเป็นศพต่อไปก็ไม่สน

ตายเป็นตาย ช่างหัวแม่งมันแล้ว!

“อา...”

เลียมยืนมองเจย์เดนที่นิ่งไปจนผิดปกติ เขาส่งเสียงครางอืออาในลำคอเบาๆ พลางใช้นิ้วหัวแม่มือปาดเลือดที่ไหลออกจากมุมปากออกช้าๆ ท่าทางเหมือนฆาตกรโรคจิตในหนังสยองขวัญ ยืนมองมันอยู่นานก่อนจะหันมาจ้องคนที่มอบรอยเลือดนี้ให้แก่เขา

สายตานั้นมีแต่ความกรุ่นโกรธและวาวโรจน์อย่างน่ากลัว

“ทำไม จะฆ่ากูงั้นดิ เอาเลยสัด เข้ามา! ทำตัวเหี้ยใส่กูกูไม่ว่า แต่อย่าลามปามมาถึงเพื่อนกู”

เลียมเกลียดนัก พวกที่เข้ามาเป็นแฟนกับเอซแล้วคิดไม่ซื่อไม่ได้มีแค่เจย์เดนคนเดียว พวกมันเหล่านั้นต่างก็คิดลอบแทงข้างหลังเพื่อนเขาอย่างหน้าด้านๆ

“รู้ใช่ไหม ว่าที่พูดไปฉันไม่ได้ขอร้อง”

“อะไรมึง”

“ฉันไม่ได้ขอร้องเธอเลย เลียม”

ขณะที่คิดตามคำพูดอีกฝ่ายจนไม่ทันระวัง ร่างที่ยืนห่างออกไปหลายก้าวก็พุ่งตัวเข้าชาร์จด้วยความเร็วสูง ชายหนุ่มอ้อมตัวไปด้านหลังแล้วใช้ท่อนแขนแกร่งล็อกคอคนอวดดีเอาไว้ เขาออกแรงรัดจนเลียมหายใจไม่ออก อึดอัดและรู้สึกเจ็บบริเวณคอหอยซึ่งถูกแขนใหญ่พาดทับอยู่ อีกทั้งยังรู้สึกได้ถึงของแข็งและแหลมคมของบางสิ่งบางอย่างถูกจดจ่ออยู่ตรงบั้นเอวผ่านผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่

ถ้าให้เดามันคงไม่พ้นเป็นมีดสั้น

“เอาดิ! แทงกูเลย รับรองว่าถ้ากูตายไปกูจะเป็นผีตามมาหลอกมาหลอนมึงแน่!”

ถึงจะทำเป็นปากเก่งแต่ร่างกายกลับสั่นเทา รู้สึกได้เลยว่าเลียมกำลังกลัวเขาจนขี้ขึ้นสมอง ปากคอสั่นระริกจนต้องขบกัดมันไว้จนห้อเลือด

“ตายก็ไม่สนุกสิ” น้ำเสียงไร้โทนชวนขัดใจสวนกลับมา จงใจกระตุกปมผ้าเช็ดตัวของคนในวงแขนออกเชื่องช้า

“อย่านะสัด! จะฆ่าก็ฆ่าเลย กูไม่เล่นเกมบ้าๆ กับมึงหรอกไอ้ย่น!”

และได้ผล ความปากหมาของเลียมทำให้เจย์เดนหยุดการกระทำทุกอย่างลง เขาถูกดันให้เดินไปด้านหน้าด้วยความเร็วจนแทบก้าวขาตามไม่ทัน กระทั่งมาถึงผนังห้องสีขาว

“ทำไม จะกัดกูเหรอ เออมึงเป็นหมาหน้ายะ...อึก”

ปั้ก!

เลียมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างดันหัวเขาให้ไปกระแทกกับผนังปูนอย่างแรงจนทุกอย่างพร่าเบลอ ของเหลวกลิ่นคาวไหลเข้าตาจนแสบไปหมด สติเลือนรางลงทุกขณะ พร้อมกันกับที่รู้สึกว่าร่างกายค่อยๆ สไลด์ลงไปนอนกองกับพื้นเชื่องช้า

อา...เจย์เดนทำอะไรเขานะ

ดวงตานิ่งสนิทปรายตามองร่างบนพื้นด้วยความเฉยชา เลือดสีแดงสดยังคงไหลรินออกมาจากรอยแตกตรงศีรษะ เจย์เดนเรียกสาวใช้ให้เข้ามาเก็บกวาดเศษแก้ว...

และไอ้เด็กเวรนี่

“มีอะไรให้รับใช้คะคุณชาย”

“พาเขาไปทำแผล”

ถ้าไม่ปากดีเขาคงไม่ทำรุนแรงใส่ ในเมื่อก็รู้แล้วว่าเลียมไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับอาร์มันโด้เลยสักนิด จะรู้ก็เพียงแต่ความเลวของเขาเท่านั้น ซึ่งเจย์เดนอยากเก็บเลียมไว้เล่นด้วยฆ่าเวลา รวมถึงเพื่อนสุดเนิร์ดของเลียมด้วย ซึ่งความจริงแล้วเอซไม่ได้เนิร์ดอย่างที่ใครๆ คิด

และเขาคิดว่าเลียมก็ยังรู้จักเพื่อนตัวเองไม่ดีพอ

เลียมเป็นคนขี้ขลาดหรือใจถึงอันนี้เจย์เดนก็ยังตัดสินไม่ได้ การกระทำของเขาขัดกัน ราวกับมันเป็นไปตามอารมณ์และความรู้สึกในช่วงเวลานั้นๆ เพียงแค่แกล้งเอาศพที่ถูกฆ่าไปวางไว้ข้างกายก็ถึงกับร้องไห้ขอร้องออกมาอย่างลืมอาย แต่เพียงแค่เขาพูดจาดูถูกเพื่อนรักกลับลืมเรื่องรักตัวกลัวตายไปเสียสนิท

เอาแน่เอานอนกับเด็กคนนี้ไม่ได้จริงๆ ซึ่งสิ่งที่เจย์เดนจะใช้กำราบเลียมได้เห็นทีจะมีแต่เอซเท่านั้น

“ตื่น”

เจย์เดนเรียกคนไม่ได้สติบนเตียงเมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น เสื้อผ้าใหญ่กว่าตัวทำให้เลียมดูเหมือนจะจมหายเข้าไปในกองผ้านวมและเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่

ทว่าแวบหนึ่งที่สายตาคมเหลือบเห็นเปลือกตาขาวหรี่ปรือขึ้นมามองก่อนจะรีบหลับลงตามเดิม แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขามั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาด

ตื่นแล้วแต่แกล้งหลับงั้นหรือ...

เขายื่นฝ่าเท้าไปยันก้นเลียมจนกลิ้งตกเตียง

“ถีบกูทำไม!”

“ยังไม่เข็ด?”

เจย์เดนแผ่รังสีกดดัน กอดอกมองคนปากดีด้วยแววตาเอาจริง ผ้าพันแผลบนหัวเลียมมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย แต่นั่นก็หาได้ทำให้เขาสนใจใยดีไม่

“จะฆ่าก็ฆ่าดิวะ ขู่อยู่ได้”

ปึก!

มีดสั้นคมกริบถูกเขวี้ยงเฉี่ยวเส้นผมสีดำจนปลิดปลิว พุ่งตรงไปปักอยู่บนกรอบรูปวาดที่เจย์เดนอุตส่าห์ประมูลมาด้วยราคามหาศาล

หน้าซีดตัวสั่นถึงขนาดนี้แล้ว เลียมก็ยังจะอวดดี

“คุณชายคะ เจอตัวเมดที่ขโมยเพชรไปแล้วค่ะ”

ยังไม่ทันจะได้สั่งสอนเด็กดื้อไปมากกว่านี้ หัวหน้าสาวใช้ก็เข้ามารายงานความคืบหน้าของงานที่ได้รับมอบหมายเสียก่อน

“เดี๋ยวฉันตามไป”

“ค่ะ”

เจย์เดนกระชากข้อมือเล็กให้เดินตามเขาไป ในเมื่อยังไม่ยอมศิโรราบ เขาก็จำต้องแสดงถึงความน่ากลัวที่มันมากยิ่งขึ้นไปอีกให้เลียมได้รับรู้

“จะไปไหน”

เลียมถามขณะโดนลากให้เข้ามายังในห้องลับที่มีบันไดวนเดินลงไปยังชั้นใต้ดิน ตามทางมีเพียงแสงสว่างจากเปลวเทียนจึงพอจะมองเห็นได้บ้าง อากาศเพียงน้อยนิดทำให้ในนี้ค่อนข้างเหม็นอับและหายใจได้ไม่สะดวก ซึ่งนั่นไม่เป็นปัญหาสำหรับคนที่คุ้นชินมันดีเช่นเจย์เดน

“พาเธอไปดูบทลงโทษของคนทรยศ”

และแล้วพวกเขาก็มาถึงชั้นล่างสุด มีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเนื้อตัวมอมแมม ถูกล่ามโซ่ตรึงแขนไว้กับผนังทั้งสองด้าน คนๆ นี้ทรยศน้ำใจที่เขามีให้อย่างหน้าไม่อาย

“คะ คุณชาย! ฮือ คุณชายให้อภัยลิซ่าเถอะนะคะ ลิซ่าไม่ได้ตั้งใจ! ลิซ่าจะไม่ทำอีกแล้วลิซ่าสาบาน!”

“ลิซ่า ฉันให้อภัยเธอ”

เธอเงยหน้ามองผู้เป็นนายด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง เจย์เดนเหลือบมองเลียมเพื่อสังเกตท่าที เขาเดินอ้อมไปยังด้านหลังของลิซ่า ตาก็มองสบกับเลียมไปด้วย

ท่าทางของอีกฝ่ายดูตื่นเกร็ง ราวกับกำลังลุ้นว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวขึ้นบริเวณขมับจนไหลสู่คางมน ทำให้เจย์เดนรับรู้ได้ว่าเลียมกำลังกลัว

“ฉันให้อภัยเธอ”

ฉึก!

วัตถุสีเงินถูกแทงจรดลงไปตรงขั้วหัวใจ ส่วนปลายความคมของมันทะลุออกไปถึงด้านหน้าอย่างไม่มีพลาดพลั้งด้วยความชำนาญ หยดเลือดสาดกระเซ็นเปรอะใบหน้าซีดเผือดของคนยืนดูเหตุการณ์ ลิซ่าจากไปโดยไร้ซึ่งเสียงร้องสักแอะ ดวงตาคู่สวยเบิกค้างต่อหน้าต่อตาเลียม

หากแค่ศพสองศพมันยังทำให้เลียมกลัวเขาได้ไม่มากพอ เขาก็จำต้องเชือดไก่ให้ลิงดูต่อหน้าต่อตาแบบนี้แหละ!

 

 


[1] (New York Police Department) คือ องค์กรตำรวจที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา

อะ ช็อกสิคะ...ไอน้อนช็อก โชก็ช็อก // ได้ข่าวว่าแกเป็นแต่ง...ใดๆก็แล้วแต่ อย่าเพิ่งเลิกอ่านกันนะคะแงง แม้อิพี่มันจะโหดมันจะจิต แต่มันมีเบื้องลึกเบื้องหลังนะเออออ ;__;  ซึม

TBC.

PS.รีไรท์เรียบร้อยแล้วนะคะheart