6 ตอน CHAPTER 05 :: Dating amid the bloodshed |Re-write|
โดย โชวาเฮ (showahae)
05
Dating amid the bloodshed
“ผมไม่ได้...”
“หยุดเลยค่ะคุณเจย์! พวกฉันไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้เลยนะคะ ไปพวกเรา พานายแบบใหม่ไปเปลี่ยนชุดเร็วเข้า งานจะเริ่มแล้ว”
ทีมงานและนายแบบคนอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันทยอยเดินออกไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ สายตาที่ใช้มองเจย์เดนล้วนเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้า!
เป็นเพราะไอ้เด็กเวรนั่นคนเดียว
เจย์เดนขบฟันกลั้นอารมณ์รุ่มร้อนไว้ในอกทั้งที่สีหน้าเรียบเฉย พลันสายตาก็สบเข้ากับต้นตอของปัญหานี้ มันมาพร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ยเพียงเล็กน้อยเพื่อให้เขาสังเกตเห็นแต่เพียงผู้เดียว
เจย์เดนกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเอื้อมไปหยิบมันจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังของตัวเอง นั่นก็เพื่อจะใช้มันซับเหงื่อตามวงหน้าของเลียมเพราะอีกฝ่ายต้องขึ้นเวที แต่ดูสิ่งที่เขาได้รับสิ
“เด็กนั่นแสบสมกับคุณดีนะเจย์” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับใบหน้าแค่นยิ้ม
เซน...เด็กคนนี้มองเขาเหมือนรู้ทุกอย่าง แต่เจย์เดนก็แตะต้องอีกฝ่ายไม่ได้ หากเซนไม่พูดหรือถามอะไรก็คงจะไม่เป็นภัยต่อตัวพวกเขาทั้งคู่ แค่ความฉลาดเกินควรนั่นมันทำให้เขาหงุดหงิด
“อย่าพูดมาก”
“หึ”
สายตาคมมองตามแผ่นหลังที่หายลับเข้าไปในห้องแต่งตัว ภาพลักษณ์ที่เขาเพียรสร้างขึ้นเพื่อปิดบังตัวตนที่แท้จริงกำลังสั่นคลอนด้วยฝีมือของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง...เลียม
เรื่องนี้ทำให้เจย์เดนหงุดหงิดจนไม่เป็นอันทำอะไร นอกเสียจากยืนรอเป้าหมายให้เดินออกมาเจอกันอีกรอบ
“คุณเจย์คะ เชิญทางนี้ค่ะ กรุณาตามดีดี้มาที่จอมอนิเตอร์ด้วยค่ะ”
รอยยิ้มสดใสของสตาฟฟ์สาวคนเดิมหายไป แววตาที่ใช้มองเหลือเพียงความไม่ชอบใจ
“ครับ”
แม้อยากยืนรอให้เลียมออกมาเผชิญหน้ากันเพื่อเอาคืนให้สาสม แต่เจย์เดนก็ต้องตามน้ำไปก่อน คราวนี้เลียมรอดตัวไปได้ แต่อย่างไรเสียก็ไม่มีทางก้าวขาพ้นหล่มหลุมที่เขาขุดไว้แน่!
“คึ...”
เลียมนั่งก้มหน้าก้มตากลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง ในหัวยังมีภาพสีหน้าคาดไม่ถึงของเจย์เดนฉายซ้ำไปมา ซึ่งมันติดตาตรึงใจเขาไม่รู้ลืม หากไม่ติดว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องนี้ด้วย เขาคงปล่อยก๊ากไปแล้ว!
“หึๆ นายนี่ร้ายกว่าที่คิด”
“ก็เพื่อเอาตัวรอด” เลียมตอบเซนยิ้มๆ พลางเริ่มลงมือแต่งตัวเมื่อใกล้ถึงคิวขึ้นเวที
“ฉันได้เลขติดกับนาย”
“งั้นเดี๋ยวออกไปพร้อมกัน”
เขาเอ่ยปากชวนคนตรงหน้าเมื่อเสียงรอบตัวเริ่มเงียบลงทุกที ทีมงานและนายแบบคนอื่นๆ ซึ่งเคยเข้ามาห้อมล้อมเขาต่างพากันแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง เลียมกลัวว่าหากออกไปคนเดียวแล้วปะทะเข้ากับเจย์เดน...เขาจะไม่รอด!
เด็กหนุ่มเร่งมือเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าว่าจะไปโดยไม่รอ สองขาก้าววิ่งตามแผ่นหลังเซนโดยไม่ได้ดูหน้าดูหลัง
“เซน”
“เฮือก!”
เลียมสะดุ้งสุดตัวเมื่อน้ำเสียงแข็งกระด้างดังขึ้นแผ่วเบาที่ข้างหู เขาหันไปมองข้างหลังแม้จะไม่ได้เป็นเจ้าของชื่อที่ถูกเรียก
ก็แล้วมาพูดชิดหูเขาทำไมเล่า!
“ฉันมาซ้อมคิวให้เธอ” เจย์เดนพูดกับเซน ทว่าสายตาคมปลาบกลับจับจ้องคนมีชนักติดหลังไม่เลิก
“งะ งั้นผมไปก่อนนะ”
เลียมรีบถอยห่างจากเจย์เดนทันที รีบจ้ำอ้าวเดินไปทางเวทีอย่างไม่คิดจะเหลียวหลังกลับไปมองอีก
เอาเถอะ ตอนนี้เลี่ยงได้เขาก็ต้องเลี่ยง ถึงจะถูกมองว่าขี้ขลาดตาขาว แต่หากมันทำให้มีชีวิตยืนยาวอยู่ได้ เขาก็ไม่ลังเลที่จะทำ!
“เชิญหมายเลขเจ็ดขึ้นมาบนเวทีได้เลยค่า”
และแล้วก็มาถึงคิวเลียมขึ้นแคทวอล์ค เขากระชับสูทตัวสวยเล็กน้อยเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ ก่อนจะออกจากมุมมืดหลังฉากกั้น ใบหน้าหล่อทะเล้นประดับไปด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจยามกวาดตามองบรรดาสาวน้อยใหญ่ซึ่งนั่งชิดติดขอบแคทวอล์คไล่เรียงไป งานนี้คืองานประมูลนายแบบเพื่อการกุศล ใครประมูลตัวเขาชนะก็จะได้เดตกับเขาถึงหนึ่งวันเต็ม
“คนนี้นะคะ เป็นนายแบบอินดี้ รับเฉพาะงานที่เขาอยากทำเท่านั้นค่ะ เป็นยังไงคะ ฟังดูลึกลับหาตัวจับยากรึเปล่าเอ่ย ใครที่อยากได้หนุ่มน้อยคนนี้ไปครองก็ต้องฟาดฟันกันผ่านราคาประมูลนะคะ และราคาประมูลเริ่มต้นที่...สามหมื่นบาทเช่นเคยค่า!”
เลียมหยุดเดินบนแคทวอล์คเพื่อหยุดยืนโชว์ตัวตามคิวที่ซักซ้อมไว้ พลันสายตาก็ปะทะเข้ากับสาวแว่นซึ่งกำลังยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง เธอเป็นคนสวย และน่าจะอายุมากกว่าเขาหลายปี ทว่าใบหน้าก็ยังดูอ่อนกว่าวัยมากนัก เลียมโปรยยิ้มหว่านเสน่ห์กลับเมื่อคิดว่าหล่อนน่าจะสนใจเขาไม่มากก็น้อย
ถ้าสาวแว่นคนนี้ประมูลเขาได้ การเดตคงไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด
ป๊อก!
“เริ่มการประมูลได้ค่ะ”
“สี่หมื่น!” คุณผู้หญิงด้านหน้ายกไม้ประมูลขึ้นเป็นคนแรก
“เจ็ดหมื่น!”
“เก้าหมื่น!”
“หนึ่งแสน!!”
เลียมอมยิ้มเมื่อเห็นการฟาดฟันกันอย่างดุเดือดของคุณผู้หญิงหลายๆ ท่าน ทว่าสาวคนที่สนใจกลับไม่มีทีท่าว่าจะยกไม้ขึ้นท้าชิงเลยสักนิด
“หนึ่งแสนห้าหมื่น!”
“สามแสน!”
เหล่าคุณหญิงคุณนายต่างข่มขวัญกันด้วยตัวเลขอย่างไม่มีใครยอมใคร และในขณะที่ทุกคนกำลังเงียบเมื่อตัวเลขมาถึงจำนวนที่มากเกินไป
“หนึ่งล้าน”
คำพูดแผ่วเบาออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูป ทำเอาคนทั้งงานอึ้งตะลึงงัน รวมไปถึงเจ้าตัวผู้เป็นต้นเหตุของราคาประมูลสูงลิบนี้ด้วย เลียมแทบอ้าปากค้างด้วยความช็อกสุดขีด
หนึ่งล้าน...เธอคนนี้ประมูลตัวเขาเพื่อไปเดตในราคาหนึ่งล้าน!
“อะ เอ่อ มีใครจะให้มากกว่าคุณแมรี่ไหมคะ ถ้าไม่มีใครจะสู้ราคาแล้ว ดิฉันจะนับหนึ่งถึงสามนะคะ”
เด็กหนุ่มพูดไม่ออก เขายืนนิ่งอยู่กับที่ แม้แต่จะเดินกลับไปยืนอยู่ตรงจุดแสตนด์บายก็ยังไม่มีสติมากพอที่จะทำ!
“หนึ่ง...”
“...”
“สอง...”
“...”
“สาม! ดิฉันขอปิดการประมูลแต่เพียงเท่านี้ค่ะ คุณเลียมกลายเป็นคู่เดตของคุณแมรี่เรียบร้อยแล้วค่า ขอให้มีความสุขกับการเดตนะคะคุณแมรี่”
เลียมเดินลงเวทีมาด้วยอาการมึนๆ ค่าตัวเขาสูงถึงหนึ่งล้าน มากกว่านายแบบคนก่อนหน้าหรือนายแบบหลายคนรวมกันเสียอีก นี่มันอะไรกัน เขาก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากมาย อะไรทำให้ผู้หญิงคนนั้นกล้าที่จะประมูลเขาในราคามหาโหดขนาดนี้
“ดีใจรึไงที่ค่าตัวแพง” ประโยคค่อนขอดลอดผ่านโสตประสาท
คนโดนแขวะเลือกไม่ต่อปากต่อคำ เซนเดินสวนเขาขึ้นไปบนเวที ทำให้บริเวณนี้เหลือแค่เขากับคนอันตราย ซึ่งมันเป็นสถานการณ์ที่เสี่ยงเกินไป
คราวก่อนเลียมรอดไปได้ก็จริง แต่เขาคงเอาตัวรอดจากคนอย่างเจย์เดนซ้ำสองไม่ได้แน่
“เดี๋ยว”
ขาทั้งสองข้างหยุดชะงักเมื่อร่างสูงใหญ่เดินมาขวาง เลียมพยายามทำท่าทีนิ่งเฉยราวไม่กลัวเกรงอีกฝ่ายโดยการเงยหน้ามองสบตากันตรงๆ เขาพยายามอย่างมากที่จะซ่อนความหวาดหวั่นเอาไว้ภายใน
“เดตให้สนุก” รอยยิ้มจอมปลอมถูกนำขึ้นมาประดับบนใบหน้าอีกครั้ง และนั่นมันทำให้เลียมคิดทำเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
“คุณเคยเห็นหมาหน้าย่นเวลามันหอบเพราะเหนื่อยป่ะ”
“...?”
“หน้าคุณตอนยิ้มอ่ะ เหมือนมันเด๊ะเลย”
พูดจบก็กระตุกมุมปากยิ้มเย้ยหยันส่งไปทีหนึ่ง ยักคิ้วหลิ่วตาให้อีกฝ่ายอย่างจงใจกวนประสาท ไม่รู้ว่าเป็นอะไร กลัวตายก็กลัว
แต่อดกวนตีนมันกลับไม่ได้จริงๆ !
“อึ้ก..”
สะใจได้ไม่เท่าไหร่เลียมก็ต้องตกใจและรู้สึกเจ็บจี๊ดบริเวณหนังศีรษะ เจย์เดนใช้ฝ่ามือจิกกลุ่มผมดกดำของเขาแล้วออกแรงดึงเข้าหาตัว
“อย่ากวนประสาทฉันให้มากนัก”
เลียมกัดฟันแน่นอย่างพยายามสกัดกลั้นไม่ให้มีเสียงร้องเล็ดรอดออกมา แววตาวาวโรจน์ทว่าว่างเปล่าดุจคนไร้หัวใจมันทำให้เขานึกกลัว...กลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ เสียด้วยซ้ำ
“ฉันมีความอดทน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีขีดจำกัด”
เมื่อพูดสิ่งที่ต้องการจบเจย์เดนก็จัดการเหวี่ยงคนอวดดีจนกระเด็นไปไกล ดีที่เลียมใช้ขายันไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคงได้ลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นเป็นแน่
ยังไม่ทันได้เงยหน้าต่อว่าอีกฝ่ายตามประสาคนปากดี เจย์เดนก็เดินห่างออกไปหลายก้าวแล้ว เลียมได้แต่มองมือทั้งสองข้างของตัวเองซึ่งกำลังสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ต้องยอมรับจริงๆ ว่าเขากลัวเจย์เดนมาก
...มากในแบบที่เขาก็ไม่เคยคิดว่ามันจะมากได้ขนาดนี้
แต่เจย์เดนกัดไม่ปล่อย เขาก็ต้องหาทางรอดด้วยตัวเอง จะมาตายน้ำตื้นไม่ได้เด็ดขาด
“ไม่เอาน่าเลียม เจอแค่นี้มึงต้องไม่แพ้ดิวะ!”
ชายรูปร่างสูงใหญ่นั่งไขว่ห้างอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โมเดิร์นชื่อดัง ดวงตาสีฟ้าเข้มจับจ้องไปยังชายคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่โต๊ะตรงข้ามไม่วางตา ด้วยทักษะการสะกดรอยชั้นยอดทำให้อีกฝ่ายไม่รู้ตัว และจับสังเกตไม่ได้แม้เพียงนิด เจ้าตัวหัวเราะร่าไปกับคู่เดตของตนในวันนี้อย่างสบายใจ
Marry
‘ให้ดิฉันลงมือเลยไหมคะ’
ข้อความในมือถือถูกเปิดอ่าน ก่อนที่เจ้าของมือถือเครื่องนั้นจะรัวนิ้วใส่แป้นตอบกลับไปแบบแทบไม่ต้องคิด
‘อืม’
สาวแว่นคนสวยพยักหน้าเล็กน้อยและแอบสบสายตากับผู้เป็นนายอย่างรู้กัน มือเรียวเหยาะผงสีขาวใส่แก้วน้ำคู่เดตของตนโดยอาศัยทีเผลอด้วยความชำนาญว่องไว ก่อนที่ตัวเธอเองจะทำทีเป็นลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่แท้จริงแล้วเธอกำลังจะส่งต่อเลียมให้กับผู้เป็นนายต่างหาก
“พี่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
“ตามสบายเลยครับ”
เลียมผายมือพร้อมยิ้มกว้างอย่างไม่คิดอะไร เขาชอบเสียด้วยซ้ำที่ได้ใช้เวลาอยู่กับสาวสวย แม้เธอจะมีอายุมากกว่าเขาก็ตาม ขณะนั่งรอเขาก็ทานอาหารไปพลางยกแก้วน้ำดื่มไปพลาง ซึ่งทุกการกระทำนั้นล้วนตกอยู่ในการเฝ้ามองของสายตาคมทั้งสิ้น
ริมฝีปากหยักได้รูปกระตุกยิ้มเมื่อเห็นเป้าหมายดื่มน้ำที่ใส่ยานอนหลับเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอเวลาเท่านั้น ถึงแม้ปากจะยิ้มแต่ใบหน้าและสายตากลับไม่ยิ้มด้วยเลย ในตระกูลของเขานั้นเรื่องความรู้สึกถือเป็นเรื่องต้องห้าม
อาร์มันโด้ต้องเด็ดขาด ฉลาดเฉียบคม และไม่มีคำว่าพลาด
นั่นคือสิ่งที่เจย์เดนเรียนรู้มาทั้งชีวิต จนได้รับฉายาจากคนในตระกูลว่า ‘ปีศาจ’ เขาเป็นดั่งหุ่นยนต์สังหารไร้หัวใจ แต่ก็ต้องฝึกการใส่หน้ากากเข้าหาคนอื่นในสังคม เพื่อปกปิดสิ่งที่เขาเป็นและสิ่งที่เขาทำ
อาร์มันโด้คือตระกูลนักฆ่า
และเจย์เดนคือว่าที่ผู้นำตระกูลคนต่อไป!
มีเพียงนักธุรกิจระดับสูงหรือวงการมืดสายมาเฟียเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์รู้ถึงการมีอยู่ของตระกูลนี้ คนนอกเข้าใจว่าสัญลักษณ์ของตระกูลอาร์มันโด้คือกุหลาบแดง ซึ่งแสดงถึงความสง่าและสวยงามหากใช้เพียงตามอง ยามใดที่เอื้อมมือแตะอย่างไม่ระวังก็จะโดนหนามของมันทิ่มตำจนได้เลือด
แต่แท้จริงแล้วมันกลับไม่ใช่...
“โอย...ทำไมอยู่ๆ ถึงง่วงขนาดนี้วะ”
ร่างสูงค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินไปหาคนที่กำลังสั่นหัวไปมาอย่างใจเย็น แม้จะโงนเงนจนหัวกระแทกพื้นโต๊ะครั้งแล้วครั้งเล่า เลียมก็ยังพยายามฝืนครองสติต่อสู้กับฤทธิ์ยา
โป๊ก!
และนั่นคือเสียงสุดท้ายที่โสตประสาทการรับรู้ของเขาได้ยิน...
“ตื่นได้แล้ว”
ฝ่ามือสากตบแก้มทั้งสองข้างของคนนอนไม่ได้สติอยู่บนเคาน์เตอร์ไม้เก่าๆ ไม่ยั้ง จนแก้มขาวขึ้นรอยแดงเป็นรูปนิ้วมือ ร่างกายของเลียมถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา มือทั้งสองข้างถูกผูกเข้ากับเชือกด้านบนซึ่งผูกติดคานไว้ ขาทั้งสองข้างถูกเทปกาวขนาดใหญ่ม้วนพันไว้ให้ส่วนปลีน่องแนบติดกับส่วนของต้นขาขาว บังคับให้อ้าออกกว้าง
เมื่อได้สติกลับมาครบถ้วน พลันเบิกตาโพลงกับสภาพอนาจารของตน ปากถูกเทปกาวแปะไว้จนส่งเสียงออกมาไม่ได้ มีเพียงเสียงร้องอู้อี้ในลำคอเท่านั้นที่พอจะดังให้ได้ยิน ร่างทั้งร่างไร้อาภรณ์บดบัง แม้สักชิ้นก็ไม่หลงเหลือ ความเจ็บแสบบริเวณต้นขาด้านในทำให้เลียมนึกแปลกใจ หากแต่ตอนนี้เขาไม่สามารถลุกขึ้นดูความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายตัวเองได้เลย
“อื้อ! อื้อๆๆ!”
ขณะพยายามตะโกนร้อง สายตาก็กวาดมองไปรอบๆ เพื่อหาตัวช่วย ทว่าในนี้ทั้งมืดและมีกลิ่นเหม็นอับเหมือนห้องเก็บของรกร้าง
“ตอนแรกฉันไม่ได้คิดจะทำกับเธอแบบนี้หรอก”
สายตาเลียมหลุกหลิกไปมาด้วยความกลัว เหงื่อโซมกายบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังตื่นเต้นและหวาดกลัวเจย์เดนมากแค่ไหน
“แต่เห็นเธอเล่นบทโดนฉันลวนลาม ก็เลยคิดว่าน่าจะทำจริงๆ ไปเลย”
“อื้อ!”
เสียงอู้อี้ถูกเปล่งขึ้นมาอีกครั้งเมื่อปลายนิ้วเรียวไล้ไปตามบริเวณที่เลียมรู้สึกเจ็บแสบ ก่อนแลบลิ้นเลียนิ้วนั้นซึ่งมีเลือดเปื้อนติดเล็กน้อยประหนึ่งคนโรคจิต
“รู้ไหมว่าตรงนี้น่าดูแค่ไหน”
ไม่ว่าเปล่า เจย์เดนยังจัดการถ่ายรูปของคนนอนเปิดเปลือย แล้วทำทียืนเลือกรูปที่ดีที่สุดเพื่อให้เลียมได้ยลโฉมของตัวเอง
“ไอ้เอี้ยเอ๊ย!!!” (ไอ้เหี้ยเอ๊ย)
เลียมรู้ดีว่าสภาพร่างกายของเขาในตอนนี้มันดูลามกและหยาบโลนมากแค่ไหน แต่นึกไม่ถึงว่าบริเวณต้นขาด้านในที่รู้สึกเจ็บแสบนั้นจะเป็นรอยสักสดใหม่
Thrust me please (ได้โปรดกระแทกผมทีเถอะ)
เขารู้สึกโกรธจนเหมือนเลือดขึ้นหน้า ทว่ากลับทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ เจย์เดนกดสายตาลงต่ำอย่างจงใจจับจ้องประโยคนั้น
“ฉันพามาเดต” มือหนาแกะเทปกาวที่ปิดปากเลียมออกรวดเดียวจนต้องสะดุ้งเพราะความแสบ
“เดตบ้านมึงเป็นแบบนี้เหรอไอ้เหี้ย! ปล่อยกู!!!”
เลียมก่นด่าอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอีกต่อไป ลืมแม้กระทั่งความรักตัวกลัวตายในตอนแรกอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยรู้สึกเสียศักดิ์ศรีเท่าครั้งนี้มาก่อน แม้จะต้องตายขึ้นมาจริงๆ ก็ขอให้ได้ด่าได้ต่อยคนตรงหน้าสักที แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว
เจย์เดนมองเลียมที่กำลังพยายามดิ้นรนให้เชือกหลุดออกจากข้อมือ เขาเดินหายออกไปด้านนอกสักพัก ก่อนจะลากอะไรบางอย่างติดมือกลับมาด้วย
“นะ นั่นมัน...!!!”
จอมพยศหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นสิ่งที่เจย์เดนลากเข้ามา โดยที่สีหน้าของเจย์เดนยังคงเดิม ไม่มีความรู้สึกผิดหรือหวาดผวาเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นทำให้คลื่นความกลัวเริ่มปะทุขึ้นอีกระลอก
ศพสองศพชุ่มไปด้วยเลือดถูกอุ้มมาวางขนาบข้างกับเลียมที่นอนอยู่บนเคาน์เตอร์ไม้ ซึ่งนั่นทำให้เขาหายใจหอบหนักด้วยความกลัว หันไปทางซ้ายก็เจอเข้ากับใบหน้าของศพตายตาไม่หลับ เมื่อหันไปทางขวาก็เจอกับอีกศพที่มีสภาพไม่ต่างกัน ดวงตาเบิกค้างไร้แววมันทำให้เขากลัวมากเสียจนมิอาจสรรหาคำใดมาบรรยายได้
“ฮึก...ทะ ทำไมต้อง...ทำ...แบบนี้”
เรี่ยวแรงฮึกเหิมเพราะความโกรธมลายหายไปหมดไม่มีเหลือ ร่างกายปวกเปียกจนแทบไม่หายใจ ตัวสั่นงันงกด้วยความกลัวถึงขีดสุด มือเท้าเย็นเฉียบ น้ำตาเอ่อคลอออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้าหรือขยับตัวแม้เพียงนิด
“ฉันเอาแซนวิชสำหรับปิกนิกมาด้วย กินด้วยกันหน่อยไหม”
เลียมสะอื้นอย่างลืมอายเมื่อรู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นๆ ไหลเข้าหาตัวเขาจนเปียกชุ่มไปทั่วแผ่นหลัง ซึ่งนั่นคือเลือดที่ยังไหลออกมาจากตัวศพที่มีบาดแผลฉกรรจ์
เจย์เดนงับแซนวิชเข้าปากหน้าตาเฉย เขานั่งมองดูภาพเหล่านั้นด้วยสีหน้าและแววตาราบเรียบ อีกทั้งยังทานอาหารได้ราวกับมันอร่อยนักหนา ซึ่งหากเป็นคนปกติทั่วไปคงจะอ้วกต่อภาพตรงหน้าแล้วเป็นแน่
“ปล่อยผมไปเถอะ...”
เด็กหนุ่มขอร้องทั้งน้ำตา ตอนนี้เขายอมละทิ้งซึ่งทุกอย่าง หัวใจเขาเต้นถี่ระรัวจนกลัวว่าจะคุมตัวเองเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป อีกทั้งตอนนี้ยังเวียนหัวและคลื่นไส้อยากอาเจียน สิ่งที่เจย์เดนทำในวันนี้มันมากเกินกว่าที่เด็กวัยรุ่นธรรมดาๆ อย่างเลียมจะรับไหว
“นี่ฉันกำลังเดตกับเธออยู่นะเลียม”
______________________
ก็คือ...อิพี่โหดใส่น้อนไม่ยั้งเลย คุณพรี๊ สงสารไอน้อน อย่าให้ถึงวันที่หลงน้อนเชียว! จะให้น้อนใจร้ายใส่คอยดู
TBC.
PS.รีไรท์เรียบร้อยแล้วนะคะ
Comments (0)