5 ตอน CHAPTER 04 :: The real plan had begun |Re-write|
โดย โชวาเฮ (showahae)
04
The real plan had begun
“โอย”
เลียมลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความปวดแสบปวดร้อนบริเวณหน้าอก
จริงสิ! เมื่อวานเขากับเจย์เดน...!
เมื่อได้สติเลียมก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่งเหมือนติดสปริง พร้อมทั้งสำรวจร่างกายตัวเองไปด้วย จำได้ลางๆ ว่าเจย์เดนกำลังจะปลดเข็มขัด แล้วอยู่ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ข้อพับแขนเพราะอะไรไม่อาจทราบได้
หลังจากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรอีก แต่ความเจ็บบริเวณสะโพกก็ไม่มีเลยสักนิด เชือกที่มัดมือมัดเท้าเขาไว้ก็ถูกตัดออกไปเรียบร้อยแล้ว เลียมกวาดสายตามองไปรอบห้อง แต่ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่เลย
เอาล่ะ...ได้ทีก็ต้องชิ่ง!
“เวรเอ๊ย!”
เลียมลืมตัวขยับร่างกายเร็วเกินไปจนสะเทือนถึงแผลตรงหน้าอก มันเสียดตึงและปวดตุบๆ เด็กหนุ่มมองสภาพตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำ มีแต่คราบเลือดแห้งเกรอะกรังที่เคยไหลออกมาจากแผล สภาพเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง มีเพียงแจ็กเก็ตหนังสีดำตัวนอกเท่านั้นที่ยังอยู่ดี แผลส่วนที่โดนบาดกับแผลที่เจย์เดนจงใจกรีดมันบวมจนน่ากลัว ขยับเพียงนิดความเจ็บก็ลามไล้ไปถึงเส้นประสาท
ขนาดโดนบาดแค่ผิวๆ ยังเจ็บขนาดนี้ มีดของเจย์เดนคงคมมากจริงๆ
“แม่งต้องไม่ใช่คนธรรมดา”
เลียมพึมพำกับตัวเอง คิดว่าฝ่ายนั้นอาจจะเป็นฆาตกรโรคจิตหรืออะไรสักอย่าง หรืออาจจะเป็นนักฆ่า เพราะการฆ่าคนและใช้มีดกรีดบนตัวคนอื่นได้ง่ายๆ แบบนี้จิตใจต้องไม่ธรรมดาแน่
เด็กหนุ่มรีบกลั้นใจอาบน้ำแล้วรื้อหาเสื้อผ้าของเจย์เดนที่พอจะใส่ได้ ซึ่งมันคนละไซซ์กับตัวเขา แต่ก็ต้องฝืนใส่ไปก่อน กางเกงยิ่งแล้วใหญ่ สวมแล้วเหมือนจะหลุดตลอดเวลา แม้จะหาเข็มขัดมารัดแล้วแต่ก็ยังยากลำบาก
รู้อยู่แล้วว่าเจย์เดนตัวใหญ่ แต่นี่จะใหญ่เกินไปหรือเปล่า!
เลียมที่ว่าไม่เตี้ยและตัวไม่เล็กมากยังเหมือนมดตัวน้อยๆ เวลาอยู่ด้วยกันกับเจย์เดน!
เมื่อเดินออกจากห้องน้ำสายตาก็ปะทะเข้ากับโพสอิทสีชมพูตรงโต๊ะข้างเตียงโดยไม่ได้ตั้งใจ เท้าก้าวเข้าไปหากระดาษแผ่นนั้นโดยอัตโนมัติ
‘เรื่องนี้มันยังไม่จบ เตรียมตัวรอรับของขวัญจากฉันด้วย’
“แม่ง!”
เจย์เดนกัดเขาไม่ปล่อย เลียมขยำทึ้งกระดาษแผ่นนั้น ทิ้งลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้ซ้ำอย่างไม่ใยดี ก็เอาสิ...ลองกันดูสักตั้ง
เขาจะไม่มีวันพลาดท่าอีกเป็นครั้งที่สอง!!!
“เลียม กูมีงานมาให้มึงว่ะ”
เอซมาหาเขาถึงบ้านด้วยหน้าตายิ้มแย้มดูมีความสุข ซึ่งไม่บอกเลียมก็รู้ว่าเพราะอะไร คงจะเป็นรักจอมปลอมของเจย์เดนที่เพื่อนรักของเขาหลงผิดไปนั่นแหละ!
“งานอะไรวะ”
เลียมถามด้วยท่าทีเหนื่อยๆ หลายวันมานี้แทบไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำงานพาร์ตไทม์เลยสักนิด หลังเลิกเรียนก็ตรงรี่กลับบ้านทันที ด้วยรู้สึกหวาดระแวง ถึงปากจะบอกไม่กลัวแต่เอาเข้าจริงก็แอบกลัวอยู่ไม่น้อย
ทว่าตั้งแต่สอยเจ้าบิ๊กไบค์ลูกรักมา ช่วงนี้เงินก็ขาดมือจนน่าหงุดหงิด การที่เอซมาเสนองานให้แบบนี้มันก็ถูกใจเขามากทีเดียว
“เดินแบบเสื้อผ้าแบรนด์ Lucky SMITH”
“เดินแบบ?”
คนฟังทวนถามด้วยความไม่ชอบใจเล็กๆ เลียมชอบที่จะถ่ายแบบมากกว่าเดินแบบ แต่ก็เคยรับงานแบบนี้ช่วงร้อนเงินอยู่บ้าง
เหตุผลหลักๆ คือเขาไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาของคนหมู่มาก
แต่หากเงินดีก็ค่อยว่ากัน...
“เออ แค่สองชั่วโมงได้ตั้งสามหมื่น”
“สามหมื่น!? พูดเป็นเล่น” เขาเป็นแค่นายแบบโนเนม อะไรมันจะได้เยอะปานนั้น
“จริงๆ นะมึง งานนี้มีเซนร่วมด้วย เซนที่เป็นนายแบบหน้าใหม่มาแรงน่ะ เด็กปั้นของเจย์เดนไง งานนี้มันเป็นงานการกุศล เอ่อ และที่สำคัญ รายละเอียดอีกข้อที่กูไม่ได้บอกคือ...”
“อะไร”
เลียมถามห้วนๆ เมื่อได้ยินชื่อเจย์เดนออกมาจากปากเพื่อนรัก แค่ได้ยินชื่อก็หงุดหงิดแล้ว ส่วนนายแบบชื่อเซนเขาก็พอจะเคยเห็นผ่านตาในทีวีหรือตามนิตยาสารอยู่บ้าง เป็นคนเอเชียที่มีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ หุ่นดี ผิวสีแทนสวย สมควรแล้วที่จะมาแรงแซงทางโค้ง
“งานนี้เขาจะเปิดให้ผู้หญิงประมูลนายแบบไปเดตว่ะ”
“ก็ไม่เห็นเป็นไร” เลียมตอบตกลงทันทีที่ความคิดดีๆ แล่นเข้ามาในหัว
“จริงนะ! กูกลัวแทบตายว่ามึงจะปฏิเสธ เห็นว่ามึงไม่ชอบอยู่กับคนแปลกแล้วไหงตอบตกลงง่ายๆ วะ” เอซถามด้วยความงุนงง
“เพราะกูกำลังร้อนเงิน...”
จริงๆ แล้วเขาอยากจะไปเจอคนที่ชื่อ ‘เซน’ คนนั้นต่างหาก!
ณ สถานที่จัดงาน
“สรุปว่าเลียมมาเดินแบบให้งานนี้ไหมครับเอซ”
ชายหนุ่มหลอกถามคนข้างกายด้วยสีหน้าค่อนข้างประหม่า ทั้งๆ ที่ความจริงเขามั่นใจมากว่าเลียมมาแน่
“มาสิครับ ผมล่ะอยากจะให้มันรู้จริงๆ ว่างานสบายๆ เงินดีแบบนี้น่ะมันได้มาก็เพราะคุณ” เอซว่าพลางทำสีหน้าลำบากใจ
“เอซจะบอกเลียมไม่ได้นะครับ ถ้าเอซบอกเชื่อผมเถอะว่างานนี้ล่มแน่ เพราะเลียมยกเลิกกลางคัน”
จอมเสแสร้งจับมือนิ่มของหนุ่มแว่นใสซื่อมากุมเอาไว้ ทำเอาอีกฝ่ายหน้าแดงเพราะความเขินอาย
ซึ่งดูเหมือนว่าเจย์เดนจะเจอคนประเภทเดียวกันเข้าให้แล้ว
“ก็ได้ครับ ไม่บอกก็ไม่บอก” หนุ่มแว่นว่าพลางยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่างานจวนจะเริ่มเขาก็ปล่อยมือแฟนหนุ่ม “งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ”
“ครับ”
เมื่อเอซหายลับไปจากสายตา ริมฝีปากที่เคยฉีกกว้างก็หุบทันควัน เขายิ้มมากเสียจนต้องยกมือมานวดปากและแก้มเพื่อคลายความเมื่อย สายตาก็มองหาร่างคุ้นเคย เซนไปไหน?
พลันมีสายโทรเข้า เมื่อเห็นชื่อผู้โทรเจย์เดนจึงกดรับ
“ว่าไง”
[เรื่องที่จะให้ดิฉันทำ ยังต้องทำอยู่ไหมคะ]
“ทำตามนั้น”
[ค่ะ ตอนนี้ดิฉันมาแสตนด์บายเรียบร้อยแล้วค่ะ]
“ดีมาก แมรี่”
ติ๊ด!
เจย์เดนแสยะยิ้มเมื่อมองไปทางที่นั่งของเหล่าผู้ชมแล้วสบสายตากับสาวใหญ่แต่งตัวสุดเนี้ยบ เสื้อแขนยาวผ้าลื่นสีขาวระบายลูกไม้เพิ่มลูกเล่นตรงปกเสื้อ สวมคู่กับกระโปรงยาวคลุมเข่าสีน้ำตาลอ่อน หล่อนสวมแว่นตาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า แม้การแต่งตัวสไตล์นี้จะถูกมองว่าเชยสะบัด ทว่าก็มีเสน่ห์ดึงดูดไม่น้อยเมื่ออยู่บนตัวของเธอคนนี้ เรียกได้ว่าสวยไม่แพ้สาวแรกรุ่นเลยก็ว่าได้ ต่อให้มีแว่นสายตาบดบังโครงหน้า แต่มันก็ไม่สามารถปิดบังความสวยของเธอได้มิด
“ฉันอยากเห็นปฏิกิริยาของเธอจะแย่...เลียม”
หากเขาหมายหัวเหยื่อรายไหนไว้แล้วมันก็ไม่มีทางรอด รวมถึงพ่อของเอซด้วย เรื่องของเลียมมันเป็นเพียงแค่ทางผ่านและของแก้เบื่อ รำคาญขึ้นมาเมื่อไรจะทำให้หายไปจากโลกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ตอนนี้เขายังอยากจะสนุกไปกับมัน ค่อยๆ เค้นความลับจากเจ้าตัวทีละนิด
หากรู้จักคำว่าอาร์มันโด้แล้ว...ชีวิตเลียมก็ไม่ใช่ของตัวเขาเองอีกต่อไป!
เลียมแต่งตัวแต่งหน้าทำผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเจอเซนเลยสักนิด เขาเดินหาจนทั่วทั้งงานแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
พลั่ก!
“เฮ้ย ขอโทษครับ” เขาขอโทษขอโพยคนตรงหน้าเมื่อเดินชนฝ่ายนั้นเข้าอย่างจัง มัวแต่ชะโงกหน้ามองหาเซนจนได้เรื่อง!
“ไม่เป็นไรครับ”
น้ำเสียงแหบต่ำกับสำเนียงภาษาแปลกหูของคนตรงหน้าทำให้เลียมซึ่งกำลังก้มหน้าเก็บเครื่องประดับอยู่ถึงกับต้องเงยมองโดยอัตโนมัติ
“คุณ!”
ตอนนี้เซนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว อีกฝ่ายแต่งตัวเรียบร้อยอย่างพร้อมที่จะขึ้นเดินแบบแล้วเช่นกัน ทั้งๆ ที่เดินหาแทบตาย ครั้นจะเจอก็เจอกันง่ายๆ
“ครับ?” ท่าทางเซนเหมือนคนไม่รู้ร้อนรู้หนาว น้ำเสียงเนิบนิ่งกับสีหน้าเฉยเมยของเซนทำให้เลียมนึกแปลกใจว่าเขาเป็นคนประเภทไหนกันแน่
“ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อยจะได้หรือเปล่าเรื่อง...เจย์เดน”
เมื่อเลียมพูดเข้าประเด็นตรงๆ เซนก็มีท่าทีเปลี่ยนไป เขามองซ้ายทีขวาทีอย่างระแวดระวัง พร้อมทั้งพยักหน้าน้อยๆ กวักมือให้เลียมเดินตามเขาเข้าไปในห้องแต่งตัวห้องหนึ่ง ก่อนจะลงมือล็อกมันอย่างแน่นหนา ท่าทางแบบนี้ทำให้เลียมรู้สึกว่าตัวเองคิดถูก
ผู้ชายคนนี้คงรับรู้ถึงความผิดปกติของเจย์เดนเหมือนกัน
“ว่ามา” เซนเปิดบทสนทนาทันทีที่หย่อนก้นลงบนโซฟา
“ผมได้ยินมาว่าคุณเป็นเด็กปั้นเขา คุณรู้จักเขามากน้อยแค่ไหน”
เลียมถามอย่างคนอ้อมค้อมไม่เป็น รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ในเมื่อเจย์เดนไม่มีทางยอมรามือ เขาก็ต้องหาวิธีมารับมือให้จงได้!
“ทำไมผมต้องบอกคุณ”
เซนกอดอก เขาปรายตามองเลียมราวกับจะสำรวจและวิเคราะห์ ดวงตาสีดำสนิทที่ใช้จ้องมองคนตรงข้ามให้ความรู้สึกยากเกินจะหยั่งถึง อีกทั้งมันยังมองราวกับจะทะลุทะลวงถึงความคิดภายในใจ
ผู้ชายตรงหน้าเลียมฉลาด...ฉลาดชนิดที่เขาก็ไม่กล้าคิดว่ามันมากแค่ไหน
“ผมขอร้อง ตอนนี้ผมกำลังเจอปัญหาจากเจย์เดน”
เด็กหนุ่มเม้มปากขณะมองดูท่าทีชั่งใจของนายแบบหนุ่ม ดูทรงแล้วอายุของเซนคงไล่เลี่ยกันกับเขา ท่าทางที่เห็นทำให้เลียมคิดว่าอีกฝ่ายต้องรู้อะไรไม่มากก็น้อย ตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่สวดภาวนาขอให้เซนเห็นใจ และช่วยบอกถึงสิ่งที่รู้
“ถ้าหากนายถามถึงวิธีรับมือ คนอย่างเจย์เดนรับมือด้วยได้ไม่ยาก”
เลียมมองตามการขยับริมฝีปากของอีกฝ่ายขณะพูดด้วยความลุ้นสุดชีวิต
“ต่อต้านให้ถึงที่สุดสิ แล้วนายจะยืดระยะเวลาตายไปได้อีก”
หลังจากคุยกับเซน เลียมกลับรู้สึกหดหู่และกลัวเจย์เดนมากกว่าเดิม ในขณะเดียวกันนั้นก็รู้สึกกลัวเซนด้วยเช่นกัน แม้ลักษณะภายนอกเซนไม่ได้ดูน่ากลัวอะไร แต่ความนึกคิดและสายตาที่ราวกับอ่านทุกอย่างออกคู่นั้นนั่นแหละที่น่ากลัว
เลียมไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเซนและเจย์เดนเลยสักนิด กลับกันมีแต่เขาที่ตกหลุมพรางตอบคำถามของอีกฝ่ายไปจนหมดเปลือก ทั้งเรื่องที่เขามีปัญหากับเจย์เดน เรื่องห้องเก็บใบมีด เรื่องศพเอเนล
เว้นก็แต่เรื่องของผ้าเช็ดหน้ากับคำว่าอาร์มันโด้
เลียมไม่มีความกล้ามากพอที่จะปริปากออกไป
เขาพอจะรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้มีความสำคัญกับเจย์เดนมากกว่าเรื่องอื่น หากโดนจับได้ว่าปากสว่าง เขาจะไม่โดนฆ่าตายหรือ?
ทว่าขณะที่เลียมกำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับความโง่เง่าของตัวเอง พลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับเรือนร่างสูงใหญ่ที่หน้าประตูทางเข้างาน ผมสีเงินนั่นเขาจำได้ดีแม้มองจากด้านหลัง เจย์เดน!
อีกฝ่ายกำลังยืนประจันหน้ากับชายหนุ่มอีกคน ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจะกำลังมีปัญหากัน ชายคนนั้นสวมแว่นกันแดดปกปิดดวงตาและยืนกอดอกวางมาด
อ่า...ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของเลียมกำลังทำงาน รู้ตัวอีกทีก็มาแอบอยู่หลังเสาใกล้ๆ นี่เสียแล้ว!
“ฮ้า คุณแม็กซ์ งานนี้ผู้ชายจะเข้าไม่ได้นะครับ” เจย์เดนพูดพร้อมยิ้มกว้าง มือก็ผายเชิญให้ชายมาดคล้ายมาเฟียออกไปจากงาน
ตอแหล...ยิ้มแบบนั้นมันตอแหลชัดๆ !
“แต่ฉันจะเข้า ถอยไป” ฝ่ายโดนไล่กดเสียงต่ำเป็นเชิงขู่ แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเจย์เดน เลียมแอบดูเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลได้แต่แค่นยิ้มหยัน
ธาตุแท้กำลังจะเผยแล้วสิ
เจย์เดนมองคนตรงหน้านิ่งๆ สายตาเหมือนพญาราชสีห์ใช้จ้องมองชิ้นเนื้ออันโอชะ โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะตัดสินใจขย้ำเหยื่อตอนไหน บรรยากาศรอบตัวของพวกเขาทั้งคู่กำลังมาคุ ต่างจ้องกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร แม้ผู้ชายปริศนาคนนั้นจะไม่ถอดแว่น แต่เลียมก็รับรู้ได้ว่าเขาคงร้ายกาจไม่ต่าง
ในจังหวะที่แขกไม่ได้รับเชิญกำลังจะก้าวขาพ้นเส้นสีขาวซึ่งถูกขีดกั้นไว้เพื่อแสดงขอบเขตงาน แต่กลับถูกลำแข้งจากคนด้านหลังสกัดกั้น ซึ่งเขารู้ทันและยกขาหลบได้ แต่มันไม่จบเพียงแค่นั้น เจย์เดนใช้ขาตวัดในจังหวะที่เขากำลังวางเท้าลงพื้นด้วยความเร็วสูง ทำให้ร่างใหญ่โตเสียหลักล้มตึงลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนพื้น
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนเลียมแทบมองตามไม่ทัน ผู้ชายที่ดูท่าจะไม่ธรรมดากลับถูกเจย์เดนทำให้ล้มได้อย่างง่ายดาย
น่ากลัว...น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“แกเป็นใครกันแน่!”
“คุณอยากให้ผมเป็นใครล่ะ” เจย์เดนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ สายตากริบมองจ้องชายตรงหน้าอย่างไม่ลดละ
แต่แล้วผู้ชายคนนั้นก็ล่าถอยไปด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ เจย์เดนจึงหันหลังเดินมายังทิศทางที่เลียมกำลังแอบอยู่ เด็กหนุ่มจึงรีบซ่อนตัวเข้ากับหลังเสา ในขณะที่คิดว่าอีกฝ่ายเดินจากไปแล้วกลับมีประโยคยียวนลอยเข้าหู
“ตัวเล็กมากมั้ง”
เลียมพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินออกไปเผชิญหน้ากับอีกคนตรงๆ เป็นไงเป็นกัน ตอนนี้พวกเขาอยู่ท่ามกลางงานที่มีฝูงชน เจย์เดนไม่กล้าทำอะไรแน่ และคงไม่กล้าพอที่จะฉีกหน้ากากตัวเองด้วย ซึ่งแขกเหรื่อก็เริ่มทยอยมาจนแน่นขนัด
“อย่ามายุ่ง!”
เด็กหนุ่มผู้ไม่รู้เงาหัวตัวเองพูดกระแทกใส่หน้าเจย์เดนอย่างต้องการกวนประสาท ทำเนียนเดินกระแทกไหล่แข็งผ่านไป ฝ่ามือใหญ่พลันจับกระชากข้อมือเล็กพร้อมแรงบีบหนักหน่วง
“ปล่อยนะเว้ย!”
เลียมเบ้หน้าด้วยความเจ็บ สายตาหลุกหลิกมองอีกฝ่ายด้วยความทึ่ง เพราะตอนนี้ใบหน้าของเจย์เดนกำลังประดับด้วยรอยยิ้มหวานหยด!
“เลียม งานใกล้เริ่มแล้วนะครับ เราต้องไปแสตนด์บายที่ข้างเวทีได้แล้ว”
“แหม ดีดี้ตามหาตั้งนานแน่ะค่ะคุณเจย์ ที่แท้ก็มาตามนายแบบนี่เอง เรื่องใส่ใจงานทุกรายละเอียดนี่ไม่มีใครเกินคุณเลยนะคะ”
สตาฟฟ์สาวเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์อีรุงตังนังและเข้าใจไปแบบผิดๆ อีกทั้งยังเอ่ยปากชมปีศาจร้ายในคราบเทวดา
เลียมไม่เข้าใจ ทำไมมีแค่เขาที่เห็นธาตุแท้ของเจย์เดน!?
เจ็บใจที่รู้ว่าคนๆ หนึ่งไม่ใช่คนดีอย่างที่แสดงออกมา แต่คนอื่นกลับไม่รับรู้ อีกทั้งยังสรรเสริญบูชา ชวนให้เลียมรู้สึกหงุดหงิดและมันไส้ไปในคราวเดียวกัน
“ดีดี้มาตามผมไปที่จอมอนิเตอร์ใช่ไหม เดี๋ยวผมตามไปครับ ต้องสอนงานเด็กใหม่อีกนิดหน่อยน่ะ” เจย์เดนพูดไหลลื่นอย่างไม่รู้สึกกระดากปาก
สอนงานเด็กใหม่? เหอะ!
“รับทราบค่า” สาวเจ้าเดินยิ้มคิกคักเมื่อเจอรอยยิ้มโปรยเสน่ห์ของผู้ชายร้ายลึกคนนี้เข้าไป
เมื่อดีดี้เดินไปจนพ้นสายตา เจย์เดนก็ลากเลียมให้เดินตามเขาไป ระหว่างทางเขาก็ทักทายคนโน้นทีคนนี้ทีด้วยหน้ากากและบทบาทที่เขากำลังสวมอยู่
แต่เมื่อมาถึงข้างเวทีที่จุดแสตนด์บายของนายแบบ เจย์เดนก็สะบัดมือเลียมออกอย่างแรง มือใหญ่เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นสันกรามของคนอวดดี นิ้วยาวแทบจมหายเข้าไปในแก้มเพราะแรงกดที่เขาเป็นคนส่ง แม้เลียมจะเจ็บแต่สายตาที่แสดงออกถึงความสมเพชจดจ้องกลับไปไม่ลดราวาศอก ราวกับกำลังก่นด่าคนหลายหน้าอยู่ในใจ
ที่กล้าทำขนาดนี้เพราะไม่มีใครอยู่ตรงนี้ล่ะสิ เหอะ
“เธอจะอยากรู้อยากเห็นไปถึงเมื่อไหร่” น้ำเสียงกดต่ำกับสายตาคุกรุ่นทำให้เลียมต้องลอบกลืนน้ำลาย
“จนกว่าคุณจะปล่อยผมไป!”
แม้ตอนนี้จะปวดกระดูกบริเวณสันกรามจนรู้สึกราวกับมันจะร้าวเลียมก็ไม่สน เขาพูดสวนไปให้ชัดๆ เท่าที่จะทำได้
หากเล็บเจย์เดนยาว รับรองว่ามันต้องจิ้มทะลุแก้มเขาไปแน่ๆ
“มุกตื้นๆ”
เจย์เดนว่าพลางสะบัดปล่อยมือที่ล็อกสันกรามเลียมออกอย่างแรงจนอีกฝ่ายหน้าหัน คอแทบเคล็ดเพราะแรงเหวี่ยง สายตาของเจย์เดนในตอนนี้นั้นเลียมอ่านไม่ออก มันคล้ายกับสายตาของเซน ทว่ามีความแตกต่าง สายตาของเซนเป็นความว่างเปล่ายากจะหยั่งถึง เป็นแววตาที่ราวกับจะดูดกลืนคนมองเข้าไป
แต่สายตาของเจย์เดนมันไม่ใช่ มันดูเหมือนว่างเปล่าไม่มีอะไร แต่มันกลับให้ความรู้สึกน่าขนหัวลุกและน่าหวาดกลัว เหมือนแววตาของคนที่พร้อมจะฆ่าคนอื่นอยู่ตลอดเวลา
“ฉันเริ่มเบื่อซะแล้วสิ” เขาพูดพร้อมตวัดสายตามอง
‘ต่อต้านให้ถึงที่สุดสิ แล้วนายจะยืดระยะเวลาตายไปได้อีก’
ถ้ามันจริงอย่างที่เซนบอก เลียมยอมให้อีกฝ่ายเบื่อเขาไม่ได้เด็ดขาด
แต่ต้องทำอย่างไรล่ะ ต่อต้านเจย์เดนมันต้องทำอย่างไร!?
ขณะที่เลียมกำลังระดมสมองขบคิดอย่างหนัก หูก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังใกล้เข้ามา นั่นบ่งบอกว่าเหล่าสตาฟฟ์และนายแบบทุกคนกำลังจะเดินมาแสตนด์บายที่นี่ ขณะเดียวกันเจย์เดนก็กำลังสาวเท้ามาใกล้เขามากขึ้นด้วยท่าทางคุกคาม สายตาคมกริบมองเลียมเหมือนมองซากศพ มือขวาข้างหนึ่งหายไปที่ด้านหลังของตัวเองราวกับกำลังเอื้อมหยิบบางอย่าง
ต้องเป็นมีดสั้นแน่ๆ! เขากำลังจะโดนฆ่า!!
“มันคงถึงเวลาที่เธอจะต้องเตรี...”
“ช่วยด้วย!! ผมกำลังจะถูกข่มขืน!!!”
เลียมสวนขาเตะผ่าหมากอีกฝ่ายแบบไม่ให้ตั้งตัว ทว่าเจย์เดนไวกว่า เขาใช้มือตั้งรับได้ทัน ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้แผนของเลียมผิดเพี้ยนแต่อย่างใด เขาฉีกทึ้งเสื้อตัวเองจนขาดวิ่น เนื้อผ้าบาดผิวจนขึ้นรอยแดงเป็นปื้น ดึงมือของคนที่กำลังมองเขาตาไม่กะพริบให้มาจับที่สะโพกตน พลางรั้งคอแกร่งให้ซุกหน้าเข้าที่ลาดไหล่และกดไว้อย่างนั้น
เจย์เดนพยายามดันตัวเองออก แต่เลียมอาศัยพลังลูกบ้ารักตัวกลัวตายกดหัวอีกฝ่ายไว้ไม่ยอมปล่อย แสร้งทำเป็นดีดดิ้นโวยวาย ตะโกนเรียกร้องให้คนช่วยอย่างเก้ๆ กังๆ
ถึงเลียมจะไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพ แต่เขาคิดว่าคงไม่มีใครดูออก
“ปล่อยผมนะ! เจย์เดน คุณบ้าไปแล้วเหรอ!”
“เฮ้ย! เจย์เดน คุณทำบ้าอะไร!!”
สตาฟฟ์ผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาก่อนใครรีบตรงเข้ามากระชากร่างใหญ่ที่ได้รับบทเป็นผู้ร้ายให้ออกห่างจากเด็กหนุ่มซึ่งกำลังตัวสั่นงันงก และทุกคนที่ตามเข้ามาก็แสดงสีหน้าอึ้งกิมกี่
สายตาทุกคู่ล้วนมองไปยังเจย์เดน เลียมแสร้งทำทีเป็นตกอกตกใจและหลบอยู่หลังสตาฟฟ์ชายร่างใหญ่ ก้มหน้างุดจนคางแทบชิดอก ทุกคนคงคิดว่าเขากำลังอับอายและขวัญหนีดีฝ่อ
แต่ความจริงคือเขากำลังซ่อนรอยยิ้มสะใจและกลั้นขำจนไหล่สั่นต่างหากเล่า!
หึ แหลมาแหลกลับ ไม่โกง
____________________
ไอ้น้อนมันเป็นแสบนะ555555 เป็นไงล่ะพ่อ ไอน้องมันก็ไม่ได้หมูหรอกนะจะบอกให้! ปังมากลูก!
TBC.
PS.รีไรท์ตอนนี้เรียบร้อยแล้วนะคะ
Comments (0)