01

That corpse, did you kill him?

 

 

เลียมไม่เข้าใจ เจย์เดนทำบ้าอะไร!

ขนทั้งกายพร้อมใจกันตั้งชัน ไม่รู้ว่าขนลุกเพราะความสยิวตอนที่อีกฝ่ายเลียคอ หรือเพราะสายตาที่มองเหมือนทะลุตัวเขาไปกันแน่ ยิ่งเจย์เดนโน้มตัวลงมาใกล้มากเท่าไร เลียมก็ยิ่งเบียดตัวลงกับโซฟาจนแทบจะจมลงไปมากเท่านั้น

ไหนจะยังท่วงท่าที่ดูอย่างไรเขาก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ ไหนจะยังท่าทีคุกคามของคนอันตรายอีก เจย์เดนคิดจะทำอะไร?

“ถอยออกไป!” เลียมสั่งเสียงกร้าว แม้ในใจลึกๆ จะแอบหวั่นกับแววตาตายซากคู่นั้นไม่น้อย

สายตาที่เหมือนกับฆาตกรที่พร้อมจะฆ่าเหยื่อทุกเมื่อนั่นน่ะ...

“รู้อะไรมา” เจย์เดนถามซ้ำด้วยน้ำเสียงติดจะกดดัน

มือไม้ก็อยู่ไม่สุข เขาเลื่อนมือข้างหนึ่งที่ควรจะเท้าพนักพิงโซฟาไว้มาเกลี่ยไล้บริเวณแผ่นอกขาวที่มีรอยสักรูปจิ้งจอก เลียมเกร็งตัวด้วยความรู้สึกวูบวาบแปลกๆ

“แล้วคุณมีอะไรปิดบังอยู่ล่ะ” เด็กหนุ่มถามกลับอย่างจงใจกวนประสาท รีบปัดมือร้อนผ่าวออกจากอก สิ่งที่เจย์เดนทำมันโรคจิตชัดๆ !

ใครเขาถามกันแบบนี้?

ทว่าไร้ซึ่งคำตอบ เจย์เดนกัดฟันข่มอารมณ์จนสันกรามได้รูปนูนขึ้นชัดเจน เลียมจึงเหยียดยิ้มอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า

“ผมไม่อยากเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ พอดีมีเรื่องต้องทำ ขอตัว”

ไม่ว่าเปล่า เลียมอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายยังเหม่อนิ่งผลักอกแข็งออกอย่างแรง พลันรีบคว้าเสื้อกับกางเกงมาใส่ด้วยความเร็วแสง เลียมนอนกับผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ดี แต่เขาก็เลือก มีหรือที่จะไม่รู้ว่าท่าทีที่เจย์เดนแสดงออกมันหมายความว่าอย่างไร

ปากถามไป แต่สายตาที่ใช้มองมันร้อนแรงราวกับจะกลืนกิน

“เธอหนีฉันไปไม่ได้ตลอดหรอกเลียม”

ซึ่งฝ่ายนั้นก็ไม่เข้ามาเซ้าซี้อีก เจย์เดนทำเพียงแค่กอดอกมองคนที่กำลังแต่งตัวลวกๆ ด้วยท่าทีสบายๆ

“ผมไม่ได้หนี แต่ผมรังเกียจคนแบบคุณ”

วูบหนึ่งที่แววตาคมวาวโรจน์ เสี้ยววินาทีต่อมาเลียมก็ถูกคุกคามด้วยเจ้าของเรือนกายใหญ่โต การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทันทำให้เลียมตกใจจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แผ่นหลังโดนผลักให้แนบชิดกับกำแพงเย็นชืด ข้อมือทั้งสองข้างถูกตรึงไว้บนผนังโดยมือใหญ่ ขาแกร่งแทรกเข้ามากลางหว่างขาของเขาอย่างหยาบโลน

ด้วยความที่เจย์เดนสูงกว่าเลียมอยู่มาก ทำให้ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนโดนอำนาจที่ยิ่งใหญ่บดบัง

“เราจะได้เจอกันอีก”

คนอวดเก่งแทบไม่กล้าหายใจ อีกฝ่ายโน้มใบหน้าลงมาจนชิด ริมฝีปากของพวกเขาแทบจะสัมผัสกัน ยามที่เจย์เดนขยับปากพูด เลียมก็ใจกระตุกด้วยกลัวว่ามันจะโดน...

“ฉันยังมีวิธีอีกมากที่จะใช้เปิดปากเธอ”

“อะ...ไอ้เหี้ย!”

เลียมพ่นถ้อยคำผรุสวาทต่อว่าคนตรงหน้าด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ เจย์เดนก็ทำในสิ่งที่เขาไม่คาดคิด หัวเข่าขยับขึ้นสูงแล้วจงใจถูมันเข้ากับเป้าเขาอย่างลามก ทั้งๆ ที่สีหน้าก็ยังนิ่งสนิทไม่เปลี่ยนไปแม้เพียงนิด

นี่สินะตัวจริงของผู้ชายคนนี้!

“โอ๊ย!”

“ฉันอายุมากกว่าเธอถึงแปดปี อย่าริอาจมาด่าฉัน” ฟันคมฝังลงบนต้นคอขาวอย่างแรงก่อนจะผละออกไปทันที ของเหลวสีสดไหลซึมออกมาตามรอยถลอก

เลียมได้แต่กระฟัดกระเฟียดเดินออกมาจากห้องแต่งตัวเพราะทำอะไรไม่ได้ เจย์เดนหายเข้าไปในห้องน้ำนานสองนาน เขารอเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมออกมาเสียที เขาสาบานกับตัวเองไว้ว่าหากครั้งหน้าเจอกันจะต้องต่อยปากมันให้ได้!

หงุดหงิด...หงุดหงิดจนจะทนไม่ไหวแล้ว!

 

 

หลายวันต่อมา

วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่มีทั้งคาบเรียน ไม่มีทั้งงานพาร์ตไทม์ที่ต้องทำ เลียมจึงออกมาซิ่งบิ๊กไบค์ลูกรักที่เพิ่งถอยมาได้เมื่อสองสามวันก่อน บอกได้คำเดียวว่าตอนนี้เขารู้สึกดีมาก รักรถและเห่อมันยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น ขนาดเพื่อนรักอย่างเอซจะขอซ้อนท้ายให้ไปส่งยังที่ทำงาน เขายังไม่ยอมเลย!

เอี๊ยด!

เลียมเบรกกะทันหันจนล้อตวัดส่าย ทว่าเขาควบคุมมันได้อย่างชำนาญจึงไม่เกิดปัญหา สองตาจับจ้องไปยังร่างคุ้นตาซึ่งกำลังถูกผู้ชายใส่สูทดำหลายคนลากให้เข้าไปในตรอกแคบๆ ตรอกหนึ่ง เขาจอดรถเทียบฟุตบาทไว้แล้วย่องเดินไปที่ตรอกนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ไม่ใช่ความเป็นห่วง...แต่จะตามมาสะใจ ก็คนที่เขาเห็นว่าโดนลากน่ะคือเจย์เดน!

เลียมนึกสมน้ำหน้าอีกฝ่ายอยู่ในใจ คิดว่าคงไปขัดแข้งขัดขาใครเข้าเลยต้องโดนแบบนี้ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่

ทว่ายังเดินไปไม่ถึงกลับได้ยินเสียงร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด เสียงหลายเสียงรวมถึงเสียงเนื้อกระทบกระดูกดังปะปนออกมามั่วจนฟังไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร เลียมคิดว่าอาจเกิดการตะลุมบอนขึ้น แต่เจย์เดนหัวเดียวกระเทียมลีบ อาจจะโดนจนอ่วมหรือปางตาย

ตึก ตึก ตึก...

เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังเด่นชัดออกมาจนเลียมต้องหยุดเดินและแสร้งทำเป็นยืนคุยโทรศัพท์ ทั้งๆ ที่สายตาก็คอยแอบมองที่ตรอกนั้นเป็นระยะๆ ว่าจะเป็นใครที่โผล่ออกมา โดยเว้นระยะให้อยู่ในที่ๆ มั่นใจว่าฝ่ายนั้นจะไม่ทันได้สังเกตเห็นเขา

“เสียเวลา”

!!!

เลียมตกใจจนแทบเผลออุทานออกไป แต่ก็ปิดปากได้ทัน เขาคนนั้นจึงไม่ได้หันมาใส่ใจ สภาพของเขาเกรอะกรังไปด้วยเลือด ถนนเส้นนี้ไม่ค่อยมีคนและไม่ค่อยมีรถสัญจรไปมาทำให้เขาคนนั้นย่ามใจ ใบหน้าขาวจัดมีหยดเลือดสาดกระเซ็นเลอะติดดูน่ากลัว

ทว่าเจ้าของรอยเลือดนั้นกลับทำเพียงแค่ปาดคราบสีแดงสดเหล่านั้นออกด้วยท่าทางเบื่อโลก

เขาคือเจย์เดน!!!

“ต้องทิ้งชุดอีกแล้ว”

มันเป็นไปได้อย่างไร...ทั้งๆ ที่พวกนั้นมีกันตั้งหลายคน แต่เจย์เดนกลับไม่มีบาดแผลหรือแม้แต่รอยขีดข่วน!

มือใหญ่ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีดำผืนบางออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะบรรจงเช็ดรอยเลือดบนมือแล้วทิ้งผ้าผืนนั้นอย่างไม่ใยดี

สายลมแรงพัดผ่านเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เขาปล่อยผ้าเช็ดหน้าลงพื้น มันปลิวว่อนมากองอยู่แทบเท้าของเลียมพอดิบพอดี พร้อมทั้งถูกคลี่ออกจนเห็นกุหลาบแดงที่ถูกปักอยู่ตรงมุมผ้า ซึ่งมันปักด้วยด้ายทำมือ

เลียมขนลุกซู่ไปทั่วร่าง แต่เมื่อเงยหน้ามองอีกทีก็พบเพียงความว่างเปล่า

อะไรกันผู้ชายคนนี้...

เลียมกลับบ้านมาด้วยสติที่ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวนัก เจย์เดนทำให้เขาแปลกใจได้ไม่หยุดหย่อน อีกฝ่ายเป็นคนน่ากลัว นั่นคือสิ่งที่เลียมแน่ใจ หนำซ้ำยังเป็นประเภทที่ชอบสวมหน้ากากเข้าหาคนอื่นเสียด้วย เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกว่าคนที่อยู่รอบๆ ตัวเจย์เดนไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะเอซ!

เขาเริ่มพะว้าพะวน งานที่เอซทำมันเสี่ยงเจอกับเจย์เดนบ่อยครั้ง

แล้วถ้าหาก...ถ้าหากเจย์เดนยังไม่รามือจากเขา แล้วรู้ว่าเขาสนิทกับเอซ เรื่องจะเป็นอย่างไร?

ไม่ได้การ เลียมต้องบอกเรื่องนี้ให้เอซรับรู้!

[ข่าวเด่นวันนี้ มีคนพบศพนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เอเนล ประธานบริษัท GK Group ที่ห้องทำงานของเจ้าตัว ตำรวจคาดว่าน่าจะเป็นคดีฆาตกรรมค่ะ จากการชันสูตรศพเบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายใช้อาวุธเป็นของมีคมกระหน่ำแทงคุณเอเนล แต่ก็ยังหาอาวุธไม่พบ นี่ค่ะ ภาพห้องทำงานดูเละเทะเหมือนมีการต่อสู้เกิดขึ้นจริงๆ นั่นแหละค่ะ ทางตำรวจก็ออกมายืนยันว่าจะตามหาตัวคนร้ายให้ได้ด้วยค่ะ]

“เฮ้อ คนเราหนอ เห็นกันอยู่หลัดๆ” ชายวัยกลางคนทอดถอนหายใจขณะจดจ้องข่าวน่าสลดบนจอแก้วอยู่บนโซฟากลางบ้าน

“นี่มันประธานบริษัทที่พ่อทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ” เลียมถาม

“ใช่ พ่อก็เพิ่งรู้ข่าวนี่แหละ พรุ่งนี้บริษัทวุ่นวายกันใหญ่แน่”

เลียมเหลือบตามองจอสี่เหลี่ยมที่กำลังฉายภาพในที่เกิดเหตุอีกครั้ง ก่อนจะชาวาบไปทั้งตัว รู้สึกราวกับหัวใจกำลังจะหยุดเต้น ชาตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า ม่านตาขยายเหยียดอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น...

ปักดอกกุหลาบสีแดงด้วยด้ายทำมือแบบนั้น...

มันเป็นของเจย์เดนไม่ผิดแน่!

ผ้าเช็ดหน้าสีดำตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ภาพในจอฉายซ้ำไปมา ทว่าดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นที่สนใจของตำรวจสักเท่าไร

แม้ตอนนั้นเลียมจะเห็นว่าเจย์เดนทิ้งมันก็ตาม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีแค่ผืนเดียวสักหน่อย บางทีก็เป็นไปได้ว่าเจย์เดนจะเกี่ยวข้องกับการตายของเอเนล!

เสียงเรียกเข้ามือถือดังขัดความคิด เมื่อเห็นชื่อผู้โทรเด่นหราทำให้เขากดรับแทบจะทันที

“วะ ว่าไงเอซ..”

เลียมลืมสิ่งที่อยากจะบอกเอซไปก่อนหน้านี้จนหมดสิ้น ในหัวมีแต่คำถามเกี่ยวกับเจย์เดนเต็มไปหมด

[กูมีข่าวดีจะมาบอกว่ะ กูไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง!]

“อะไรวะ รีบๆ พูดมาดิ” เลียมเร่งเร้าพลางพยายามตั้งสติ

[กูกับเจย์เดน...ตอนนี้เราคบกันอยู่ว่ะ]

“ว่าไงนะ!!!”

บางที...พระเจ้าก็เล่นตลกกับชีวิตคนเรามากเกินไป

 

 

 

“เรื่องนี้มึงต้องอธิบาย มันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง!”

เลียมกระแทกฝ่ามือตบโต๊ะไม้จนมันสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วร้านกาแฟ หากแต่ตัวการหาได้สนใจไม่ เขามองเพื่อนตัวเองสลับกับเจย์เดนที่ทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว แม้เจะยังไม่รู้ตัวจริงของเจย์เดนและหวาดหวั่นในตัวอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่เพื่อนย่อมสำคัญกว่า

จะให้ไปอยู่ใกล้ตัวอันตรายแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด!

“คะ คือว่า...”

เอซทำท่าอึกอัก แต่นั่นไม่ได้ทำให้เลียมหนักใจไปมากกว่าสีหน้าเขินอายที่ฉายชัดออกมา ตากลมใต้แว่นสี่เหลี่ยมหลุกหลิกไปมาเหมือนกำลังประหม่า

“อึกอักอยู่ได้! งั้นคุณบอกผมมา”

เลียมพุ่งเป้าไปที่เจย์เดนแทน ตอนแรกเขาตั้งใจเรียกเอซมาคุยคนเดียว แต่เพื่อนตัวดีของเขากลับหิ้วแฟนป้ายแดงมาด้วย ทำให้เลียมไม่สามารถพูดออกไปโต้งๆ ได้ว่าเจย์เดนอันตรายและร้ายกาจแค่ไหน

“ก็ผมชอบเพื่อนคุณนี่ครับ เหตุผลแค่นี้ยังไม่พอเหรอ”

เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาฉีกยิ้มอย่างคนอัธยาศัยดี ทว่าเลียมรู้ดีว่านี่เป็นเพียงละครฉากใหญ่ที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นเท่านั้น

“ผมไม่เชื่อ!”

เลียมโวยวายเสียงดังออกมาอีกรอบตามประสาคนอารมณ์ร้อน

“เฮ้ย มึงใจเย็นดิวะเลียม มึงเป็นอะไรเนี่ย ปกติมึงไม่งี่เง่าแบบนี้นี่”

“กูขอเวลาสักสิบนาทีนะเอซ กูอยากคุยกับเจย์เดนตามลำพัง”

“ก็ได้ เจย์เดนเขาบอกกูไว้ก่อนแล้วล่ะว่าต้องเกิดเรื่องแบบนี้ แต่นั่นเพราะมึงเข้าใจเขาผิดนะเว้ย ยังไงก็คุยกันดีๆ กูหวังว่ามึงจะเข้าใจกูนะ”

หนุ่มแว่นพูดด้วยท่าทีใจเย็น ก่อนที่ตัวเองจะลุกออกไปเพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนและแฟนของตนคุยกันตามลำพัง หารู้ไม่ว่าทุกสิ่งที่เจย์เดนบอกนั้นล้วนเป็นเรื่องปั้นแต่ง ทันทีที่แผ่นหลังเอซหายลับออกไปนอกร้าน รอยยิ้มร้ายก็ปรากฏให้เห็นบนใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าพ่อแฟชั่นแห่งวงการบันเทิง

“หึ หางโผล่เลยนะ”

คำพูดค่อนแคะออกมาจากปากสีเรื่อ ซึ่งมันทำให้เจย์เดนเผลอมองตามริมฝีปากที่ขยับด่าเขาฉอดๆ อย่างลืมตัวตลอดมาตั้งแต่นั่งร่วมโต๊ะกัน

มันน่าจับขยี้ให้ช้ำ กัดให้ปากแตก...

สายตาดิบเถื่อนลอบมองเรือนกายที่มีผิวสองสีโดยที่เจ้าของเรือนร่างไม่ทันได้รู้ตัว เลียมสวมเสื้อกล้ามสีดำตัวเดียวกับกางเกงยีนโหลดต่ำ โชว์รอยสักที่หัวไหล่ ต้นคอและแผ่นหลังจนเห็นเกือบหมด ส่วนที่เคยอยู่ใต้ร่มผ้าขาวผ่องตัดกับผิวสีแทนคล้ำนอกร่มผ้าซึ่งเป็นผลมาจากการตากแดดตากลม

“ปากดี”

เจย์เดนเสสายตามองไปทางอื่น ขืนจ้องเลียมมากไปกว่านี้เขาอาจจะทนไม่ไหวขึ้นมาจริงๆ ก็ได้

“จะบอกจุดประสงค์ได้รึยัง”

“บอกฉันมาสิ”

“...”

“รู้อะไรเกี่ยวกับฉันบ้าง แล้วฉันจะเลิกยุ่งกับเธอ รวมถึงเพื่อนของเธอด้วย”

เจย์เดนเท้าคางมองหน้าเลียมพร้อมทั้งส่งยิ้มหวานจนตาแทบเป็นเส้นตรง คนอื่นที่มองมาคงคิดว่าภาพนี้มันน่ารักน่าดูชม เหมือนคู่รักที่มาเดตกันแล้วมีแต่ความหวานแหวว และเขาก็เป็นคนดัง จึงไม่แปลกที่คนรอบข้างจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ ทว่าความจริงแล้วเจย์เดนแค่ต้องการกวนประสาทคนตรงหน้าก็เท่านั้น

“ศพนั่น...คุณฆ่าเขาใช่ไหม” เลียมกลั้นใจถามออกไป แม้ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรที่โหดร้ายหรือไม่ก็ตาม แต่เขาต้องการความแน่ใจ

“ศพไหน ฉันจำไม่ได้หรอกว่าฆ่าใครไปบ้าง”

เจย์เดนตอบเสียงเรียบเหมือนพูดประโยคธรรมดา นิ้วเรียวเกี่ยวหูแก้วกาแฟแล้วยกขึ้นจิบด้วยท่าทีสบายๆ

“เอเนล”

กึก

ถ้วยกาแฟในมือที่กำลังจะวางลงในจานรองถึงกับสะดุดกึก น้ำสีดำกระฉอกหกรดมือใหญ่จนแดงเถือกเพราะความร้อน ทว่าคนโดนลวกกลับไม่มีปฏิกิริยาสักแอะ เจย์เดนบรรจงวางมันลงอีกครั้งพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหาผ้าเช็ดหน้าคู่ใจออกมาเช็ดทำความสะอาด

เลียมชะงักพลันเบิกตากว้าง สิ่งที่เขาคิดมันต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน...

ผ้าเช็ดหน้าสีดำ มีดอกกุหลาบที่ถูกปักด้วยด้ายแดงอยู่ตรงมุมผ้า ซึ่งตอนนี้เจย์เดนกำลังใช้มันบรรจงเช็ดคราบกาแฟที่หกใส่มือเขาอยู่!

“เธอจะพูดอะไรกันแน่” สายตากดดันกว่าทุกทีที่จ้องมองมาทำเอาเลียมเสียวสันหลัง

“แม่ง เหี้ยเงียบนี่หว่า” ทว่ายังฝืนทำใจดีสู้เสือ เลียมแสยะยิ้มร้ายทำเหมือนไม่กลัวเกรงต่อสายตาของเจย์เดน “คุณฆ่าเอเนล”

“ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”

เจย์เดนยังคงยิ้ม เขาทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดของเลียม หากแต่ดวงตาสีฟ้าเข้มกลับคมกริบ มองอีกฝ่ายอย่างเชือดเฉือน มันดูวาวโรจน์ราวกับมีเปลวเพลิงแห่งความโกรธลุกโชนอยู่ในนั้น ซึ่งหากไม่มองดีๆ ก็คงไม่รู้เลยด้วยซ้ำ เพราะมันช่างชัดกับใบหน้ายิ้มแย้มของเจ้าตัวเสียเหลือเกิน

“ผมรู้ก็แล้วกัน และขอเตือน”

“...”

“อย่ามายุ่งกับเอซ ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงตำรวจ”

เลียมรู้ว่าสิ่งที่ตนพูดมันไร้สาระสิ้นดี เขาไม่มีหลักฐานมากพอที่จะแจ้งตำรวจได้หรอก โดยหารู้ไม่ว่าคำพูดเหล่านั้นกำลังย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง เพราะชายหนุ่มตรงหน้าไม่รู้ว่าเลียมรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาบ้าง ยิ่งเลียมพูดแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เจย์เดนรู้สึกว่าต้องจัดการเลียมมากกว่าเดิม

เพล้ง!

“เฮ้ย!”

“ว้าย! เป็นอะไรมากไหมคะคุณลูกค้า!”

พนักงานสาวที่กำลังเสิร์ฟโต๊ะอื่นถึงกับต้องรีบรุดมาดูบาดแผลในมือเจย์เดน เลียมเห็นว่าเขาสะบัดมันออกแล้วแสร้งทำยิ้มกลบเกลื่อน

“โอ๊ะ มันแตกได้ยังไงเนี่ย แย่จัง”

เลียมมองเจย์เดนด้วยความอึ้งทึ่ง เขาเห็นกับตา...

ว่าผู้ชายตรงหน้าบีบแก้วกาแฟจนมันแตกคามือ!

“คงเป็นความผิดของทางเราค่ะ แก้วเซรามิคมันไม่น่าจะเปราะได้ขนาดนี้แท้ๆ ทางเราขอรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลให้คุณลูกค้าเป็นการชดใช้นะคะ”

ผู้จัดการร้านออกมาขอโทษด้วยตัวเอง คิดว่ามันคงเป็นเหตุสุดวิสัย แก้วกาแฟร้านเธอสั่งทำอย่างหนาเพื่อรักษาความร้อนให้ได้นานที่สุด มันอาจเกิดความผิดพลาดจากทางโรงงานก็เป็นได้

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้อง แค่นี้เล็กน้อยมากจริงๆ”

เลือดสีแดงสดไหลอาบฝ่ามือใหญ่ และยังคงทะลักออกมาอีกเรื่อยๆ แต่เลียมที่นั่งดูอยู่เฉยๆ กลับแปลกใจที่ไม่เห็นอีกฝ่ายร้องเจ็บหรือเบ้หน้าแม้สักนิด

“ถ้าอย่างนั้นทางเราขอให้คุณมาทานกาแฟร้านเราฟรีหนึ่งเดือนแล้วกันนะคะคุณลูกค้า หากคุณยังไม่รับอีกทางเราคงลำบากใจ”

“ก็ได้ครับ แต่ตอนนี้ผมขอผ้าพันแผลก่อนได้ไหมครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานให้ผู้จัดการสาวจนแก้มเธอขึ้นสีระเรื่อ

“ดะ ได้ค่ะ!”

เธอหายไปสักพักก่อนจะกลับมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาลในมือ เจย์เดนจึงเลื่อนกล่องเจ้าปัญหามาตรงหน้าเลียม เป็นเชิงให้เขาทำแผลให้

แต่ฝันเถอะว่าเขาจะทำ!

“เป็นง่อยเหรอ”

“คุณเป็นอะไรน่ะเจย์!”

ตอนนี้เวลาสิบนาทีของเลียมได้หมดลงแล้ว เอซที่เดินเข้ามาเห็นบาดแผลบนฝ่ามือของเจย์เดนก็ทำท่าตกอกตกใจ ก่อนจะรีบลงมือทำแผลให้แฟนป้ายแดงทันที

“ชิท!” นายแบบโนเนมสบถในลำคอเมื่อเห็นภาพตรงหน้า สีหน้าเป็นห่วงเป็นใยของเพื่อนรักที่มีให้เจย์เดนทำเขาพูดไม่ออก

พูดไม่ออกว่าเจย์เดนเป็นคนอย่างไร และอันตรายมากแค่ไหน!

เพราะดูเหมือนว่าเอซจะชอบเจย์เดนมากเลยทีเดียว

 

 

 

[ทำดีมากเจย์]

“ขอบคุณครับ หากท่านมีอะไรอีกก็สั่งผ่านแมรี่ได้เลย”

[ตอนนี้คงพักยาว ยังไม่มีใครกล้ามาขัดแข้งขัดขาฉันสักเท่าไหร่]

“...”

[งานเนี้ยบเหมือนเดิมเลยนะนายน่ะ]

“ผมดีใจที่ท่านไว้วางใจในตัวผม”

[อืม]

ติ๊ด!

สายตาคมเหม่อมองออกไปนอกกระจก เฝ้ามองรถราคาคั่งอยู่เต็มท้องถนนยามค่ำคืน แสงไฟจากตัวเมืองยามท้องฟ้ามืดมิดดูมีสีสันสวยงาม

มือใหญ่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตด้วยท่าทางเหนื่อยล้า ก่อนจะจิบไวน์แดงผ่อนคลายสมองด้วยท่วงท่างดงามอย่างคนที่ได้รับการฝึกอบรมมารยาทมาเป็นอย่างดี

“ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าเธอถือไพ่แบบไหนไว้...เลียม”

ฝ่ามือที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลถูกยกขึ้นจนเสมอกับระดับสายตา ในหัวของเจย์เดนมีแต่คำพูดของเลียมวนเวียนไปมา และเขาจะต้องหาคำตอบให้ได้

เพราะหากรู้ตัวตนของเขาเข้าจริงๆ ...

มันนั่นแหละที่จะต้องขนหัวลุก!

 

 

_____________________

ไอน้อน เตรียมตัวรับมือไว้เลย...พิเจย์นี่แหละของจริง! 555555 ดันไปห้าวด่องๆกะพี่เค้า เองลูววว

TBC. 

PS.ตอนนี้ทำการรีไรท์เรียบร้อยแล้วนะคะheart