第二章: 大海

TRIGGER WARNING: INCEST, SEXUAL ABUSE, THOUGHTS ABOUT SUICIDE/DEATH

CONTENT WARNING: NON-CONDOM SEX, NON-CONSENSUAL SEX (FORCED SEX)

ตอนนี้มีเนื้อหาที่ผิดศีลธรรมและจารีตประเพณีอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังผิดกฎหมายและไม่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปในสังคม (นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี/ต้องห้าม) ห้ามลอกเลียนแบบโดยเด็ดขาด ผู้กระทำผิดสมควรได้รับโทษจากบรรทัดฐานทางสังคมโดยเฉพาะด้านจารีตประเพณี (ถูกสังคมตราหน้า/เหยียดหยาม/สาปแช่ง) และกฎหมาย (ความผิดทางอาญา: จำคุก)

มาโบโรชิ ไทโย ภาพมายาสีน้ำเงินแห่งห้วงสมุทร ผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตของผมนอกจากไดจิ พวกเราทั้งสามคนรู้จักกันตั้งแต่เด็กเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน อย่างที่เขาเคยบอกว่าพ่อแม่ของเขาทั้งสองคนตายหมดแล้ว นั่นหมายความว่าตอนนี้เขาอยู่อาศัยที่บ้านหลังนั้นเพียงลำพังเพราะไม่มีญาติคนอื่น ๆ เหลืออีกแล้ว ไทโยเล่าให้ผมฟังว่าเขาเกือบจะมีน้องสาว แต่โชคร้ายที่มาโบโรชิซังแท้งลูกเสียก่อน เธอจึงไม่มีโอกาสได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก ส่วนพ่อของไทโยตายตั้งแต่ตอนที่เขายังไม่เกิดแล้ว

เอกลักษณ์ของไทโยคือดวงตาสีน้ำเงินที่เปรียบเสมือนกับห้วงสมุทรอันลึกลับซึ่งเข้ากับชื่อจริงของเขา – ไทโย (大海) ที่แปลว่ามหาสมุทรนั่นเอง นอกจากนั้นแล้วดวงตาของเขายังส่องประกายแสงออกมาราวกับเงาของดวงจันทร์ที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำอีกด้วย เคยมีคืนหนึ่งที่ผมเอาแต่จ้องมองมันจนตกอยู่ในภวังค์แห่งความลุ่มหลงโดยไม่รู้ตัว

“คิชิ นายมองตาฉันนานเกินไปแล้วนะ” ดูเหมือนว่าผมจะเผลอทำแบบนั้นอีกแล้วจนเขาจับสังเกตได้ “มันสวยขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ใช่ มันสวยมากเลยล่ะ ฉันไม่เคยเห็นใครมีตาสีน้ำเงินนอกจากนายมาก่อน” ผมกล่าวชมดวงตาสีแซฟไฟร์ของเขา

“นายนี่เอาแต่พูดประโยคนี้อยู่เรื่อยเลย ฮะฮะ” ไทโยหัวเราะก่อนที่จะระบายความในใจ “แต่บางทีฉันก็อยากเป็นเหมือนคนปกติบ้าง”

“เรื่องนั้นฉันเข้าใจ”

ดวงตาคู่นั้นของไทโยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเกือบทั้งเกาะและเพื่อนในโรงเรียนไม่ค่อยอยากผูกมิตรกับเขาสักเท่าไหร่ หลาย ๆ คนมักบอกว่าเขาเป็นตัวประหลาด บางคนถึงขั้นบอกเขาว่าเขาเป็นหนึ่งในสมุนของแม่มดแห่งท้องทะเล คงจะมีแต่ผมกับไดจินี่แหละที่เข้าใจและคอยปกป้องไทโยมาตลอด

“ขอบใจนะคิชิ” ภาพมายาสีน้ำเงินยิ้มให้กับผม “ว่าแต่ ฉันว่าตอนนี้พวกเรากลับบ้านไปนอนกันเถอะ ฉันเริ่มง่วงแล้วล่ะ”

“แย่จัง” ผมถอนหายใจ “ก็ได้ ๆ พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”

“โอเค ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะ” ไทโยลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเดินจากไป ส่วนผมก็ได้แต่โบกมือลาเขาอย่างเงียบ ๆ

“แล้วเจอกันใหม่นะไทโย”

ในที่สุดช่วงเวลาแห่งความระทึกก็มาถึง อีกเหตุผลที่ผมว่ายน้ำตอนกลางคืนจนดึกดื่นก็เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับสัตว์นรกตนนั้น ในทุก ๆ คนผมต้องกลับบ้านตอนที่มันหลับแล้วอยู่เสมอ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วผมจะ...ไม่ วันนี้ผมจะไม่ยอมตกเป็นทาสของมันเป็นอันขาด

หลังจากที่เช็กเวลาแล้ว ผมก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปยังบ้านของอิคาริอย่างเงียบ ๆ จากนั้นจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วบิดลูกบิดเพื่อประตูเข้าไป ปรากฏว่าชั้นล่างของบ้านไม่มีใครอยู่เลย มีเพียงแค่รูปปั้นของชินเอ็นที่กำลังจ้องมายังผมเพียงเท่านั้น สงสัยอิคาริคงจะกลับมาแล้วเข้านอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่าวันนี้ผมอาจจะรอดพ้นจากมันก็เป็นได้ แต่ก่อนอื่นผมต้องตรวจสอบอะไรบางอย่างเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง

ผมเดินขึ้นบันไดไม้โดยที่ลงน้ำหนักเท้าให้เบาที่สุดเพราะกลัวว่ามันจะได้ยินเข้า อันที่จริงบ้านหลังนี้ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่สำหรับผม...ไม่สิ มันดีกว่าบ้านหลังนั้นของพ่อแม่เยอะเลย ทั้งขนาดที่ใหญ่กว่าหลายเท่าตัว เครื่องเรือนหรูหรา ของประดับตกแต่งจำนวนมาก ถ้าลุงของผมไม่ใช่บุคคลที่ชื่ออิคาริผมคงใช้ชีวิตอยู่ในบ้านนี้อย่างมีความสุข แต่นี่...ตัวตนของมันทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นขุมนรกไปโดยปริยาย ชาติที่แล้วผมทำกรรมอะไรไว้ถึงได้มาเจอสิ่งเลวร้ายแบบนี้กันนะ?

“ประตูล็อกอย่างนั้นเหรอ?”

หลังจากที่เดินขึ้นมาจนถึงชั้นบนสุดผมก็ทดสอบโดยการลองหมุนลูกบิดประตู ผลปรากฏว่าอิคาริกลับมาแล้วจริง ๆ คืนนี้ผมน่าจะได้นอนหลับเต็มอิ่มโดยที่ไม่ฝันร้ายเป็นแน่แท้ ผมต้องขอบคุณเทพหมื่นเนตรหมื่นดาราที่ประทานความเมตตาต่อมนุษย์คนนี้เพียงคนเดียวที่ยังนับถือท่าน

“ในที่สุดฉันก็จะ—”

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของตัวเองผมก็ตกใจจนสิ้นสติ ปีศาจร้ายแห่งเกาะตะวันครามกำลังนอนอยู่บนเตียงสีฟ้าของผมด้วยเรือนร่างที่เปลือยเปล่าพลางส่งมอบรอยยิ้มอันน่าเกลียดน่ากลัวให้กับผม ร่างกายของผมแข็งทื่อราวกับรูปปั้นหินของชินเอ็นที่อยู่ชั้นล่าง เมื่อมันเห็นผมแล้วมันก็ลุกออกจากเตียงแล้วเดินเข้ามาใกล้ผมอย่างช้า ๆ จนผมได้กลิ่นแอลกอฮอล์จนแทบอยากจะอาเจียนออกมา จากนั้นมันก็ใช้มือสาก ๆ ที่เต็มไปด้วยขนลูบไล้ไปตามใบหน้าของผม

ทำไมอิคาริถึงมาอยู่ที่ห้องนอนของผมได้กันนะ?

“คิชิคุงหลานรัก วันนี้ลุงคิดถึงหลานมากเลยล่ะ วันนี้ลุงเลยถือวิสาสะใช้กุญแจเพื่อเปิดประตูเข้ามารอหลานที่ห้องนอนเลยนะ ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ทำอะไรกันเลยนี่นา” อสูรร้ายที่ชื่ออิคาริแสยะยิ้ม “ช่วงนี้คิชิคุงกลับบ้านดึกจังนะ ลุงคิดว่าเธอก็น่าจะคิดถึงลุงเหมือนกัน ลุงพูดถูกใช่ไหม?”

“ใช่ครับ ช่วงนี้ผมซ้อมว่ายน้ำจนดึกดื่นน่ะ” ผมอธิบายเหตุผลไป

“อย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าเราสองคนอยากทำกันใช่ไหม?”

สัตว์นรกที่ใช้นามสกุลเดียวกับผมแสดงออกถึงความต้องการอันชั่วช้าภายในจิตใจออกมาโดยไม่คิดที่จะปิดบังเลยแม้แต่น้อย ผมได้แต่จำใจยอมรับชะตากรรมอันโหดร้ายและพยายามคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นภายในคืนนี้จะเป็นเพียงแค่ฝันร้าย พรุ่งนี้เช้าผมจะตื่นขึ้นมาด้วยความหวังที่จะหลุดพ้นจากมันอีกครั้ง บางทีความหวังนั้นอาจเป็นเพียงแค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ แต่พิธีสมุทรโลหิตปีนี้ผมจะทำให้มันเป็นจริงด้วยมือทั้งสองข้างของผมเอง

“ใช่ครับ ผมอยากทำกับลุง ผมรักลุงนะครับ” ทุกครั้งที่ผมพูดคำนั้น ในใจผมนึกอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดจนตายเสียให้ได้ คนที่ผมรักคือไทโยต่างหาก ผมไม่มีวันที่จะรักคนที่มีสายเลือดเดียวกันกับตัวเองอย่างแน่นอน

“ลุงเองก็รักคิชิคุงเหมือนกัน วันนี้เธอน่ารักดีนะ ว่านอนสอนง่าย ถ้าเป็นเด็กดีลุงก็จะไม่ทำอะไรเธอ แต่ถ้าเป็นเด็กดื้อ...เธอรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น?” มันกระซิบข้างหูผมพลางถอดเสื้อยืดของผมออก

“ผมรู้ดีครับ”

“ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เรามาเสพสุขกันเถอะ อย่ารอช้าอยู่เลย”

ชายวัยกลางคนที่เต็มไปด้วยเส้นขนดกดำใช้มือข้างขวาจับส่วนนั้นของร่างกายรูดขึ้นรูดลง ผมเองก็ต้องเปลื้องเสื้อผ้าส่วนที่เหลือแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่ามันจะหมดความอดทนเอา วันนี้ผมไม่รอดจากเงื้อมมือมันแล้วจริง ๆ ผมได้แต่หวังว่ามันจะทำผมอย่างนุ่มนวลกว่าครั้งก่อน ๆ ส่วนเรื่องทำความสะอาดช่องทางนั้นเลิกพูดไปได้เลยเพราะอิคาริบังคับให้ผมทำทุกวันจนแทบจะเป็นกิจวัตรประจำวัน

“เอ่อ...แล้วถุงยางล่ะครับ?” ผมถามเนื่องจากอิคาริทำท่าจะสอดใส่เข้ามาโดยที่ยังไม่ได้ป้องกัน

“ไม่ต้องหรอก วันนี้ลุงอยากให้พวกเรารู้สึกสนุกมากที่สุดน่ะ”

“แต่...”

“ไม่มีตงไม่มีแต่” สัตว์นรกตนนี้พูดด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ก็ได้ครับ”

“มันต้องอย่างนี้สิ”

อิคาริพูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปก่อนที่จะสอดใส่เข้ามารวดเดียวโดยที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว การที่แท่งเนื้อร้ายขนาดใหญ่ยักษ์เข้ามาในร่างกายของผมโดยที่ไม่มีของเหลวหล่อลื่นทำให้ผมได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสอันประเมินมิได้

“อุ๊บ!” อิคาริใช้มือขนาดใหญ่ปิดปากผมเพื่อไม่ให้ผมส่งเสียงร้องออกมา

“เบา ๆ หน่อยสิคิชิคุง เดี๋ยวคนอื่นจะได้ยินเอานะ”

“ข...ขอโทษครับ…อึก”

อิคาริเร่งจังหวะกระแทกร่างกายของผมอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนผมรู้สึกได้ว่าน้ำอุ่น ๆ เริ่มไหลออกมาอาบสองแก้ม ผมไม่เคยมีความสุขจากการที่เสพเมถุนกับปีศาจตนนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ทุกครั้งที่มันทำแบบนี้สิ่งเดียวที่ผมปรารถนามากที่สุดคือ...

ความตาย

แต่ถึงแม้ว่าผมจะอยากกระทำอัตวินิบาตกรรมมากขนาดไหน ผมก็ต้องอดทนมีชีวิตอยู่อย่างขมขื่นต่อไปเพื่อรอวันแก้แค้น มันต้องตายอย่างทุกข์ทรมานที่สุดเพื่อชดใช้บาปกรรมที่มันทำกับผม

...

...

“อรุณสวัสดิ์มาโบโรชิคุง ชิมิสึคุง”

อิซามุซังที่เพิ่งตัดผมทรงสกินเฮดกล่าวทักทายพวกเราทั้งสองคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในสระว่ายน้ำของโรงเรียน ปกติแล้วผมกับไทโยไม่ค่อยจะมาซ้อมสักเท่าไหร่เพราะขี้เกียจ แต่เนื่องจากการแข่งขันเริ่มใกล้เข้ามาแล้วพวกเราจึงตัดสินใจซ้อมกับอิซามุซังที่นี่ ช่วงเวลาซ้อมนั้นจะเป็นช่วงเช้าก่อนเข้าเรียน

“สวัสดีครับรินเนะซัง”

ผมเองกล่าวทักทายตอบแล้ววางกระเป๋าสัมภาระไว้บนม้านั่ง จากนั้นก็นั่งลงข้าง ๆ ไทโยแล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเพราะความเหนื่อย จะไม่ให้เหนื่อยได้ยังไงก็ในเมื่อมันย่ำยีผมเกือบทั้งคืนขนาดนั้น ดีแค่ไหนแล้วที่ผมสามารถลืมตาตื่นขึ้นมาได้ ผมคิดว่าตัวเองจะตายคาเตียงแล้วเสียอีก

“เอ้อ ชิมิสึคุง วันนี้นายดูเพลีย ๆ นะ ขอบตาก็ดูคล้ำ ๆ ว่ายน้ำไหวไหมเนี่ย?” อิซามุซังดูกังวลเล็กน้อย

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไหวอยู่แล้ว”

“แน่ใจนะ?”

“แน่ใจสิครับ” ผมยืนยัน

“โอเค ถ้าอย่างนั้นเราเริ่มเลยดีกว่า”

ผมกับไทโยเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยกันที่ห้องแต่งตัว การแข่งขันที่กำลังจะมาถึงนี้เป็นการแข่งเดี่ยวเพื่อหาตัวแทนแข่งระดับประเทศต่อไป นั่นหมายความว่าผมจะต้องแข่งกับเพื่อนรักของผมนั่นเอง ผมและไทโยนั้นมีทักษะการว่ายน้ำแทบจะเท่า ๆ กัน ตอนที่อยู่เกาะตะวันครามเราสองคนว่ายน้ำแข่งกันบ่อย ๆ ผมกับไทโยผลัดกันแพ้ชนะอย่างสม่ำเสมอ เพราะเหตุนี้เองผมจึงไม่รู้ว่าใครเก่งกว่าใครกันแน่

แต่ในใจลึก ๆ ผมก็คิดว่าไทโยเก่งกว่าผม ทุกครั้งที่เราสองคนว่ายน้ำอยู่กลางทะเลแห่งความเงียบสงัดนั้น สายตาของผมมักจับจ้องไปยังท่วงท่าอันสง่างามของเขาอยู่เสมอ ผู้ชายคนนี้แทบจะเป็นส่วนหนึ่งกับมหาสมุทรสีน้ำเงินเข้ม เขาดำผุดดำว่ายอย่างมีความสุขท่ามกลางคลื่นทะเลยักษ์ คนอะไรสามารถว่ายน้ำอย่างมีชีวิตชีวาได้ขนาดนั้นกันนะ? นี่เป็นเหตุผลที่ผมคิดว่าไทโยอาจจะเก่งกว่าผม

“ชิมิสึ 25.07 มาโบโรชิ 25.07”

“อ้าว...แย่จัง” ใบหน้าของไทโยดูผิดหวังเล็กน้อย ซึ่งผมเองก็รู้สึกแบบเดียวกับเขา “ทำไมเวลาถึงเท่ากันเป๊ะ ๆ ขนาดนั้นล่ะครับ?”

“ไม่รู้สิ” อิซามุซังยักไหล่ “มันอาจจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ก็ได้นะ”

“ฮะฮะ” ผมหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่มีวันรู้เลยน่ะสิครับว่าใครเก่งกว่าใครกันแน่”

“อาจจะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ยังไงพวกนายสองคนก็เป็นนักว่ายน้ำที่เก่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาในชีวิตแล้ว วันนั้นไม่ว่าใครจะชนะฉันก็ดีใจทั้งนั้น ทั้งสองคนพยายามให้เต็มที่ล่ะ”

“ครับ” ผมกับไทโยพูดเป็นเสียงเดียวกัน

“พวกนายสองคนไปเรียนได้แล้ว คาบแรกจะเริ่มแล้วล่ะ ส่วนฉันเองก็ต้องไปเตรียมการสอนต่อ” อิซามุซังลุกออกจากมานั่งแล้วเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ากระเป๋าเป้ก่อนที่จะบ่นยาว ๆ “ที่นี่วุ่นวายกว่าที่ฮิบานะเยอะเลย ฉันคิดถูกหรือคิดผิดที่กลับ...ไม่สิ ฉันจำเป็นต้องกลับมาที่เกาะตะวันครามแห่งนี้”

“อิซามุซังว่ายังไงนะครับ?” ผมถามเขา

“นายลืมไปแล้วเหรอว่าให้เรียกฉันว่ารินเนะเวลาอยู่ที่โรงเรียนน่ะ?”

“อ๊ะ ขอโทษครับรินเนะซัง ว่าแต่เมื่อกี้รินเนะซังพูดถึงเรื่องฮิบานะ ผมก็เลยนึกขึ้นได้ว่ารินเนะซังเพิ่งจะกลับมาที่เกาะตะวันครามเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง คิดยังไงถึงกลับมาที่นี่อย่างนั้นเหรอครับ?” ผมถามพลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวให้แห้งเตรียมที่จะเข้าเรียนพร้อม ๆ กับไทโย

“ใช่ ๆ ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน” ไทโยเสริม

“อันที่จริงฉันคิดว่าเราควรจะคุยเรื่องนี้ที่เกาะตะวันครามดีกว่านะ แต่ฉันจะเล่าเลยก็ได้” อิซามุซังยิ้มให้กับเราก่อนที่จะกลับไปนั่งบนม้านั่งอีกครั้ง จากนั่นก็เริ่มพูดเรื่องราวในอดีตพลางลูบเคราของตัวเอง

รินเนะ อิซามุ (輪廻 勇) เป็นน้าแท้ ๆ ของไดจิ ก่อนที่เขาจะกลับมาที่เกาะตะวันครามเขาเคยอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านที่ชื่อว่าฮิบานะ (火花) มาก่อน อิซามุซังบอกผมว่าที่เขากลับมาที่นี่ก็เพราะคิดถึงทะเลและมหาสมุทรที่ล้อมรอบเกาะตะวันครามนั่นเอง ที่หมู่บ้านฮิบานะนั้นนอกจากน้ำตกแล้วก็ไม่มีแหล่งน้ำอื่น ๆ สำหรับว่ายน้ำเลยเนื่องจากที่นั่นมีแต่ภูเขามากมาย

“ฟังดูแย่จังเลยนะครับ สถานที่ที่ปราศจากทะเลกับมหาสมุทรแบบนั้น” ไทโยแสดงความคิดเห็น ผมเองก็เห็นด้วยกับเขาเช่นกัน

“อือ แต่คนที่นั่นอัธยาศัยดีมากเลยนะ มันถือว่าเป็นเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตของฉันเลยล่ะ น่าเสียดายที่สองคนนั้นกำลังจะกลับไปที่นั่นตอนที่ฉันยังอยู่ที่นี่”

“สองคนนั้น? ใครเหรอครับ?” ผมถามอิซามุซัง

“ลูกศิษย์ของฉันน่ะ ชื่อว่าฮิคารุกับโฮตารุ” ดูเหมือนว่าผมจะไม่เคยได้ยินชื่อของสองคนนี้เลย “เอ้อ ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้วล่ะ พวกเราสามคนควรแยกย้ายกันไปได้แล้วนะ”

“โอเคครับ ไว้ค่อยเจอกันใหม่นะครับ” ผมกล่าวลาอิซามุซัง “ไทโย เราไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเถอะ”

“อื้อ”

หลังจากที่กล่าวลาอิซามุซังแล้วผมกับไทโยก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัวเตรียมที่จะเรียนในช่วงเช้า ในขณะที่ไทโยใส่เสื้อผ้านั้นผมพยายามไม่หันไปมองร่างกายอันน่าหลงใหลของเขาเพราะกลัวว่าจะควบคุมความปรารถนาอันแรงกล้าเอาไว้ไม่อยู่ ผมกลัวเหลือเกินว่าสักวันหนึ่งผมจะจมลงไปในมหาสมุทรแห่งกิเลสที่มีนามว่าราคะ ผมไม่รู้ว่าจะบอกเขาอย่างไรดีว่าผมต้องการเขามากกว่าสิ่งใดทั้งนั้น

“นี่ คิชิ”

“ว่าไง” ผมถามโดยที่ไม่มองใบหน้าและดวงตาสีน้ำทะเลของเขา

“ทำไมเวลาฉันใส่ชุดว่ายน้ำนายถึงไม่ค่อยมองหน้าฉันล่ะ? ฉันสังเกตมาตั้งนานแล้ว”

ไทโยล่วงรู้ความลับอันดำทมิฬของผมแล้วอย่างนั้นเหรอนี่?

“นายคิดไปเองรึเปล่า? ปกติเวลาคุยกันฉันก็มองหน้านายตลอดนี่นา”

ผมหันไปมองไทโยแล้วพบว่าเขายังไม่ใส่เสื้อ ตอนนี้ผมกำลังพยายามหักห้ามใจตัวเองไว้อย่างเต็มที่ ถ้าผมพลาดขึ้นมาเขาอาจจะเกลียดผมไปเลยก็ได้ ผมจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นเป็นอันขาด ถ้าไทโยเกลียดผมนั่นหมายความว่าผมไม่เหลืออะไรแล้วในชีวิต

อย่างไรก็ตาม...กล้ามหน้าท้องเป็นลอน ๆ บนร่างกายผิวสีแทนและกล้ามหน้าอกจากการออกกำลังกาย รวมถึงสิ่งนั้นที่นูนออกมาจากกางเกงว่ายน้ำจนเห็นเป็นลำ...ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถระงับกามตัณหาอันร้อนแรงดั่งไฟได้อีกนานเท่าใด บางทีเวทมนตร์ของไทโยอาจทรงอาณุภาพกว่าเวทมนตร์ของแม่มดแห่งท้องทะเลเสียด้วยซ้ำ

“ฮะฮะ บางทีฉันอาจจะคิดไปเองจริง ๆ ด้วย” ไทโยหัวเราะแล้วหยิบเสื้อมาสวม “ไปกันเถอะ ฉันแต่งตัวเสร็จแล้ว”

“โอเค แต่ว่านายนี่ถามแปลก ๆ เหมือนกันนะ”

ผมพยักหน้าแล้วหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายก่อนที่จะเดินไปด้วยกันกับไทโย ความร้อนรุ่มในใจของผมเริ่มอ่อนกำลังลงแล้ว แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่หายไปอย่างสมบูรณ์ ผมได้แต่ภาวนาว่าสักวันหนึ่งมหาสมุทรสีน้ำเงินจะระงับเพลิงแห่งโทสะและราคะของผมได้