8 ตอน แสงจันทร์ที่แปด พนาสีนิล
โดย Cho-mysun
-๘-
?Enjoy Reading?
"แยกจากกันไม่ถึงสองราตรีท่านกลับคิดถึงข้าแล้วหรือ ท่านพี่เขย" อคิราห์แย้มยิ้มพร้อมค้อมหัวให้อีกคนอย่างเคารพนับถือ "แล้วน้องวินฟาเรียเล่าฝากความคิดถึงถึงข้าหรือไม่"
ซามูเอลเพิ่งจักกลับจากแดนปัจจิมไปเมื่อวันก่อนนี้เอง เกิดเหตุอันใดจึงได้กลับมาหาเขาเร็วเช่นนี้
"อคิราห์ ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งกี่คราแล้วว่าเลิกพูดจาเช่นนี้เสียที"
หลังจากเห็นว่าซามูเอลคงไม่ได้มาหาตนด้วยเหตุผลทั่ว ๆ ไปว่าที่ราชาแดนดับตะวันจึงค่อยเริ่มมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาบ้าง
"เกิดเหตุอันใดขึ้น"
"ข้านำสารจากวินฟาเรียมามอบให้เจ้า เพลานี้แดนอาคเนย์ที่น้องข้าปกครองกำลังเจอภัยหนัก" ซามูเอลยื่นม้วนกระดาษให้คนตรงหน้า "พวกเซเทอร์กำลังเข้ารุกรานฝูงของน้องข้า"
ทันทีที่ได้ยินคำว่าเซเทอร์อคิราห์ก็หุบรอยยิ้มลงทันที หมาป่าตัวไหนบ้างเล่าจักไม่รู้นามของพวกเผ่าพันธุ์ที่ขึ้นชื่อลือชาว่ามากด้วยพละกำลังเป็นหนักหนา
"ข้าจักนำหมาป่าจากฝูงปัจจิมไปช่วย ท่าน อย่าได้กังวล" แม้จักบอกว่าไม่ให้ซามูเอลกังวลแต่เขาเองกลับสลัดความกังวลออกจากหัวไม่ได้แม้แต่น้อย
สู้กับเซเทอร์ใช่ว่าเป็นเรื่องง่ายเสียเมื่อไหร่ แลจักอ้างการนำทัพออกไปครั้งนี้ว่าอย่างไร หากบอกไปตามตรงคงได้ถูกพ่อท่านตีตายเป็นแน่
หลังจากรู้ข่าวที่ว่าจ่าฝูงแห่งแดนบูรพาเปลี่ยนมือเป็นวิลเลียม อีสเทิร์นก็ว่าน่าตกใจแล้วยิ่งซามูเอลมาบอกเมื่อครั้งก่อนว่าวินฟาเรียยกพวกโอเมก้าแลเบต้าบางตัวไปตั้งฝูงใหม่ที่ถิ่นอาคเนย์แดนรกร้างมากด้วยคำสาปเช่นนั้น เขาลมแทบจับแลครั้งนี้กลับมาด้วยเหตุผลว่าเซเทอร์บุกฝูงงั้นหรือ!
วินฟาเรียหนาวินฟาเรียจักทำให้พี่ห่วงจนอกแตกตายไปเลยหรืออย่างไร
เมื่อไรเจ้าจึงจักเลิกนำตัวออกห่างพี่เช่นนี้ หากว่าพี่ตามไปปกปักเจ้าไม่ทันการจักทำอย่างไร
"ออสตินเจ้าพาพวกหมาป่าองครักษ์ออกมาสิบตัวข้าจักนำไปที่แดนอาคเนย์ก่อน แลเมื่อตะวันคล้อยเจ้าค่อยนำทัพตามไป" อคิราห์เคาะนิ้วลงบนเก้าอี้ไม้เนื้องาม "บอกพ่อท่านว่าข้าออกไปล่าสัตว์แลพบกองโจรเข้า"
ออสตินมือขวาของว่าที่ราชาแดนดับตะวันโค้งรับคำสั่งก่อนจะเดินถอยออกไปจัดการทำสิ่งตามประสงค์ผู้เป็นนาย
ครั้งก่อนซามูเอลมาเจรจากับเขาเรื่องการหมั้นหมายระหว่างเขาแลวินฟาเรียรวมถึงการเชื่อมสัมพันธ์ให้แดนอาคเนย์
เรื่องการหมั้นหมายนั้นถูกวินฟาเรียบอกปัดจนยืดเยื้อมานานหลายปี ในอีกไม่นานนี้เขาก็จักได้ขึ้นเป็นจ่าฝูงเต็มตัวแล้ว แลจ่าฝูงก็จักต้องเคียงคู่กับแม่ฝูงจักปล่อยให้น้องบอกปัดต่อไปเช่นนี้ไม่ได้
เพราะพี่ไม่เห็นใครที่เหมาะสมไปกว่าเจ้า ไม่เคยเห็นผู้ใดที่คว้าหัวใจพี่ไปตั้งแต่ครั้งที่คิดว่าชาตินี้คงเป็นได้เพียงสหาย ตำแหน่งเมียแลแม่ฝูงแห่งปัจจิมทิศมอบหมายไว้ที่เจ้าเพียงผู้เดียว วินฟาเรีย
ทันทีที่องครักษ์ทั้งสิบมาถึงอคิราห์ก็เร่งเดินทางไปยังดินแดนรกร้างทันที หมาป่าตัวใหญ่โตพุ่งทยานผ่านแม้กไม้ว่องไวดุจสายลม มีเพียงทางเดียวที่จักไปให้ถึงแดนอาคเนย์ก่อนรุ่งสางของวันใหม่คือต้องวิ่งตัดผ่านฝูงทักษิณแลหมู่บ้านก็อบลินไป
ซึ่งต้องระวังเป็นอย่างมากฝูงทักษิณนั้นถึงจักเป็นพันธมิตรกับฝูงปัจจิมแต่หากรู้ว่ารัชทายาทแดนดับตะวันพาองครักษ์นับสิบวิ่งตัดฝูงตนอาจจักเป็นเรื่องได้ แลปัญหาที่ใหญ่กว่า พวกก็อบลินเลี่ยงได้เขาก็อยากจักเลี่ยงเสียมากกว่าพวกมันทั้งโลภแลมากไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมไม่ควรจักเจรจาด้วยเป็นอย่างยิ่ง
"ไม่รอให้เป็นศพก่อนค่อยลอยขึ้นมาหรือ" ม้าใหญ่ตัวหนึ่งจิกหัวเทเลอร์ที่โผล่พ้นขอบบ่อขึ้นมาด้วยสภาพไม่น่ามอง
"สีหัวสีตัวผิดแพลกกูหรือก็ไม่เคยเห็นหมาตัวใดเป็นเช่นมึง" แก้มตอบถูกบีบเอาไว้ด้วยมือหยาบเพียงข้างเดียว บังคับให้คนตัวเปียกต้องเงยหน้าขึ้นมองตน "ดี! กูว่างามนักพวกมึงว่าอย่างไร!"
ฝูงเซเทอร์ที่รุมล้อมอยู่ใกล้ ๆ ต่างก็พากันกระทืบเท้าหน้าแลหัวร่อชอบใจ
เมื่อขึ้นมาถึงพื้นดินเทเลอร์จึงมองเห็นได้ชัดเจนว่าพวกเซเทอร์มันน่าขยะแขยงเพียงใดกลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่วทุกทิศทั้งยังมีหญิงชายมากหลายเผ่าพันธุ์ส่งเสียงกรีดร้องทรมานยามโดนพวกมันใช้เป็นของบำบัดความใคร่
แม้แต่เขาเองยังไม่อาจทนมองได้
"เอามันไปไว้ล่ามที่เรือนกู มึงก็เตรียมตัวไว้เถิดหนาไอ้หมาดำ กราบกูเป็นผัวแลกูจักเลี้ยงดูมึงอย่างดี" ครึ่งม้าสีดำตัวใหญ่ ดูเหมือนจักเป็นผู้นำของเซเทอร์ฝูงนี้
ร่างสีแทนถูกยกไปยังเรือนขนาดใหญ่ด้านในโล่งโจ้งเหม็นอับสกปรกยิ่งกว่าคอกสัตว์ในแดนบูรพา
ตลอดทางเทเลอร์สอดส่องสายตามองหาทางหนีทีไล่เท่าที่จักมองเห็นได้
พวกเซเทอร์ส่วนใหญ่ไม่มีเรือนไว้อยู่กันพวกมันนอนกันอยู่ตามใต้ต้นไม้หรือลานกว้างกระจายตัวกันไปทั่ว รอบด้านมีแต่ป่าไม่รู้ทิศ ไหนจักร่างกายที่บอบช้ำจนดูแทบไม่ออกว่าเป็นหรือตาย มีเพียงใบหน้าหล่อเหล่าซึ่งถูกปกป้องไว้อย่างดี
อย่างน้อยเขาก็มั่นใจได้ว่าซามูเอลแลท่านวินฟาเรียไม่ได้ถูกจับมาแต่อย่างใด
หวังว่าท่านจักไม่ละทิ้งข้า จักไม่ละทิ้งข้าใช่หรือไม่ หรือหากมันเสี่ยงเกินไปข้าก็เข้าใจ เพียงแต่ว่า ข้าขอเพียงหวังลมลมแล้งแล้งให้ชื่นใจได้หรือไม่
เทเลอร์ก้มลงมองมือตนบาดแผลเฟอะฟะด้านชาจนไม่เหลือความรู้สึก ไม่สามารถขยับได้
ต่อให้มีทางโล่งตัดตรงไปยังแดนอาคเนย์ไม่แน่ว่าด้วยสภาพเช่นนี้ก็ไม่อาจคลานไปถึง
เสียงสวดภาษาแปลกประหลาดดังระงมทั่วเรือนใหญ่ไปจรดเย็น พาให้พวกเชลยที่ถูกล่ามไว้กับต้นไม้โดยรอบอกสั่นขวัญแขวนกันหมด
ภาษาจากแดนใดกันราวกับว่าไม่ได้เปล่งออกมาจากปากของสัตว์เดินดินเสียอย่างนั้น
"มึงจักอ้อนวอนเทพาอารักษ์ไปใย สู้มาอ้อนวอนกราบกรานแทบอกกูไม่ดีกว่าหรือ!" ประตูบานใหญ่ถูกขาคู่หน้ากระแทกแรงจนแทบหลุด ร่างกายใหญ่โตครึ่งเทพครึ่งม้าเยื้องย่างเข้าใกล้คนที่พื้นอย่างไม่รีบร้อน
เทเลอร์ไม่คิดจักถอยหนีอีกแล้วเขากัดฟันทิ้งศักดิ์ศรีไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนแทบจักไม่เหลือไว้มองหน้าใคร
ดวงตาสีดำขลับไล่มองเรือนร่างสีนิลอย่างหื่นกระหายปิดไม่มิด เพราะความกำหนัดบังตาจึงไม่ทันได้มองเห็นว่าร่างกายที่ควรเต็มไปด้วยบาดแผลเวลานี้เหลือเพียงรอยฟกช้ำเท่านั้น
"เข้ามาหากู"
น้ำเสียงหนักแน่นจากม้าใหญ่ไม่ได้สร้างความหวั่นเกรงให้เขาอีกต่อไป
ทว่าผิดจากที่คาดไว้เจ้าของเส้นผมสีอินทนิลยาวยันตัวลุกขึ้นเดินไปหาม้าใหญ่อย่างไม่มีท่าทีเกรงกลัวแม้เพียงน้อย
เมื่อเส้นผมสีอินทนิลถูกเสยขึ้น ดวงตาสีดำปีกกาจึงได้เห็นใบหน้างดงามอย่างเต็มตาเป็นครั้งแรก คล้ายว่าพร่าเลือนไปชั่วขณะ
มันใช่เผ่าพันธุ์ต่ำช้าอย่างไอ้หมาหน้าขนพวกนั้นจริงหรือ เหตุใดจึง งดงามเยี่ยงเทพสวรรค์ชั้นฟ้าเสียอย่างนั้น
"กูว่านิมฟ์นางไม้นางไพรนั้นงามหนักหนาทั่วทั้งพนาคงไม่มีผู้ใดเทียบเทียน แต่มึงนั้น งามเกินพวกมันไปไกลโข" มือหยาบค่อยคลายแรงลงใบหน้าโหดเหี้ยมแลดูลุ่มหลงจนแทบจักเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ "กูไม่เคยอ่อนโอนให้ผู้ใด หากแต่มึงออดอ้อนเอาใจกูสักหน่อยกูจักถนอมมึงอย่างยอดดวงใจ มึงว่าดีหรือไม่"
ชายรูปงามแย้มยิ้ม มือสีเข้มทาบลงบนอกแกร่งมืออีกข้างยื่นขึ้นลูบสันกรามคมก่อนจักสอดนิ้วเรียวเข้าไปในปากสีคล้ำกดลึกเข้าไปถึงโคนลิ้นพร้อมด้วยท่องคาถาในใจ
เมื่อเห็นว่าม้าใหญ่ตัวแข็งนิ่งไปมุมปากยิ่งกดลึกยกยิ้มเย้ยหยันเข้าไปใหญ่
คงต้องขอบคุณท่านแล้วหนาวินฟาเรีย ที่สอนให้ข้ารู้ว่าท่าทางเช่นไรจึงทำให้ชายลุ่มหลงแทบไร้สติ
"จักดีกว่าหากข้าได้เด็ดหัวเจ้าด้วยมือของข้าเอง" เล็บคมกรีดลึกบนอกแกร่ง เขียนชื่อจ่าฝูงท่านฝากไว้บนกายที่กำลังจักกลายเป็นศพ โดยไร้การขัดขืนจากร่างกายที่นิ่งงันราวรูปสลักหิน
"ขอพระเจ้าแห่งข้ามอบพรแก่ข้า บรรพบุรุษแห่งข้ามอบพรแก่ข้า ฟ้าจรดดินถึงพนาแห่งข้ามอบพรแก่ข้า ขอจิตวิญญาณข้าหลอมรวมเป็นหนึ่งกับดวงจันทราแห่งข้า ขอเพียงราตรีนี้ที่ข้าจักยืนเหนือพนาแลเหยียบย่ำพวกต่ำช้าให้จมตีน"
คาถาที่พ่อท่านสั่งสอนครั้งยังเยาว์ ท่านทิ้งสมุดอาคมเอาไว้ให้ก่อนจักโดนพลัดจากไปไกลด้วยความตายที่ไม่เป็นธรรม
อาคมที่เขาเคยบอกว่าจักไม่ใช้โดยเด็ดขาดเพราะรู้ดีว่ามันผิดแผกไปจากหมาป่าทั่วไป เพราะรู้ว่ามันจักทำให้เขาโดนรังเกียจมากขึ้นเพียงใด แต่เพลานี้เขากลับต้องกลืนน้ำลายตนเอง
อย่างที่ท่านวินฟาเรียว่า ความแข็งแกร่งนั้นคือที่สุดแล้ว
เทเลอร์แปลงกายเป็นหมาป่าสีรัตติการเลื่อมอินทนิล เขี้ยวแหลมมุ่งไปเตียมจักกระชากลำคอแกร่งให้ขาดสะบั้น
ทว่าร่างที่ควรนิ่งงันด้วยมนตร์สะกดกลับขยับหนีอย่างว่องไว
เหตุใดมนตร์จงคลาย!!
"มึงทำอันใดกับกูไอ้หมาใน!!!" เสียงตะโกนลั่นเรียกให้เซเทอร์ที่ร่ำสุรานารีอยู่ด้านนอกแห่กันเข้ามาล้อมเรือนไว้ "พวกมึงเข้ามาจับมันให้กู!"
หมาป่าหนึ่งเดียวอาศัยความปราดเปรียวทะยานผ่านฝูงเซเทอร์ออกมาด้านนอก อาศัยความมืดในยามราตรีพรางกายตนเองไว้อย่างเงา
โธ่เว้ย! เทเลอร์วิ่งไปด้านหน้าพร้อมด้วยคำสบถในหัว เป็นไปได้อย่างไร เขาเคยถูกมนตร์นั้นกักขังแลมั่นใจหนักหนาว่ามันคลายเองไม่ได้ หากไอ้ครึ่งม้านั่นไม่มีคาถาอาคมที่เหนือกว่าย่อมไม่มีทางหลุดพ้นเช่นนี้
"มึงหยุดหนาไอ้หมาใน!" เซเทอร์ตัวใหญ่วิ่งคู่ขนาบข้างก่อนจักถีบตัวหมาป่าสีอินทนิลให้ล้มคว่ำไป
"อยู่ดีไม่ว่าดีหรือมึง หากมึงวอนตายนักกูจักจัดให้" ขาคู่หน้ากระทืบลงบนร่างหมาป่าตัวใหญ่
หนีมาไม่ทันไรกลับถูกลากไปอยู่ใต้ตีนพวกมันอีกครา อับอายแลโกรธแค้นตนเองยิ่งกว่าสิ่งใด อ่อนแอเช่นนี้ไม่สู้ตายไปเสียแต่ตอนนี้จ่าฝูงท่านจักได้ไม่ต้องอับอายดีกว่าหรือ
เป็นเช่นนี้อีกแล้ว เหตุใดจึงพ่ายแพ้ทุกครา มนตราหรือก็ใช้แล้วร่างกายก็ฟื้นฟูแล้ว แล้วเหตุใดข้าจึงยังอ่อนแอเช่นนี้กันเล่า
บอกข้าได้หรือไม่ ท่านพ่อ เหตุใดข้างจึงสู้ผู้ใดไม่ได้เลย ทั้งที่เป็นอัลฟ่า ทั้งที่เป็นหมาป่า ทั้งที่ข้าก็ฝึกฝนอยู่ทุกวี่วัน
จักแข็งแกร่งขึ้นไม่ได้เลยหรือ เป็นเช่นนี้ จักปกป้องดวงจันทร์ได้อย่างไร
กรรร
เสียงครางต่ำจากหมาป่าตัวโตดูสิ้นหวังเสียจนอดจักยิ้มออกมาไม่ได้ ช่างเป็นสัตว์ชั้นต่ำที่น่าเวทนาเสียเหลือเกิน
ติ๊ก.. ติ๊ก.. ติ๊ก..
แว่วเสียงเดินของนาฬิกาเรือนใหญ่ทุกสิ่งพลันนิ่งไปราวกับเวลาถูกสาปให้สลบไสลอยู่ชั่วขณะ
"ข้าจักชี้นำทางที่ถูกต้องให้แก่เจ้า ละทิ้งพระผู้เป็นเจ้าอย่างที่เขาละทิ้งเจ้า ตามข้ามาเถิดสาวกแห่งข้า" รอยยิ้มยะเยือกเย็นแย้มขึ้นภายใต้ผ้าคลุมสีดำที่ปกคลุมใบหน้าส่วนบนเอาไว้
"จงลืมเสียเถิดว่าเจ้าคือผู้ใด ละทิ้งชีวิตที่เบื้องบนมอบให้ แลกำเนิดใหม่เป็นบุตรแห่งข้า"
ปลายนิ้วซีดขาวโผล่พ้นผ้าคลุมยาวแตะลงบนกลางหัวของหมาป่าอินทนิลแผ่วเบา ท่ามกลางสรรพสิ่งนิ่งงัน
ก่อนจักอันตรธานหายไปพร้อมกับเสียงเข็มนาฬากาแลเวลาที่ดำเนินไปเฉกเช่นเดิม ทิ้งไว้เพียงบรรยากาศกลิ่นอายอันตรายแลสิ่งมีชีวิตที่ขับเคลื่อนด้วยความตายอันน่าสะพรึง
กรร!!!!!!
เสียงคำรามผิดแผกดังลั่นไปทั่วป่า ทั้งร่างกายหมาป่าที่กระตุกเกร็งอย่างรุนแรงราวกับว่ากำลังถูกฉีกทึ่งจากภายในดูน่าสยดสยองจนพวกม้าใหญ่ยังแอบหวั่นใจ
เกิดเหตุน่าอัศจรรย์ใดขึ้น มันคือสิ่งใดกัน
ลำตัวคับพองขยายใหญ่อย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งยังแววตาสีโลหิตฉาน ฉายชัดท่ามกลางความมืดมิด เขี้ยวเล็บโง้งยาวดั่งของ้าว
"มัน มันเป็นสัตว์นรกหรือไร!!" ฝูงม้าใหญ่แตกฮือวิ่งโล่กันไปคนละทิศคนละทาง
ทว่ายังไม่ทันได้หนีไปไหนไกลฝ่าเท้าใหญ่กระทืบพสุธาดังสนั่นเซเทอร์ที่ว่ามากด้วยกำลังล้มกันระเนระนาด ลำตัวใหญ่โตเกินพฤกษายืนขึ้นเหนือพนากวาดต้นไม้ใบหญ้าล้มเป็นหน้ากอง อุ้งเท้าหนักกระทืบลงไม่สนว่าจักเหยียบสิ่งใด มีชีวิตหรือไม่ ล้วนกลายเป็นศพกองระเนระนาดอยู่ทั่วกัน
จากเสียงเฮโลหัวร่อของม้าขี้เมาแปรเปลี่ยนเป็นโอดโอยแลอ้อนวอนขอชีวีคาวเลือดคละคุ้งแต่งแต้มแดนอาคเนย์ให้เป็นดั่งแดนปีศาจสมคำร่ำลือ
จากคืนสงัดเงียบพงไพรแห่งชีวิตบัดนี้สิ้นแล้ว เหลือเพียงความตายหลังตัววิปโยคเคลื่อนผ่านไปแห่งหนใด
ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งหอมหวานเกินบรรยาย ไม่ว่าผู้ใดเมื่อมีอยู่ในครอบครองแล้วไซร้ย่อมสร้างความฉิบหายโดยทั่วกัน
"เช่นนั้นหรือ พวกหมาหน้าขนมันเล่นกลอันใดเจ้าจึงผิดแผกจากพวกมันไปไกลโข หรือมีสิ่งใดที่ข้าไม่รู้กัน" เจ้าของเรือนร่างซีดขาวภายใต้เสื้อคลุมสีปีกกาครุ่นคิดด้วยใบหน้าฉงน เหตุเพราะอำนาจอันน่าหวาดผวาของสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาตรงหน้านั้นเกินกว่าที่ตนคาดเดาเอาไว้มากมายหลายขุม
เป็นเช่นนี้ข้าจักควบมันได้อย่างไร อดจักขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่ได้ หากมอบพลังให้มันแลไม่อาจควบคุมได้ จากที่หวังให้มันเป็นมหรสพเริงใจเห็นทีคงจักได้กลายเป็นปัญหาก้อนใหญ่เสียกระมัง
วุ่นวายจริง
ดวงตามืดมิดจ้องมองร่างหมาป่าพิกลพิการตรงหน้า ดูมันไล่ฆ่าสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ไปเรื่อย ใช้เพียงสัญชาตญาณหามีความคิดความเมตตาไม่
เป็นดาบคมที่หนักเกินกว่าจักยกได้ ดูท่าครานี้ข้าจักใจร้อนไปเสียหน่อย
"เวโตนอส บุตรแห่งโครนอส ผู้ยับยั้งการไหลของสายธารเวลา" เจ้าของน้ำเสียงเรียบนิ่งก้าวเท้าออกมาจากความมืด เส้นผมสีขาวผ่องปรากฏแก่ครรลองสายตา ขาทั้งสี่ก้าวมาอย่างมั่นคงไม่หวั่นเกรงแม้รู้ว่าตนนั้นยืนอยู่ต่อหน้าผู้ใด
"หึ ไม่มีใครเรียกข้าเช่นนั้นมานานแล้วหนา" สีหน้าไม่อาจคาดเดาภายใต้ผ้าคลุมผืนใหญ่จ้องมองผู้มาใหม่
ควรจักตกใจอยู่หรือไม่ ครึ่งเทพครึ่งม้าตรงหน้าทั้งสีตัวสีหัวต่างประจักษ์แจ้งอย่างไม่ต้องถามให้มากความ
ไครอน ราชครูแห่งสวรรค์เซนทอร์ผู้สง่างามแห่งผืนป่านี่เอง
"ดูจากสภาพแล้วคงจักมีใครเรียกเจ้าว่าเป็นเทพอยู่หรอกหนา ดูต่ำช้าเสียจนต่อให้มีปีกงอกออกมาก็เชื่อยากหนักหนาว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นทูตสวรรค์ชั้นฟ้า" คำพูดเชือดเฉือนถูกเปล่งออกมาด้วยใบหน้าที่ยังคงเรียบนิ่งราวไม่ได้รู้สึกอันใด "ร่วงหล่นอย่างใดหนอยังจำได้หรือไม่"
"หากอยากจักดูปีกของข้าก็ย่อมได้ แต่เกรงว่านาฬิกาชีวิตของท่านคงถึงคราวหยุดลงเสียแล้ว" คำข่มขู่จากเจ้าของรอยยิ้มจอมปลอม "แม้จักเป็นเทพตกสวรรค์แล้วอย่างไร ท่านคงไม่ลืมใช่หรือไม่ว่าอำนาจแลความยิ่งใหญ่ของข้ายังคงเดิม"
"ทำสิ่งใดนายแห่งนภาท่านย่อมเห็น แลสิ่งที่เจ้าทำอยู่ตอนนี้ท่านก็ทรงมองอยู่เช่นกัน"
ไครอนมองไปยังร่างใหญ่โตเทียมฟ้า ราวกับว่าหมาป่าตนนั้นกำลังหมายมั่นจักกินดวงจันทร์ก็ไม่ปาน
"ใครจักมองข้าต้องสนหรือ" เวโตนอสแหงนหน้ามองฟ้า "ทว่ามองอย่างเดียวได้หรือ หากว่าทนมองสาวกแห่งข้าเหยียบย่ำผืนป่าแลบบรรดาสรรพสิ่งได้ก็จงมองไป เรื่องสนุกเช่นนี้แบ่งกันชมจักเป็นไร"
"หยุดมันเสีย!"
บิดาแห่งเวลาอันหยุดนิ่งยกยิ้มชอบใจกับท่าทีอยู่ไม่สุขของเซนทอร์ผู้วางตัวดุจมหาสมุทรสงบนิ่ง
เผยคลื่นลมคลื่นพายุแล้วหรือ
"จักรีบหยุดไปไยข้าเพิ่งเริ่มเองหนา" มือขาวซีดวาดขึ้นมาวางไว้แนบอก "ข้าขอลา หากท่านอยากหยุดอสุราหมาคลั่งตรงหน้า ก็จงทำด้วยตนเองเถิด"
ร่างทั้งร่างอันตรธานหายไปอีกครา ทว่าเสียงหัวร่อเย้ยหยันยังคงดังวนเวียนอยู่ข้างหู
"พระผู้เป็นเจ้าโปรดอภัยต่อบาปที่ข้าพึงทำด้วยเถิด" ไครอนยกคันศรด้ามงามสลักด้วยลวดลายวิจิตร พาดศรวิเศษแลง้างขึ้นด้วยท่วงท่าสง่างาม ปล่อยลูกศรนั้นพุ่งตรงเข้าหาหมาป่าตัวใหญ่
"หนึ่งชีวินสิ้นลงเพื่อหลายร้อยหลายพันชีวิตได้อยู่ต่อ ข้าไม่ได้โกรธแค้นอันใดเจ้าเพียงแต่ว่าเพลานี้เจ้าได้หันหลังให้พระผู้เป็นเจ้าแล้ว เจ้าได้ถูกความเป็นทอดทิ้งแล้ว อโหสิให้ข้าแลขอให้วิญญาณของเจ้าไม่หลงทางอีกต่อไป"
เส้นผมราวแสงแรกสุริยนพลิ้วไหวยามร่างอ้นมโหฬารล้มลงกระแทกผืนพนา
ชีวิตมีเพียงเท่านี้ ลูกแกะหลงทางตัวนี้ข้าจักส่งเจ้าเขาสู่เส้นทางแห่งความถูกต้องเอง
หลับตาลงแลเข้าสู่อ้อมกอดของแสงสว่างเสีย
__________
#โอเมก้าจ่าฝูง
คุณได้รับบัฟและโดนเนิฟแบบ300% ไหนใครเป็นรายต่อไป.ง้างธนู
เพราะไม่อาจให้เจ้าปกป้องจันทร์ได้ สู่เส้นทางอันยิ่งใหญ่แห่งลูกข้าจักมีเจ้ามาขวางทางไม่ได้ โปรดอภัยแก่ข้าอดีตลูกเขยคนโปรด
ปูพี่เทย์ไว้เพื่อเปิดตัวเขาคนนี้จริงๆ?
Comments (0)