7 ตอน แสงจันทร์ที่เจ็ด ดวงจันทร์ไม่อาจค้างฟ้า
โดย Cho-mysun
-๗-
?Enjoy Reading?
หมาป่าสีรัตติกาลตัวใหญ่ส่งเสียงคำรามลั่นหันมามองเจ้าของเรือนผมอินทนิลด้วยสายตาคาดเดาไม่ได้
ฟันซี่แหลมกัดขย้ำลงที่หลังคอของเซเทอร์ตัวหนึ่ง จุดอ่อนของพวกครึ่งซีกมักจะเป็นที่ส่วนหัวหรือลำตัวที่คล้ายเทพ พ่อเขาคอยพร่ำสอนเรื่องต่าง ๆ ทั้งการต่อสู้ ความรู้ร้อบตัว การเอาตัวรอดเผื่อสักวันจักได้ใช้มันเพื่อช่วยเหลือวินฟาเรีย
ดวงตาสีม่วงเข้มพลันฉายแววพอใจเมื่อเห็นว่าซามูเอลเป็นผู้ที่ยืนอยู่เหนือกว่า แต่ก็ไม่ลืมว่าพวกเซเทอร์เป็นอันตรายต่อหมาป่าเพียงใด ตอนนี้ไม่ใช่ว่าจักไว้ใจได้
หากตามจ่าฝูงท่านมาช่วยอาจเป็นต่ออีกหลายขุม เมื่อวันแรกที่เหยียบแดนอาคเนย์ภาพจำยังคงติดตาว่าท่านบั่นหัวพวกไร้อารยะอย่างไร
เทเลอร์รีบเร่งพยุงร่างตนเองขึ้นมาก่อนจักวิ่งกลับไปทางทิศทางเดิม ไม่รู้ว่าซามูเอลยั้งไว้ได้อีกนานเท่าไรต้องรีบไปก่อนที่จักไม่ทันการ
ร่างสีแทนถูกลำตัวหนาของเซเทอร์กระแทกจนล้มลงไม่เป็นท่า ได้แต่กัดฟันกรอดแล้วกระชับดาบในมือแน่น
"จักรีบไปไหนเล่าไอ้หมาดำ อยู่เล่นกับข้าให้หนำใจก่อนเถิด"
ม้าใหญ่กระทืบขาหน้าลงพื้นอย่างยียวน มือหยาบพลางยื่นไปดึงเส้นผมยาวสวยให้เจ้าของร่างเงยหน้าขึ้นมามองตน
"หมาในอย่างพวกมึงอวดอ้างสิทธิ์อันใดมาเหยียบแดนกู!"
กลีบเท้าใหญ่กระทืบลงบนข้อมือเรียวจนดาบยาวกระเด็นไปไกล เทเลอร์กัดฟันข่มความเจ็บปวดแม้จักกลั้นเสียงได้แต่ไม่อาจกลั้นหยดน้ำตาที่ไหลซึมจนดวงตาร้อนผ่าว
"เป็นอย่างไรเล่ามือหักเช่นนี้มึงยังจักแผลงฤทธิ์ได้อีกหรือไม่"
เสียงหัวเราะดังลั่นเคล้ากับเสียงขู่กระโชกของหมาป่าตัวใหญ่ ซามูเอลไม่อาจผละตัวออกมาช่วยได้เซเทอร์สองตัวที่สู้อยู่ก็ตึงมือไม่น้อย ได้แต่หอนให้ดังที่สุดแล้วหวังว่าวินฟาเรียนจักได้ยิน
น้องได้ยินพี่หรือไม่ ยามนี้พี่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ เพราะพี่นั้นอ่อนแอเหลือเกินแม้แต่จักปกป้องคนคนหนึ่งยังทำไม่ได้ ถึงไม่อยากให้น้องต้องเสี่ยงภัย แต่ยามนี้คงไม่วายต้องพึ่งบารมีน้องอีกครา
"เหตุใดจึงไม่เข้านอน กำลังรอหมาป่าประหลาดนั่นอยู่หรือ" เอเดนเดินอ้อมมาด้านหลังแกล้งวางมือเฉียดนิ้วก้อยของอีกคน
"ไม่ใช่เรื่องของเจ้า"
"เหตุใดจึงไม่ใช่เรื่องของข้า เรื่องของจ่าฝูงก็คือเรื่องของลูกฝูงด้วยเช่นกัน" ใบหน้ายียวนยื่นเข้าใกล้อย่างไม่กลัวตาย
"ข้าไม่เคยรับเจ้าเข้าฝูง"
"วินฟ่าเจ้ารับข้าแล้วตอนเราอยู่ในป่าเหตุใดจึงลืมเลือนง่ายนักเล่า"
"หลบไป ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าใกล้ข้า!"
ดวงตาสีอำพันแข็งกร้าวปัดมืออีกคนออกจากไหล่ก่อนจักผลักให้ออกห่างอย่างไม่เบาแรง
"เลิกเดินเปลือยไปมาเช่นนี้สักที แค่หาเสื้อสักตัวมาใส่มันยากนักหรือ?"
"จักปกปิดกายไปไย เรือนร่างของข้าไม่น่ามองหรือ หรือเจ้ากลัวสิ่งที่อยู่ภายใน กลัวว่าจักควบคุมตนเองไม่ได้" ข้อนิ้วขาวซีดเคาะลงบนลาดไหล่ด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัย
ท่าทางกระฟัดกระเฟียดของวินฟาเรียเรียกเสียงหัวเราะจากเอเดนได้ไม่น้อย ก่อนที่หมัดเล็ก ๆ จักพุ่งเข้าใส่ใบหน้า เจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่ชิงโอบเอวบางแล้วดึงเข้าหาตัว
จมูกรั้นกระแทกกับแผงหน้าอกหนาซ้ำยังถูกกดให้สูดดมกลิ่นกายอยู่อย่างนั้น
ไม่ทันให้วินฟาเรียได้สวนหมัดกลับไปเสียงเห่าหอนแผ่วเบาที่ลอยมาตามลมหยุดทุกการกระทำของจ่าฝูง
"ซามูเอล" น้ำเสียงอ่อนลงเมื่อพูดถึงพี่ชายคนสนิท เขามั่นใจว่าเสียงหอนนั้นเป็นของซามูเอลอย่างแน่นอน เสียงของผู้ที่ฝึกเขาให้เห่าหอนตอนเยาว์วัยเหตุใดจึงจักจำไม่ได้
วินฟาเรียรีบผลักอกแกร่งออกเต็มแรงพยายามเงี่ยหูฟังแลเพ่งมองไปยังทิศทางของเสียง
หรือพี่ท่านจักเจอกับอันตราย ต้องการความช่วยเหลือจากข้าใช่หรือไม่
"เอเดน เจ้าอยู่ที่นี่ดูคนในหมู่บ้าน ข้าจักไปตามหาซามูเอล" จ่าฝูงเร่งสั่งการอย่างรีบร้อน
"ไหนว่าข้าไม่ใช่คนในฝูงเจ้า เจ้ามีสิทธิ์สั่งคนนอกฝูงด้วยหรือ" เอเดนแสร้งทำหน้าว่าแปลกใจหนักหนา
"เฮ้อ จักไปไหนก็ไป" วินฟาเรียรีบเร่งวิ่งไปทางที่คิดว่าซามูเอลอยู่อย่างไม่สบอารมณ์ ทว่ายิ่งหงุดหงิดขึ้นไปใหญ่เมื่อเอเดนยังคงวิ่งตามมาด้วยใบหน้ากวนอารมณ์
"ไสหัวไป!" ตอนนี้วินฟาเรียไม่อยากสละเวลาแม้เพียงนิดไปกับเบต้าตัวนี้อีก
"จักให้ข้าไปที่ใด แดนอาคเนย์คือบ้านของข้า"
หมาป่าสีเงินพุ่งทะยานผ่านผืนพนา ฝีเท่าหนักควบไปด้านหน้าสุดตัว เสียงหอนของหมาป่าอีกตัวก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ไม่นานนักดวงตาสีอำพันกวาดมองไปที่ลานกว้าง หมาป่ารัตติกาลซามูเอลกำลังโดนเซเทอร์สองตัวรุมล้อม แลเทเลอร์ที่ร่างกายสะบักสะบอมสติใกล้หลุดลอยเต็มที
กรร!!!!
จ่าฝูงบูรพารีบวิ่งเข้าไปช่วยพี่ชายอย่างไม่รีรอ
ยามสองพี่น้องยืนเคียงคู่ราวกับว่าจักหลอมรวมเป็นหนึ่ง ต่างคนต่างสู้เพื่อปกป้องหัวใจของตนเอง ซึ่งหัวใจของพวกเขาคือคนที่ยืนเคียงข้างกันในเวลานี้
สถานการณ์ฝั่งซามูเอลพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อวินฟาเรียเข้ามาช่วย ต่างจากเทเลอร์ที่ยังคงถูกฉุดกระชากลากถูไปตามพื้นดินอย่างหมดทางสู้
เบต้าหนึ่งเดียวอย่างเอเดนนั่งไขว่ขาอยู่บนกิ่งไม้สูงเฝ้ามองสถานการณ์อย่างสนุกสนาน
ยามขนสีเงินพลิ้วไหวตามสายลม ดวงตาสีอำพันเรืองรองราวกับว่าสวรรค์กำลังพิโรธ เสียงขู่แหบต่ำลอดผ่านฟันเขี้ยวแหลมคม เจ้าของดวงตาสีดำสนิทจ้องมองทุกอริยาบทของหมาป่าตรงหน้าอย่างชื่นชม ไม่แปลกใจเลยที่วินฟ่าจักได้ครอบครองดอกไม้ชั้นสูงอย่าง แตรทูตสวรรค์ บรูกแมนเซีย
เมื่อเหลือบมองมาอีกทางเบต้าหนุ่มก็ได้แต่เลิกคิ้วพิจารณาร่างบอบช้ำที่เต็มไปด้วยบาดแผล
เห็นครั้งแรกเขาก็รู้แล้ว รู้ไปถึงชาติกำเนิดที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็อาจจักไม่รู้เสียด้วยซ้ำ
เทเลอร์ เทย์ สักวันคงกลายเป็นอีกคนที่สร้างความเพลิดเพลินให้เขาได้ไม่ใช่น้อย หากว่าชักนำสักหน่อยอีกไม่นานอาจถึงขั้นเทียบเคียงวินฟาเรีย ไม่มีสิ่งใดแน่นอน ในวันข้างหน้าทั้งสองคนนี้อาจจักถล่มสวรรค์ลงมาเหยียบไว้ใต้ตีนจริง ๆ ก็ได้
หรือหากแตกคอกันเองทุกถิ่นทั่วพนาคงได้พินาศเป็นหน้ากอง
เอเดนตวัดลิ้นเลียริมฝีปากอย่างถูกใจ ก่อนที่เท้าเปลือยเปล่าจักกระโดดลงมาแตะพื้น
ดวงหน้าหล่อเหลาแต่งแต้มไปด้วยความสมเพชระคนเห็นใจเดินเข้าไปใกล้เทเลอร์ที่นอนหมดสภาพอยู่ใต้ฝ่าเท้าของครึ่งม้าครึ่งเทพตัวใหญ่อย่างไม่หวั่นเกรง
"ขอร้องข้า แล้วข้าจักช่วย" ยิ้มคล้ายไม่ยิ้มแววตาสีดำขลับแฝงไปด้วยความเดียดฉันท์จากก้นบึ้งของหัวใจ
ยิ่งถูกแต่งเติมด้วยเสียงหัวร่อต่อกระซิกจากเซเทอร์ตัวโต เทเลอร์เหมือนกับถูกกดหัวให้จมดินไร้ผู้ใดหยิบยื่นน้ำใจช่วยเหลือมีแต่ผู้ที่รอทับถมกลบดินแลเหยียบย่ำให้จมลึกกว่าเก่า
ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มบิดเบี้ยวขึ้นทุกคราจ้องมองไปยังเบต้าตัวใหญ่อย่างเอาเรื่อง สันกรามนูนเด่นจากการขบกดฟันซี่คม อยากจักกระชากลำคอขาวซีดนั่นให้ขาดวิ่นฉีกทึ่งร่างกายสาปส่งดวงวิญญาณไม่ให้ได้ผุดได้เกิด
ยิ่งเห็นแววตากระเสือกกระสนไม่เจียมตัวมากเท่าไรรอยยิ้มของเอเดนก็ยิ่งกว้างขึ้นเท่านั้น แววตาของหมาจนตรอก ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน น่าอภิรมย์นัก
กรร!!!!
ไม่ทันได้ชื่นชมภาพตรงหน้าให้เบิกเบิกบานใจ หมาป่าสีเงินตัวใหญ่ก็กระโจนออกมางับคอเซเทอร์จนเซล้มไป
ซามูเอลรีบเปลี่ยนร่างแล้วเข้ามาพยุงเทเลอร์ไว้
"ตั้งสติเอาไว้ วินฟาเรียกำลังจัดการทุกสิ่งให้" มือใหญ่แนบเข้าที่ข้างแก้มตอบเบา ๆ เรียกสติของคนในอ้อมแขนให้กลับมาอีกครั้ง
"ข้า ขอโทษ" ถ้อยคำถูกเปล่งออกมาอย่างยากลำบากก่อนนัยน์ตาสีอินทนิลจักกลอกขึ้นไปด้านบนแล้วหมดสิ้นสติไปเสียอย่างนั้น
"ไม่ใช่ความผิดเจ้า อย่ากังวล" รอยยิ้มอบอุ่นมอบให้ผู้ที่หลับไหลในวงแขน ไม่อยากจักคิดเลยว่าหากเขามาไม่ทัน หากวินฟาเรียมาไม่ทันจักเกิดสิ่งใดขึ้นกับหมาป่าตัวนี้
ดูท่าแล้วเซเทอร์คงเป็นเรื่องที่ปล่อยปละละเลยไปไม่ได้อีก เป็นปัญหาที่ฝูงอาคเนย์ต้องเร่งจัดการโดยเร็ว
"ซามูเอล!!" วินฟาเรียโถมตัวเข้าใส่พี่ชายเต็มแรงเพื่อหลบกลีบเท้าใหญ่ที่เฉียดดวงหน้าขาวไปเพียงเล็กน้อย
อยู่อยู่เจ้าเซเทอร์ตัวโตที่ใกล้จักหมดแรงเกือบเสียท่าให้วินฟาเรียอยู่หลายครากลับฮึดมีแรงขึ้นมาเหมือนกับว่าเพิ่งได้ยาวิเศษเสียอย่างนั้น
แม้จักดึงซามูเอลกลับมาได้ทว่าเทเลอร์ที่นอนหมดสติอยู่ตรงนั้นถูกมือหยาบกระชากติดมือแล้วห้อตะบึงหลบนี้เข้าป่าไป
"โธ่เว้ย!" วินฟาเรียสบถเสียงดังพยายามจักวิ่งตามม้าตัวใหญ่ไปให้ทันแต่กลับถูกเอเดนยืนขวางเอาไว้ มือเรียวพยายามบิดออกจากการเกาะกุมแต่ไม่เป็นผล "ปล่อยข้า!!"
"หัดเจียมตัวเสียบ้าง เจ้าคิดว่าตนเองจักสู้กับเซเทอร์ทั้งฝูงได้หรือ" แม้วินฟาเรียจักเก่งกาจสำหรับหมาป่าด้วยกัน แต่สำหรับเซเทอร์ทั้งฝูงนั้นยังห่างชั้นอยู่มาก อย่างน้อยก็ในตอนนี้ "แบกความหวังของโอเมก้าทั้งพนาไว้แต่กลับคิดได้เพียงเท่านี้ จักเอาความหวังของพวกพ้องไปเสี่ยงกับคนเพียงคนเดียวเจ้าว่าคุ้มแล้วหรือ"
ราชาแห่งแดนรุ่งอรุณนิ่งเงียบไม่คิดตอบโต้ ทว่าดวงตากลับจดจ้องไปยังเอเดนอย่างมุ่งร้าย
"คนไม่มีพวกพ้องอย่างเจ้า อย่าริอาจมาสั่งสอนข้า"
วินฟาเรียมองเห็นแลเฝ้าดูทุกการกระทำของเอเดน หลายสิ่งหลายอย่างบอกกับเขาว่าไม่ควรไว้ใจผู้ชายคนนี้ แลในวันนี้เอเดนก็แสดงให้เขาเห็นแล้วว่าไม่ควรนำมาเป็นพักพวก
ไม่หยิบยื่นความช่วยเหลือแล้วยังซ้ำเติม ควรกำจัดทิ้งไปก่อนจักกลายเป็นขวากหนามในภายภาคหน้า
"น้องพี่เจ้าใจเย็นก่อนเถิดหนา กลับไปที่ฝูงแล้วค่อยคิดหาทางช่วยเหลืออย่างรอบคอบย่อมดีกว่า"
ซามูเอลกุมมือน้องชายเอาไว้แผ่วเบา เขาเองก็ไม่อยากให้น้องตามไปในตอนนี้ เพราะรู้ดีว่าจักต้องไปเจออันตรายที่ไม่สามารถจัดการได้โดยง่าย
สุดท้ายแล้วจึงได้แต่พากันกลับฝูงไป
วินฟาเรียไม่อาจข่มตาหลับลงได้ ราชาแดนรุ่งอรุณบัดนี้มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างปิดไม่มิด
หลังจากบอกให้ลูกฝูงรู้ถึงภัยอันตรายที่คืบคลานเข้ามาใกล้แลย้ายทุกคนเข้ามาอยู่ในถ้ำสูงของตนเองแล้ว วินฟาเรียจึงเรียกซามูเอลเข้ามาปรึกษาว่าควรจักช่วยเหลือเทเลอร์อย่างไร
"ฝูงของข้ามีเพียงท่านแลเทเลอร์เท่านั้นที่เป็นอัลฟ่าแลมีพละกำลังพอจักต่อกรกับพวกเศษเดนนรกพวกนั้น" จมูกรั้นถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาจักปล่อยให้ลูกฝูงคนอื่นออกไปเสี่ยงไม่ได้ "ข้าต้องการกำลังจากฝูงบูรพา"
หากได้กำลังจากฝั่งบูรพาอาจจักช่วยเหลือเทเลอร์ออกมาแลกวาดล้างพวกต่ำช้าให้หมดไปได้ในคราวเดียว
"พี่กลัวว่าจักไม่ทันการอีกทั้งฝูงบูรพาในตอนนี้ อาจไม่เต็มใจช่วยเหลือเราสักเท่าไร"ซามูเอลพูดขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจ
"เช่นนั้นข้าขอให้พี่ท่านช่วยนำสารนี้ไปให้วิลเลียมที่แดนบูรพาแลอคิราห์ที่แดนปัจจิม ข้าจักยื้อที่นี่ไว้อย่างไรพวกมันคงต้องกลับมาอีกเป็นแน่"
ก่อนหน้านี้พวกเซเทอร์ไม่กล้ารุกล้ำเขตแดนอาคเนย์ด้วยเหตุผลบางประการแต่เมื่อเห็นว่ามีฝูงหมาป่าสามารถเข้ามาอาศัยที่นี่ได้พวกมันคงจักอยากยึกครองเป็นของตนเองจนตัวสั่น
พวกมันคิดน้อยแลด้อยปัญญาพอเห็นว่าพักพวกจับหมาป่าแลยิ่งจับอัลฟ่าไปได้คงคิดเหิมเกริมแลบุกเข้ามาในไม่ช้านี้
หากส่งซามูเอลไปฝูงบูรพาอย่างไรพวกหมาป่าอัสวินคงเกรงใจกันอยู่บ้าง แลอคิราห์ย่อมยกคนมาช่วยเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เหลือเพียงแค่เขาที่ต้องยื้อทางนี้ไว้ให้ได้เท่านั้น
"ข้าต้องขอโทษท่านจากใจจริงซามูเอล ท่านเพิ่งกลับมาจากแดนเหนือยังไม่ทันได้พักผ่อน"
"อย่าได้เกรงใจ พี่พร้อมช่วยเหลือทุกสิ่งขอเพียงน้องนั้นบอกมา ห่วงตนเองบ้างเถิดหนาพี่กลัวว่าเจ้าจักไม่ไหว"
"เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นข้าจักไม่รีรอต่อไปแล้วทุกอย่างที่เป็นภัยต่อฝูงเราข้าจักเร่งกำจัดเสียให้หมด"
วินฟาเรียในตอนนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างต้องแบกไว้แลคนเป็นพี่เช่นเขาจึงต้องคอยแบ่งเบาให้ได้มากที่สุด
ซามูเอลค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นสวมกอดน้องไว้แผ่วเบายามนี้น้องชายเขาดูเปราะบางเหลือเกิน ทว่ายังต้องแสร้งสวมเกราะทำเป็นว่าตนนั้นเข้มแข็งหนักหนาต่อหน้าลูกฝูง คงจักเหนื่อยไม่ใช่น้อย
"กอดพี่ไว้คนเก่ง แลจงจำให้ขึ้นใจพี่อยู่เคียงข้างเจ้าเสมอไม่ว่าเวลาใด กอดพี่ไว้แลพี่จักกอดเจ้าเช่นกัน"
ใบหน้างดงามซบลงบนลาดไหล่กว้างอิงแอบรับไออุ่นจากพี่ชายปล่อยให้หยาดน้ำสีใสไหลซึมออกจากดวงตาคู่สวย
ซามูเอลยังคงเป็นเช่นนี้เสมอไม่ว่าจักกี่ปี เป็นผู้เดียวที่สามารถโอบกอดเขาไปจนถึงหัวใจ เป็นพี่ชายที่ต่อให้แลกด้วยความตายวินฟาเรียก็จักต้องรักษาเอาไว้ให้ได้
วินฟาเรียเผลอหลับไปในช่วงใกล้รุ่งด้วยดวงตาบวมช้ำ ซามูเอลวางตัวน้องชายลงบนเตียงนุ่มห่มผ้าผืนหนาก่อนจักเดินออกมาจัดการกับเรื่องต่าง ๆ แทนน้องชาย
"เจ้า เป็นคนของฝูงอาคเนย์ใช่หรือไม่" เจ้าของเรือนผมยาวสีครามมัดรวบหลวมไว้กลางหลังจ้องมองเหล่าลูกฝูงที่พากันย้ายเข้ามาอยู่รวมกันที่โถงใหญ่ในถ้ำ ก่อนจักสะดุดตากับร่างสูงโปร่งของคนที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืนนี้เช่นกัน
"จักว่าใช่ก็ใช่ จักว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่" เอเดนขยับเข้าไปใกล้ซามูเอลพร้อมด้วยจ้องหน้าตอบกลับไปอย่างพินิจ "ข้ามาจากฝูงอาคเนย์เก่า"
"ฝูงอาคเนย์เก่า หมายถึงฝูงที่สาบสูญไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อนน่ะหรือ" ซามูเอลยกยิ้มอ่อน "เจ้าคงล้อข้าเล่นแล้ว"
แลเวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จักมาหยอกล้อใดใดทั้งสิ้น
"เพียงเจ้าไม่เชื่อใช่ว่ามันจักเป็นเรื่องโกหก ซามูเอล อีสเทิร์น"
รอยยิ้มปั้นแต่งจากหมาป่าสองตัวดูเหมือนจักคมกริบจนลูกฝูงคนอื่นต่างก็ถอยหนีออกไปเรื่อย ๆ
"เช่นนั้น เจ้าคงคุ้นชินพื้นที่แถบนี้เป็นอย่างดีจักว่าอย่างไรหากข้าขอให้เจ้าช่วยไปสอดส่องพวกเซเทอร์สักหน่อย" รอยยิ้มไม่ถึงดวงตาที่ซามูเอลใช้ไม่บ่อยนักถูกปล่อยออกมาพร้อมกับกลิ่นอายจิตข่มบาง ๆ ของอัลฟ่า
"ข้าคุ้นชินพื้นที่แถบนี้เป็นอย่างดี เพียงแต่ว่า" เบต้าหนุ่มลากเสียงยาวก่อนจักเอ่ยขึ้นอย่างปัดปัญหา "เหตุใดจึงต้องทำเล่า"
แปลกที่เบต้าจักสามารถสร้างความกดดันให้เขาที่เป็นอัลฟ่าได้ มันไม่ใช่จิตข่ม เป็นเพียงรอยยิ้มจอมปลอมที่เจือไปด้วยความสูงส่งอยู่กลาย ๆ
ทั้งที่ยืนอยู่เสมอกันแต่ซามูเอลกลับรู้สึกเหมือนว่าตนโดนกดหัวอยู่อย่างนั้น ความสูงก็ไม่ต่างกันมากทว่ารู้สึกเหมือนต้องเงยหน้ามองเสียอย่างนั้น
"ข้าไม่มีอำนาจจักบีบบังคับใครได้ แต่เจ้าเองคงรู้อยู่แก่ใจว่าหากแสดงฝีมือได้วินฟาเรียย่อมต้องให้ความสนใจ" หมาป่ารัตติกาลสายรองจากตระกูลอีสเทิร์นยิ้มให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจักเดินผ่านร่างขาวซีดไปหาเบต้าอีกตัวที่ดูไว้ใจได้ให้ดูแลลูกฝูงคนอื่นก่อนที่จ่าฝูงตัวจริงจักตื่นขึ้นมา
"หึ เพราะแบบนี้นี่เองถึงเลี้ยงเขาจนเติบโตมาขนาดนี้ได้" เอเดนจดชื่อซามูเอล อีสเทิร์นเอาไว้ในใจอีกคน อยู่ในฐานะสิ่งสำคัญของวินฟาเรีย อีสเทิร์น
ดูเหมือนจักสำคัญกว่าที่คิดไว้เสียอีก
ซามูเอลออกไปแล้วไปทำสิ่งที่นายแห่งบูรพาจรดอาคเนย์ฝากฝังเอาไว้
จนถึงช่วงสายวินฟาเรียถึงค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างอ่อนล้า กวาดมองไปทั่วโถงกว้างก็ไม่พบกับซามูเอลแล้วจึงเดินออกมานอกห้องที่ถูกกั้นแยกเอาไว้ของตนเอง
"ท่านจ่าฝูง" อีเฟรนเดินเข้ามาเพื่อบอกต่อสิ่งที่พี่ชายของวินฟาเรียบอกเอาไว้ก่อนจักออกไป
"ข้าจักออกไปดูด้านนอกฝากเจ้าดูคนอื่นด้วยโดยเฉพาะ พวกลูกหมาป่า"
หมดเวลาพักผ่อนแล้ว ต่อจากนี้คือเวลาทำงาน
"เอเดน เจ้าเบต้านั่นหายหัวไปไหน" ปกติก็คงจักโผล่หน้ามาปั่นประสาทเขาแล้ว ไม่ใช่ว่าไปก่อเรื่องที่ไหนอีกหรอกหรือ
เพราะเจ้านั่นก็คืออีกหนึ่งปัญหาที่เขาต้องจัดการเช่นกัน
วินฟาเรียเดินเรียบไปตามแนวป่าพลางคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ในหัว
สิ่งที่เขาลืมเลือนไปชั่วครู่ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่อย่างการยึดครองแลช่วยเหลือปลดปล่อยผู้เป็นเบี้ยล่างทั้งแปดทิศ ความตั้งใจเดิมเมื่อครั้งยังเยาว์ กำจัดบัญญัติแห่งพงไพรแลลากหัวพวกอัลฟ่ามาลงโทษ บอกให้พวกมันรู้ว่าผู้ที่คุมพนานับจากนี้ไม่ใช่ชนชั้นของพวกมันอีกต่อไป
ข้าจักไม่เพียงใฝ่สูงแต่ข้าจักไปให้ถึง แม้นไม่มีปีกคู่งามให้โบยบินข้าจักไปให้ถึงด้วยขาทั้งสี่แลเขี้ยวเล็บทั้งหมดที่ข้ามี
ทางฝั่งของเทเลอร์นั้นเพิ่งจักฟื้นจากอาการสลบไสลร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจนไม่อาจยืน ได้แต่สอดส่องสายตาไปทั่วห้องมืด ทั้งอับชื้นแลส่งกลิ่นเหม็นฉุนจมูก
คิ้วเรียวขมวดมุ่นพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ในหัว ที่นี่คงจักเป็นถิ่นฐานของพวกเซเทอร์
เขาถูกจับมาได้งั้นหรือ... ถ้าเช่นนั้นท่านจ่าฝูงกับท่านซามูเอลเล่า
ไม่อยากจักคิดว่าหากท่านเองก็ถูกจับเหมือนกันจักกล้ามองหน้าท่านได้อย่างไร อุตสาห์กำเนิดเกิดเป็นอัลฟ่าเสียเปล่าแต่กลับไร้ประโยชน์ซ้ำยังลากพวกพ้องมาตกตายด้วยกัน
เทเลอร์ถอนหายใจหนักได้แต่เพียงภาวนาว่าพวกท่านสามารถรอดไปได้แลมีเพียงเขาที่เสียท่าถูกจับมาเพียงตัวเดียว
"เฮ้ย! ไอ้หมาดำมึงทำพวกกูไว้แสบหนักหนา!!"
เสียงตะโกนโวกเวกดังขึ้นมาจากเบื้องบนพร้อมกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาทำให้รู้ว่าตอนนี้เขาคงจักถูกกักขังไว้ในบ่อน้ำเก่า
"ถึงเวลาที่มึงจักต้องชดใช้ให้พวกกูแล้วไอ้หน้าขน!" เซเทอร์ตัวหนึ่งชะโงกหน้าลงมาดู "ได้ข่าวว่าเป็นอัลฟ่าหรือมึง กูล่ะชอบนัก"
เหล้าแกวหนึ่งถูกเทลงมาใส่เส้นผมสีนิลพร้อมด้วยเสียงหัวร่อจากครึ่งม้าตัวใหญ่
"เติมน้ำลงไป! หากมันไม่ยอมขึ้นมาสุดท้ายศพมันก็จักลอยขึ้นมาเอง!"
เทเลอร์พยายามเกาะผนังบ่อพยุงให้ตัวเองยืนขึ้น น้ำถังแล้วถังเล่าถูกเทลงมาจนใกล้จักมิดหัว ร่างสีนิลพยายามตะเกียกตะกายขึ้นเหนือน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด
แม้รู้ดีว่าหากขึ้นไปจนถึงปากบ่อตนจักเจอกับสิ่งใดบ้าง แต่เขาไม่มีทางยอมตายอยู่ตรงนี้ ยอมตายอย่างคนขี้แพ้ ยอมตายโดยที่ยังไม่ทันได้เห็นท่านผู้นั้นยิ่งใหญ่แลปกครองพนาอย่างที่วาดหวังไว้
ท่านวินฟาเรีย หากว่าท่านว่างเว้นจากการทำงานแล้ว หากว่าพักผ่อนจนเต็มอิ่มแล้ว หากว่าไม่มีสิ่งใดให้ท่านทำให้ยามนั้นแล้ว
ได้โปรด
นึกถึงข้า แลมาช่วยข้าด้วยได้หรือไม่
___________
#โอเมก้าจ่าฝูง
พี่เทเลอร์สู้ชีวิตมากแต่โดนแม่ยายสู้กลับ
อยากให้ทุกคนลองเดาดูว่าเป็นใครพ่อกล้ามแน่นคนนั้น?
Comments (0)