5 ตอน แสงจันทร์ที่ห้า นามของข้าคือวินฟาเรีย
โดย Cho-mysun
-๕-
?Enjoy Reading?
ดวงตะวันทอแสงสีทองพาดผ่านช่องเขา เมกไม้เขียวขจีแลธารน้ำใสที่ไหลผ่านโขดหินสร้างความอภิรมย์ให้กับผู้มาเยือน งามจนลืมความเหนื่อยล้าไปชั่วขณะ นี่น่ะหรือแดนรกร้าง นี่น่ะหรือถิ่นของปีศาจเขตแดนซึ่งเป็นที่ยำเกรงแม้แต่กับเหล่าเซเทอร์
หุบเขาอาคเนย์หาใช่นรกภูมิอย่างที่ใครเขากล่าวอ้าง หากแต่เป็นสถานที่ที่สวยงามประหนึ่งสวรรค์ชั้นฟ้า
หากไม่มามองให้เห็นกับตาคงจังเชื่อได้ยากนัก เหล่าหมาป่าจ้องมองทิวทัศน์ตรงหน้าอย่างสุขใจ นี่น่ะหรือถิ่นฐานใหม่ สถานที่ซึ่งไร้การกดขี่ไร้ชนชั้นแลไร้กฎเกณฑ์ปลอมเปลือก ที่ที่เราจักเรียกว่าบ้านได้เต็มปากเต็มคำ
“จงจดจำความงดงามนี้ไว้ แลจงเชื่อมั่นในตัวข้า ข้าจักก่อร่างสร้างความงดงามเช่นนี้ไปทั่วทุกหนแห่ง" วินฟาเรียเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพลางชี้ไปยังดวงตะวัน สักวันความงดงามนี้จักแบ่งกันทั่วถึงทุกชนชั้น แม้จักห่างไกลจนข้าไม่อาจมองเห็นแต่พวกพ้องของข้าจักนำความสว่างไสวไปมอบให้ทุกแห่งหน
จักเป็นดั่งดวงตะวันที่ส่องถึงแม้นก้นนรกหรือลึกสุดพสุธา
ลูกฝูงต่างพากันคุกเข่าลงหนึ่งข้างเพื่อแสดงถึงความเคารพที่มีต่อจ่าฝูง อยากจักเอ่ยสรรเสริญสักหมื่นล้านครั้ง อยากจักก้มกราบจนหัวจมดิน อยากจักตอบแทนท่านด้วยชีวิตที่เหลืออยู่
“วันนี้พวกเราคงจักต้องเหนื่อยกันหน่อยหนา เร่งหาถ้ำแลเริ่มสร้างเรือนกันเถิด พวกเจ้าจักได้พักผ่อนกันเสียที" วินฟาเรียเดินนำฝูงคอยมองหาทำเลทองที่จักสร้างที่อยู่ให้กับเหล่าหมาป่า แลยังต้องคอยระวังภัยเพื่อว่าเจอสัตว์ดุร้ายจักได้ช่วยกันทันท่วงที
“ท่านจ่าฝูงข้าขอถามได้หรือไม่ เหตุใดจึงออกมาตั้งฝูงใหม่ไกลถึงแดนอาคเนย์" เทเลอร์ถามขึ้นอย่างใคร่รู้หากต้องการเพียงแยกโอเมก้าที่ถูกทารุณ แบ่งพื้นที่ในฝูงบูรพาให้สักส่วนหนึ่งจักไม่ง่ายกว่าหรือ
“การเริ่มต้นที่ดีต้องเริ่มจากรากฐาน หากข้าขึ้นปกครองบูรพาทิศทันทีจักไม่ได้เกิดเพียงการต่อต้านภายในฝูง แต่จักเกิดปัญหาภายนอกด้วย ฝูงอื่นพุ่งเป้าโจมตีมาที่เรายิ่งคนในฝูงไม่เชื่อฟังยิ่งแล้วใหญ่คงจักโดนตีพ่ายในคืนเดียว"
เทเลอร์ฟังผู้เป็นนายแลคิดตาม ก็จริงดั่งท่านว่าหากฝูงใดรู้ว่าแดนบูรพาปกครองโดยโอเมก้าคงจักรีบหาข้ออ้างมาเพื่อเปิดศึกชิงถิ่นไป
เทเลอร์มองคนตรงหน้าอย่างเลื่อมใส รู้สึกว่าตนเองนั้นคิดถูกที่ตามท่านผู้นี้มา อย่างน้อยหากมีอัลฟ่าเช่นเขาไว้ย้อมช่วยท่านคุ้มภัยได้มากกว่า
หลังจากสำรวจหาที่ตั้งกันอยู่พักใหญ่ วินฟาเรียก็สังเกตุเห็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่ที่บนหุบเขาแลด้านหน้ายังมีทุ่งราบไว้ให้สร้างบ้านเรือน ช่างเป็นทำเลที่ดีเสียจริง
ซามูเอล เทเลอร์และวินฟาเรียรุกเข้าไปสำรวจภายในโพรงถ้ำ หากเจอสัตว์ร้ายคนที่เหลือจักได้ไม่โดนลูกหลง เมื่อค้นหาจนแน่ใจทั้งสามคนก็ออกมาเรียกพวกที่เหลือให้เข้าไปจับจองที่ด้านในที่จักใช้พักในค่ำคืนนี้
“ข้ากับเทเลอร์จักลงไปสำรวจทุ่งด้านหน้าแลหาอาหารมาให้ พวกเจ้าพักผ่อนกันก่อน ซามูเอลข้าฝากท่านระวังภัยให้ด้วย"
แม้ยังไม่รู้ว่าพวกเซเทอร์รุกล้ำเข้ามาในแดนอาคเนย์มากขนาดไหน แต่ว่าเขานั้นมั่นใจพวกมันจักไม่เข้ามายุ่มย่ามที่นี่อย่างแน่นอน
อาจเป็นเพราะเทพบันดาล หรือจอมมารปกปัก ดินแดนแห่งนี้เหมือนถูกรักษาไว้อย่างดีรอวันที่พวกเขาจักมาถึง
“เทเลอร์ เจ้าชอบสิ่งใดที่สุด” วินฟาเรียเอ่ยถามขึ้นพลางกัดผลไม้ในมือกินอย่างเบื่อหน่าย
ที่นี่เงียบจนน่าใจหาย สงบเช่นนี้มันชวนหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย อย่างกับว่าโดนจับตามองอยู่ทุกย่างก้าว
“ข้าชอบความเงียบสงบ” คำตอบจากคนข้างกายทำเอาวินฟาเรียคิ้วกระตุก ชอบความเงียบ นี่หมายถึงว่าให้เขาช่วยหุบปากไปสักทีแบบอ้อมค้อมหรือเปล่า
พวกหน้าตาดีนี่ชอบทำตัวน่าเบื่ออยู่เรื่อยเลย หงุดหงิดชะมัด
“อืม ส่วนข้าน่ะชอบความแข็งแกร่ง ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งน่าสนใจ" มุมปากงามยกยิ้มน้อย ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ของคืนก่อน แท้จริงแล้วเจ้านั่นเป็นใครกันช่างแข็งแกร่ง แข็งแกร่งเกินจักนำมาเทียบกับเทพยดาเสียด้วยซ้ำ
“พ่อข้าเคยบอกว่าคนเราจักดึงดูดคนเช่นเดียวกัน"
“หากเป็นเช่นนั้นก็ดีน่ะสิ” ข้าอยากจักเจอกับผู้ที่ยืนอยู่เหนือทุกสิ่ง แข็งแกร่งแลแข็งแกร่งขึ้นไปอีก อยากจักประมือแลก้าวข้ามความแข็งแกร่งนั้น
วันแรกในบ้านหลังใหม่ผ่านไปได้ด้วยดีพวกเขาหาอาหารแลร่วมกันแบ่งปันที่พัก ภายในถ้ำอุ่น ๆ อบอวนไปด้วยรอยยิ้มแลเสียงหัวเราะของชนชั้นที่ขึ้นชื่อได้ว่าอ่อนแอ แต่ใครจักรู้เล่าหากคนอ่อนแอพวกนี้รวมกันเป็นหนึ่งอาจจักโค่นล้มทรราชก็เป็นได้
ในวันต่อมาพวกหมาป่าเริ่มลงหลักปักฐานตัดต้นไม้ขุดดินมาสร้างที่พักอาศัยของตนเอง
“วินฟาเรียใกล้ถึงเพลาที่จักต้องเจรจากับพวกปัจจิมแล้ว พี่คงจักไม่อยู่ร่วมสิบวันน้องรักษาตัวด้วยหนา"
หลายครั้งที่เขานึกสงสารคนเป็นพี่ต้องวิ่งไปวิ่งมาเจรจาฝูงนู้นฝูงนี้นี้คงจักเหนื่อยไม่น้อย
“ขอพี่ท่านกลับมาหาเราอย่างปลอดภัยหนา หากคุยแล้วไม่ได้ความจงรีบกลับมา อย่านำตนเองไปเสี่ยงอันตราย" ซามูเอลเลี้ยงดูเขามาแต่เล็กแต่น้อยเปรียบดั่งพ่อคนที่สองคอยค้ำจุนแลอยู่เคียงข้างเขาตลอดมา หากเสียพี่ท่านไป ข้าคิดไม่ได้จริง ๆ ว่าจักอยู่ต่อไปอย่างไร
ถึงแม้ฝั่งนั้นจักมีอคิราห์อยู่แต่ใช่ว่าจักไว้ใจได้ ตระกูลเว็ซทมากเล่ห์ไม่ต่างจากพวกถิ่นเหนือ
“เทเลอร์ ฝากเจ้าดูแลน้องข้าด้วย ถึงฝีมือจักมากล้นแลเป็นถึงจ่าฝูงแต่ก็หุนหันพลันแล่นเลือดร้อนไม่มีใครเกิน ช่วยเตือนสติเขาด้วย" ซามูเอลหันไปมองน้องชายที่ทำหน้าบึ้งตึงอย่างขำขันระคนหนักใจ ไม่อยากจักทิ้งน้องไว้แต่หน้าที่ย่อมต้องรับผิดชอบ
อย่างน้อยมีเทเลอร์เขาก็เบาใจขึ้นมาก ดูแล้วหมาป่าตัวนี้คงจักเป็นพวกรักสงบแลใจเย็นไม่น้อย ต้องช่วยเขาปรามเวลาวินฟาเรียใจร้อนได้แน่
หลังซามูเอลจากไปได้ไม่นานหมาป่าสาวตัวหนึ่งก็รีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าจ่าฝูงแลบอกเล่าเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้น
‘มีหมาป่าตั้งท้อง’
ทั้งจ่าฝูงทั้งลูกฝูงวิ่งอลวนกันไปทั่วเดี๋ยวหาบน้ำเดี๋ยวก่อไฟขนกองฟางมาสุมเป็นรังให้
วุ่นวาย วุ่นวายอะไรกันขนาดนี้เทเลอร์นึกอยากจักตะโกนดัง ๆ ให้ทุกคนหยุดลนลาน แม้แต่จ่าฝูงที่เขานั้นคิดว่าสนใจแต่เรื่องพละกำลัง บัดนี้กลับลนลานเสียยิ่งกว่าคนที่กำลังคลอดลูกเสียอีก
“เมื่อหลายวันก่อนนางเดินทางอย่างไม่ได้พักคงจักอดทนไม่น้อยกว่าจักมาถึงที่นี่" หมาป่าสาวข้างกายเอ่ยขึ้นอย่างสงสารจับใจกำลังท้องกำลังใส้หาควรเดินทางไกลเยี่ยงนี้
“ทำไมนางไม่บอกข้าเล่า ข้าจักได้เลื่อนการเดินทางออกไปก่อน"
“นางคงกลัวจักถูกทิ้งไว้ที่นั่นถึงได้กัดฟันอดทนไม่บอกท่านจนถึงยามนี้”
จักโกรธก็โกรธไม่ลงนางคงกลัวจักถูกทิ้งไว้ที่นั่นมากจริง ๆ ขนาดพ่อเด็กในท้องยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคือใคร จักต้องอดทนขนาดไหนในตอนที่อยู่ฝูงเก่า จักถูกพวกอัลธพาลทารุณเพียงใด เกิดเป็นโอเมก้านั้นว่ายากแล้ว แต่เกิดเป็นโอเมก้าซ้ำยังถูกกดขี่ยิ่งยากกว่า
“ไม่เป็นไร มันจักผ่านไปได้ด้วยดี" วินฟาเรียจับอุ้งเท้าสีเทาไว้เบา ๆ อย่างกับว่าพยายามปลอบโยนหญิงสาวที่กำลังจักเป็นแม่คน
สักวันหนึ่งเขาเองก็จักต้องให้กำเนิดบุตรเช่นนี้หรือเปล่านะ
“เราออกไปรอกันข้างนอกเถิด ปล่อยให้นางได้พยายามด้วยตนเอง"
วินฟาเรียลูบหัวโอเมก้าน้อยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจักเดินออกมารอด้านนอกกับเทเลอร์
“ไม่คิดว่าท่านจักใส่ใจ" หนุ่มผมยาวสีอินทนิลพูดขึ้นพลางยื่นแก้วน้ำให้ผู้เป็นนาย
“ข้าย่อมต้องใส่ใจลูกฝูงทุกตัวอยู่แล้ว ยิ่งมีการกำเนิดใหม่ในฝูงเป็นครั้งแรก ข้าคงจักตื่นตูมไปหน่อยสิหนา" วินฟาเรียยกยิ้มอย่างขำขัน การกำเนิดใหม่ในฝูงนับเป็นลางดีใช่หรือไม่ จักมีเด็กตัวน้อย ๆ วิ่งไปวิ่งมาคงสร้างเสียงหัวเราะให้คนในฝูงได้ไม่น้อยเลย
“ขอเพียงท่านเป็นจ่าฝูงที่ดีแบบนี้ตลอดไปพวกเราก็ไร้กังวล"
“เจ้ายอข้าเกินไปแล้วฮ่าฮ่า!”
คนถูกชมยกมือขึ้นทาบอกแสดงท่าทีดีออกดีใจเสียเต็มประดา
เป็นคนบ้ายอเสียจริง อยู่ด้วยกันมาก็หลายวันเทเลอร์รู้ซึ้งแล้วว่าวินฟาเรียนั้นเป็นคนดีรักพวกพ้องแลไม่ได้โหดร้ายทารุณอย่างที่คนในฝูงเก่าคิด แต่ไม่อยากจักเชื่อเลยว่าเป็นคนตลกขบขันแลมีนิสัยติดเล่นไม่ต่างกับเด็กวัยผลิบาน
อย่างกับมีสองตัวตนในร่างเดียว แม้นนภายังมีทั้งกลางวันกลางคืนท่านจักเผยนิสัยให้คนรู้ต่างกันก็ไม่ได้ผิดแผกอันใด
ตลอดสามวันที่ผ่านมาวินฟาเรียจดจ่อรอคอยแต่จะได้พบหน้ากับเจ้าหมาป่าน้อยแต่นางก็ยังไม่คลอดเสียที ทุกครั้งที่เดินไปรอหน้าเรือนก็จักหน้าหงอยกลับมาเพราะคำตอบที่ว่า นางยังไม่คลอด
ฮึ่ยยย ข้าล่ะอยากจักเบ่งท้องแทนนางเสียจริง เมื่อไรจักได้เจอเจ้าพวกลูกหมาป่ากัน แม้นไม่ใช่ลูกข้าแต่เกิดในฝูงข้าก็เปรียบเสมือนลูกข้านั่นแล
“ท่านจ่าฝูงวันนี้จักออกลาดตระเวนหรือไม่”
“เจ้าเฝ้าฝูงเถิด ข้าจักออกไปเอง"
เทเลอร์พยักรับคำผู้เป็นนายแลไปเดินตรวจตราในฝูงเพื่อใครจักต้องการความช่วยเหลือ
สองขาเรียวก้าวเดินไปเรื่อยรอบ ๆ แดนอาคเนย์ เก็บผลไม้กินบ้างเขวี้ยงก้อนหินก้อนกรวดเล่นบ้าง ที่นี่เงียบสงัดร้างผู้คนนอกจากฝูงของเขา น่าเบื่อเสียจริงไม่ได้ต่อสู้มานานเท่าไหร่แล้วหนา
วินฟาเรียหยุดชะงักเมื่อรู้สึกถึงร่างกายที่แปลกไปอย่างกะทันหัน ไอร้อนตีขึ้นมาจากกลางท้องแผ่ไปทั่วร่างกาย กลิ่นดอกบรุกแมนเซียอ่อน ๆ เริ่มโชยออกมา
“บ้าเอ้ย" ร่างกายที่ร้อนผ่าวแลความต้องการที่พุ่งขึ้นสูงอย่างไม่ทันตั้งตัวทำเอาวินฟาเรียสบทออกมา ทำไมไม่เลือกเวลาเลยไอ้ร่างกายบ้านี่
เขากำลังฮีทมัวแต่พะว้าพะวังเรื่องขึ้นเป็นจ่าฝูงจนลืมนับวันไปเสียสนิท
ยิ่งตอนนี้ซามูเอลไม่อยู่ก็ไม่รู้แล้วว่าใครจักช่วยเขาได้ ไอ้สวรรค์บ้านั่นมันคิดจักกลั่นแกล้งกันจริง ๆ
ความร้อนในร่างกายพุ่งสูงสวนทางกับสติที่เริ่มเลอะเลือน ต้องรีบกลับฝูง อย่างน้อยที่นั่นก็ปลอดภัยกว่าในป่านี่
แต่ยังไม่ทันได้ทำตามที่ใจนึกท่อนแขนขวาก็ถูกชายคนหนึ่งกระชากไว้เต็มแรง อัลฟ่า มีหมาป่าอยู่แถวนี้ได้อย่างไร มันตามกลิ่นกายเขามาหรือ
“เจ้าจักไปไหนเล่า ข้าไม่ได้กลิ่นกายหอมเยี่ยงนี้มานานแล้ว ไม่คิดอยู่ให้พี่เชยชมหน่อยหรือ"
แม้นร่างกายจักเริ่มไม่ฟังคำสั่งแต่ด้วยศักดิ์ศรีที่มีมันค้ำคอเขาจักมาตกม้าตายแค่เพราะความต้องการโง่ ๆ นี่ไม่ได้
มือเล็กคว้ามีดข้างกายจ้วงเข้าที่สีข้างของชายแปลกหน้า แม้อัลฟ่าจักได้ชื่อว่าแข็งแกร่งโดยกำเนิดแต่หากจักสู้กับเขาเจ้านี่ยังนับว่าอ่อนหัด! ยังดีที่เป็นพวกพันธุ์ต่ำป
ชายร่างสูงกุมท้องอย่างเจ็บปวดพร้อมสบถด่าเจ้าของกลิ่นกายหอมกรุ่นที่กำลังชักชวนให้เข้าหาด้วยแรงราคะ
วินฟาเรียตั้งท่าพร้อมสู้ เมื่อชายผู้นั้นกลายร่างเป็นหมาป่าขนสีเทามีดสั้นในมือก็พุ่งเข้าหาจุดตายโดยไม่ลังเล คนชั่วหาควรมอบโอกาสให้
มีดเล่มเล็กถูกดึงขึ้นมาจากร่างหมาป่าตัวใหญ่วินฟาปาดคาวเลือดลงกับใบไม้ใกล้ ๆ พยายามครองสติแลเร่งพาตนเองกลับฝูง
“ไอ้ร่างกายบ้านี่"
เมื่อเห็นทีคงจักประครองสติไว้ไม่อยู่คนตัวเล็กจึงกัดฟันแน่นใช้ปลายมีดกรีดลงบนต้นแขนตนเองอย่างจำใจ มีเพียงความเจ็บปวดที่ช่วยเรียกสติเขาได้บ้าง
ร่างเล็กทรุดลงนั่งบนโขดหินเอนหัวพิงกับต้นไม้ใหญ่ หากลงน้ำจักช่วยได้บ้างหรือไม่ อีกไม่กี่อึดใจก็จักถึงฝูงอยู่แล้วเชียว ทำไมแค่นี้ถึงทำไม่ได้กัน
"เจ้าฆ่าหมาป่าตัวนั้นหรือ”
เสียงจากทางด้านหลังเรียกความสนใจของร่างสั่นเทาที่ร่อแร่เต็มที
ใบมีดคมถูกชี้ไปทางผู้มาใหม่ ลำแขนเล็กสั่นจนแทบจักยกไว้ไม่อยู่ เขาสู้กับเจ้านี่อีกตัวในสภาพนี้ไม่ได้เป็นแน่
“ใจเย็นเถิด ข้าไม่คิดจักทำร้ายหรือล่วงเกินเจ้าโปรดวางใจ"
ดวงตาหม่นแสงหรี่ลงราวกำลังจับผิด จักเชื่อได้หรือ เจ้าชีเปลือยนี่ เป็นพวกวิปลาสชอบอวดร่างกายหรืออย่างไร
แต่เมื่อเฝ้าดูอยู่เนินนานคนตรงหน้าก็ไม่มีท่าทีจักเข้ามาลวนลามหรือทำร้าย วินฟ่าจึงค่อย ๆ หย่อนตัวลงธารน้ำใสหวังให้สายน้ำชะล้างความรุ่มร้อนในกาย
มือเรียวยังคงกำมีดสั้นไว้แน่นดำผุดดำว่ายจนพอใจจึงโผล่หน้าขึ้นมาเพื่อสอดส่องดูว่าชายแปลกหน้าผู้นั้นไปหรือยัง
“ไอ้เวรเอ้ย!”
วินฟาเรียขว้างมีดไปหวังจักปิดชีพผู้ที่ถ้ำมองตนแลยังกล้ารูดรั้งส่วนกลางกายไม่อายฟ้าอายดิน!
ไม่น่าจักไปเชื่อใจไอ้ชีเปลือยนี่แต่แรก เขานี่มันโง่เง่าจริง!
“ใจเย็นก่อน ข้าไม่ได้ตั้งใจ!”
“หุบปากเจ้าไปสา!”
แม้นร่างกายจักเย็นลงบ้างแล้วแต่กลับร้อนรุ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นการกระทำหยาบโลนของคนตรงหน้า
จักกลายร่างเป็นหมาป่าก็ไม่ได้ หากโดนสัญชาตญาณควบคุมโดยสมบูรณ์คงจักได้ขาดสติจนไปร่วมสมสู่กับไอ้บ้านี่เป็นแน่
ร่างทั้งร่างถูกกดลงแนบพื้นดินผู้ตกเป็นรองสบถขึ้นอย่างหัวเสียนี่เขากำลังจักพ่ายแพ้ให้ไอ้ชีเปลือยนี่จริง ๆ น่ะหรือ จักมีอะไรน่าอับอายไปกว่านี้อีก
“ข้าจักสาปแช่งเจ้า" เมื่อร่างกายไม่อาจชนะได้ก็ต้องต่อสู้ด้วยวาจา
เจ้าของใบหน้าคมคายยกยิ้มขึ้นอย่างขบขัน เมื่อเห็นหมาน้อยจนตรอกเสียจนต้องสาปแช่งกัน
“จักสาปข้าไปไย ข้าเพียงต้องการทักทายแลพูดคุยกับเจ้าก็เท่านั้น"
“เจ้าพูดคุยกับคนอื่นด้วยท่าทีแบบนั้นหรือ เหอะ"
ริมฝีปากบางขยับเข้าใกล้ใบหูขาวพร้อมกับพูดแนะนำตัวเองอย่างเนิบช้า
“ข้าชื่อเอเดน เจ้าเล่ามีนามว่าอะไรเหตุใดถึงได้มาเดินอยู่ผู้เดียว"
วินฟาเรียผินหน้าหลบอย่างไม่สบอารมณ์ ทีท่าเดี๋ยวเล่นเดี๋ยวจริงไม่ต่างจากอคิราห์เลยสักนิดทว่ากลับให้บรรยากาศที่ต่างออกไป มองไม่ออกเลยจริง ๆ ว่ามาร้ายหรือมาดี
“ปล่อยข้า แล้วข้าจักตอบ" ชายหนุ่มผมดำลุกขึ้นพร้อมยื่นมือไปดึงอีกคนให้ลุกขึ้นยืนด้วยกัน
ใบหน้าทะเล้นถูกสับสอกเข้าเต็ม ๆ วินฟาเรียอาศัยจังหวะนั้นหยิบมีดสั้นที่พื้นแลล็อกคอคนตรงหน้าไว้แน่น
“ข้าชื่อวินฟาเรีย เป็นผู้ที่จักปิดชีพเจ้า”
รอยยิ้มเล่ห์ร้ายแลกลิ่นอายหอมหวานของดอกแตรนางฟ้าผสมกลมเกลียวไปกับดวงตาสีอำพันทรงอำนาจ เหมือนกับถูกรูปโฉมล่อลวงให้เข้าหาก่อนจักสิ้นลมเพราะพิษร้ายแล่นสู่หัวใจ
แต่ก่อนจักได้ยินเสียงแตรของทูตสวรรค์ เจ้าของเรือนผมสีดำก็สามารถดึงตนขึ้นมาจากภวังดอกไม้พิษได้ทันการ
ใบมีดคมกริบถูกรับไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่กำรอบเอาไว้แล้วค่อย ๆ เบนออกไปจากลำคอของตน
"ดอกบรุกแมนเซีย รูปงามแลยังหอมกรุ่นไกลพิษสงเล่ห์ร้ายไม่เป็นรอง วินฟาเรียเหมือนเจ้าไม่มีผิด"
จากที่คิดว่าตนเป็นฝ่ายกุมชัยคราวนี้กลับกลายเป็นเขาเองที่ถูกล็อกร่างไว้ด้วยพละกำลังมหาศาล
"มันทำให้ข้าตื่นเต้นนะรู้หรือไม่" น้ำเสียงติดแหบคลอเคลียอยู่ข้างหู ลิ้นชื้นแตะลงที่กกหูแผ่วเบาตามด้วยเขี้ยวแหลมขบกัดบนเนื้ออ่อนยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ดิบของโอเมก้าให้โหยหาสัมผัสทางกายมากกว่าเก่า
น้ำเสียงหอบหนักแลเล็บยาวจิกลงบนท่อนแขนขาวจนเลือดซิบบ่งบอกว่าเจ้าของร่างใกล้พ่ายแพ้ให้ความต้องการเต็มที
"ปล่อยนายข้า" น้ำเสียงเรียบเย็นดุดันดังขึ้นด้านหลัง ดาบยาวถูกแทงเข้าข้างเอวฉับไวไม่ทันให้เหยื่อได้ไหวตัว
ดีที่เขาได้กลิ่นอายของโอเมก้าล่องลอยออกมานอกป่าจึงเดินตามมาเพื่อว่าเป็นกลิ่นของท่านจ่าฝูงต้องการความช่วยเหลือ แลก็เป็นเช่นนั้นจริง
"แม่เจ้าไม่สอนหรือว่าอย่าสอดเรื่องของผู้อื่น" นัยน์ตาที่เคยปกติพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีดำรัตติกาลไปทั่วทั้งเบ้า อย่างกับว่ากลายเป็นสิ่งอื่นที่ไม่ใช่หมาป่าอีกต่อไป
ดาปเล่มยาวสลายกลายเป็นผงเพียงแค่ปลายนิ้วแตะลง ในใจคิดอยากจักฆ่าเจ้าคนตรงหน้าสักหลายร้อยรอบแต่ก็ต้องข่มไว้ หากโผงผางไปคงหมดสนุก
"อย่ายุ่งกับคนของข้า หากมีครั้งหน้าจักไม่ปราณีอีกต่อไป"
นัยน์ตาสีอินทนิลเผลอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำดุจก้นนรกเหมือนกับว่าวิญญาณถูกฉุดกระชากออกจากร่างไปชั่วขณะ
"ท่านวินฟาเรีย" เมื่อเห็นผู้เป็นนายค่อย ๆ ขยับตัวเปิดเปลือกตา หญิงสาวเบต้าก็ร้องเรียนอย่างโล่งใจ
สีหน้างุนงงของราชันสื่อเป็นนัยให้หญิงสาวบอกกล่าวเรื่องราวให้ตนรับรู้
จากที่ฟังมาวินฟาเรียรู้ว่าตนนั้นเกิดฮีทขึ้นในป่าแลไปเจอกับพวกอัลฟ่าหลงฝูง ต่อสู้กันจนเสียไปหลายแผลแลมีเบต้าคนหนึ่งมาพบเข้าจึงช่วยพากลับมาที่ฝูง
หลังจากบอกให้หญิงสาวไปตามชายผู้นั้นมา เขาพยายามเรียบเรียงความทรงจำเมื่อวันก่อนแต่กลับรู้สึกว่ามันขาดห้วงปะติดปะต่อไม่ได้เสียอย่างนั้น แปลกจนน่าสงสัยไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ฮีทแล้วจักจำเหตุการณ์ช่วงฮีทของตนไม่ได้
"ฟื้นแล้วหรือ"
ชายหนุ่มผมดำรูปร่างสูงโปร่งค่อย ๆ ยอบตัวลงนั่งข้างกายจ่าฝูงบรรจงจับมือขาวขึ้นมากดจูบแผ่วเบาอย่างคุ้นชิน
"ข้านามว่าเอเดน ถึงจักเคยบอกไปแล้วแต่คิดว่าเจ้าคงจำไม่ได้"
รอยยิ้มพรายดูคุ้นตาอยู่ไม่น้อยทว่านึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าไปเคยเห็นมาจากที่ใด
____________
#โอเมก้าจ่าฝูง
อ่ยยยยน้อยวินฟ่าของมี๊โหดเพื่อคนทั้งโลกเบ๋อ ใจดีกับพี่เขาหน่อยครับลูกกก พี่เอเดนแกเดบิวต์มากินรอบวงจริง55555
Comments (0)