3 ตอน แสงจันทร์ที่สาม รัตติกาลเร้นเมฆา
โดย Cho-mysun
-๓-
?Enjoy Reading?
"วินฟาเรีย ไยเจ้าจึงหลบหน้าพี่ทุกคราที่มาหารู้หรือไม่เจ้าทำเช่นนี้ใจพี่เหมือนโดนทุบ" อคิราห์รีบตรงดิ่งมาหาอีกคนอย่างรีบร้อน
"อยากจักโดนทุบหัวด้วยหรือไม่เล่า" คำปัดตัดรำคาญของคนน้องยิ่งทำให้พี่ชายคนโตตระกูลเว็ซทสะดีดสะดิ้งแทบจักลงไปนอนชักอยู่กับพื้น
"เจ้าปากร้ายใส่พี่อีกแล้วหนา เขาว่าเป็นเช่นนี้จักลูกดกนักเจ้าว่าจริงหรือไม่" พูดไปหยอกไปไม่มีแม้ความจริงจังสักนิดในแววตา แต่แว้บหนึ่งกลับฉายแววเจ้าเล่ห์ขึ้นมาอย่างปิดไม่มิด "คงต้องลองดูถึงจักรู้ โอ้ยย!"
"แดนดับตะวันขาดแคลนโอเมก้านักหรือถึงต้องถ่อมาหาข้าแทบทุกเดือน"
"โอเมก้าเมืองข้ามีนับร้อยแต่หาใครงามเท่าเจ้าคงไม่มี พี่จองของพี่ไว้ตั้งแต่หกปีก่อนไม่รีบเร่งเสียเดี๋ยวคงโดนปาดหน้าเข้าสักวัน"
นับตั้งแต่วันนั้นที่อคิราห์รู้ว่าวินฟาเรียเป็นโอเมก้าไม่ใช่อัลฟ่าอย่างที่คิดไว้ ก็เทียวมาเทียวไปอย่างกับว่าเรือนอยู่ข้างกัน เวลามาหาก็เกี้ยวพาไม่เว้นวัน ขยันป้อนคำหวานจนโดนซามูเอลตะเพิดไล่ไปหลายครา
"ข้าบอกเจ้าแล้วว่าหากยังเอาชนะข้าไม่ได้ข้าจักไม่แต่งกับใครทั้งสิ้น" แลทุกครั้งไปที่วินฟาเรียปฏิเสธไปด้วยถ้อยคำเดิม ๆ
เขาตั้งมั่นในความแข็งแกร่งเหนือสิ่งใด แลจักเลือกคู่ครองจากความแข็งแกร่งเท่านั้น ไม่เกี่ยงว่าเป็นใครหรือชนชั้นใดหากแต่ล้มเขาได้ เขายอมมอบกายถวายหัวใจ
"พี่จักกล้าตีน้องได้อย่างไร เว้นแต่ยามกายเราแนบเคียงบนเตียงของพี่" คำเกี้ยวพาแลใบหน้ากวนอารมณ์ของอคิราห์พาให้วินฟาเรียกรอกตาขึ้นลงอย่างเหนื่อยหน่าย
"สองคำเกี้ยวสี่คำชวนขึ้นเตียงข้าล่ะเบื่อนัก"
"หากเจ้าได้ลองกลัวว่าคงไม่พูดเช่นนี้" พลางยกนิ้วขึ้นมากางออกจนสุดอยากจักอวดว่าภูมิใจนักหนาในขนาดท่อนลึงค์ของตนเอง
"ก็ถ้าได้ลองน่ะนะ" ยกยิ้มยียวนเป็นการทิ้งท้ายแล้วโยนดาบเล่มยาวให้เป็นการท้าดวล
"เจ้าว่าอย่างไรนะ จักพูดให้คิดเช่นนี้แล้วหนีไปหรือ!" อคิราห์ยังคงไม่ย่อท้อพยายามจักดึงให้วกเข้าเรื่องเดิมให้ได้
"หุบปาก หากอยากจักขึ้นคร่อมข้านักก็เอาชนะให้ได้"
ไม่รู้ว่าไปปลุกใจหรือจุดเชื้อเพลิงอะไรแต่ทีท่าหมาหยอกไก่โดนลบหายไปในพริบตา แทนที่ด้วยแรงจ้วงแทงรุนแรงไม่เว้นช่วงให้หายใจ
วินฟาเรียรู้ว่าต้องกระตุ้นด้วยสิ่งใดอัลฟ่าขี้เล่นคนนี้ถึงจักเริ่มจริงจัง
เสียงเหล็กแหลมกระทบกันดังก้อง พลัดกันรุกรับอยู่หลายกระบวนท่า มองไม่ออกว่าผู้ใดเป็นฝ่ายที่เหนือกว่าด้วยฝีมือที่ใกล้เคียงกันเกินกว่าจักแยกชั้น
แม้แต่ซามูเอลที่ยืนมองอยู่ไกลๆยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าสุดท้ายใครจักเป็นผู้กุมชัย รู้เพียงว่าการประลองครานี้อคิราห์จริงจังกว่าทุกครั้ง ไม่รู้ว่าน้องไปพูดสิ่งใดให้ขุ่นเคืองหรือเปล่า
เดิมทีแค่เห็นน้องถือดาบก็แทบจักเข้าไปประคองแล้ว เป็นแมลงหวี่แมลงวันคอยตอมน้องอยู่ไม่ห่าง น่ารำคาญตานัก
เสียงหายใจเริ่มหอบหนักขึ้นทั้งคู่ด้วยความที่ไม่มีใครยอมใครจึงต้องงัดไม้ตายมาสู้กันยันเฮือกสุดท้าย
จนวินฟาเรียเป็นฝ่ายถูกดันลงพื้นก่อนที่จะโดน อคิราห์คร่อมทับพร้อมทั้งจ่อปลายดาบไว้ที่ลำคอ
รอยยิ้มมากเล่ห์ปรากฏขึ้นอีกครา
"เห็นทีพี่คงได้เจ้าไปร่วมเรียงเคียงหมอน" ไม่คิดว่าตนจักชนะได้จริง ๆ แต่จักทำอย่างไรได้ในเมื่อสุดท้ายน้องก็เป็นฝ่ายปราชัย แอบคิดไปเองในใจว่าน้องอาจแกล้งยอมแพ้เพื่อที่จักได้ไปอยู่กับเขาสักที
"คิดว่าต้องเสียตัวจริง ๆ ซะแล้ว"
รอยยิ้มพลันหุบลงเมื่อเจ้าของร่างรู้ตัวว่าโดนคมดาบจ่ออยู่ที่อก พลางถอนหายใจอย่างปลงตกต้องอีกกี่รอบกันที่เสมอกันเช่นนี้
"พี่ก็อุตสาห์คิดเพื่อไว้เป็นสิบท่า คงจักเป็นหมันอีกแล้วใช่หรือไม่" แม้ไม่ได้ทั้งกายแต่ก็ยังไม่วายทิ้งตัวลงไปทับน้อง แกล้งปัดปลายจมูกผ่านแก้มนวล แกล้งหายใจรดต้นขอขาวให้น้องจักจี้เล่น
"ทำไม อยากได้ข้าขนาดนั้นเลยหรือ"
"มากกว่าสิ่งใด"
ไม่ต้องขบคิดให้มากความ นิ้วเรียวเกี่ยวดึงเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนลงมา จ้องดวงตาสีอัลมอนด์เกือบจักอำพันแล้วประกบปากนุ่มลงบนริมฝีปากสีอ่อนจากสัมผัสแผ่วเบาค่อย ๆ คืบคลานรุกล้ำหนักขึ้น
ลิ้นเรียวตวัดดึงตักตวงความรู้สึกวาบหวามของกันและกันอย่างตะกละตะกลามเหมือนกับว่าได้ลิ้มลองรสชาติแห่งสวรรค์ มือใหญ่เริ่มอยู่ไม่สุขปัดป่ายไปทั่วหน้าท้องราบอย่างย่ามใจ
จนทุกการกระทำต้องหยุดไปเมื่อเรือนผมหยักศกถูกกระชากขึ้นโดยซามูเอล
เส้นน้ำหวานเชื่อมเป็นทางระหว่างสองปากยิ่งทำให้ภาพตรงหน้าถูกใจอคิราห์ไม่น้อย หากจักไม่ชอบใจสิ่งใดคงจักเป็นคนที่จิกหัวเขาอยู่ตอนนี้กระมัง
"ไม่เอาน่าซามูเอล นั่งรัชทายาทแดนดับตะวันนะ" วินฟาเรียพูดอย่างขำขันพลางเช็ดคราบน้ำลายบนปากไปป้ายที่ลิ้นอคิราห์อย่างนึกสนุก
"ช่างหัวมันสิ น้องเองก็จักติดเล่นไปแล้วหากพี่ไม่เข้ามาห้ามไม่ใช่ว่าจักเลยเถิดไปไกลหรือ" ซามูเอลที่กำลังหัวเสียเผลอขึ้นเสียงใส่น้องชาย
"น้องรู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควรพี่ท่านอย่าคิดมากเลย" วินฟาเรียหยัดตัวขึ้นปัดเศษฝุ่นออกจากเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเดินมาจับมือพี่ชายเป็นเชิงว่าให้ปล่อยเส้นผมของอคิราห์ได้แล้ว
"อีกอย่างอคิราห์ก็เกือบจักชนะข้าแล้ว หมาทำดีก็ต้องตกรางวัลไม่ใช่หรือ"
คนที่ถูกกล่าวถึงพยักหน้าขึ้นลงเห็นด้วย จึงโดนถลึงตาใส่ไปหนึ่งที
"เห้อ ตามแต่ใจเจ้าคิดเถิดพี่ไม่ขัดหรอกหนา" ซามูเอลถอนหายใจเฮือกใหญ่ดูเหมือนว่าน้องจักโตขึ้นแล้วจริง ๆ ตลอดหกปีที่ผ่านมาคงหล่อหลอมน้องให้แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย "แม่ฝูงท่านเรียกเจ้าไปพบ เห็นว่ามีเรื่องจักคุย"
"หึ เลี่ยงข้ามาตั้งหกปี วันนี้คิดอยากจักพบข้าขึ้นมาหรือ" คงไม่พ้นเรื่องขอให้ออกเรือน เป็นโอเมก้าเห็นทีคงจักมีประโยชน์กับฝูงก็เรื่องเดียว "อยากจักผลักไสข้าไปให้พ้นหน้าเต็มที"
"หากน้องไม่อยากไปพี่จักช่วยคุยให้"
"ช่างเถิดข้าจัดการเอง ฝากพี่ท่านส่งแขกเราด้วย" พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
"เดี๋ยวสิวินฟาเรีย เจ้าจักแต่งกับพี่ใช่หรือไม่เหตุใดจึงชอบหนีไปทุกที" ท่อนแขนขาวถูกรั้งไว้ด้วยมือแกร่ง กักตัวไว้ไม่ให้ตามไปกวนใจน้องชาย
"อคิราห์เจ้าไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว หากเจ้าไม่ทำตัวให้พร้อมสักทีข้าคงทำใจยกน้องให้เจ้าไม่ได้" ซามูเอลบีบไหล่ว่าที่ราชาเบา ๆ ในบรรดาอัลฟ่าทั้งหมดถึงเขาจักไม่ชอบหน้าเท่าไรนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าอคิราห์เหมาะสมกับวินฟาเรียที่สุดแล้ว "น้องข้าทะเยอทะยานกว่าที่เจ้าคิด ฝักใฝ่แลมุ่งสู่อำนาจเกินกว่าใคร หากเจ้ายังย่ำอยู่กับที่เช่นนี้เอาเขาไม่อยู่หรอก"
เขาไม่ต้องการคนที่กดน้องเขาไว้ใต้อำนาจหากแต่ต้องการคนที่พร้อมจักกางปีกปกป้องทุกเมื่อที่น้องไม่ทันระวัง คนที่จักคอยอุดทุกรอยรั่วให้น้องเขาได้
"ต้องเรียกว่าท่านแม่หรือแม่ฝูงเล่า ไม่เจอกันนานข้าวางตัวไม่ถูกหรอกหนา" วินฟาเรียมองแผ่นหลังของหญิงสูงศักดิ์ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเรียกขานว่าท่านแม่แลเข้าไปสวมกอดอย่างอบอุ่น ลืมไปหมดแล้วว่าความอบอุ่นจากอ้อมอกแม่เป็นเช่นไร
"เรียกอย่างที่เจ้าเคยเรียก ไยต้องโยกโย้ให้มากความ"
วินฟาเรียเค้นหัวเราะอยากจักสวนไปว่าทำไมหรือ หากท่านทนเห็นหน้าข้านานอีกหน่อยจักสิ้นลมลงตรงนี้หรือ
"หากจักพูดเรื่องออกเรือนท่านไม่ต้องมาบังคับข้าหรอกหนา จักชักแม่น้ำทั้งห้าหรือขู่ฆ่าข้าตรงนี้ ท่านก็รู้คำตอบดี"
"หึ ทำไมเล่าข้าเห็นเจ้าก็ออกจักมีความสุขดีกับอคิราห์ เว็ซทผู้นั้น แต่งกันไปสาให้เป็นเรื่องเป็นราว" ผู้เป็นแม่จ้องมองนัยน์ตาสีอำพันที่ตนเคยชอบนักหนา "พ่อเจ้าก็ทรุดลงทุกครา ไม่คิดจักช่วยฝูงบ้างเลยหรือ"
ช่วงนี้วินเซนต์เริ่มเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้งจนแทบจักนอนติดเตียงขยับไปไหนไม่ได้ ลูกชายลูกสาวก็ยังไม่มีใครได้ขึ้นแท่นเป็นว่าที่จ่าฝูง สถานการณ์ของฝูงบูรพาเริ่มดูไม่ดีขึ้นทุกครา
หากได้ฝูงปัจจิมเข้ามาช่วยค้ำจุนย่อมดีกว่า
"ทางเดียวที่จักช่วยฝูงได้คือข้าได้ขึ้นเป็นราชา อย่างที่ควรเป็น" อย่างที่ควรเป็นมาตั้งแต่แรก
"เจ้าอย่าได้หัวสูงคิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แค่นี้ยังทำพ่อเจ้าอับอายไม่พอหรือ"
"คงอับอายเพราะลูกอัลฟ่าที่เหลือไม่มีน้ำยาสักตัวกระมัง"
หลังจบประโยคใบหน้าหวานก็ถูกตบเข้าเต็มแรงด้วยมือของหญิงที่เรียกตนเองว่าแม่
"เจ้า!! "
ไม่รีรอให้ตนโดนด่าทอไปมากว่านี้ วินฟาเรียสะบัดหน้าเดินหนีออกมาจากปราสาทสูงที่ตนเคยเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นบ้านที่ดีที่สุด ทิ้งให้แม่ฝูงยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความขุ่นแค้น
สามราตรีถัดมาข่าวที่ว่าจ่าฝูงใกล้สิ้นลมเต็มทีก็แผ่สพัดไปทั่ว ทั้งแม่ฝูงและซามูเอลต่างก็วิ่งวุ่นกันไม่เว้นวัน
"มาทำไม" น้ำเสียงเรียบเฉยไม่ต่างจากดวงตาแข็งกร้าวที่ใช้มองกัน
"พี่ท่าน ข้ารู้ว่าท่านเองก็เจ็บปวดไม่น้อย" วิลเลียมน้องชายคนเล็กตระกูลอีสเทิร์น ถึงกับต้องแบกหน้ามาขอร้องผู้เป็นพี่ชาย
"ข้าดูเหมือนคนที่เจ็บเจียนตายหรือ พ่อเจ้ามากกว่ากระมัง" ถ้อยคำที่จงใจพูดให้เสียดแทงลึกไปในดวงใจดูเหมือนว่าจักเป็นผลไม่น้อย
"พี่ท่านข้าขอร้องล่ะ พวกแดนเหนือจ้องจักบุกเข้ามาทุกคราหากไม่มีฝูงประจิมมาช่วยตระกูลอีสเทิร์นคงเหลือแค่ชื่อ" แม้จักไม่สบอารมณ์เท่าไรนักแต่วิลเลียมก็ยังคงปั้นหน้าขอร้องพี่ชายต่อไป "หากท่านประสงค์สิ่งใดข้าจักหามาให้"
"ตำแหน่งจ่าฝูง เจ้านำมาให้ข้าได้หรือไม่เล่า" วินฟาเรียมองน้องชายด้วยสายตายากจักตีความ "หากทำไม่ได้ก็ไสหัวไป"
แม้วิลเลียมจะเอ่ยขอร้องอยู่อีกหลายประโยคแต่ก็ถูกอีกคนเมินเฉยใส่อย่างไม่ใยดี จำต้องถอยกลับไปก่อน
"น้องพี่เจ้าจักไม่เข้าไปดูใจจ่าฝูงท่านหน่อยหรือ"
"ข้าไปมีแต่จักเร่งให้พ่อท่านตายเร็วขึ้นก็เท่านั้น" แม้ไม่ได้รักใคร่เหมือนเก่าแต่เขาก็ยังคงเคารพแลชื่นชมพ่อท่านอยู่บ้าง ให้หอกข้างแคร่อย่างเขาไปดูใจคงไม่พ้นโดนผลักไสไล่ไปให้ไกลตา
ซามูเอลได้แต่เดินเข้าไปลูบหัวน้องอย่างปลอบโยน เรื่องที่ว่าจ่าฝูงใกล้สิ้นลมนั้นเป็นเรื่องจริงแลเรื่องที่ว่าพวกแดนเหนือจักบุกเข้ามาก็จริงอีกเหมือนกัน
"อีกสองราตรีจักจัดพิธีสวมมงกุฎขึ้นอีกครั้ง" ซามูเอลเว้นจังหวะเล็กน้อย "เจ้าจักทำอย่างไร" แม้จักโดนกำชับนักหนาว่าห้ามบอกน้องแต่เขาน่ะหรือจักกล้าปิดบัง
"ข้าจักทำสิ่งใดได้ ก็ต้องไปทวงตำแหน่งของข้าคืนอยู่แล้ว" หากเข้าไปบอกก่อนคงโดนกักทุกวิถีทาง "ท่านรอรับข้าในฐานะจ่าฝูงเสียดีกว่า" สู้บุกไปหาในยามที่ปฏิเสธไม่ได้คงสะใจกว่า
"ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้ น้องพี่เก่งเหนือใครในพนาพี่เชื่อว่าเจ้าจักคว้าชัยไว้ในมือ"
วินฟาเรียในชุดสีขาวปลอดเดินดุ่มดุ่มเข้ากลางวงล้อมของลูกฝูง สายตาเรียบนิ่งจ้องมองน้องสาวร่วมสายเลือดในชุดแบบเดียวกันถือดาบยืนสงบอยู่กลางลานพิธีใหญ่
"รัตติกาลนี้เทพาจักเป็นพยานแก่ว่าที่ผู้เป็นใหญ่แห่งฝูงเรา ผู้ที่จักก้าวนำเราสู่งอำนาจแลความสงบสุข ผู้ที่จักคอยส่งเสริมเราทั้งยามสุขและทุกข์ จ่าฝูงของเรา" แม่ฝูงออกมากล่าวแทนคำพูดของจ่าฝูง รวบรวมแรงใจของลูกฝูงไว้ด้วยกันอีกครั้ง
เมื่อวินฟาเรียหมดสิทธิในการขึ้นเป็นจ่าฝูง ตำแหน่งก็จักถูกมอบให้ผู้เป็นรองในการประลองครั้งนั้น ยูฟาเรีย
"นับแต่วันนี้ ยูฟาเรีย อีสเทิร์น..."
ยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียงตระโกนแทรกจากด้านในวงล้อมก็ดังขึ้น
"ข้ายังอยู่ตรงนี้ จักมอบตำแหน่งให้ผู้อื่นได้อย่างไร" เหล่าลูกฝูงพากันแหวกทางเพื่อให้คนใจกล้าได้เดินออกมาประจันหน้ากับแม่ฝูง "ยกตำแหน่งข้าให้คนอื่นโดยไม่ถามไถ่ ไม่หยามกันเกินไปหรือ"
หลังเรือนร่างบางก้าวเท้าออกมาเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ บ้างถกเถียง บ้างโห่ไล่ บ้างสบถด่าอย่างไม่เกรงใจ
"ตำแหน่งของเจ้าคือบรรณาการยังไม่เจียมตัวอีก" สาวแรกรุ่นในชุดขาวสะอาดกำมือแน่น เหลืออดกับวินฟาเรียเต็มทน "ตัวบำเรออย่างมึงยังกล้าสะเออะมาเหยียบลานพิธี"
ยิ่งเห็นท่าทีไม่ทุกข์ร้อน ยูฟาเรียยิ่งตะบะแตกหลุดพ้นคำหยาบออกมาอย่างยั้งไม่อยู่ แม้แม่ท่านจักยกมือขึ้นมาห้ามก็ปรามไม่อยู่แล้ว
"พูดก็พูดเถิดหากวันนั้นข้าไม่ยั้งมือพวกเจ้าคงได้นอนในหลุมกันเรียงตัว"
"มึงก็มาเถิดครั้งนี้กูจักกระชากหัวมึงให้หลุดจากบ่า" นิ้วเรียวยกขึ้นชี้หน้า
"หึ ขาเจ้าสั่นหมดแล้วหนาแค่ดูก็รู้ว่าสิ้นท่า"
ลูงฝูงต่างเงียบงันไม่รู้จักทำอย่างไรกับเหตุการณ์ตรงหน้า
หมาป่าสีเทาตัวใหญ่แปลงกายกระโจนเข้าหา แววตาสีขุ่นพลันเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์ขึ้นมาชั่วขณะ
"หุนหันพลันแล่นเช่นนี้หรือที่พวกเจ้าจักยกขึ้นเป็นผู้นำ" วินฟาเรียเค้นเสียงหัวเราะอย่างเหนือกว่า
ดาบยาวเงื้อขึ้นฟันเข้ากลางหน้าหมาป่าตัวโตที่กำลังเดือดจัด
สองมือถือดาบอย่างมั่นคงออกท่าฟาดฟันหนักแน่นแลยังคงความสง่างามทุกเสี้ยวนาที
"นั่นเจ้าใช้จิตข่มแล้วหรือ" ความกดดันไม่ได้ครึ่งซามูเอล พละกำลังเช่นนี้แค่โดนอคิราห์ตะปบทีเดียวก็สิ้นฤทธิ์แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าสายเลือดแดนรุ่งอรุณอ่อนแอถึงขนาดนี้
"หากร่างหมาป่าไม่ได้ความจักฝืนไปไย สู้คว้าดาบออกมาเสียยังดีกว่า"
ยูฟาเรียยังคงฝืนสู้ในร่างหมาป่าแม้จักได้รับแผลมาเต็มตัว
"ข้าถือว่าให้โอกาสเจ้าแล้วหนา" ช่างโง่เขลาสิ้นดี แยกไม่ออกเลยหรือว่าตนเย่อหยิ่งหรือโง่งม
จ้องมองดวงตาสีขุ่นเหมือนจักบอกลา พร้อมทั้งกำชับดาบไว้แน่นกว่าเก่า
ถึงคราที่น้องสาวกระโจนเข้ามา แรงจากทั้งร่างส่งมารวมกันที่ข้อมือขาว สบั้นหัวหมาป่าสีเทาหลุดออกในครั้งเดียว
ดวงตาสีขุ่นเบิกกว้าง ใบหน้าหวาดผวาไร้ชีวิตสร้างความตื่นตระหนกให้ลูกฝูงรวมทั้งแม่ฝูงที่แทบจักทรุดลงไปกับพื้น มองใบหน้าลูกสาวอย่างอาลัย
กรรรรร!!!!!
น้องชายอีกสามคนเมื่อเห็นพี่สาวเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปต่างก็รีบกรูกันเข้ามา หวังจักเสียบแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่
หากล้มวินฟาเรียได้ตำแหน่งจ่าฝูงคนต่อไปก็จักผลัดเปลี่ยน
ไม่ได้ความ ทั้งไร้พลังแลไร้สมอง ไม่ว่าจักใครต่อใครก็ไม่ได้สร้างความรู้สึกตื่นกลัวให้เขาได้เลยสักนิด
เจ้าพวกนี้ต่อสู้เพื่ออำนาจที่ไม่อาจไขว่คว้าในขณะที่เขาสู้เพื่อชีวิตของตนเองแลเพื่ออีกหลายชีวิตที่กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยความหวังอันล้นปรี่
วินฟาเรียเดินลากดาบเข้ามาชี้หน้าวิลเลียมน้องชายคนเล็ก หลังจากที่เปลี่ยนพวกจองหองให้กลายเป็นร่างไร้วิญญาณ
"เจ้าล่ะว่าอย่างไร" เขาระวังน้องชายคนนี้เป็นพิเศษแม้การต่อสู้จักไม่โดดเด่นแต่ความคิดความอ่านกลับเฉลียวฉลาดไม่แพ้เขาเลย
"ข้าไม่คิดจักสู้กับพี่ท่าน" หากกระโจนเข้าใส่วินฟาเรียตอนนี้คงมีแต่ตายกับตาย อดเปรี้ยวไว้กินหวานก็ยังไม่สาย
แม้ยังแครงใจแต่วิลเลียมนั้นนับว่ายังเก็บไว้ใช้ประโยชน์ได้ หากจักฆ่าทิ้งตรงนี้ก็เสียดาย
"จักทำอย่างไรดีเล่าสายเลือดท่านนอนเป็นศพกันเสียหมด"
แม่ฝูงไม่ได้โต้ตอบสิ่งใด ทำเพียงแค่ยืนนิ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างแค้นใจ แล้วหันหลังเดินกลับไปไม่เหลียวแล
หมาป่าสีเงินหยัดยืนขึ้นเต็มความสูงหันหน้าประจันกับลูกฝูงบูรพา
"มีใครจักท้าชิงตำแหน่งจ่าฝูงอีกหรือไม่ ข้าไม่เกี่ยงว่าอยู่ชนชั้นใด หากล้มข้าได้เจ้าจักขึ้นเป็นจ่าฝูงคนต่อไปอย่างชอบธรรม" ความแข็งแกร่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับชนชั้นอย่างที่ใครเขากล่าวลวง หากแต่อยู่ที่ความมุ่งมั่นแลตั้งใจของตนเองก็เท่านั้น
เงียบรออยู่นานก็ไม่มีผู้ใดกล้าอาสาออกมาตายแม้ไม่ชอบใจแต่ก็ต้องยอมจำนนในความแข็งแกร่งของโอเมก้าผู้นี้
"ข้านามว่าวินฟาเรีย อีสเทิร์น นับจากนี้ข้าถือเป็นผู้รับผิดชอบทุกการกระทำทุกความสำเร็จแลความผิดพลาดของฝูงบูรพา" เขารู้ดีว่าพวกลูกฝูงยังไม่ยอมรับอย่างเต็มใจ หาลับหลังไปคงได้ถูกถมน้ำลายใส่หรืออาจถูกชักศึกเข้ารังเสียด้วยซ้ำ
ซามูเอลถือมงกุฎไม้ที่ถูกถักทออย่างประณีตงดงาม บรรจงสวมลงบนหัวของน้องชายอย่างเต็มภาคภูมิ เส้นผมสีเงินหม่นรับกับแสงจันทร์ยิ่งขับราศีให้คนตรงหน้าดูสง่างามยิ่งกว่าคราไหน
"พวกเจ้าอาจยังเคลือบแคลงใจในตัวข้า จักไม่มีการบังคับให้เคารพหรือศรัทธา จงเลือกในสิ่งที่เจ้าพึงใจ"
ไม่ได้ยกตนขึ้นมาเพื่อกดหัวใคร หากแต่ไอ้หมาตัวไหนมันกล้าลองดีข่มเหงชนชั้นรองในแดนของเขา ขอสาบานด้วยมือทั้งสองข้างข้าจักเด็ดหัวมันมากระทืบให้สาแก่ใจ
___________
#โอเมก้าจ่าฝูง
ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะคะว่าวินฟ่าไม่ใช่คนนิสัยดี เขาไม่ใช่คนที่จะยอมสละตัวเองเพื่อขับเคลื่อนสังคมไปในทางที่ดีขึ้น สิ่งที่เขาทำอยู่ขึ้นกับความพอใจและความแค้นส่วนตัวล้วนๆ อยากบอกให้รู้ไว้ก่อนเพื่อนักอ่านท่านไหนคาดหวังนายเอกดีๆ;-;
มาอวดครับแหะๆๆ น้องวินฟาเรียเองงคาดว่าจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้แฟนอาร์ตและอื่นๆอยู่ในทวิตเหมือนเดิมนะครับบ