บทนำ

 

มหาสงครามสรรค์สร้างบางสิ่งและทำลายทุกสิ่ง เศษซากความเกลียดชังในวันนั้น หล่อหลอมจิตวิญญาณของราชาแห่งความมืดขึ้นมาใหม่ หว่านเมล็ดพันธุ์และปกครองดินแดนของเหล่าปีศาจ เป็นสุสานของเหล่าผู้ท้าชิง และความลับแห่งออร์บิสที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้น สามพันปี การเปลี่ยนแปลงดำเนินอย่างต่อเนื่อง อาณาจักรที่ล่มสลายถูกสร้างขึ้นใหม่ ก่อสงคราม แย่งชิง แล้วล่มสลายอีกนับครั้งไม่ถ้วน ราชาปีศาจได้ท้าทายอคติของมนุษย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สร้างผู้กล้ามากมายให้มุ่งหมายมาที่ตน ดึงสงครามอันโง่เขลาของเหล่ามนุษย์มายังคานส์มารายา เพียงเพื่อแสวงหาการสู้รบและก้าวข้ามขีดจำกัด

ว่ากันว่า ราชาปีศาจคือผู้ที่มีอิสระมากที่สุด         

......

ในดินแดนที่ถูกเรียกว่าคานส์มารายา คือสรวงสวรรค์ของเหล่าปีศาจและมอนสเตอร์ เป็นสถานที่โดยกำเนิดของเวทมนตร์สีดำ ทั้งแม่มดและผู้ตกจากสวรรค์ มันไม่ใช่ดินแดนไร้แสงโดยสมบูรณ์ เพียงแต่ภูเขา ป่าไม้และทะเล ล้วนมีกลิ่นอายอันตรายถึงฆาต โดยเฉพาะทางตอนเหนือของดินแดนเปรียบได้กับสถานที่ต้องห้ามของออร์บิส มอนสเตอร์ทั้งหมดอยู่ภายใต้การนำของราชาเพียงหนึ่งเดียว แม้ไม่มีการปกครองมานานนับพันๆ ปี แต่ขอเพียงรับรู้โดยสัญชาตญาณว่าอย่าเข้าใกล้ปราสาทสีดำและเอ่ยขานชื่อของราชาโดยตรงก็พอแล้ว

ทว่า....หลายปีมานี้มีข่าวซุบซิบประหลาดเกิดขึ้นทั่วดินแดน เหล่าโทรลทั้งหลายพูดคุยกันในมุมมืดของเงาป่าถึงการเคลื่อนไหวแฝงความนัยของราชาปีศาจ

“ราชาเคลื่อนย้ายเนินดินกลมฝั่งทุ่งหญ้าพิษอีกแล้ว”

“เพื่อนของข้าก็เพิ่งถูกไล่จากงานเฝ้าประตูหลังให้ไปวิ่งเล่นในสวน....บ้าอะไรเนี่ย!”

“พวกเพร็คลิอาตี้[1]บอกว่า ช่วงนี้ราชากระตือรือร้นอยากจะฆ่าผู้กล้าด้วยตัวเอง แต่เพราะผู้กล้าอ่อนแอเกินไปก็เลยไปไม่ถึงโรเอียเสียที น่าเศร้าแทนยิ่งนัก”

“โอ้!!”

เหล่าโทรลตื่นตกใจอยู่บ้าง ร้อยวันพันปีราชาปีศาจที่บรรลุพลังเวทขั้นสุดไม่มีอะไรทำจนแทบจะจำศีลอยู่แล้ว คราวนี้จะสร้างคลื่นลมอะไรถึงได้ใส่ใจผู้กล้าถึงเพียงนี้ หรือว่าได้เวลาก่อสงครามใหญ่?

“แล้วพวกเราควรทำยังไงดี เฆี่ยนตีผู้กล้าที่เข้ามาเมื่อวานดีไหม จับฝึกฝนสักหน่อยอาจพอให้ราชาได้ขยับสักนิ้วมือ

“ประมาณตนหน่อย กลุ่มเมื่อวานไม่น่าคาดหวังได้ เพราะผ่านพวกเราไปก็ยังต้องเจอกับทุ่งหญ้าพิษ ไม่ก็คงเลือกเส้นทางผิดแล้วจบชีวิตลงที่นาซูรี....อืม ราชาย้ายเนินดินกลบฝังทุ่งหญ้าพิษไปแล้วนี่นา”

“อ่อๆ ที่แท้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้กล้า!”

“ราชาคงเบื่อหน่ายเต็มทนแล้วสินะ พวกเราควรช่วยคัดเลือกที่ดูแล้วเข้าท่าส่งเข้าปราสาทไปหน่อยไหม”

“ถูกเหล่าท่านชายฆ่าตายก่อนแน่นอน”

“น่าเศร้าๆ .....”

สายลมพาเสียงซุบซิบลอยล่องไปตามหุบเขา พัดผ่านบานหน้าต่างที่เปิดอยู่ ผ้าม่านหนาทึบขยับเพียงเล็กน้อย ปล่อยเสียงเหล่านั้นเข้าไปในโถงโล่งกว้างของห้องนั่งเล่น ประดับด้วยขวดไวน์บนโต๊ะตัวเล็ก พรมสีแดง เตาผิงปราศจากไออุ่น ชั้นหนังสือที่สะอาดเอี่ยม และร่างของบุรุษเพศนอนยืดเหยียดอย่างเกียจคร้านบนโซฟา

เป็นเรื่องราวทั่วไป เหมือนกันพล็อตนับร้อยนับพันในการ์ตูน นิยาย และบทละคร เพียงแต่พอเกิดกับตัวเองแล้วให้ความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่หน่อยๆ เพราะตอนที่เขาตาย ล้วนไม่มีความปรารถนาอยากเกิดใหม่สักเท่าไรนัก ซ้ำตอนตื่นขึ้นมาในโลกที่ถูกเรียกว่า ‘ออร์บิส’ เขายังอยู่ในสถานะที่ตัดสินใจยากยิ่ง

ออร์บิสก็เหมือนกับโลกในการ์ตูนแฟนตาซีที่มีดาษดื่น มีทั้งมนุษย์และอมนุษย์ปะปน สถานที่พิลึกพิสดาร เวทมนตร์ มอนสเตอร์ อาณาจักร การปกครองที่ใกล้เคียงกับยุคหนึ่งในโลกเดิม รวมทั้งอาชีพที่เหมือนกับลอกเกมออนไลน์มาทั้งดุ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อปรับตัวได้ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะส่วนที่น่าปวดหัวคือร่างเกิดใหม่ของเขาต่างหาก

ออร์บิสมีสิ่งหนึ่งที่อยู่ยงคงกระพันมาโดยตลอด นั่นคือ ‘ราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่’ ผู้ปกครองดินแดนท้าความตายแห่งนี้ และด้วยความบังเอิญหรือความตั้งใจของผู้สร้างดวงดาวก็ช่าง บัดนี้เขาได้กลายเป็นราชาปีศาจไปเสียแล้ว

ราชานึกย้อนในวันที่ข้ามโลกมา คิ้วคมเข้มกระตุกอยู่บ้าง

ตอนแรกคิดๆ ดูแล้วก็น่าจะเป็นการใช้ชีวิตอีกหนึ่งรูปแบบที่น่าสนใจ แต่สำหรับคนที่ทำงานอย่างหนักจนสามารถเก็บเงินรอวันเกษียณได้แล้วเช่นเขา เงื่อนไขการกลับไปท่องเที่ยวต่างประเทศหรือนอนเล่นเกมโง่ๆ ที่โลกเดิมจากผู้สร้างย่อมต้องตาต้องใจกว่า

แรกเริ่มเขาคิดว่าตนเองติดอยู่ในร่าง NPC[2]  กับระบบเกมโลกต่างมิติโง่ๆ เพราะจากความแฟนตาซีของทุกสรรพสิ่งก็ยังมีความทรงจำและระบบความคิดของ ‘ราชาฮาแบ็ค’ ที่แสนจะเรียบง่ายและเป็นเส้นตรง อย่างกับพวกตัวประกอบฉากที่รอโผล่มาเป็นลาสบอสในตอนสุดท้ายอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งตั้งแต่สามพันปีก่อนจนถึงก่อนหน้านี้ ช่วงชีวิตของราชาปีศาจมีแค่การแสวงหาความแข็งแกร่งกับการทำหน้าที่ของผู้ถ่วงสมดุลเพียงเท่านั้น ทั้งเรื่องที่ชวนให้ดีใจ เสียใจ หรือสิ่งที่ทำให้โกรธ ล้วนไม่เคยปรากฏในความทรงจำ จุดกำเนิดหรือคนในครอบครัวก็เป็นหลุมว่างเปล่า จนเขาสงสัยว่าผู้สร้างดวงดาวแห่งออร์บิส สร้างราชาปีศาจขึ้นโดยตรงแบบคนขี้เกียจหรือเปล่า?

ช่างเถอะ โลกต่างมิตินั้นมีหลายร้อยรูปแบบ เขาอยู่ร่างที่แข็งแกร่งมาเกือบสิบปี เข้าใจในความสามารถและหลอมรวมจิตกับร่างโดยสมบูรณ์ไปตั้งนานแล้ว ความจริงเขาสามารถปลงกับการใช้ชีวิตที่นี่ได้ หากไม่ติดว่ามีทางเลือกที่ได้รับมาจากผู้สร้าง เงื่อนไขสองข้อเพื่อการเดินทางกลับ

‘หนึ่ง จงเข่นฆ่าประหัตประหารกับผู้กล้าด้วยพลังทั้งหมดที่เจ้ามี ให้ประจักษ์บนสนามรบสุดท้ายอันทรงเกียรติแห่งโรเอีย หากผู้กล้าสามารถสังหารราชาได้ เจ้าจะได้กลับไปยังโลกเดิมที่จากมา’

ถุยๆๆๆ

ราชาปีศาจลงมืออย่างจริงจังครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ห้าร้อยปีก่อนใช่ไหม ผู้กล้าในตำนานที่สร้างบาดแผลให้เขาได้ถูกกลบฝังเป็นซากธุลีอยู่ใต้โรเอียแล้วไง

เขานั่งๆ นอนๆ อยู่ปราสาทเพื่อรอคอย ‘ผู้กล้ารุ่นใหม่’ มาเกือบสิบปี ทั้งปรับแต่งหน้าด่านและภูมิศาสตร์ตั้งมากมาย อุตส่าห์ลดสเปกและไล่ระดับความโหดให้ เส้นทางก็แสนจะเรียบง่าย ถ้าไม่ถูกมอนสเตอร์ฆ่าตายไปก่อน เดินโง่ๆ อย่างไรก็มาถึงปราสาทแน่นอน ทว่าผู้กล้าสมัยนี้ขวัญอ่อนกันเหลือเกิน แปดในสิบได้เห็นความน่าเกรงขามของเหล่าลูกชายลูกสาวที่เขาสร้างมาก็กลัวหัวหดกระเสือกกระสนออกจากคานส์มารายาแทบไม่ทัน

หากเป็นแบบนี้ต่อไปมิวายต้องเล่นบทโหดทำลายล้างโลกแล้วล่ะมั้ง....

ไม่ได้สิ ตัวเขาไม่ควรสวมวิญญาณของราชาปีศาจจนติดเป็นนิสัยมากเกินไป การเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์มีแต่จะเป็นตราบาปติดตัวกลับโลกเดิมเท่านั้น ได้นอนฝันร้ายจนหมดอายุขัยแน่ แต่ว่า.....เงื่อนไขข้อที่สองดักทางออกของเขาเกือบหมดสิ้น

‘สอง หากเจ้าตายด้วยสาเหตุอื่นและสถานที่อื่นนอกเหนือจากข้อหนึ่ง วิญญาณเจ้าจะวนเวียนอยู่ในออร์บิสตลอดไป’

นั่นหมายความว่าเขาไม่สามารถตายนอกโรเอียหรือถูกอย่างอื่นนอกจากผู้กล้าฆ่าได้ ทั้งการฆ่าตัวตาย แสร้งออมมือทำให้ตัวเองอ่อนแอ รวมถึงการสละตำแหน่งราชาปีศาจก็ล้วนทำไม่ได้

ล้อกันเล่นหรือเปล่าท่านผู้สร้าง!

ตัวเขาอยู่มานานขนาดนี้ ได้หล่อหลอมวิญญาณกับกายใหม่จนเป็นหนึ่งเดียวกัน เขาย่อมเข้าใจถึงขอบเขตความสามารถของราชาปีศาจ และเรื่องที่ว่าจะหาผู้กล้าระดับตำนานมาฆ่าตัวเองนั้น อาจจะใช้เวลาอย่างน้อยร้อยกว่าปี แค่กๆๆ จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาคือพนักงานที่รอวันเกษียณไปใช้เงิน ซึ่งเอาตามตรงเขาก็ตายก่อนวันลาพักร้อนแค่วันเดียวเอง จะให้เอาความสามารถที่ไหนนอนรอเป็นร้อยๆ ปีโดยไม่เบื่อตายไปก่อน ทนอยู่ในสภาพแวดล้อมสุดน่าขยาดได้ถึงสิบปีก็บุญแล้วเฟ้ย!

เขาอยากกลับไปเที่ยวฮาวาย อยากกินอาหารประจำเมือง อยากใส่ชุดหนาๆ ถ่ายรูปกับทะเลหิมะ ที่สำคัญเกมที่พรีออเดอร์ไว้กว่าครึ่งปีใกล้จะออกอยู่แล้ว เขาอยากกลับบ้านไปเล่นเกม!

“เพราะฉะนั้นเมอร์ลิน ข้าจะสร้างผู้กล้าที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ไม่ใช่เพียงทัดเทียมแต่ต้องเก่งยิ่งกว่าข้าด้วย” ราชาฮาแบ็คประสานมือไว้ที่หน้าท้อง ปล่อยเส้นผมดำยาวร่วงหล่นบนพื้นพรม ดวงตาสีออบซิเดียนส่องประกายแน่วแน่

สาวใช้ประจำตัวนามว่าเมอร์ลินไม่ได้ละสายตาจากการขัดเงาเครื่องเงิน ใบหน้าไร้อารมณ์ของหล่อนสะท้อนบนผิวเชิงเทียนในมือ “เป็นความคิดที่ดีค่ะ ได้ต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งย่อมทำลายขีดความสามารถได้ดีกว่า ถึงดิฉันจะคิดว่าการเสาะหาผู้กล้าที่แข็งแกร่งกว่าท่านนั้น สิ้นเปลืองเวลาเกินไปก็เถอะ”

ราชาขยับตัวนอนตะแคง “ข้าไม่ได้จะเสาะหาผู้กล้า แต่หาไข่ทองคำเพื่อบ่มเพาะมันขึ้นมาเป็นผู้กล้าต่างหาก ผู้กล้ายุคนี้เอามาใช้เป็นอาชีพทำมาหากินได้น่าสมเพชเกินไปแล้ว เมอร์ลิน ผู้กล้าที่ดีในความคิดเจ้าเป็นแบบไหน”

เมอร์ลินขยับแว่นตากรอบเหลี่ยมบางเฉียบของตน “ก้อนเนื้อที่มีความทนทานระดับสูง ทนการถูกเฆี่ยนตีได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งได้เนื้อเลิศรสค่ะ”

“ถูกต้อง ผู้กล้าที่ผ่านการถูกเฆี่ยนตีถึงจะมีแววรุ่ง แต่ผู้คนสมัยนี้แค่จับดาบได้ก็เรียกตัวเองว่าผู้กล้าแล้ว แม้แต่ดันเจี้ยนสักแห่งก็ยังพิชิตไม่ได้ด้วยซ้ำ เจ้าพวกรุ่นก่อนๆ ก็พ่ายแพ้ต่อกาลเวลา ไม่รู้จักอบรมลูกหลานให้ดีก่อนตาย”

เมอร์ลินเคลื่อนย้ายตัวเองมาที่เตาผิง จัดฟืนที่ถูกแกะสลักอย่างสวยงามให้เข้าที่

ราชาฮาแบ็คลุกขึ้นนั่งตัวตรง “เมอร์ลิน ได้เวลาที่ข้าต้องลงมือแล้ว”

เมอร์ลินเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนคาดเอว ค้างคาวหลายตัวบินออกมาจากเงาบนพื้น เธอโค้งตัวเก้าสิบองศาให้ราชาแล้วเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า “เมอร์ลินเข้าใจแล้วค่ะ จะรีบจัดกองทัพปีศาจให้พร้อมบุกถล่มเดี๋ยวนี้”

“.....” ไม่ถูกต้อง!

ก่อนที่ค้างคาวกระจายข่าวของสาวใช้จะบินออกจากห้อง ราชาก็ดีดนิ้วสลายพวกมัน “เข้าใจผิดแล้ว หากปล่อยกองทัพปีศาจ ไข่ทองคำไม่ทันฟักต้องกลายเป็นไข่ต้มสุกก่อนแน่ๆ ไม่เอา ข้าจะลงมือเอง”

เมอร์ลินเผยสีหน้าสับสนวูบหนึ่ง เธออดกังขาราชาของตนไม่ได้ว่าเขาจะทำอย่างไรให้ไข่ทองคำไม่สลายเป็นผงคามือ “มายลอร์ด ดิฉันคิดว่าการสร้างผู้กล้าให้ขึ้นมาทัดเทียมท่าน ใช้เวลาสักห้าร้อยปีก็ยังไม่พอ มิสู้ใช้กองทัพบุกถล่มแล้วทิ้งรอยแค้นให้พวกเขารับมือ เพียงไม่กี่สิบปีจำนวนผู้คนต้องหลั่งไหลเข้ามาในคานส์มารายามากขึ้นแน่ จนถึงตอนนั้นท่านก็ยังสามารถฆ่าพวกมันไปเรื่อยๆ เลี้ยงความโกรธแค้นเพื่อกระตุ้นให้เกิดสงครามใหญ่”

สงครามสร้างวีรบุรุษ การฆ่าล้างมนุษย์ในสงครามจะยิ่งเพิ่มพูนพลังมหาศาล เฮอะ!

หากเขาคือราชาฮาแบ็คโดยกำเนิด ย่อมไม่พลาดวิธีการแบบนี้ แต่เป้าหมายของเขาคือการถูกสังหารโดยผู้กล้า หากเกิดมหาสงครามแล้วยังไม่มีใครฆ่าเขาได้ นอกจากความแข็งแกร่งจะทำให้บรรลุเงื่อนไขยากขึ้นแล้ว ยังเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างเสียเปล่าด้วย ที่สำคัญกองทัพปีศาจเต็มรูปแบบของเขาสามารถทิ้งรอยแผลขนาดใหญ่ให้กับสมดุลดวงดาว หากอารยธรรมของเผ่าอื่นถูกทำลายไป ต้องใช้เวลากี่ร้อยปีในการสร้างใหม่ จำนวนผู้กล้าที่ลดลงต้องใช้เวลากี่สิบปีในการฟื้นฟู ในฐานะราชาปีศาจเวอร์ชัน ‘คนดี’ แค่กๆๆ เขาไม่อยากทำแบบนั้นสักนิด

“ข้าเบื่อแล้ว” ในกรณีนี้เขาสามารถแสดงความเอาแต่ใจได้เต็มที่ เพราะหากเอาเหตุผลข้างต้นมาอธิบายก็มีแต่จะทำให้ปีศาจบางตนป่วยตายเปล่าๆ

“รับทราบค่ะ” เมอร์ลินน้อมรับแต่โดยดี วิธีการแบบนั้นถูกใช้มาพันกว่าปี ราชาของเธอคงเบื่อแล้วจริงๆ

ฮาแบ็คขบคิดถึงความเป็นไปได้การในแผนการของตน เขาไม่ได้ออกไปพบโลกภายนอกมานานแล้ว ได้เวลาต้องอัปเดตข่าวสารใหม่ๆ ด้วยตัวเองเสียที ราชาเดินเข้าห้องลับที่ไม่ลับด้านหลังปราสาทอย่างไม่รีบร้อน ประตูหินใหญ่เปิดกว้างอยู่ตลอด แสดงซึ่งความไม่ใส่ใจแม้ว่าสิ่งของที่เรียงรายในนั้นจะประเมินค่ามิได้ก็ตาม

ราชาฮาแบ็คยืนมือออกไป สิ่งของที่อยู่ในหีบใหญ่นับสิบลอยออกมาอยู่ตรงหน้า พินิจพิจารณาไอเท็มเล็กใหญ่ “ของพวกนี้มาจากที่ไหน”

“ส่วนใหญ่มาจากดันเจี้ยนระดับ B ขึ้นไปค่ะ”

“อืม เจ้าแยกของที่มาจากดันเจี้ยนระดับ A ให้ข้าทั้งหมด เอาดันเจี้ยนที่ถูกปลดผนึกในช่วงห้าสิบปีนี้ก็พอ แล้วก็....ข้าเอากระเป๋าสี่มิติไปไว้ไหนนะ?”

“มายลอร์ด กระเป๋าสี่มิติของภูตไม้ซีคัวยาถูกท่านเผาด้วยเพลิงกัมปนาทไปแล้วค่ะ”

เวรจริง!

“งั้นเอาสไลม์ไคลมมิ่งมาตัวหนึ่ง ยัดได้เท่าไรก็ยัดลงไป” ราชาฮาแบ็คไปที่หน้ากระจกบานใหญ่ สำรวจรูปร่างตนเอง ร่างก่อนหน้านี้อายุราวๆ ยี่สิบต้นๆ แต่ภายหลังที่จิตวิญญาณของเขามาแทนที่ จึงทำการปรับเพิ่มอายุให้เท่ากันตอนที่ตาย แต่ใบหน้าหล่อเหลาในวัยสามสิบเก้าของฮาแบ็ค นอกจากจะดูสุขุมขึ้นแล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไร

ราชาฮาแบ็คสลัดอาภรณ์หรูหราของจอมมาร ผมยาวสยายเต็มแผ่นหลังถูกทำให้สั้นและมัดไว้ลวกๆ การคงอายุไว้ประมาณนี้ในร่างของสามัญชน วัยผู้ใหญ่จะเพิ่มความน่าเชื่อถือได้มากกว่าเด็กหนุ่มอยู่แล้ว เพียงพริบตาเดียว รูปลักษณ์ของราชาก็กลายเป็นชาวบ้านประกอบฉาก

“ดูแล้วเป็นไง”

เมอร์ลินไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายในการพิจารณา “สมกับที่เป็นมายลอร์ด”

“.....” ฮาแบ็ครู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย ตอนที่ลูกไม่รักดีคนที่เท่าไรก็ลืมไปแล้วคิดสั้นลอบโจมตี เขายังรู้สึกว่าปลอดโปร่งโล่งสบายกว่านี้ นับว่าสาวใช้ที่เลือกมายังมีโชค หากเขาคือราชาปีศาจจริงๆ หัวกับตัวของเธอคงถูกแยกจากกันวันละหลายสิบครั้ง “ข้าดูเหมือนสามัญชนหรือยัง”

“มายลอร์ด ปีศาจเช่นดิฉันไม่ได้มองที่รูปลักษณ์ภายนอกตั้งแต่แรกแล้วละค่ะ แก่นแท้ขุมพลังของท่านมีรัศมีออกจากตัวตลอดเวลา หากไม่กดข่มไว้หรือหาทางผนึกสักหน่อย แม้แต่นักบวชชั้นต่ำก็รับรู้ได้ทันที”

ที่แท้ก็เป็นแบบนั้น ความน่าเกรงขามของผู้ทรงพลังถูกปลดปล่อยตลอดเวลามาเป็นพันปี บัดนี้ไม่ต่างจากการหายใจ เวลากดข่มไว้ก็เหมือนกันจดจ่อกับลมหายใจที่ปลายจมูก ไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็น่ารำคาญที่จะทำ ทว่าตอนนี้ยังไม่มีวัตถุใดสามารถกดข่มพลังอำนาจของราชาปีศาจได้ เขาจำต้องพึ่งพาความอดทนอดกลั้นของตัวเอง สัมผัสถึงพลังในกาย ค่อยๆ ลดพื้นที่ให้เหลือเท่ากับความกว้างของกระเพาะอาหาร

ราชาฮาแบ็คถอนหายใจ โยนริบบิ้นสีแดงสดให้เมอร์ลินแล้วออกคำสั่งว่า “บอกกับเหล่าลูกๆ ของข้า.....ไม่สิ บอกกับเซฟฟาล่าเมื่อพวกเราออกจากคานส์มารายา ว่าข้าจะท่องเที่ยวแบบไม่มีกำหนด หากระหว่างนั้นมีผู้กล้าผ่านมาถึงปราสาท ให้สั่งสอนพวกเขาสักหนึ่งรอบแล้วค่อยรายงานข้า”

เมอร์ลินรับรู้ว่าพลังกดข่มที่เคยสัมผัสได้ตลอดเวลาหายไป หล่อนคิดว่าอีกไม่นานเหล่าบุตรชายบุตรสาวของราชาฮาแบ็คคงได้วุ่นวายเพราะการเปลี่ยนแปลงฉับพลันครั้งนี้แน่นอน

เมอร์ลินโค้งกาย “รับทราบมายลอร์ด”

ช่างปะไร ความเอาแต่ใจเป็นคุณสมบัติของราชาปีศาจอยู่แล้ว



[1] แฟ้มมอนสเตอร์ฉบับออร์บิส: ภูตปีศาจตัวน้อยผู้พลัดพรากจากถิ่นกำเนิด บ้างก็กล่าวว่าพวกเขาเป็นด้านมืดของเหล่าแฟรี่ พวกเขาอยู่กันเป็นกลุ่ม คมเขี้ยวและปีกที่ขาดวิ่น ดื่มกินเลือดและเนื้อของสัตว์ใหญ่ ละอองพิษที่ปล่อยออกมาเพื่อเข่นฆ่าและป้องกันตัว สามารถทำให้มอนสเตอร์เช่นโทรล เป็นอัมพาตได้ถึงสามวัน

[2] Non-player character หรือ เอ็นพีซี (NPC) คือตัวละครที่ผู้เล่นไม่ได้ควบคุม โดยปกติในวิดีโอเกมจะหมายถึง ตัวละครที่ถูกควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ผ่านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence หรือ AI) ในเกมเล่นตามบทบาท (Tabletop role-playing game) แบบดั้งเดิมคำนี้จะใช้กับตัวละครที่ถูกควบคุมโดยเกมมาสเตอร์ (Gamemaster หรือ GM) หรือผู้ตัดสิน มากกว่าที่จะใช้คำว่าผู้เล่น