บทที่ 1

Circadian Rhythm

(4)

แต่สุดท้ายมิสแมรี-ลูก็ยอมให้เอมิลี่ยืมหนังสือพวกนั้น

“ที่อิฉันอะลุ่มอล่วยให้ ก็เพราะเห็นว่ามิสบราว์นเป็นนักอ่านขาประจำหรอกนะคะ” เธอบ่นอุบอิบ

“ขอบคุณมากเลยนะคะ” เอมิลี่พูดพลางหัวเราะแหะ ๆ

“ว่าแต่ว่า อิฉันแปลกใจมากเลยนะคะที่คุณขอยืมตำราที่เขียนโดยพวกอัศวินประจัญบานด้วย” มิสแมรี-ลูพลิกสันหนังสือ ลูกสมุนของปีศาจและตราเวทย์ที่เกี่ยวข้อง ฉบับปรับปรุงล่าสุด โดย ไรอัน ซิลเวอร์เลค อย่างสนใจ

“ดีใจจริง ๆ ที่มีนักเรียนเวทย์ในเขตเอวาเรียนสนใจศาสตร์ ‘ห้วงสนธยาอรัญเลือด’ ด้วย” เธอส่งหนังสือทั้ง 4 เล่มให้เอมิลี่

สรุปว่าเป็นศาสตร์หนึ่งของวงเวทย์จริง ๆ เหรอเนี่ย! แถมนักเขียนเป็นถึงอัศวิน ตอนแรกนึกว่าเป็นแค่คนติ้งต้องเสียอีก เอมิลี่รู้สึกทึ่ง

“เฮ้อ คิดไม่ผิดเลยที่ไปแย่งชิงตำราชุดนี้มาจนได้” บรรณารักษณ์ถอนหายใจด้วยความปลาบปลื้ม

แต่ว่านะถึงกับต้องแย่งชิงกันมาเลยเหรอ? 

“เอ่อ ขอโทษนะคะ ห้วงสนธยาอรัญเลือด คืออะไรเหรอคะ?” เอมิลี่ถาม ขณะที่มิสแมรี-ลูเก็บสัมภาระของเธอ “คือว่าหนูไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยค่ะ”

“โอ้…นั่นสินะ” เธอจ้องหน้าเอมิลี่ “มันเป็นเวทย์มนตร์ชั้นสูงทีเดียวแหละ และก็ไม่มีสอนในหลักสูตรของโรงเรียนเวทมนตร์มาตรฐานด้วย” มิสแมรี-ลูอธิบายขณะโบกร่ายเวทมนตร์เพื่อปิดไฟในห้องสมุด เธอเก็บรวบรวมสัมภาระเพื่อเตรียมตัวเลิกงาน

“เอ๊ะ! ถ้ายังงั้นหนูสามารถอ่านตำราพวกนี้เหรอคะ ในเมื่อไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงชุดวงเวทย์เหล่านั้น”

ในโลกนี้มีการแบ่งระดับชนชั้นอย่างชัดเจน โดยเอมิลี่อยู่ในชนชั้นสามัญ แม้จะสามารถประกอบอาชีพได้หลากลาย แต่ก็ถูกกฎหมายจำกัดการเข้าถึงเวทมนตร์บางศาสตร์ด้วย ถ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงเวทมนตร์นั้น แต่นำไปใช้ก็จะถูกขับออกจากศาสนจักร กลายเป็นคนนอกศาสนา และมีบทลงโทษรุนแรงตามมา

ชุดวงเวทย์?…น่าตกใจจริง ๆ อิฉันเพิ่งเคยเห็นคนที่อ่านตำราแล้วเข้าใจบริบทของเวทย์นั่นตั้งแต่แรกเลย” มิสแมรี-ลูดูตื่นเต้น “และไม่ใช่ค่ะ มนุษย์ทุกคนได้รับอนุญาตให้เข้าถึงเวทมนตร์นั้นได้ ต่อให้จะร่ายวงเวทย์พวกนี้ไม่ได้สักวงก็เถอะ”

อุก เผลอใช้คำนิยามของตัวเองอีกแล้ว เอมิลี่ลอบปาดเหงื่อ โชคที่ดีนะมิสแมรี-ลูเข้าใจ

“ที่ว่า ‘ไม่สามารถร่ายวงเวทย์พวกนี้สักวง’ หมายความว่ายังไงคะ?” เอมิลี่รอบรรณารักษ์ที่กำลังล็อกห้องสมุดด้วยกุญแจเวทมนตร์ พวกเธอเดินลงบันไดอย่างไม่รีบร้อน “เพราะต้องมีนักเวทย์ที่ร่ายได้สิคะ ถึงจะมีการจดบันทึกรูปแบบวงเวทย์นี้มา”

“เพราะมันเวทมนตร์เฉพาะตัว” เธอเว้นจังหวะ "ของแวมไพร์ค่ะ”

โอ้ว! ไม่รู้มาก่อนว่าโลกนี้มีแวมไพร์ด้วย น่าสนใจสุด ๆ

ราวกับอ่านใจเอมิลี่ได้ มิสแมรี-ลูจึงพูดเสริมต่อ “แต่เรื่องของแวมไพร์น่ะ ต้องเรียกว่าทางการอยากปกปิดไว้มากกว่า เพราะมีสนธิสัญญาระงับการรุกรานระหว่างสองเผ่าพันธุ์น่ะค่ะ แต่ถ้าใครมีช่องทางรับรู้ได้ ก็ให้รู้ไป” เธอพ่นลมหายใจออกจมูกอย่างดูแคลน

“ถ้ามิสบราว์นอ่านตำราที่อิฉันไปสู้รบแย่งชิงถึงที่กองอัศวินประจัญบานพวกนี้อย่างละเอียดจนจบ ก็อาจจะกลายเป็นสามัญชนที่รู้เรื่องราวของแวมไพร์มากกว่าขุนนางบางคนอีกนะคะ” มิสแมรี-ลูเชิดหน้าอย่างภูมิใจ

“โอ้โห! บรรณารักษ์แมรี-ลูสุดยอดไปเลยค่ะ!” เอมิลี่เยินยอ ทำเอามิสแมรี-ลูหลุดหัวเราะออกมา

พวกเธอใช้เวลาไม่นานก็เดินมาชั้นล่าง แล้วก็พบกับซิลกี้ ซิลเวสเตอร์ที่นั่งเท้าคางหน้ามุ่ยรออยู่ข้างบันได กับไอแซค กู๊ดส์ยืนหอบสัมภาระของเอมิลี่ที่เธอทิ้งไว้ที่ห้องวจนะขั้นสูงตอนบ่าย เขาใช้มือทำท่าปาดคอ เป็นสัญญาณ ‘เธอตายแน่’ ให้เอมิลี่

“ชิ! ยัยเอมิลี่คนทรยศ! เธอทิ้งพวกเรา แล้วหนีไปแบบนั้นได้ไง?” พอเห็นเอมิลี่เดินลงบันไดมา ซิลกี้ก็พุ่งตัวใส่ และโวยวายทันที อย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด “แล้วนี่เธอหายไปไหนมาตั้งนาน?”

“ฉันแค่ไปหาข้อมูลนิดเดียวที่ห้องสมุด แล้วก็ตั้งใจว่าจะกลับมาเรียนคาบของครูกิ้บบอนต่อ แต่มันมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นน่ะสิ” เอมิลี่อธิบายอย่างรวดเร็ว เธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “เหมือนกับพวกเธอตอนกลางพักกลางวัน จู่ ๆ เวลาของฉันมันก็หายไป”

โอ๊ย! ไม่เหมือนสักหน่อย! เธอก็แค่หมกหมุ่นจนลืมเวลาต่างหาก!” ซิลกี้ร้อง แล้วค่อย ๆ ลดเสียงลง “แล้วสรุปว่าเธอไม่ได้ป่วยจริง ๆ ใช่ไหม? ตอนนั้นเธอดูป่วยสมจริงมากเลยนะ”

เอมิลี่ยืนยันว่าเธอสบายดี ไอแซคเดินมาร่วมวงด้วย ในฐานะหัวหน้าเซค A เขากังวลใจเกี่ยวกับบทลงโทษของเอมิลี่อยู่นิดหน่อย อาจจะคิดว่าเป็นความผิดของเพื่อนรวมเซคที่เหลือที่เข้าชั้นสายทำให้ครูกิ้บบอนอารมณ์เสียมากกว่าที่ควรจะเป็น แต่เอมิลี่ยืนยันว่าสามารถร่ายวจนะของฮาลาเนียบทนั้นได้แน่นอน อันที่จริงเธออ่านตำรารูปประโยคและวจนะขั้นสูงจบตั้งนาน แถมยังร่ายวจนะทุกบทอีกด้วย 

ซิลกี้บ่นงึมงำว่า “โอ๊ย คงไม่มีวจนะบทไหนที่เอมิลี่ไม่สามารถร่ายได้ ตราบใดที่มันถูกเขียนไว้ตำราและอนุญาตให้อ่านได้ บทลงโทษของพวกเราน่าเป็นห่วงกว่าเยอะ”

สรุปว่าครูกิ้บบอนลงโทษนักเรียนที่มาสาย โดยให้ร่ายวจนะแสดงวงเวทย์ทุกบทที่เคยเรียนมาจนถึงวันนี้ (แต่ก็ยังดีที่อนุญาตให้เปิดตำราขณะร่ายวจนะได้)

“โอ้! มิสบราว์นอยู่นี่เอง!” เสียงนุ่มนวลอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิดังขึ้นจากข้างหลัง จู่ ๆ เอมิลี่ก็รู้สึกหนาวเย็นยะเยือก 

เป็นมิสเชอร์เบท - เลล่า เชอร์เบท ครูประจำห้องพยาบาล แม้จะอายุเข้า 40 ปีแล้ว แต่เธอก็ดูเเลตัวเองและแต่งตัวให้ดูดีอยู่เสมอ ดูเหมือนว่าเธอเพิ่งจะปิดทำการห้องพยาบาลที่อยู่ชั้นแรกของอาคารเรียน เลยเข้ามาเจอกับพวกเอมิลี่พอดี

“ครูกิ้บบอนกังวลใจมากเลยที่นักเรียนของเขาไม่สบาย" เธอเสริม “แต่ฉันไม่เห็นเธอมาที่ห้องพยาบาลเลยนะ" มิสเชอร์เบทหรี่ตา 

อึ้ย ซวยแล้ว