บทที่ 1

Circadian Rhythm

(2)

 

[เด็กสาวในชุดนอนบางสีขาววิ่งสุดแรงด้วยเท้าอันเปลือยเปล่า ผมสีเงินสยายในท้องฟ้าราตรีอันมืดมิด ขาว… ราวกับวิญญาณของฤดูเหมันต์ที่พร่าเลือนและงดงามจับใจ

“อลอนโซ่!” เธอกรีดร้อง “อลอนโซ่ เธออยู่ที่ไหน?” เธอพักหอบหายใจ ลมหายใจของเธอเป็นไอร้อนสีขาว ดวงตาสีน้ำเงินไพลินเอ่อล้นด้วยหยาดน้ำตาใสบริสุทธิ์และไหลอาบไล้ใบหน้าขาวผุดผ่อง

“ปีศาจร้ายกำลังบุกมาทำลายเมือง” เธอเค้นเรี่ยวแรงเดินต่อ 
“เราต้องหนีกันเดี๋ยวนี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะ พี่สาวจะปกป้องเธอเอง” เสียงของเธอใสราวกระดิ่งแก้วสั่นเครือด้วยความหวาดกลัว

ในห้วงหิมะสีขาวอันเงียบสงบ เสียงลมร้องโหยหวน
เด็กสาวผู้งดงามตัวสั่นกลัว แต่ยังคงย่ำเดินและทิ้งรอยเท้าในกองหิมะต่อไป ราวกับไม่กริ่งเกรงในความหนาว

ทันใดนั้น ในเงามือของป่าไม้ เธอก็เหลือบแลเห็นร่างของเด็กหนุ่มสูงโปร่งในชุดคลุมสีดำ ผมสีดำของกลืนไปกับราตรีที่ไร้ดาว เครื่องหน้าและองพยพงดงามเกินกว่าคำบรรยายใด เขาต้องเป็นบุตรชายของปีศาจที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเยาะเย้ยความผิดพลาดของพระเจ้าที่สร้างมนุษย์ขึ้นมาเป็นแน่แท้ หากแต่ดวงตาของเขาเป็นสีแดงราวกับทับทิมที่เรืองรองในความมืด ผิวของขาวซีดราวกับหิมะที่กำลังโปรยปรายในตอนนี้ ไร้ไอขาวของลมหายใจ แม้จะงดงามถึงเพียงนี้ เปล่งประกายถึงเพียงนี้ แต่บรรยากาศรอบตัวของเขาถูกโอบรัดด้วยความโศกเศร้าอันหนักอึ้ง มันกดดันทุกสรรพสิ่งรอบตัวของเขา แม้แต่เด็กสาวก็เริ่มหายใจไม่ออก

พริบตาเดียว เด็กหนุ่มก็ปรากฏตรงหน้าเธอ เขาสูงกว่าที่เธอคิดเอาไว้
‘อ่า  ใกล้เหลือเกิน’ เธอคิด แม้ไม่ได้ไออุ่นจากร่างกายของเขา อย่างที่สิ่งมีชีวิตควรจะเป็น แต่เด็กสาวกลับไม่รู้สึกหวาดกลัว เพราะใจของเธอจดจ่อว้าวุ่นอยู่กับสิ่งอื่น

“ขะ - ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณเห็นเด็กชาย ผมสีดำ เอ่อ—สูงประมาณเท่านี้ ผ่านมาบ้างไหมคะ?” เธอไม่อาจละสายตาจากดวงตาดุจอัญมณีสีแดงของเขาได้ ราวกับว่ามันสะกดให้เธอไว้ ทั้งร่างกายและวิญญาณ

“อ่า—เห็นสิ” เด็กหนุ่มพูดด้วยเสียงต่ำและแผ่วเบา เขาใช้หลังมืออันเย็นเฉียบลูบไล้ใบหน้าที่อาบรินด้วยน้ำตาของเด็กสาว

พอเธอได้ยินคำยืนยันเช่นนั้น หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความยินดี

“ขะ-เขา-เขาอยู่ที่ไหนหรือคะ? ผ่านทางนี้ไปนานหรือยังคะ? ได้โปรด” เธอกำลังจะร้องไห้อีกแล้ว “ได้โปรดบอกฉันที เขาบาดเจ็บอยู่ ตอนนี้ปีศาจกำลังบุกมาทำลายเมือง ต้องหนีกันแล้วนะคะ! ได้โปรดบอกฉันทีว่าอลอนโซ่อยู่ที่ไหน?” เด็กสาวคว้าชายเสื้อคลุมของเด็กหนุ่ม แต่เขาไม่สนใจที่เด็กสาวถล่ำลึกเข้ามา

“อยู่ที่นี่” เขาจ้องตาเธอ
“คะ?” เด็กสาวงุนงง 
“อยู่ใน…เงาสะท้อนจากดวงตาของเจ้า”
เด็กสาวเบิกกตาโพลง เธอปล่อยชายเสื้อคลุมสีดำ หมายจะผละตัวออกไป แต่ชายหนุ่มไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้น เขาจับข้อมืออันบอบบางของเธอเอาไว้ มือของเขาคือกรงเล็บอันแข็งแกร่ง

เด็กสาวนึกออกแล้ว ใบหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มของอลอนโซ่ เด็กชายที่เธอกำลังตามหาซ้อนทับเครื่องหน้างดงามของเด็กหนุ่มตรงหน้านี้

อลอนโซ่…เด็กชายปริศนาที่เธอพบว่าเขาบาดเจ็บสาหัส นอนสลบไม่ได้สติในป่าหลังเมือง ด้วยความสงสารเธอจึงอุ้มเขากลับเข้ามาในบ้านของเธอ ดูแลรักษาจนแผลเริ่มสมานเข้าที่ เด็กน้อยเงียบขรึม เด็กสาวคิดว่าคงจะเป็นถูกทำร้ายและตกอยู่ในความหวาดกลัว จึงพยายามปลอบใจ จนในที่สุดเขาก็แนะนำตัวเองว่าเขาชื่ออลอนโซ่

แต่วันนี้เวลาพลบค่ำเธอกลับได้ยินทหารรักษาประตูเมืองประกาศว่าปีศาจกำลังจะบุกมาทำลายสถานที่แห่งนี้ให้สิ้นซาก เธอรีบกลับมาเก็บข้าวของ และพบว่าอลอนโซ่หายตัวไป เธอผวาพรั่นพรึงแทนเด็กชาย เขาจะหลงเข้าไปในตัวเมืองหรือเปล่า ปีศาจจะทำร้ายเขาหรือเปล่า

เด็กชายบาดเจ็บที่น่าสงสารคนนั้น…คือเด็กหนุ่มตรงหน้าเธออย่างงั้นหรือ? มันเป็นไปได้อย่างไร?

แล้วเธอก็นึกถึงตำนานอันเก่าแก่ของโลกนี้ขึ้นมาได้

มันเป็นเรื่องราวของปีศาจเจ้าเล่ห์ ที่เชี่ยวชาญการใช้มนตรามายาในล่อลวงมนุษย์ให้หลงใหลที่ถูกพระเจ้าลงทัณฑ์ในให้พเนจรบนโลกและทนทุกข์ทรมานกับความกระหายเลือดอย่างไม่มีสิ้นสุดชั่วนิจจิรันดร์

“แวมไพร์!”

เด็กหนุ่มหลบสายตา

“เธอจะทำลายเมืองนี้ไม่ได้! ได้โปรด อย่า!”

“ข้าไม่ได้ต้องการจะทำลายบ้านของเจ้า” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเศร้า “แต่เผ่าพันธุ์ของเราไม่ว่าจะมีสักหยิบมือ ก็มากเกินไปสำหรับเผ่าพันธุ์ของเจ้า” เขาเสริมอย่างแผ่วเบา “ได้โปรด อย่าเกลียดข้าเลยนะ”

เด็กหนุ่มกระชากเด็กสาวเข้าสู่อ้อมอก เธอไม่อาจขัดขืนแรง เขาใช้นิ้วเรียวยาวรวบเส้นผมยาวสีเงินของเธอ บัดนี้คออันขาวผ่องของเด็กสาวบริสุทธิ์ได้เผยสู่ดวงตาสีแดงของปีศาจผู้งดงาม เขาสัมผัสได้ถึงเลือดอันหอมหวานที่ไหลเวียนและเต้นเป็นจังหวะ อ่า ไม่อดใจได้จริง ๆ

“ยะ-อย่า——“

คมเขี้ยวของแวมไพร์ฝังเข้ามาในลำคอ มันดูดกลืนเลือดของเธออย่างหิวกระหาย กรงเล็บจิกเข้าไปยังผิวหนังอันอ่อนนุ่มของเธอ  

ไม่พอ มากกว่านี้ มากกว่านี้ ต้องการมากกว่านี้

ความปรารถนาของปีศาจร่ำร้อง มันกระแทกทั้นคมเขียวใส่คอระหงของเด็กสาวครั้งแล้วครั้งเล่า

“อึก! เจ็บ! อลอนโซ่ปล่อยฉันไปเถิด” เด็กสาวเรียกชื่อของมัน เธอขอร้องและปล่อยหยาดน้ำตาไหลริน “ได้โปรด หยุดเถอะ”

มันหยุด ข่มความปรารถนาไว้ แม้คำสาปกระหายเลือดยังคงกัดกินมันอยู่อย่างบ้าคลั่งจากภายใน แต่มันก็ข่มไว้ เด็กสาวในอ้อมกอดของมันเปราะบาง และ…มันไม่อยากพรากชีวิตอันงดงามไปจากเธอ

สติของเด็กสาวกำลังดับลง “เจ้าไม่จำเป็นต้องให้อภัยข้า” เธอได้ยินเสียงของแวมไพร์กระซิบข้างหูเธอ ราวกับเป็นเพียงความฝัน  “แต่ได้โปรดอยู่เคียงข้า หากเจ้าต้องจะฆ่าข้า ข้าจะเป็นคนยื่นกริชเงินให้เจ้าแทงทะลุหัวใจของข้าเอง” ขณะแวมไพร์โอบอุ้มเด็กสาว มันสยายปีกค้างคาวสีดำบินสูงขึ้นไปยังท้องฟ้ายามราตรี


บัดนี้เมืองทั้งเมืองถูกอาบไล้ด้วยแสงสีแดงสว่างวาบจากวงเวทย์ขนาดใหญ่และซับซ้อน มันรู้ดี นี่คือวงเวทย์จากพวกพ้องคนหนึ่งของมัน นางปีศาจตนนั้นกำลังตามล่ามันอยู่ แต่มันจะประมือกับเธอตอนนี้ ยังก่อน

กลิ่นหอมฟุ้งของเลือดลอยมาปะทะโสตประสาท เมืองนั้นกลายเป็นทะเลเลือดเพียงแค่บรรเทาโทสะของหญิงผู้นั้น มันข่มกลั้นใจไว้ เสียงผู้คนกรีดร้องด้วยความเจ็บและร้องขอชีวิตอย่างสิ้นหวังดังอยู่เบื้องล่าง แต่สำหรับแวมไพร์ มันไม่ต่างอะไรจากเสียงจักจั่นที่ร่ำร้องก่อนตายเท่านั้น]

นี่เป็นฉากหนึ่งในความฝันของเอมิลี่ สิ่งที่ดึงดูดความสนใจทั้งหมดของเธอคือวงเวทย์สีแดงปริศนา