Chapter 5 สมมุตินะคะสมมุติ สมมุติจริง ๆ คุณเพื่อน

 

หลังจากกลับมาถึงคอนโดเมเปิลรีบส่งข้อความไปบอกกับคนพี่ว่า ถึงคอนโดแล้วค่ะ ไม่ต้องให้ผ่านการแจ้งเตือน ขึ้นว่าอ่านแล้วแทบจะทันที คนพี่ตอบกลับมา ฝันดีนะน้องเมเปิล แล้วยังถามต่อเรื่องฟิสเนตที่ไปเล่นที่ไหน ส่งข้อความบอกสถานที่ไป ส่วนอีกคนตอบกลับมาเพียงว่า ถ้าไปเมื่อไหร่บอกด้วยนะและขอตัวไปทำงานต่อแล้ว

พอตื่นเช้าเมเปิลเองมัวแต่จดจ่อกับเรื่องที่คุยกับพี่สาวเพื่อนตั้งแต่เมื่อคืน จนนึกได้ว่าชุดที่ใส่ออกกำลังกายมันเก่าไปหมดแล้ว จึงส่งข้อความหาคุณเพื่อนชวนออกมาเหลือชุด ใจอันร้อนรนรอการตอบกลับจากคุณเพื่อนสาวไม่ไหว จึงกดโทรศัพท์โทรไปหาเลย

[ขา...คุณเพื่อน]

“จัสมินขามาช่วยเพื่อนคนนี้เลือกชุดหน่อย” เมเปิลเองไม่รอให้มีอะไรมาขัดจังหวะรีบบอกถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองต้องการทันที

[อะไรของมึง กูเพิ่งเปิดอ่านข้อความยังไม่ได้พิมพ์ตอบ รีบโทรมาทันที]

“กูกลัวมึงไม่ไปไง กูไม่รู้จะให้ใครช่วยเหลือจริงนะมึง”

[มึงจะใส่ไปออกงานอะไร แล้วก็ไปวันไหน]

“ไม่ได้ออกงาน ใส่เล่นฟิสเนต”

[หา!! เล่นฟิสเนต อีเหี้ยโทรมารบเร้ากูแต่เช้า เพื่อไปซื้อชุดเล่นฟิสเนตเนี่ยนะ อีสัด]

[จัสมิน พูดไม่เพราะอีกแล้วนะ] เสียงดังนุ่มทุ้มจากชายหนุ่มแทรกเข้ามาในโทรศัพท์

เสียงตอบรับเบาลง เมเปิลคาดว่าเพื่อนเธอคงยกโทรศัพท์ออกใบหน้าและหันไปคุยกับสามีสุดที่รัก [ค่ะพี่ภามม์ ก็หนูคุยกับเมลอยู่ ก็คุยกันแบบนี้มาตลอดจะให้คุยกันยังไงคะ คุณสามี...]

ฟอด!! เสียงกดหอมแก้มดังลอดผ่านโทรศัพท์ ตามด้วยเสียงดุไม่จริงจัง [พี่ก็ไม่ว่าอะไร หนูเล่นคุยไปด่าเพื่อนไปไม่น่ารักครับ]

[แล้วที่มาหอมแก้มเนี่ย ไม่รักหนูเหรอคะ] เสียงเง้างอดต่อว่าสามี แต่คนฟังร่วมด้วยเบะปากทันที

[รักค่ะ แต่นี่คือการทำโทษ] ฟอด!! [สองคำคือสองทีค่ะ]

[พี่ภามม์น่ะ]

เสียงสวบสาบห่างออกไป เธอรับรู้ว่าคุณสามีเพื่อนออกไปแล้ว จึงกดเสียงข่มอารมณ์แบบสุด ๆ “ด่ากูเลย ด่ากูอีกก็ได้ อีเชี่ยจัส แล้ว...ถ้ามึงด่าพี่ภามม์พี่เขาทำไงวะ”

[ก็ปิดปากกูด้วยปากไงมึง] เสียงตอบแบบไม่สะทกสะท้านไม่เขินอายแม้แต่นิด

“โว้ย อีเหี้ย อีสัด กูคนโสดต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้...” เสียงโวยวายด้วยความอัดอั้น

[มึงอยากฟังกูด่าสามีไหม] เพื่อนสาวยังไม่วายจะแหย่ไปอีกสอบ และได้รับคำด่าอีกระลอกจากเพื่อนสาว จัสมินเองหัวเราะอย่างสะใจ

“อีสัด หยุดความคิดชั่ว ๆ ของมึงเลยนะ กลับมาที่เรื่องที่คุยก่อนหน้านี้”

[เออ กูว่างตลอดแหละ ช่วงนี้พี่ภามม์เขาให้กูพักผ่อนเตรียมตัวเป็นแม่พันธุ์แล้ว ส่วนงานบริหารโรงพยาบาลพ่อกูจะให้พี่เขาไปรับช่วงต่อจากเขาแหละ]

“ใช้งานลูกเขยจนคุ้มเลยเน้อ แล้วจะเปิดโรงงานผลิตเมื่อไหร่ มึงนี่ชวนกูนอกเรื่องอีกแล้ว พรุ่งนี้นะมึง วันหยุดกูเดี๋ยวแวะไปรับไม่เกินสิบเอ็ดโมงไปกินข้าวเที่ยวด้วยกัน”

[แล้วเจอกันจร้าสาว]

 

วันต่อมาเมเปิลขับรถไปรับเพื่อนสนิทยังบ้านของเจ้าตัวมีขนาดเล็กหลายเท่าเมื่อเทียบกับบ้านที่ตัวเองเติบโต ในตอนแรกทั้งกลุ่มสงสัยว่าทำไมสามีคุณเพื่อนเลือกบ้านสองชั้นและมีแค่สี่ห้องนอน แต่พอสามีเพื่อนตอบกลับมาว่า ไม่อยากบ้านที่กว้างเพราะมันทำให้พี่ต้องห่างจากเพื่อนเรามากเกิน คำตอบนั้นทำให้ทั้งหมดเบือนหน้าหนีทันที

 

รถสปอร์ตสีขาวขับเคลื่นมายังห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง แต่ด้วยสภาพการจราจรกว่าจะมาถึงใช้เวลาเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ตั้งครึ่งชั่วโมง เลยคิดว่าจะไปกินข้าวและต่อด้วยของหวานด้วยความเคยชิน จากนั้นเดินย่อยด้วยการซื้อสิ่งของ

“จัสมึงจะกินอะไร” เมเปิลถามระหว่างเดินไปยังชั้นร้านอาหาร

“ก๋วยเตี๋ยวเรือค่ะ อยากกินอะไรเผ็ด ๆ แซ่บ ๆ ด้วย”

“อืมเอาสิ ว่าแต่มึงแต่งสวยแบบนี้จะซู้ดเส้นได้เหรอ...” เพื่อนสาวยกนิ้วชี้ไล่จากบนล่างมองดูชุดของคุณหนูลูกผู้อำนวยการโรงพยาบาลดัง

“อย่ามาตลก ชุดสวยแค่ไหนตอนเมาก็เหมียนหมาตลอด ว่าแต่กูมึงพอกันแหละ แต่งซะยังกะมาจับผู้”

“จับผู้เหี้ยอะไร ไปกูหิวแหละ”

จิกกันพอหอมปากควงแขนเข้าไปยังในร้านและสั่งกันมาละชาม ทั้งสองด้วยความหิวก้มหน้าก้มตากิน จนอิ่มเรียกเก็บเงินไปต่อที่ร้านขนมหวานอยู่ใกล้ ๆ ร้าน เมเปิลจัดการสั่งของหวาน ด้วยปกติถ้ากันทั้งกลุ่มก็จะสั่งคนละอย่าง แต่ถ้ามากันแค่ไม่กี่คนกับคนที่ชอบกินของหวานตัวโยงอย่างเมเปิลก็จะปล่อยให้เจ้าตัวจัดการแค่รอกินด้วยเท่านั้น ระหว่างรอ

“สามีมึงไปทำงานในวันหยุดเหรอ”

“อืม อย่างที่บอกไปแหละ ช่วงที่กูเข้าไปทำมันก็เครียดตามประสาคนที่ไม่มีความรู้ทางนั้น พอนานเข้าพี่ภามม์เลยกลัวว่าสุขภาพกูจะแย่เลยให้มาพักและเข้าไปทำงานแทน พักร่างกายและสมองเตรียมตัวผลิตทายาทให้เขา”

“แล้วนี่กะให้พี่ภามม์ไปช่วยบริหารแล้วถ้าวันหนึ่งเลิกกัน แล้วใครจะเข้าไปทำวะ”

“อีนี่เดี๋ยวกูเอาตีนลูบปาก มาแช่งกูกับผัวให้เลิกกัน” พูดจบถามยันเท้าไปยังคุณเพื่อนทันที

“...” เมเปิลเบะปากใส่ทันที ตอนแต่งบอกว่าจะหย่าทันที จนมาถึงวันนี้ไม่แน่ใจว่ามันหลงผัวหรือผัวหลงมันกันแน่

“มึงไม่กินของหวานเหรอสั่งอะไรมาเนี่ย เค้กธัญพืช โยเกิร์ตชีสพาย วาลเฟิลข้าวโอ๊ด เพื่อนกูดูป่วยสงสัยจะงานหนัก” จัสมินมองดูของหวานแต่ละจานที่นำมาเสิร์ฟ

“กินไปเถอะน้า พูดมากนะมึง”

“เบาหวาน ความดัน คอลเรตตอรอส”

“ไม่เป็นเชี่ยไรทั้งนั้นแหละ ดูแค่อยากดูแลสุขภาพ ถึงชวนมึงมาซื้อชุดไปออกกำลังกายไง”

“หรือว่าช่วงนี้มึงแอบชอบใครหรือมีใครมาแอบชอบ เหลามาเลยค่า” ด้วยความแปลกที่เพื่อนสาวหันมาดูแลตัวเองพร้อมยอมพยายามปรับการกินของที่ชอบ

“ก็ประมาณนั่นแหละ กูว่าจะถามเรื่องนี้กับมึงอยู่ ว่าความรู้สึกนี้มันใช่ไหมวะ กูมองคนคนหนึ่ง จนละสายตาไปไหนไม่ได้ เวลาอยู่ด้วยกันใจกูเต้นแรกแทบจะหลุดออกมาแล้ว ยิ่งเวลาพูดคุยทั้งน้ำเสียงและคำพูดมันน่าฟังไปหมดเลยมึง และตลอดเวลาที่ผ่านมาสายตากูมักจะไปหยุดที่คนคนนั้น ทั้งที่มีคนมากมาย กูจะเห็นคนคนนั้นคนแรกเสมอ แค่ข้างหลังกูก็รู้ว่าคนคนนั้น” น้ำเสียงบอกเล่าทั้งมีความสุขและเจือปนความเศร้าไปด้วย

“อีเชี่ยเมล ความรู้สึกอันนี้ของมึงเหมือนตอนที่กูตกหลุมรักผัวในช่วงสมัยวัยรุ่นเลยมึง ผัวมึงมาแน่นอน”

“stop หยุดความคิดก่อนจัส แต่เขามีแฟนอยู่และยังไม่เลิกกันน่ะ”

“หมายความว่ายัง คนที่มึงชอบเขามีเจ้าของแล้ว มีแพลนจะเลิกกันใช่ไหมมึง” น้ำเสียงเว้าวอนอย่างน่าเสียดาย

“ไม่รู้ว่าวะ ก็กึ่งละมั่งมึง กูยังไม่แน่ใจอะไรสักอย่างเกี่ยวกับคนนั้นเลย”

“ช่างแม่มัน เลิกเมื่อไหร่เสียบเลยเพื่อน แต่ตอนที่เขายังไม่เลิกก็...เออนั่นแหละ” เพื่อนรักทั้งสองต่างถอนหายใจออกมาพร้อม ๆ กัน

“พอกูเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อน แล้วเพื่อนกูก็เลยปรึกษากูกลับมา”

“มึงมีเพื่อนคนอื่นนอกจากพวกกูอีกเหรอ” จัสมินถามโพล่งออกไป ก็ได้รับฝ่ามือเป็นคำตอบในการกวนตีนครั้งนี้

“เรื่องมันเป็นแบบนี้นะมึง เพื่อนของเพื่อนของเพื่อนกูอีกทีนึงมาปรึกษา ว่ามันเหมือนจะแอบชอบพี่ของเพื่อน พี่ของเพื่อนก็แบบว่าหวงเพื่อนมันมาก แล้วเพื่อนมันก็หวงเพื่อนของมันมาก มึงคิดว่าเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนกูควรทำยังไงดี”

“มึงเอาใหม่นะ เพื่อนของเพื่อน แอบชอบพี่เพื่อน และ...” จัสมินที่พยายามตั้งใจฟัง และพยายาม เรียบเรียงใหม่อีกครั้ง แต่โดนเพื่อนเธอขัดมาก่อนจะได้พูดจบ

“ไม่ใช่มึง เพื่อนของเพื่อนของเพื่อน แอบชอบพี่เพื่อน พี่เพื่อนหวงเพื่อนมาก แล้วเพื่อนหวงเพื่อนของเพื่อนมาก แล้วเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนต้องทำยังไง บอกเพื่อนไหมว่าชอบพี่ของเพื่อน”

“...”

“ครอบครัวของพี่และเพื่อน คล้าย ๆ กับบ้านไอ้ไนน์กับพี่ไอ้ไนน์ อะไรประมาณเนี่ยนะมึง” หญิงสาวพยายามแถให้เข้าเรื่องของตัวเองมากที่สุด

“เชี่ย มึงพูดซะกูงงแล้วงงอีกกับอีกคำว่า เพื่อน ของเพื่อนเนี่ย เอางี้กูสมมุติให้ มึงเป็นตัวแทนอีเพื่อนมึง ส่วนอีพี่กับอีเพื่อนคือไอ้ไนน์กับพี่มัน จบนะกูจะพูดต่อ” จัสมินย่นย่อเรื่องให้ตามที่เธอเข้าใจด้วยความหงุดหงิด

“เออ... เอาแบบนั้นก็ได้ แค่สมมุตินะมึง”

จัสมินเงยหน้าขมวดคิ้วทบทวนและพูดสรุปรวบรัด “เอาแบบที่กูคิด ตามแบบเรื่องสมมุติน่ะมึง มึงก็ไปบอกไอ้ไนน์ว่าแอบชอบพี่มัน จบแล้ว เพื่อนกันคิดอะไรมาก ถ้าเป็นครอบครัวของไอ้ไนน์จริง ๆ ค่อยคิดมาก”

“ทำไมวะ เป็นบ้านไอ้ไนน์แล้วไง” คิ้วบางขมวดเข้าหากัน

จัสมินทำหน้าแหยใส่คนถาม “มึงนี่ไม่รู้จักสันดานเพื่อนมึงเลย มันน่ะหวงของ หวงเพื่อนที่สุด น้องวีมันก็หวงมากนะ แต่ตอนนั้นเราเพิ่งจะปีหนึ่ง ยังไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ มันก็เลยหวงได้แค่นั้นแหละ ส่วนหนึ่งวีเองก็ชอบพี่หนึ่งมากด้วย มันถึงได้ยอม แต่ถ้าพี่หนึ่งมาจีบตอนนี้สิ กูว่ายากเลย มันกันให้พี่มันไปไกลน้องวีสุด ๆ แล้วคิดว่าพี่หนึ่งจะยอมให้ไอ้ไนน์ไม่ล่ะ เพื่อนกูคงไม่ได้พี่หนึ่งเป็นผัวแน่นอน”

“...” เมเปิลรู้สึกว่าแค่เริ่มก็หนักอึ้งไปแล้ว ไม่แน่ใจว่าควรจะเดินหน้าหรือถอยหลัง

“เอาน่ามึงเรื่องของคนอื่นมึงจะสนใจทำไม สนเรื่องของมึงก่อน ไปซื้อชุดอ่อยเด็กดีกว่า” จัสมินตักเค้กมาจ่อปากเพื่อน

“อืม...ขอบใจนะมึง”

 

พอกินขนมจนเสร็จทั้งสองไปซื้อชุดโดยมีจัสมินเป็นคนเลือกให้ แต่ละชุดเน้นสักส่วนโค้งเว้าของเพื่อนสาวมากที่สุด พอได้จนควรแล้วทั้งสองตกลงไปดูหนังใช้เวลาสองเพื่อนสนิทจนครบวัน ก่อนที่เมเปิลก็พาจัสมินไปส่งคืนยังแก่สามี

 

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เมเปิลได้นัดเพื่อนสนิทชายหนุ่มที่ยุ่งที่สุดในกลุ่ม เมเปิลนั่งรออยู่มาหนึ่งชั่วโมงแล้ว เพราะเจ้าตัวส่งข้อความมาบอกว่าขอแก้งานอีกนิด เสียงวิ่งกระหืดกระหอบมายังเธอ

“รอนานไหมมึง” ไนน์ชายหนุ่มในชุดพนักงานบริษัท เลื่อนเก้าอี้นั่งลงฝั่งตรงข้าม โบกมือให้บอดี้การ์ดประจำออกไป

“ไม่นานหนึ่งชั่วโมงเต็ม ไปทำงานยังให้คีนไปตามเฝ้าเหรอวะ บ้านมึงเนี่ยสุด” เสียงบ่นหงุดหงิดแต่เข้าใจเพราะเพื่อนบอกเหตุผลแล้ว

“แล้วมึงนัดพบกูทำไมมิทราบ” ถามอย่างไม่ใส่พลางโบกมือเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร ตามด้วยหันไปทางลูกน้องให้สั่งอาหารกินด้วย

“ตอนนี้กูเหงาไงเพื่อนแม่งหาย หลายวันก่อนกูโทรไปหาจัสชวนมันออกมาซื้อของกับดูหนัง มันกับผัวมันสวีตกันจนกูแทบกระอักเลือดตาย กูเลยเรียกมนุษย์โสดแบบเดียวกันมาดีกว่า”

“...” ชายหนุ่มปรายตาเหยียด “กูยุ่งกับงานเลยไม่มีเวลาหาและที่สำคัญยังไม่ต้องการพันธะใด ๆ ทั้งสิ้น”

“จ้า ๆ พ่อคนหวงความโสด งานมึงโอเคไหมเนี่ยดูท่าจะยุ่ง เจอมึงยากมาก และกูคิดถึงมากที่สุด” หญิงสาวฉีกยิ้มให้แก่ชายหนุ่ม

“อย่ามา...กูขนลุก...” ไนน์เบะปากใส่ “ของกินมาแล้ว กูเพิ่งเลิกงานโคตรหิวเลยว่ะ” ไนน์รับจานอาหารตามสั่งทั้งสองจานและส่งให้อีกจานให้เพื่อนพร้อมกล่าวขอบคุณพนักงาน

“น่าสงสารจังเลยมนุษย์เงินเดือน” เมเปิลตักข้าวเข้าปากพร้อมคำเยาะเย้ย

“...” คนก้มหน้ากินข้าวเหลือบตาขึ้นมามองอย่างไม่พอใจ

“ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวท่านรองประธานเลี้ยงข้าวมื้อนี้เอง” เมเปิลอมยิ้มกลั้นหัวเราะ “ถึงใจพี่จะไปไม่ถึง แต่พี่เปย์หนักนะคะ” เมเปิลใช้คำล้อเลียนแบบพี่ ๆ ของชายหนุ่ม

“...” ชายหนุ่มขยับปากด่า เชี่ย แบบไม่ออกเสียง “แล้วงานมึงเป็นมั่ง ไม่ส่งรูปงานเดินชุดแต่งงานมาให้พวกกูดูเลยนะมึง”

“มึงอย่าพูด กุยังหงุดหงิดแม่กับพี่ชิงชิงไม่หายเลย สรุปคือลากกูไปขายนั่นเอง และตอนนี้เอารูปกูอวดไปทั่ว กูเลยไม่อยากเห็นรูปพวกนั้น” แต่ในหัวยังคงนึกถึงรูปที่อีกคนถ่ายและส่งไปให้ คอขาดบาดตายก็ส่งให้พวกมันดูไม่ได้

“แต่กูก็อยากเห็นนะมึง”

“รอวันจริงเลยก็แล้วกัน” เพื่อนตัวดีทำลอยหน้าลอยตา

“เออกูจะรอวันนั้น ว่าแต่ตอนนี้มึงหาแฟนได้หรือยัง นู้นสาวโต๊ะนั้นมองมึงอยู่นะ”

“มองมึงหรือมองกู” เพื่อนทั้งสองหรี่ตามองหน้าแล้วหัวเราะเบา ๆ ออกมาพร้อมกัน เพราะไม่สนใจด้วยกันอีกฝ่ายทั้งคู่ เมื่อเสียงหัวเราะเงียบลงเธอเรื่องที่อยากจะถาม “เออไนน์ที่พูดนัดมึงวันนี้ ก็มีเรื่องข้องใจอยากถามบางอย่างกับมึงนั่นแหละ”

“..” ชายหนุ่มพยักหน้ารับแต่พูดแทรกเรื่องสำคัญของเขามาก่อน “เออหลายวันก่อนกูไปเอาเครื่องเพชรกับโฟร์เจอไอ้โอที่ร้านด้วย กูเลยทักมันเรื่องงานวันเกิดกู มึงอย่าลืมไปด้วยล่ะ วันเดิม ที่เดิม เวลาเดิม”

“เออ ไม่ลืมหรอกน่า และมีเรื่องจะถามมึง คือกูไปเจอจัสมินมันมาน่ะ แล้วปรึกษาบางอย่างกับมัน คือมันเป็นเรื่องของเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนกู”

ชายหนุ่มยกมือเบรกกลางคัน “มึงมีเพื่อนคนอื่นนอกจากพวกกูด้วยเหรอ”

“สัด พวกมึงนี่ทำไมต้องถามคำถามเดียวกันด้วย ก่อนจะมาเจอพวกมึง กูก็ต้องมีเพื่อนคบก่อนพวกมึงไหม ไอ้พวกเหี้ยนี่นิชอบขัดดูจัง” หญิงสาวด่าไปถลึงตาใส่อย่างโมโหจัด

“อะ ยอมแล้ว” ไนน์ยกมือขึ้นสองข้าง

“งั้นกูเล่าต่อ มันคือเรื่องของเพื่อนของเพื่อนของเพื่อน ที่แอบชอบพี่เพื่อน พี่เพื่อนหวงเพื่อนมาก แล้วเพื่อนที่เป็นน้องชายก็หวงเพื่อนที่แอบชอบพี่เพื่อนมาก แล้วเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนต้องทำยังไง ควรบอกเพื่อนไหมว่าชอบพี่เพื่อน”

ไนน์ยกมือนวดขมับเพราะงงในคำถาม “ถ้ากูขอให้เล่าอีกรอบ กูจะงงกว่าเก่าไหม”

“เอางี้ จัสมินมันยกตัวอย่าง แบบสมมุติว่า สมมุตินะมึงไม่ใช่เรื่องจริง มันให้คิดว่ากูคือเพื่อนกู แล้ว เพื่อนคนนั้นคือมึง แบบว่าคนพวกนั้นมันคล้ายกับคนในบ้านมึงน่ะ” น้ำเสียงถามของหญิงสาวที่พยายามควบคุมจะไปแสดงอาการร้อนรน

“ถ้าแบบนั้นก็พอเข้าใจง่ายขึ้น” ไนน์เงยหน้านึกภาพตามคำพูดของเพื่อนสาว “เอาแบบความคิดกูเลยใช่ไหม ต้องอิงอะไรไหม”

“...” เมเปิลส่ายหัวหงึกงัก

“กูคิดแบบที่ว่า พี่กูจะคบกับใครหรือเลิกกับใครกูไม่สน แค่ขอไม่ใช่เพื่อนกูพอ” ไนน์ยกมือกอดอกพิงผนังเก้าอี้ พยายามขบคิดเพื่อจะอธิบายให้เพื่อนตรงหน้าฟัง “ถ้าพี่กูคบคือเพื่อนกู ชีวิตที่มีบอดี้การ์ดประกบติดไปทุกที่ แม้เวลาในตอนที่มึงต้องเข้าห้องน้ำก็มีคนไปยืนฟังอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ถ้าในช่วงอันตรายมันแทบจะยี่สิบชั่วโมงเลยนะมึง”

“...”

“ส่วนวีน่ะ หนึ่งมันแทบจะหนีบติดตัวตลอดมันก็โอเคไง แต่ถ้าคนที่ต้องทำงานแยกกันด้วยแล้ว ชีวิตส่วนตัวมึงจะหายไปเลย ในกลุ่มตอนนี้กูหวงมึงที่สุด” ชายหนุ่มถอนหายใจ “พวกพี่กูมันไม่ใช่คนดีอย่างที่คิด มึงก็รู้ว่าครอบครัวกูเป็นยังไง พวกมันถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาพร้อมกับการระวังตัวตลอด ไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้น นิสัยที่พวกมันแสดงออกมาให้เห็นไม่น่าจะถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ ส่วนนิสัยต้องแบบซ่อนเอาไว้ล่ะ รับได้เหรอ มึงจะคบกับใครก็ช่าง แต่กูขออย่าเป็นพวกมันใครใดคนหนึ่งเลย”

“...” เมเปิลเองก็พอได้คิดตามที่ไนน์พูดเข้าใจในความกังวล ในบางครั้งเธอมองว่าพี่โฟร์ใจดีมาก แต่ในบางเวลาเธอแทบจะไม่ได้รู้ถึงนิสัยที่แท้จริงเลย

ทั้งสองนิ่งเงียบไปจ้องหน้ากันสักพัก ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดในสิ่งที่เขากังวลออกมา “ถ้ามึงเลิกกับพี่กูสักคน กูไม่อยากเสียเพื่อนไป กูอยากให้เพื่อนสนิทอย่างพวกมึงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกู ถ้าต้องมาเจอกันแล้วกระอักกระอ่วน กูไม่ชอบบรรยากาศแบบนั้นว่ะ”

“มึง...จะซีเรียสทำไมมันแค่เรื่องสมมุติ กูแค่ถามเรื่องเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนกูเท่านั้น พูดชะกูไม่กล้าจะจีบพี่มึงเลย” เมเปิลย้ายมือไปเขย่าแขนเพื่อนชายหนุ่ม พลางกลืนน้ำลายลงคอในเมื่อมีชะงักปักที่หลัง

“เออจริงด้วย กูคงคิดมากเกินไป” ไนน์คลายความกังวลออก ไหวไหล่พลางยกมุมปากขึ้น

เมเปิลยกมือลูบอก พลางฉีกยิ้มให้แก่เพื่อนสนิท “ใช่มึงคิดมากไป” ภายในใจหญิงสาวกลับคิดอย่างหนัก ‘ไนน์กูขอโทษได้ไหมล่ะ กูชอบพี่มึงจริง ๆ นะ อยากจีบชิบหายเลยว่ะ

TBC...

อุปสรรก้อนโตมาแล้ว ไม่ว่าคนไหนก็มีเรื่องให้ลูกไนน์ของแม่มาเกี่ยวข้องตลอด ไนน์รักเพื่อนใช่ไหม ถ้าเพื่อนจะมีความสุขยอมได้ไหมล่ะ